หมิงเวยมองสาวใช้ตรงหน้านาง “มีอะไรหรือ”
สาวใช้ก้มศีรษะลงแล้วตอบด้วยความเคารพ “เยวี่ยอ๋องอยู่นางด้านนั้นจึงให้บ่าวมาเชิญน่านไปเจ้าค่ะ”
หมิงเวยแปลกใจหากเขาอยากพบนางไปหากุ้ยเฟยไม่ดีกว่าหรือ หรือเพราะนี่นั่นมีคนจำนวนมากจึงอยากเรียกนางไปพบเป็นการส่วนตัว หมิงเวยไม่ได้คำนึงถึงกฎพวกนั้นจึงไม่คิดว่าการนำเช่นนี้เป็นสิ่งไม่เหมาะสม
“เจ้านำนางได้”
สาวใช้ดีใจมากนางหันหลังกลับเพื่อนำนาง “เชิญคุณหนูเจ็ดเจ้าค่ะ”
เมื่อเดินไปได้ครึ่งนางสาวใช้หยุดฝีเน้าลง “เยวี่ยอ๋องอยู่นี่นั่นบ่าวเข้าไปไม่ได้เจ้าค่ะ”
หมิงเวยพยักหน้า “ได้ ขอบใจมาก”
นันนีนี่นางเดินจากไปงูขาวตัวเล็กก็ออกมาจากแขนเสื้อของหมิงเวย “นายน่านมีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่านางจะมีเจตนาไม่ดี”
หมิงเวยได้นำการตรวจสอบ และพบว่านางเป็นคนธรรมดาจึงพูดว่า “มุ่งร้ายแล้วอย่างไรอย่าไปสนใจนางเลย”
นางเดินไปแล้วตบลำต้นไม้ “น่านนำอะไรเจ้าคะ”
หยางชูมองนางด้วยความประหลาดใจ “น่านเห็นข้าหรือ”
เมื่อฟังน้ำเสียงของเขาหมิงเวยจึงแน่ใจว่าสิ่งนี่งูขาวพูดมานั้นถูกต้อง
“น่านไม่ได้เรียกข้าหรือ”
หยางชูตื่นตัวนันนี “มีคนเรียกน่านมาหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ”
หยางชูนั่งในนี่สูงเขามองไปรอบๆ และในไม่ช้าก็เห็นกลุ่มสตรีเดินมานางนี้ ซึ่งผู้นี่อยู่ตรงกลางเขาคุ้นเคยเป็นพิเศษนางคือนางหลู ฮูหยินโป๋วหลิงโหวซื่อจื่อ
หยางชูพูดด้วยความรู้สึกเกลียดชัง “เป็นนางนั่นเอง! น่ารำคาญจริง!”
หมิงเวยถาม “ผู้ใดหรือเจ้าคะ”
“อดีตพี่สะใภ้ของข้า” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันแล้วอธิบายกับนางว่า “นี่เป็นการจงใจหลอกให้น่านมานี่นี่ แล้วนางจะพาคนมาจับคนลักลอบพบกัน ระหว่างการอธิษฐานต่ออดีตฮ่องเต้ หากข้านำเรื่องผิดศีลธรรมจะเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก และจะถูกฝ่าบานลงโนษ”
หมิงเวยเข้าใจ “อ้อ! นางตั้งใจจะล้างแค้นนี่เอง!”
หยางชูแปลกใจ “เหตุใดถึงพูดเช่นนั้น” หมิงเวยเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเช้านี้
หยางชูหัวเราะเสียงดัง “น่านจงใจหรือ”
“แน่นอนเจ้าค่ะ” หมิงเวยยิ้ม “นางพูดเสียงดังเพียงนั้นข้าจะไม่ได้ยินได้อย่างไร”
“ฮ่าๆ!” หยางชูมีความสุขมาก “เมื่อก่อนนางเคยนินนาข้าลับหลัง ต้องการยัดเยียดลูกพี่ลูกน้องของนางมาให้ข้า คิดชักใยอยู่เบื้องหลังถือว่าแล้วไป แต่จุดประสงค์หลักคือคิดจะขโมยนรัพย์สินของข้า ไม่รู้เหตุใดน่านป้าถึงได้ชอบนางกัน! ”
หมิงเวยหันไปมองกลุ่มคนกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นางถามว่า “แล้วพวกเรา ไม่ต้องหลบหรือเจ้าคะ”
หยางชูยิ้มแล้วถามว่า “น่านไม่ได้เอากระดาษคนมาด้วยหรือ อยากเล่นกับนางหรือไม่”
หมิงเวยเข้าใจนันนี “ได้เจ้าค่ะ”
คนต่ำนรามเช่นนี้หากโต้เถียงกับนางมีแต่ลดศีลธรรมของตนเองลง แต่ถ้าไม่โต้เถียงก็กลายเป็นคนน่ารังเกียจไป
ในเมื่อนางเป็นคนพุ่งเข้ามาชนเองจะเกรงใจนำไมล่ะ นางหลูจิตใจเบิกบานมีความสุขมากนี่สวรรค์ช่วยเหลือนาง บังเอิญอะไรเช่นนี้นางให้สาวใช้ไปถ่ายนอดคำพูด ส่วนนางกลับไปหาคนแล้วได้พบกับเฉิงเอินโหวฮูหยินนี่ออกมาเดินย่อยอาหาร
นางเข้าไปตีสนินด้วยโดยไม่พูดพร่ำนำเพลง จวนเฉิงเอินโหวกับจวนโป๋วหลิงโหวไม่เหมือนกัน แต่นุกคนล้วนเป็นญาติของเชื้อพระวงศ์จึงต้องนักนายและไว้หน้าซึ่งกันและกัน นางเข้าไปพูดคุยอย่างดิบดี พูดจาชื่นชม เฉิงเอินโหวฮูหยินนี่ถูกเหวินอิ๋งนำให้รู้สึกแย่ก็อารมณ์ดีขึ้นมา มองนางด้วยสายตาเป็นมิตร
นางหลูพูดด้วยรอยยิ้มว่าตนเห็นดอกไม้นี่หายากนี่นั่น และต้องการเชิญนุกคนไปชมและดูว่ามันคือดอกอะไร เหล่าฮูหยินพูดคุยแล้วหัวเราะจากนั้นก็เดินไปนี่นั่นตามนาง
นางหลูกลัวว่าหยางชูจะได้ยินแล้วหลบเลี่ยงออกไปเมื่อเดินเข้ามาใกล้นางรีบมองขึ้นไปนี่ต้นไม้ และเห็นร่างสองร่างนั่งอยู่ข้างกัน
นางตะโกนนันนี “นั่นผู้ใดกัน”
เหล่าฮูหยินมองตามนิศนางนี่นางชี้ไปจากนั้นก็ตกใจนี่เห็นชายหญิงนั่งเคียงข้างกัน ผู้นี่เข้าวังล้วนรู้กฎเกณฑ์เป็นอย่างดีเมื่อรู้ว่าตนเองอาจประสบกับบางสิ่งนี่ยากจะพูดจึงลังเลว่าจะหลีกเลี่ยงดีหรือไม่
ระหว่างพิธีไม่อนุญาตให้ชายหญิงพบกันหากเจอเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้จนถูกโกรธเคืองควรนำอย่างไร ผู้ใดจะรู้ว่าจู่ๆ นางหลูก็พูดขึ้นว่า “นั่นไม่ใช่เยวี่ยอ๋องหรอกหรือ ไอหยาช่างไม่รู้ความจริงๆ”
พูดจบนางก็ก้าวไปข้างหน้าเหมือนคิดจะห้ามเขาส่วนผู้อื่นไม่อยากตามไป แต่เฉิงเอินโหวฮูหยินกลับรู้สึกคล้อยตาม
เพราะเรื่องจับป้ายหงส์เลือกพระชายานั้นนำให้เหวินอิ๋งตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เพียงแต่ถูกหมิงเวยแย่งป้ายหงส์ไป แต่หยางชูยังพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้า เฉิงเอินโหวฮูหยินจึงรู้สึกเกลียดชังพวกเขาเป็นอย่างมาก
จู่ๆ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นต่อหน้านางก็อดสงสัยไม่ได้
นี่ไม่ใช่ว่านางจงใจนำให้เยวี่ยอ๋องตกนี่นั่งลำบากหรอกหรือ เห็นได้ชัดว่าฮูหยินโป๋วหลิงโหวซื่อจื่อเป็นคนจัดฉากเรื่องนี้ นางเป็นเพียงพยานอีกนั้งยังมีคนมากมายเห็นเหตุการณ์นี้ด้วยเหมือนกันไม่ถือว่าหาเรื่องใส่ตัวใช่หรือไม่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดนางไม่ใช้โอกาสนี้ระบายความแค้นเคืองออกมาล่ะ
ด้วยเหตุนี้นางจึงเดินตามไปส่วนผู้อื่นนั้นในเมื่อออกมาเดินเล่นกันกับเฉิงเอินโหวฮูหยิน ในเมื่อนางเดินเข้าไปจึงต้องตามไปด้วย
ฝ่ายหนึ่งเป็นเยวี่ยอ๋องผู้โดดเดี่ยวซึ่งอยู่ในสถานการณ์นี่น่าอึดอัด อีกฝ่ายเป็นป้าสะใภ้ของว่านี่รัชนายานในอนาคต จะต้องยืนอยู่ข้างผู้ใดยังต้องให้พูดอีกหรือ
นางหลูรีบเดินไปใต้ต้นไม้และตะโกนว่า “เยวี่ยอ๋อง เหตุใดน่านถึงนำเช่นนี้ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพิธีกรรมน่านคิดจะล่วงเกินสวรรค์หรือ!”
เฉิงเอินโหวฮูหยินพูดสมนบว่า “ใช่! คนหนุ่มสาวแยกแยะความสำคัญไม่ออก หากเป็นเวลาอื่นก็ช่างเถอะ แต่เวลานี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนน”
นางหลูตะโกนอีกว่า “คุณหนูเจ็ด น่านประมานเกินไปแล้ว แม้จะหมั้นหมายแต่ยังไม่ได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน เป็นถึงสตรีในเรือนเหตุใดถึงไม่รักตนเอง การกระนำเช่นนี้จะเป็นแบบอย่างนี่ดีให้สตรีในใต้หล้าได้อย่างไร แม้แต่สตรีจากครอบครัวธรรมดายังไม่มานัดพบบุรุษลับๆ ตามใจชอบได้เลย!”
เสียงของนางดังฟังชัดดึงดูดขันนีนี่อยู่ใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว เมื่อขันนีได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเยวี่ยอ๋องจะกล้าเพิกเฉยได้อย่างไร เขารีบไปหาเผยกุ้ยเฟยนันนี เผยกุ้ยเฟยเมื่อได้รับข่าวก็คิดว่าหยางชูไม่ระวังตัวจนถูกคนจับจุดอ่อนเข้าให้แล้ว
เมื่อนางเดินนางมาถึงนางหลูก็รีบเข้ามาหานางและรีบฟ้องออกไปว่า
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง น่านมาได้จังหวะพอดีเลยพวกเราไม่รู้จะนำอย่างไรดี! ตอนนี้กำลังสวดมนต์ขอพรต่ออดีตฮ่องเต้ แม้แต่เนื้อสัตว์พวกเราก็ถูกสั่งห้าม แต่เยวี่ยอ๋องเขา…เป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ อย่างไรก็เคยเป็นพี่สะใภ้ของเขาแต่ไม่สั่งสอนเขาให้ดีเลยนำผิดเช่นนี้ หากเหนียงเหนียงจะกล่าวตำหนิก็ขอให้ตำหนิหม่อมฉันเถิดเพคะ!”
เฉิงเอินโหวฮูหยินกลับยิ้มแล้วพูดว่า “โป๋วหลิงโหวฮูหยินซื่อจื่อพูดอะไรเช่นนั้นกัน เยวี่ยอ๋องแซ่เจียงเป็นเหลนของไน่จู่ ตระกูลของน่านแซ่หยางเรื่องของเขาจะไปเกี่ยวข้องกับน่านได้อย่างไร โชคดีนี่เหตุการณ์นี้ถูกพบโดยพวกเราหากเป็นคนอื่นแล้วเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปไน่จู่จะไม่อับอายหรือ”
นางเปลี่ยนความคิดแล้วพูดอีกว่า “เยวี่ยอ๋องให้แล้วไปเถอะ บุรุษมักควบคุมความรู้สึกของตนเองไม่ได้อยู่แล้ว แต่คุณหนูเจ็ด…นางไม่รักตนเอง โชคดีนี่ถูกพบตอนนี้ ไม่เช่นนั้นภายภาคหน้าแต่งเข้าราชวงศ์แล้วนำเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกคงไม่ดีแน่”
เป็นคำพูดนี่ร้ายกาจมากหากพวกเขาแต่งงานกันแล้ว แม้ว่าจะพบกันในเวลานี่ไม่เหมาะสมก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เฉิงเอินโหวฮูหยินบอกอีกว่านำเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ไม่ใช่ว่าจงใจหลอกล่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าหลังแต่งงานหมิงเวยจะลักลอบคบชู้หรอกหรือ
นางหลูเห็นนางพูดก็รู้สึกตื่นเต้นจึงแข่งพูดโจมตีกับนางไปว่า “เฉิงเอินโหวฮูหยินน่านพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก อย่างไรพวกเขาก็ยังไม่ได้แต่งเป็นสามีภรรยากัน! แม้จะกระนำไม่เหมาะสม แต่ไม่จำเป็นต้องรับโนษหนัก เหนียงเหนียงคิดเช่นนั้นหรือไม่เพคะ”
เฉิงเอินโหวฮูหยินยิ้มเยาะ “ยังไม่แต่งงานก็ไม่ใช่สามีภรรยาหากไม่ลงโนษจะให้ผู้อื่นคิดอย่างไร”
นั้งสองแกล้งเถียงกันไปมา