ภายใต้แสงตะเกียงฟู่จินกำลังทานอาหารว่างและสุรา เขาขอให้หยางชูทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ โดยเฉพาะคำพูดของเผยกุ้ยเฟยทุกคำพูดล้วนชัดเจน
หลังจากที่หยางชูพูดจบเป็นครั้งที่สามแล้วเขาก็ไม่อยากพูดอะไรอีกจึงถามขึ้นว่า “อาจารย์ฟู่ มีตรงไหนที่ท่านไม่เข้าใจอีกหรือไม่”
“อ้อ เข้าใจแล้ว” ฟู่จินโยนถั่วเข้าปาก
“ท่านมีความเห็นอย่างไร”
“อืม…” ฟู่จินพูด “ฝ่าบาทไม่พอพระทัย”
หยางชูกลอกตา ไม่ไร้สาระไปหรือ เขาพอพระทัยสิแปลกเพราะต้องการให้เขาไม่มีความสุขถึงได้ต้องการพระราชทานสมรส แต่หลังจากเรื่องนั้นเขาก็ถูกปลดแล้วไล่ออกจากเมืองหลวงจึงไม่ได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ อีกอย่างจี้เสียวอู่เข้าสู่เส้นทางนักบวช ซึ่งเสวียนเฟยได้ขอเป็นการส่วนตัวในฐานะ ‘ฮ่องเต้ผู้ทรงเมตตา’ จะบังคับได้อย่างไร
ฟู่จินชี้จอกสุราตัวฝูจึงก้าวเข้าไปรินสุราให้
“คนผู้นั้นต้องทราบเรื่องที่เขาเทียนเสินแน่ บางทีเขาอาจไม่แน่ใจในคุณค่าของแม่นางหมิง แต่ก็ไม่ยินยอมให้พวกท่านเป็นสามีภรรยา”
“แล้วจะทำอย่างไร” หยางชูรีบถาม “สามารถทำให้เขาล้มเลิกความคิดไม่ยัดเยียดสตรีอื่นให้ข้าได้หรือไม่”
ฟู่จินถามด้วยรอยยิ้ม “ปีนี้ท่านอ๋องอายุเท่าไรหรือ”
“ยี่สิบสอง”
“อายุเท่านี้ถือว่าช้าที่จะแต่งงานยิ่งไม่ต้องพูดถึงสมาชิกในราชวงศ์ที่แต่งงานเร็ว” ฟู่จินพูด “เรื่องนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นเรื่องเร่งด่วนด้วยมันเป็นปัญหาแรกที่ต้องแก้ไข”
เขาเงยหน้ามองหมิงเวย “ท่านอ๋องอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถมีพระชายาเยวี่ยอ๋องอีกคนมาขัดขวางได้ใช่หรือไม่”
คนที่เขามองคือหมิงเวย นางจึงตอบออกไป “ใช่เจ้าค่ะ”
“แต่ไม่แต่งงานก็ไม่สมจริงใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ฟู่จินยิ้ม “พูดเช่นนี้หมายความว่าแม่นางหมิงเตรียมตัวแล้วใช่หรือไม่”
ในที่สุดหยางชูก็เข้าใจความหมายของคำพูดของฟู่จิน และรีบหันไปหาหมิงเวย นางตอบรับแล้วหรือนางหลุดปากหรือไม่ตอนนี้หากสถานะนั้น…
“ใช่เจ้าค่ะ” หมิงเวยยิ้ม “ไม่อย่างนั้นอาจารย์คิดว่าข้าจะบอกให้พี่ห้าถอนหมั้นทำไมกัน”
หยางชูร้อง ‘อา’ แล้วตะโกนเสียงดัง “เวยเวย!”
หนิงซิวจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ “ตะโกนเสียงดังทำไมเจ้าอยากให้ผู้อื่นมาเห็นหรือ”
ไม่รู้หรืออย่างไรว่านี่กำลังวางแผนลับๆ อยู่ หมิงเวยเหลือบมองเขาแล้วพูดตัดรอน “ท่านอย่าดีใจเร็วเกินไปเจ้าค่ะ ข้าก็แค่เตรียมตัวพร้อมที่จะรับตำแหน่งนี้ก่อน”
หยางชูสับสนเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร”
ฟู่จินเข้าใจ “แม่นางหมิงแค่คิดจะหมั้นแค่นั้นหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ” หมิงเวยชะงัก “เขามีชะตากรรมที่โดดเดี่ยว ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะแต่งงาน เว้นเสียแต่ว่าวันหนึ่ง…จะทำลายชะตากรรมนี้ได้ เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่มีอุปสรรคอะไรแล้ว ดังนั้นข้ารับตำแหน่งนี้ก่อนถึงเหมาะสมที่สุดเจ้าค่ะ”
ไม่แต่งงานก็ไม่ใช่สามีภรรยา นางผู้นี้ไร้ชะตากรรมจะไม่ส่งผลต่อชะตากรรมของเขา
ฟู่จินครุ่นคิด “ได้”
มีเพียงหยางชูที่ดูผิดหวัง หนิงซิวกระซิบข้างๆ เขาว่า “เจ้าพอใจเถอะ อย่างน้อยนางก็ไม่ใช่คู่หมั้นของผู้อื่น”
“…”
ประเด็นหลักของฟู่จินไม่ได้อยู่ที่ความสัมพันธ์ชายหญิง ขอเพียงไม่ใช่อุปสรรคใหญ่ก็ได้หมด เมื่อเป็นอันตกลงกันได้การประชุมลับจึงเข้าสู่หัวข้อถัดไป
“ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ข้าเฝ้ามองเมืองหลวงตาเป็นมัน คนผู้นั้นเริ่มระแวงในตัวแม่นางหมิง เมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขาเทียนเสินหากข้าเป็นเขาก็คงมีความคิดเช่นนี้ จะเป็นผู้ใดก็ได้ แต่ต้องไม่ปล่อยให้ท่านอ๋องแต่งกับนาง”
หยางชูถอนหายใจ “ข้ารู้นานแล้วว่าเขาไม่ให้ข้าทำอะไรราบรื่นหรอก”
ฟู่จินมองหมิงเวย “สตรีผู้หนึ่งตามท่านไปซีเป่ยทำให้เป่ยหู่เกิดความวุ่นวาย อีกทั้งยังเป็นเคล็ดวิชาสามารถช่วยหาทางออกให้ท่านแล้วเขาจะปล่อยให้ท่านแต่งนางเป็นภรรยาได้อย่างไร”
“อาจารย์มีวิธีหรือไม่” หยางชูถาม
ฟู่จินหมุนจอกสุราในมือ “พวกเราต้องเข้าไปในความคิดของเขาว่าสถานการณ์เช่นไรที่เขาจะไม่ระมัดระวังแม่นางหมิง”
หยางชูครุ่นคิด “นาง…ไม่มีประโยชน์ต่อข้าหรือ”
ฟู่จินพยักหน้า “พูดอีกอย่างก็คือต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ถ่วงแข้งถ่วงขาเขาถึงจะยินยอม” เขาชะงัก “เมื่อก่อนพวกเรายังไม่เตรียมความพร้อม ท่านอ๋องสามารถดื้อดึงไม่แต่งงานกับผู้อื่นได้ เขายังไม่อยากกระชากหน้ากากฮ่องเต้ผู้เมตตาออกจึงค่อนข้างระมัดระวังตัว”
หยางชูพยักหน้า “ท่านน้า…ก็สู้เพื่อข้าด้วย”
“แต่คงยื้อไว้ได้ไม่นานเพราะหากยื้อนานเกินไปเขาจะบังคับสมรสพระราชทานได้หากเป็นเช่นนั้นคงไม่สามารถปฏิเสธได้”
พูดไปพูดมาก็ติดอยู่ปัญหาเดียว
หยางชูครุ่นคิด “ต้องทำอย่างไรถึงไม่มีประโยชน์ต่อข้าต้องกำจัดเคล็ดวิชาของนางหรือ”
ฟู่จินยิ้ม “ข้านึกได้ขึ้นมาเรื่องหนึ่งจึงอยากถามท่านอ๋อง”
“อาจารย์เชิญถามมาได้”
“เผยกุ้ยเฟย…มีดวงชะตาหงส์ใช่หรือไม่” หยางชูตกใจ
“ท่านอ๋องทราบหรือ”
หยางชูนึกย้อน “หากท่านหมายถึงเมื่อยี่สิบปีก่อนข้าเคยได้ยินท่านย่าพูดถึงอยู่ ท่านน้าเคยเสี่ยงเซียมซีนางได้ป้ายหงส์”
“จากเสวียนตูกวันหรือ”
“ใช่”
ฟู่จินยิ้ม “อย่างนี้นี่เอง”
หยางชูอธิบาย “อาจารย์ ท่านจะบอกว่าที่เขาให้ท่านน้าเข้าวังเพราะป้ายหงส์นี้หรือ”
“น่าจะส่วนหนึ่ง” ฟู่จินพูด “คนเช่นเขามีใจไม่เป็นสุขการที่จะเชื่อเรื่องนี้ก็ไม่แปลก”
หมิงเวยพูด “แต่ผลลัพธ์กลับพลิกกลับ! ดวงชะตาหงส์ของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงควรมาจากการแต่งงานครั้งนั้น แต่นี่กลับกัน”
“อ้อ” ฟู่จินสนใจมาก “ท่านจะบอกว่าเพราะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงแต่งงานกับคนผู้นั้นก่อน และเขาเป็นหลานชายองค์โต เพราะฉะนั้นถึงเรียกว่าดวงชะตาหงส์ใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ ตี้ชิงมาจากอำนาจ แต่ชะตาหงส์นั้นอยู่ในความคิดของฮ่องเต้ไม่ได้มาจากโชคชะตา”
สิ่งพื้นฐานที่สุดในโลกนี้คืออำนาจของฮ่องเต้ ดังนั้นจึงสอดคล้องกับตี้ชิง โชคชะตาของฮ่องเต้ และเกียรติยศของคนรุ่นหลังล้วนมาจากผลประโยชน์ของคนในอดีต ในเมื่อเป็นต้นไม้ที่ไม่มีรากแล้วจะมีโชคชะตาของฮองเฮาได้อย่างไร
ฟู่จินพยักหน้าช้าๆ “พูดเช่นนั้นข้าก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เกาฮองเฮาของไท่จู่ผู้ก่อตั้งเฉียนเอี้ยนว่ากันว่านางมีดวงชะตาหงส์ ในระหว่างนั้นแม่ทัพหลี่ได้ยินเรื่องนี้จึงบังคับนางแต่งงานกับบุตรของตน ผู้ใดจะรู้ว่าหลังจากพ่ายแพ้สงคราม ครอบครัวเสียชีวิตทั้งตระกูล ลูกสะใภ้ถูกทรราชจับตัวไป และแต่งงานกับไท่จู่แห่งแคว้นเฉียนเอี้ยนในฐานะภรรยาคนที่สองถึงได้ชะตาหงส์ จากที่ท่านพูดมาตี้ชิงมาจากตัวเขาเอง และจะไม่เปลี่ยนแปลงโดยชะตาหงส์”
หมิงเวยยิ้ม “เรื่องนี้ข้าเองก็ได้อ่านมาเหมือนกันเจ้าค่ะ อาจเป็นคนรุ่นหลังตีความกันไปเอง ก่อนที่เกาฮองเฮาจะแต่งงานกับไท่จู่แห่งเฉียนเอี้ยนคงมีดวงชะตาที่สูงส่งอยู่แล้ว แต่สามารถเข้าใจได้ว่าดวงชะตาหงส์มาจากฮ่องเต้ แต่ดวงชะตาของฮ่องเต้มาจากตัวเขาเองเท่านั้น โลกนี้ไม่มีอำนาจ ตัวเราเองไร้ซึ่งชะตาหงส์”
ฟู่จินเข้าใจแล้ว “เช่นนั้นแม่นางหมิง ท่านไม่สามารถทำนายชะตาหงส์ได้ใช่หรือไม่”
หมิงเวยยิ้ม “อย่าว่าแต่ชะตาหงส์เลยเจ้าค่ะ แม้แต่ดวงชะตาของตนเองยังทำนายยาก ตราบใดที่มีผู้ทำนายดวงชะตานั้นมีความรู้ความสามารถก็สามารถทำนายชะตาดับสูญของข้าได้”
“จริงหรือ”
“แน่นอนเจ้าค่ะ” หมิงเวยตอบอย่างไม่เกรงกลัว “อย่าพูดเรื่องความจริง เพราะถึงแม้จะไม่ใช่ข้าก็จะทำให้มันใช่”
ฟู่จินลูบฝ่ามือ “เช่นนั้นก็ดีข้ามีแผนแล้ว”