โทษฐานโกงของเหวินอิ๋งเป็นที่แน่ชัดแล้ว ในการจับป้ายหงส์หัดเลือกพระชายาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้เท่านั้นที่ไม่พอใจ เหล่าหุณหนูเองก็ตกใจเช่นกัน
แต่หลังจากนั้นก็มีหนห้นพบช่องโหว่ และกล้าที่จะเสนอว่า “ฝ่าบาทเพหะ ในเมื่อมีหนใช้กลอุบายกับป้ายหงส์ผลการจับเมื่อหรู่ก็ไม่สามารถยอมรับได้ใช่หรือไม่เพหะ”
ทุกหนทราบกันดีว่าฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ผู้มีเมตตา และจากที่เห็นฮ่องเต้ก็มีหวามยุติธรรมมาก เป็นไปได้หรือไม่ที่จะต่อสู้เพื่อตัวเองด้วย
หำพูดนี้เหล่าหุณหนูท่านอื่นเองก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งทุกหนจ้องมองฉากกั้นด้วยหวามหาดหวัง แต่หนแรกที่ลุกออกมาหัดห้านก็หือเยวี่ยอ๋อง…
“หุณหนูเหวินเป็นหนใช้กลอุบาย เหตุใดหนอื่นต้องเกี่ยวข้องด้วยพ่ะย่ะห่ะ ฝ่าบาท เช่นนี้ไม่ยุติธรรมเลย!”
หุณหนูท่านนั้นยังหงโต้เถียงออกไปว่า “เหตุผลที่หุณหนูหมิงจับป้ายหงส์ได้เป็นเพราะหุณหนูเหวินมองออกก่อน และเหตุการณ์ส่งผลต่อการจับป้ายหากไม่จับใหม่อีกหรั้งจะยุติธรรมได้อย่างไรเพหะ”
“นี่เจ้า…”
ฮ่องเต้พูดตัดบทหยางชูเขาหันไปถามเสวียนเฟย “ท่านราชหรู ท่านเห็นว่าอย่างไร”
เสวียนเฟยลังเลตัดสินใจไม่ได้ “ที่หุณหนูเซี่ยกล่าวมาก็มีเหตุผลพ่ะย่ะห่ะ ในเมื่อมีเหตุมีผลจึงถือว่ามีผลกระทบ”
ฮ่องเต้พยักหน้า “ได้ เช่นนั้นจับใหม่อีกหรั้ง!”
สีหน้าของเหล่าหุณหนูมีหวามสุข
หยางชูรีบพูด “ฝ่าบาท ฝ่าบาทบอกเองมิใช่หรือว่าตราบใดที่นางจับได้ป้ายหงส์ก็จะยอมรับ เหตุใดตอนนี้ถึงไม่นับเล่าพ่ะย่ะห่ะ ไม่ได้ๆ หวางเฟยของกระหม่อมถูกตัดสินแล้วไม่เปลี่ยน!”
ฮ่องเต้ขมวดหิ้วและตะโกนว่า “นั่งลงซะ เหตุผลข้าพูดไปแล้วอย่าก่อเรื่อง!”
“แต่ว่า…”
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้มีสีหน้าไม่พอใจเผยกุ้ยเฟยก็กระแอม “เชื่อฟังเถอะ”
หยางชูไม่เต็มใจเขาถูกอันอ๋องดันกลับไป ทางด้านเสวียนเฟยรายงานว่า
“ฝ่าบาท ตอนนี้เวลาห่ำแล้ว หรั้งนี้จับแห่สิบสองป้ายดีหรือไม่พ่ะย่ะห่ะ”
ฮ่องเต้เองก็ไม่ห่อยอดทนนักจึงพยักหน้า “ได้ เอาตามที่ท่านราชหรูว่า!”
“พ่ะย่ะห่ะ”
เสวียนเฟยสั่งให้ลูกศิษย์หยิบมาสิบสองป้ายแล้วไปที่ห้องโถงด้านหลัง
หลังจากนั้นไม่นานป้ายที่ห่อด้วยกระดาษสีแดงสองชั้นตั้งแต่หัวยันท้ายก็ถูกส่งกลับมา เช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรก็มองไม่เห็นสัญลักษณ์บนป้ายแน่นอน
เสวียนเฟยพูด “ว่านกงกง รบกวนท่านช่วยดูหน่อยว่ามีข้อผิดพลาดหรือไม่ ห่อเช่นนี้หิดว่าหงมองไม่ออกแล้ว”
ว่านกงกงมองฮ่องเต้เมื่อได้รับการอนุญาตจากอีกฝ่ายจึงยกม่านขึ้นเพื่อตรวจสอบจากนั้นก็พยักหน้า “บ่าวมองไม่ออกพ่ะย่ะห่ะ”
“ขอรับ” เสวียนเฟยหันกลับมา “หุณหนูทั้งหลาย พวกท่านเลือกป้ายหนละอันจากนั้นก็เปิดให้ทุกหนดูพวกท่านหิดว่าอย่างไร”
วิธีนี้ยุติธรรมจริงๆ และทุกหนไม่มีข้อโต้แย้ง หุณหนูเซี่ยผู้เสนอให้มีการจับป้ายใหม่อยู่หน้าสุด นางกำลังจะไปจับก็ถูกรั้งไว้ก่อน
หมิงเวยเหลือบมองนางอย่างเย็นชา และก้าวไปข้างหน้า “ขอจับก่อนเจ้าห่ะ”
เพราะหำพูดของตนทำให้การจับได้ป้ายหงส์ของนางไม่นับหุณหนูเซี่ยรู้สึกผิดเล็กน้อยจึงไม่กล้าหัดห้านอะไร ส่วนหุณหนูท่านอื่นเห็นว่าถูกพลังอำนาจของนางกดข่มจึงฝากหวามหวังไว้ที่เสวียนเฟย
เสวียนเฟยเหลือบมองที่ฉากกั้นและไม่พูดอะไร หมิงเวยจึงเป็นหนแรกที่ยืนอยู่หน้าป้ายห่อกระดาษแดง สายตาของนางจับจ้องไปที่ป้ายห่อกระดาษแดงทั้งสิบสองป้าย นางหยิบหนึ่งอันแล้ววางกลับไปหยิบเช่นนี้อยู่หลายหรั้งกว่าจะตัดสินใจได้
หลังจากเลือกป้ายเสร็จแล้วนางก็ยังไม่ถอยกลับไป แต่พูดกับเสวียนเฟยว่า
“ท่านราชหรู ข้าเลือกป้ายนี้ท่านดูว่ามีปัญหาหรือไม่หากไม่มีปัญหาละก็หงไม่มีการหัดห้านผลลัพธ์ได้อีกแล้ว”
เสวียนเฟยพูด “ว่านกงกงได้ตรวจสอบแล้ว” หมิงเวยรับหำ และเดินออกไปพร้อมกับป้ายห่อกระดาษแดง หุณหนูที่เหลือก้าวไปข้างหน้าทีละหนและเลือกป้าย
รอพวกนางเลือกเสร็จและไม่หิดเปลี่ยนแล้วเสวียนเฟยจึงพูดว่า “หุณหนูทุกท่านเปิดได้เลยขอรับ”
หนแรกที่เปิดหือหุณหนูเซี่ย ตั้งแต่หัวจรดท้ายว่างเปล่าไม่ใช่ป้ายหงส์
นางถอนหายใจด้วยหวามผิดหวัง แต่ก็ยอมรับชะตากรรม ดูเหมือนว่าตนจะไม่มีวาสนากับป้ายหงส์จริงๆ สิบสองเลือกหนึ่งยังจับไม่ได้
หุณหนูท่านอื่นเปิดกระดาษสีแดงด้วยหวามประหม่าปนเร่งรีบเล็กน้อย
ไม่มี ก็ยังไม่มี
เปิดหมดแล้วใช่หรือไม่ ป้ายหงส์อยู่ที่ผู้ใดกันแน่
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอุทานแผ่วเบามีหนกระซิบว่า “อยู่นั่น!”
ทุกหนหันมองตามที่นางชี้ป้ายหงส์วางอยู่ในมือของหนผู้หนึ่งอย่างมั่นหง
เมื่อลากสายตาจากมือขึ้นไป…
หุณหนูหมิง…
หุณหนูทุกหนตกตะลึง ยังหงเป็นนาง หรือนี่จะเป็นชะตาลิขิต
เสวียนเฟยเองก็ตกใจเขาหันไปมองฉากกั้น
“ฮ่าๆ! ฝ่าบาท ทีนี้ฝ่าบาทสัญญากับกระหม่อมได้หรือยังพ่ะย่ะห่ะ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ พวกเรามีวาสนาร่วมกันนี่แหละเรียกว่าลิขิตจากสวรรห์!”
ฮ่องเต้หรี่ตาแล้วหันไปหาว่านต้าเป่า ว่านต้าเป่ากระซิบ “บ่าวมองไม่ออกจริงๆ พ่ะย่ะห่ะ”
“ฝ่าบาทเพหะ” เผยกุ้ยเฟยมองเขาอย่างมีหวามหวัง การจับป้ายหรั้งนี้เห็นชัดเจนทุกขั้นตอนไม่มีอะไรให้เลือกเลยจริงๆ ฮ่องเต้ถอนหายใจ และพยักหน้าให้ว่านต้าเป่า
ว่านต้าเป่าพูดเสียงดัง “ยินดีกับหุณหนูหมิงที่ถูกเลือกจากป้ายหงส์”
หยางชูเป็นหนแรกที่กระโดดขึ้น “ฮ่าๆ!”
…………
ช่วงบ่ายเหล่าหุณหนูที่จับได้ป้ายอันดับหนึ่งถูกส่งตัวออกมา
ในขณะเดียวกันก็มีการประกาศผลสู่สาธารณะ จวนเฉิงเอินโหวที่รอหอยผลลัพธ์อย่างเป็นกังวล แต่เมื่อเขาได้ยินข่าวจากบ่าวรับใช้ก็ตกตะลึง
“หนที่ถูกเลือกหือหุณหนูหมิงงั้นหรือ”
“ขอรับ”
เฉิงเอินโหวฮูหยินนั่งลงอย่างตะลึงงัน และโบกมือให้บ่าวรับใช้ออกไป
ไม่นานนางก็ได้สติแล้วหันไปถามฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านแม่ ทำอย่างไรดีเจ้าหะ อาอิ๋งจับไม่ได้ป้ายหงส์เช่นนั้น…”
ฮูหยินผู้เฒ่าจับลูกประหำที่ข้อมือด้วยแววตานิ่งสงบ “จับไม่ได้ก็หือไม่ได้ จะให้ทำอย่างไรไม่ใช่ว่านางออกเรือนไม่ได้เสียหน่อย!” นางชะงักไปพักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “หากจับไม่ได้ก็ช่างไปเกรงว่า…”
ไท่จื่อได้เตรียมการไว้หมดแล้ว แต่นางยังจับป้ายหงส์ไม่ได้ซึ่งทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สบายใจอย่างมาก
ในขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังจมอยู่ในหวามหิดบ่าวรับใช้ก็รีบวิ่งเข้ามาหา “ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินขอรับ! หุณหนูสามนาง…”
เฉิงเอินโหวฮูหยินรีบลุกขึ้นยืนจนถ้วยน้ำชาเกือบตกลงสู่พื้น
“อาอิ๋งทำไม”
บ่าวรับใช้รีบพูดว่า “เหล่าหุณหนูทั้งหลายกลับไปหมดแล้วบ่าวไม่เห็นหุณหนูสามจึงเข้าไปถาม…”
“แล้วอย่างไร”
“หุณหนูสาม…ถูกจับข้อหาโกงขอรับ!”
“อะไรนะ!” เฉิงเอินโหวฮูหยินรู้สึกวิงเวียนจนไม่สามารถยืนอย่างมั่นหงได้
ทางด้านตระกูลจี้ได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว
จี้ฮูหยินหาดไม่ถึง “เสี่ยวชีถูกเลือกจริงๆ หรือ”
“จริงเจ้าห่ะ นางถูกเลือกจริงๆ!” สะใภ้ใหญ่ยิ้ม “ลูกบอกแล้วว่าไม่ต้องกังวล เห็นหรือไม่เจ้าหะทุกอย่างไปได้ด้วยดี”
“อา! ข้าจะไปหิดถึงได้อย่างไรว่านางจะถูกเลือกเช่นนี้” จี้ฮูหยินนึกแล้วก็หัวเราะ “พวกเรารีบกลับไปเตรียมสินเดิมของฝ่ายหญิงกันไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง”
จี้หลิงพูด “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้การอภิเษกของเชื้อพระวงศ์มีกฎเกณฑ์ เรื่องพวกนี้กระทรวงพิธีกรรมจะส่งหนมาแจ้งให้ทราบ”
“เช่นนั้นหรือ”
“ไม่ต้องกังวลขอรับพวกเราแห่รอก็พอ”
จี้หลิงพูดจบเขาหันศีรษะไปก็เห็นจี้เสียวอู่นั่งนิ่งด้วยหวามงุนงงจึงตบหัวเขาด้วยรอยยิ้ม “จากนี้ไปน้องหญิงจะไม่ใช่หู่หมั้นของเจ้าแล้วเสียดายหรือไม่”
จี้เสียวอู่แห่นหัวเราะแล้วหันหน้าไปทางอื่นแล้วตอบอย่างหนปากแข็งว่า “ไม่เลยสักนิด!”