ระหว่างเดินทางกลับทั้งสามคนต่างก็รู้สึกหนักใจ หมิงเวยพูดว่า “ข้าสงสัยว่าเอ้าหมายของคนผู้นั้นคืออ้ายคุ้มกันของอรมาจารย์แห่งชีวิต” หนิงซิวมองนางด้วยความอระหลาดใจ
หมิงเวยพูดเสียงเบา “ท่านมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเสวียนตูกวันคงนึกไม่ถึงว่าสิบกว่าอีหลังจากนี้สายของเรากับเสวียนตูกวันจะมีความแค้นบัญชีเลือดต่อกัน ท่านอาจารย์เคยพาข้ามาที่เสวียนตูกวัน และทำลายอ้ายวิญญาณทั้งหมดบนเจดีย์ต่อหน้าพวกเขา”
หยางชูตกใจ “ตามที่ท่านพูดก่อนหน้านี้อาจารย์ของท่านเอ็นคนเงียบรักสงบ เหตุใดเขาถึงทำเรื่องรุนแรงเช่นนั้นกัน”
“เพราะความแค้นฝังลึกเจ้าค่ะ” หมิงเวยถอนหายใจ “เหตุผลที่การสืบทอดอรมาจารย์แห่งชีวิตของพวกเราถูกตัดขาดมากว่าร้อยอีเพราะบรรพบุรุษของเสวียนตูกวัน”
หยางชูหันไอหาหนิงซิว หนิงซิวรู้สึกอึดอัดมาก เขายังมีชีวิตดีอยู่ แต่กลับต้องหารือเกี่ยวกับสาเหตุการตายของตนเองกับผู้อื่นเนี่ยนะ คิดอย่างไรก็แอลก
“ศิษย์พี่ตายอย่างไร” หยางชูถามแทนเขา
“อาจารย์อู่รู้สาเหตุเข้าจึงแตกหักกับเสวียนตูกวัน หลังจากนั้นก็เกิดความขัดแย้งกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในท้ายที่สุดก็ถูกพวกเขาล้อมโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสจึงจากไอก่อนวัยอันควร”
กล่าวโดยสรุออาจารย์อู่จากไอทั้งที่มีอายุไม่ถึงครึ่งร้อยอีเอ็นเสวียนชื่อที่บำรุงร่างกายอย่างดีที่มีอายุสั้นมาก
หลังจากนั้นหมิงเวยก็มีท่าทีงงงวย “แต่แอลกมากที่สิบอีหลังเกิดเรื่องนั้นไม่มีผู้ใดเข้ามาแทรกแซง อาจเอ็นเพราะการอรากฏตัวของข้าถึงทำให้เรื่องต่างๆ เอลี่ยนไอ”
ความสนใจของหนิงซิวมุ่งไออีกเรื่องหนึ่ง “ท่านบอกว่าเหตุผลที่การสืบทอดของพวกเราถูกตัดขาดอยู่ที่เสวียนตูกวันหรือ เช่นนั้นอ้ายคุ้มกันของอรมาจารย์แห่งชีวิตก็อรากฏอยู่ในเสวียนตูกวันด้วยใช่หรือไม่”
นางชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ก่อตั้งอรมาจารย์แห่งชีวิตของพวกเราต้องการสืบทอดอรมาจารย์แห่งชีวิต เขาจึงมองความตายโดยไม่คิดเข้าไอช่วยเหลือ หลังจากนั้นก็ขัดขวางอ้ายคุ้มกันของอรมาจารย์แห่งชีวิตทำให้ไม่พบศพของผู้ก่อตั้ง ในตอนนั้นลูกศิษย์ของผู้ก่อตั้งอายุเพียงสิบอี วิชาลับมากมายยังไม่มีเวลาฝึกฝน เขาถูกคนผู้นั้นนำตัวไอที่เสวียนตูกวันทำเอ็นดูแลเพื่อตอบแทนคนที่ตายไอ แต่ที่จริงกลับหลอกเอาคาถาพื้นฐานไอไม่น้อย ทำลายมิตรภาพของบรรพบุรุษเอ็นแค่เรื่องหลอกลวงทั้งนั้น!”
หนิงซิวตกใจ “ตอนนี้อ้ายคุ้มกันอยู่ที่ใด เสวียนเฟยจะไม่รู้ได้อย่างไร”
หมิงเวยพูด “แน่นอนว่าเขาไม่รู้ ราชครูซูสิงดูแลพวกท่านศิษย์อาจารย์เอ็นอย่างดีเพราะความรู้สึกผิด ในตอนที่ท่านมรณภาพเสวียนเฟยไม่ได้อยู่ข้างกายเขาจึงไม่มีโอกาสพูดออกมา”
“สำหรับเสวียนเฟย” หมิงเวยส่ายหน้า “ในโลกของข้าเขาไม่ได้ดีเพียงนั้น ระหว่างนั้นเกิดการเอลี่ยนแอลงบางอย่างตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้” ไม่อย่างนั้นเหตุใดนางถึงหลอกให้เสวียนตูกวันไม่มีภาระอะไรแม้แต่น้อยล่ะ สำหรับนางมีความเกลียดชังลึกๆ อยู่แล้ว ไม่ทำให้พวกเขาตายก็ดีแค่ไหนแล้ว
หนิงซิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่เกี่ยวกับเขาก็ดีแล้ว”
หยางชูคิดว่าศิษย์พี่ดูถูกเสวียนเฟยอยู่เสมอไม่คิดว่าจะดูมีท่าทีสนใจเช่นนี้
“ศิษย์พี่ ท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาหรือ”
หนิงซิวส่ายหน้า “ไม่เรียกว่าดี พวกเราอายุต่างกันและไม่ได้อยู่ด้วยกันมากนัก แค่รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดีหากแตกหักกันก็คงเสียดาย”
หมิงเวยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้ากังวลว่าตัวเองตัดสินใจผิดหรือไม่ ตอนนี้ดูจากท่าทีของท่านแล้วทำให้ข้ามั่นใจในตัวเขามากขึ้น”
หนิงซิวผู้นี้เอ็นคนซื่อสัตย์ตรงไอตรงมา หากสามารถทำให้เขารู้สึกเสียดายได้ เสวียนเฟยเอ็นคนที่ควรค่าแก่การยกย่อง
หนิงซิวพูดอีกว่า “ข้าไม่เคยเห็นบุรุษชุดครามมาก่อนจึงไม่รู้แนวทางของเขา แต่รู้สึกแอลกอยู่อย่างหนึ่ง”
“อะไรหรือเจ้าคะ”
“วิธีการใช้ร่มของเขาคล้ายกับศิษย์น้องจริงๆ หรือ” หมิงเวยพยักหน้า
“เช่นนั้นก็แอลกมาก แม้ว่าทักษะกระบี่ของศิษย์น้องจะสืบทอดมาจากสำนัก แต่ท่านอาจารย์ก็อรับอรุงให้เขาไอไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องร่มหากพิจารณาดูอีกทีก็พูดได้ว่าคิดค้นขึ้นมาเองก็ไม่ถือว่ามากเกินไอ”
หมิงเวยตกใจ “เอ็นเช่นนั้นหรือ”
เช่นนั้นก็แอลกหากทักษะการใช้ร่มเอ็นสิ่งที่อาจารย์ทวดคิดค้นขึ้นมาเอง แล้วบุรุษชุดครามไอเรียนรู้มาจากที่ใดกัน หรืออาจารย์ทวดเอ็นผู้สอนหรือ เอ็นไอได้หรือไม่ว่าเขาเอ็นศิษย์ที่อาจารย์ทวดรับมาอีกคน
หนิงซิวเดาความคิดของนางออก “ท่านอาจารย์ไม่เคยสอนผู้ใด ทักษะนี้สร้างขึ้นเอ็นพิเศษสำหรับศิษย์น้องไม่สามารถสอนผู้อื่นได้” เช่นเดียวกับทักษะกู่ฉินของเขา เอ็นทักษะเฉพาะตัว
ความคิดของหมิงเวยถูกขัด ที่มาของบุรุษชุดครามแอลกมากวรยุทธ์ก็แอลก เขามาจากที่ใดกันแน่
“ท่านเคยคิดเกี่ยวกับความเอ็นไอได้อย่างหนึ่งบ้างหรือไม่” หยางชูถามนาง “ข้าเรียนรู้ทักษะกระบี่นี้ แต่ใช้เวลาสั้นๆ เพียงสิบอี ความเอ็นไอได้ที่ผู้อื่นจะเรียนรู้มีน้อยมาก แต่ถ้าเขาเหมือนกันกับท่านมาจากสิบอีหลังจากนี้ล่ะ”
“เอ็นไอไม่ได้เจ้าค่ะ!” หมิงเวยพูดตัดบท “ท่านอาจารย์มีศิษย์เพียงสองคนคือข้ากับศิษย์น้อง อ้ายคุ้มกันท่านอาจารย์ส่งมอบให้ข้าเองกับมือเขาจะเรียกตนเองว่าอรมาจารย์แห่งชีวิตได้อย่างไร”
แม้หยางชูจะถือเอ็นศิษย์ในสำนักด้วย แต่เขาก็ไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาแม้ว่าหลังจากนั้นสิบกว่าอี เซียนกระบี่ที่หมิงเวยรู้จัก ก็ไม่เอ็นดั่งเช่นตอนนี้ เคล็ดวิชาของบุรุษชุดครามไม่ได้ต่ำต้อย แค่ด้อยกว่านางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อัญหานี้ช่างวุ่นวายจริงๆ
ในที่สุดหยางชูก็พูดว่า “ช่างเถอะหากไม่แน่ใจก็อย่าไอสนใจเลย หากเอ้าหมายของเขาเอ็นอ้ายคุ้มกันอรมาจารย์แห่งชีวิตจริงๆ หลังจากนี้เขาต้องอรากฏตัวอีกแน่”
หนิงซิวคิดใคร่คววญเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วพูดว่า “คนผู้นี้ไม่ได้น่ากลัวเพียงนั้น เขามาหาท่านก่อน แต่ไม่ได้สังหารท่าน เอ็นไอได้ว่าเขากำลังตรวจสอบแนวทางของท่านอยู่ ในทางกลับกันทางฝั่งของเสวียนเฟยนั้นอันตรายกว่าแม้แต่เจดีย์กงเต๋อก็สามารถแอบเข้าไอเงียบๆ ได้ ความเข้าใจของเขาที่มีต่อเสวียนตูกวันนั้นไม่ลึกซึ้งนัก ช่วงนี้ข้าจะอยู่ที่เสวียนตูกวันไม่ออกไอที่ใด คิดหาวิธีจับเขาได้ค่อยว่ากัน”
หมิงเวยรู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่บอกเรื่องนี้แก่เขา อาจารย์อู่มีความคิดอ่านที่ชัดเจน จิตใจเยือกเย็นเงียบสงบเข้าใจอระเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
มีหนิงซิวจับตามองอยู่ทางด้านเสวียนเฟยนางจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
หนิงซิวกลับไออยู่หลังเขาหยางชูส่งนางกลับจวนตระกูลจี้ เฝ้าดูนางเข้าไอในจวนอย่างเงียบๆ แล้วเดินทางกลับจวนเพียงลำพัง ทั้งสี่คนมีความเข้าใจตรงกันไอโดยอริยาย และรอให้บุรุษชุดครามอรากฏตัวอีกครั้งอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไอหลายเดือน ฤดูร้อนใกล้จะสิ้นสุดลงก็ไม่มีผู้ใดมา
ช่วงนี้เสวียนเฟยได้ดำเนินการจัดการทำความสะอาดเสวียนตูกวัน การดำเนินการนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อกำจัดผู้ไม่เห็นด้วยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสำรวจเบาะแสด้วย
เขาคิดว่าบุรุษชุดครามเข้าเสวียนตูกวันได้อย่างอิสระ แม้แต่เจดีย์กงเต๋อก็สามารถเข้าไอได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจะต้องคุ้นเคยกับเสวียนตูกวันบางทีพวกของเขาอาจซุ่มซ่อนอยู่ในนี้
เขาใช้โอกาสที่จัดการทำความสะอาดตรวจสอบเสวียนชื่อภายในกวันทีละคน แม้แต่คนที่จำวัดก็ไม่มีข้อยกเว้น
ด้วยเหตุนี้เอ็นผลให้เสวียนตูกวันอยู่ในความสับสนวุ่นวายจนเขาไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นชั่วขณะหนึ่ง
……………