คู่ชะตาบันดาลรักบทที่ 464 กลับสู่ราชวงศ์

บทที่ 464 กลับสู่ราชวงศ์

ด่าน​เหลียง​ชวน​ กัว​สวี่​นั่ง​อยู่​บน​ที่สูง​พลาง​ถอนหายใจ​ มอง​จาก​ตรงนี้​จะเห็น​สันเขา​เป็น​คลื่น​เล็กน้อย​ ทุ่งหญ้า​กว้างไกล​ไม่มีที่​สิ้นสุด​มีแม่น้ำ​สาย​ยาว​งดงาม​ผ่าน​พื้นหญ้า​สีเขียว​ตรง​ไป​ไกล​

เป็น​ทัศนียภาพ​ที่​งดงาม​มาก​ แต่​กัว​สวี่​ไม่มีอารมณ์​จะชื่นชม​เลย​ เขา​กำลัง​คิด​เกี่ยวกับ​ครึ่ง​เดือน​ที่ผ่านมา​ ที่​ถูก​จงซู่ข่มขู่​ให้​เขียน​รายงาน​สงคราม​

ใน​สายตา​ของ​คนอื่นๆ​ เขา​และ​จงซู่ให้​การรับประกัน​กับ​หยาง​ซาน​ อารมณ์​ของ​คน​ผู้​นั้น​ใน​ตอนนี้​เขา​รู้ดี​ หมวก​ใบ​นี้​ไม่ว่า​จะอธิบาย​อย่างไร​เขา​ก็​ถอด​ออก​ไม่ได้​

พูด​อีก​อย่าง​ก็​คือ​หาก​ตอนนี้​ตน​กลับ​เมืองหลวง​ก็​จะเป็น​พรรคพวก​เดียว​กับ​หยาง​ซาน​…แม้ว่า​คนอื่น​จะรู้​ว่า​เขา​ถูก​บังคับ​ ฮ่องเต้​จะสวม​หมวก​ให้​ ทว่า​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​คนอื่น​ก็​จะคิด​ว่า​เขา​เป็น​เช่นนั้น​ ไม่มีทาง​อื่น​ให้​ไป​

กัว​สวี่​รู้สึก​ท้อแท้​ เขา​แสวงหา​ชื่อเสียง​มายี่สิบ​ปี​ทุกอย่าง​เสีย​ไป​เปล่าๆ​โดย​ไม่เกิด​ผลลัพธ์​ใดๆ​

สวรรค์​รู้​ว่า​หยาง​ซาน​เป็น​ทายาท​ของ​คน​ผู้​นั้น​!

สวรรค์​รู้​ว่า​เหตุใด​จงซู่ถึงกิน​น้ำมันหมู​พอก​ใจ[1]! ฮ่องเต้​ไม่ชอบ​หยาง​ซาน​อย่าง​แน่นอน​ ไท่จื่อ​ ซิ่น​อ๋อง​ และ​คนอื่นๆ​ ก็​ยิ่ง​ไม่ชอบ​เขา​

อนาคต​ตน​จะยังมี​ทางรอด​อีก​หรือ​ จะเกิด​อะไร​ขึ้น​เมื่อ​ไป​ยัง​ราชสำนัก​อีก​สักพัก​ก็​คง​โดน​ไล่ออก​อีกแล้ว​…

กัว​สวี่​จนปัญญา​คิด​หา​วิธี​กำจัด​ป้าย​ห้อย​ที่ว่า​ ‘พรรคพวก​ของ​หยาง​ซาน​’ ไม่ออก​ ดังนั้น​เขา​จึงได้​แต่​สาปแช่ง​ใน​ใจเท่านั้น​

ไอ้​สารเลว​จงซู่! พอ​ด่า​เสร็จ​คนสารเลว​คน​นั้น​ก็​มาพร้อม​คน​ผู้​หนึ่ง​

“ใต้เท้า​กัว​กำลัง​ชื่นชม​ทิวทัศน์​ท่าน​คิด​จะวาดภาพ​หรือ​” จงซู่หัวเราะ​ “อย่า​ลืม​วาด​ท่าทาง​กล้าหาญ​ของ​ข้า​กับ​ศัตรู​ด้วย​ล่ะ​!”

กัว​สวี่​แทบ​อยาก​บีบ​คอ​เขา​ให้​ขาด​อากาศ​หายใจ​ตาย​จะเอา​อารมณ์​ที่ไหน​มาเล่น​กับ​เขา​กัน​ เขา​เพียงแต่​กลอกตา​ และ​มองดู​ทุ่งหญ้า​ต่อไป​ อากาศ​หนาว​เพียงนี้​ ฤดูหนาว​ใกล้​จะถึงแล้ว​เชื่อ​ว่า​อีกไม่นาน​หิมะ​คง​ตก​เหมือน​อารมณ์​เขา​…ช่างเหน็บ​หนาว​เสีย​จริง​

“ใต้เท้า​กัว​” จงซู่ไม่เข้าใจ​สายตา​นั้น​จึงปีน​ขึ้นไป​คุย​กับ​เขา​ “ใช้ช่วง​เวลานี้​มอง​ให้​มากขึ้น​หน่อย​ก็ดี​เหมือนกัน​ อีกไม่นาน​ที่นี่​ก็​จะมีการสร้างเมือง​ด่าน​ ด่าน​เหลียง​ชวน​จะเป็นแนว​แรก​ของ​เรา​ที่จะ​ต่อต้าน​ชาว​หู​จากนี้ไป​! ฮ่าๆ ลักษณะ​พื้นที่​นี้​หลังจาก​สร้าง​เสร็จ​จะเป็น​ด่าน​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​”

“เฮอะ​ๆ” กัว​สวี่​กระตุก​มุมปาก​แล้ว​เขา​ก็​สังเกตเห็น​คน​ที่อยู่​ข้าง​กาย​จงซู่

เขา​คน​นั้น​สวม​ชุด​สามัญชน​ธรรมดา​มีกลิ่นอาย​สุภาพ​เรียบร้อย​ราวกับ​อาลักษณ์​ แต่​มือ​ทั้งสอง​ข้าง​หยาบกร้าน​ราวกับ​ทำงาน​มาทั้งปี​ซึ่งดู​แปลก​มาก​

จงซู่สังเกตเห็น​สายตา​ของ​อีก​ฝ่าย​ก็​ยิ้ม​ “เขา​เป็น​น้อง​หก​ของ​ข้า​ แต่​ออกจาก​ตระกูล​ไป​ตั้งแต่​อายุ​ยัง​น้อย​ไม่ได้​ใช้แซ่จงแล้ว​”

คน​ผู้​นั้น​ยิ้ม​แล้ว​คารวะ​ “ข้าน้อย​จงเย​วี่ย​ คารวะ​ใต้เท้า​”

กัว​สวี่​คุ้นเคย​กับ​ชื่อ​นี้​มาก​ นี่​มัน​หมอ​เทวดา​จงเยวี่ย​ผู้มีชื่อเสียง​ดังก้อง​ไป​ทั่วหล้า​! เขา​เป็น​น้องชาย​คน​ที่หก​ของ​จงซู่งั้น​หรือ​ ตระกูล​จงมีคน​ที่​ไม่ได้​อยู่​ใน​กองทัพ​ด้วย​ไม่แปลก​ที่จะ​ไม่ได้​ใช้แซ่จง

เดี๋ยว​นะ​…กัว​สวี่​ชิน​กับ​การ​ใช้เหตุ​ผลสรุป​จาก​เรื่อง​หนึ่ง​ก็​สามารถ​อนุมาน​ไป​ถึงเรื่อง​อื่นๆ​ ได้​ จาก​การปรากฏ​ตัวอย่าง​กะทันหัน​ของ​จงเย​วี่ย​ เขา​นึกถึง​ทัศนคติ​ของ​จงซู่ที่​เปลี่ยนแปลง​อย่าง​รวดเร็ว​

ตาแก่​ผู้​นี้​ก่อนที่จะ​โจมตี​กับ​ซูถูยัง​ปฏิบัติ​เช่นนั้น​ต่อ​หยาง​ซาน​อยู่เลย​ แต่​จู่ๆ ก็​มีท่าที​เปลี่ยนไป​มัน​ต้อง​มีอะไร​เกิดขึ้น​ใน​ช่วงเวลา​นั้น​

จู่ๆ ก็​มีสมาชิก​ใน​ตระกูล​จงที่​ไม่ได้​ใช้แซ่จงโผล่​มาเป็นไปได้​หรือไม่​ว่า​เขา​เป็น​คน​ส่งข่าว​ พูดถึง​เรื่อง​นี้​คน​แซ่จงวางแผน​มาเป็น​อย่าง​ดี​!

เพราะเหตุใด​กัน​หยาง​ซาน​ผู้​นั้น​ควรค่า​แก่​การ​เดิมพัน​อย่างไร​

“ใต้เท้า​กัว​ ท่าน​อย่า​อารมณ์เสีย​ไป​เลย​” จงซู่ที่นั่ง​อยู่​ข้าง​เขา​พูด​ด้วย​ความจริงใจ​ “อันที่จริง​เรื่อง​นี้​ไม่แน่​ว่า​อาจ​มีความโชคดี​ใน​ความ​โชคร้าย​!”

“หึ​!” กัว​สวี่​จ้องมอง​จงเยวี่ย​

จงซู่พูด​ต่อว่า​ “ท่าน​ลอง​คิดดู​ หาก​ดู​ในแง่​ของ​ความสามารถ​ท่าน​เป็น​ที่หนึ่ง​ใน​ขุนนาง​ร้อย​คนใน​ราชสำนัก​ เหตุใด​ชื่อเสียง​ถึงได้​แย่​เพียงนั้น​กัน​”

“หึ​!” เขา​โกหก​ เสแสร้ง​

“ก่อนหน้านี้​นัก​เล่าเรื่อง​มักจะ​เล่า​เกี่ยวกับ​ความสำเร็จ​อัน​ยิ่งใหญ่​ของ​ท่าน​ และ​ตอนนี้​เมื่อ​รวม​เข้ากับ​บุญคุณ​ต้อง​ทดแทน​ ภาพลักษณ์​ของ​ท่าน​ก็​ดีขึ้น​มาก​!”

“หึ​!” เขา​นึก​ภาพ​ถึงตำแหน่ง​โส่วเซี่ยง!​

“อย่า​ดูถูก​ผลประโยชน์​เล็กๆ น้อยๆ​ ตรงหน้า​เลย​ ตอนนี้​ท่าน​อายุ​เท่าไร​ เดิมที​ใน​ราชสำนัก​ชื่อเสียง​ของ​ท่าน​อยู่​เป็น​อันดับ​สุดท้าย​ทำตัว​โดดเด่น​เกินไป​จะดึงดูด​ให้​คน​เกลียด​ได้​! สู้รอ​อีก​สัก​แปด​ปี​สิบ​ปี​ให้​อายุ​ถึง ถึงตอนนั้น​ก็​เป็นเวลา​ที่​ควร​เก็บเกี่ยว​แล้ว​”

“หึ​…เดี๋ยว​นะ​” กัว​สวี่​ได้ยิน​อะไร​บางอย่าง​ และ​ถามเขา​ “หลังจาก​แปด​ปี​สิบ​ปี​ จะเกิด​จุด​เปลี่ยน​อะไร​”

จงซู่ยิ้ม​ “จะเกิด​จุด​เปลี่ยน​อะไร​ท่าน​เอง​ก็​รู้อยู่แก่ใจ​”

อย่างไร​เสีย​เรื่อง​ที่​ต้องการ​เอาชีวิต​ก็​จุด​ขึ้น​มาแล้ว​เรื่อง​นี้​ก็​เช่นกัน​ จงซู่ลด​เสียง​ลง​แล้ว​พูดว่า​ “ก่อนหน้านี้​น้อง​หก​ไป​เมืองหลวง​มาอาการ​ของ​ฝ่าบาท​เกรง​ว่า​จะอยู่​ได้​อีก​ไม่กี่​ปี​”

“…” กัว​สวี่​พูด​ “แต่​ไท่จื่อ​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​พวกเรา​ก็​ไม่ได้​ผลประโยชน์​ที่​ดี​ไม่ใช่หรือ​”

จงซู่ถอนหายใจ​ “ท่าน​คิด​ว่า​ไท่จื่อ​สามารถ​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​ได้​หรือ​”

กัว​สวี่​เหลือบมอง​เขา​แล้ว​เลิกคิ้ว​ “จงซู่ เบื้องหน้า​ท่าน​ดู​เป็น​คน​ซื่อสัตย์​ แต่​เบื้องหลัง​กลับ​วิจารณ์​ครอบครัว​ของ​โอรส​สวรรค์​โดยพลการ​หรือ​”

จงซู่หัวเราะ​ “ก็​แค่​พูด​ต่อหน้า​ใต้เท้า​กัว​ เชื่อ​ว่า​ใต้เท้า​กัว​ไม่พูด​ออก​ไป​อยู่แล้ว​ ถูก​หรือไม่​”

กัว​สวี่​อยาก​จะพูด​ออก​ไป​มาก​ แต่​เมื่อ​คิดถึง​สถานการณ์​ของ​เขา​การ​พูด​แบบนี้​จะมีประโยชน์​อะไร​เขา​ถอนหายใจ​อีกครั้ง​

เมื่อ​ถอนหายใจ​เสร็จ​เขา​ก็​พูดว่า​ “ท่าน​คิด​ว่า​ไท่จื่อ​ไม่สามารถ​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​ได้​ หรือ​จะเป็น​ซิ่น​อ๋อง​ ไม่สิ หาก​เป็น​ซิ่น​อ๋อง​ท่าน​คง​ไม่วางใจ​เช่นนี้​” กัว​สวี่​คิดไปคิดมา​พลาง​ชำเลือง​มอง​เขา​ และ​ถามอย่าง​ไม่แน่ใจ​

“อัน​อ๋อง​หรือ​”

จงซู่ยิ้ม​อย่าง​มีความหมาย​ “ใต้เท้า​กัว​ไม่คิด​ว่า​สถานการณ์​ปัจจุบัน​คล้าย​กับ​ใน​อดีต​มาก​หรือ​” เขา​ไม่พูด​ออกมา​กัว​สวี่​ก็​เข้าใจ​

ใน​ตอนนั้น​ ไท่จื่อ​ จิ้น​อ๋อง​ และ​ฉิน​อ๋อง​ต่อสู้​เพื่อ​บัลลังก์​ ทั้ง​สามคน​ไม่มีผู้ใด​รอดชีวิต​ ทุกอย่าง​จึงตก​มาอยู่​ที่​คน​ที่​เฝ้าดู​อย่าง​นิ่งดูดาย​อย่าง​องค์​ปัจจุบัน​

ตอนนี้​ไท่จื่อ​ และ​ซิ่น​อ๋อง​ต่อสู้​กัน​อย่าง​เอาเป็นเอาตาย​ไม่มีผู้ใด​สนใจ​อัน​อ๋อง​

เป็นไปได้​จริงๆ​ หรือว่า​จงซู่อยู่​ฝ่าย​อัน​อ๋อง​ถึงได้​กล้า​ทำ​เช่นนี้​

ไม่ใช่…ความสัมพันธ์​ระหว่าง​อัน​อ๋อง​กับ​หยาง​ซาน​นั้น​ดีกว่า​กับ​ไท่จื่อ​นิดหน่อย​ แต่​ก็​แค่​นิดหน่อย​ได้ยิน​ว่า​ตอนที่​หยาง​ซาน​ออกจาก​เมืองหลวง​ยัง​เอาชนะ​อัน​อ๋อง​อยู่เลย​…

จงซู่พูด​ “พูด​ตามตรง​ที่​ข้า​ข่มขู่​ใต้เท้า​กัว​วันนั้น​เพราะ​ไม่มีทางเลือก​จริงๆ​ ซือฮว๋ายไท่จื่อ​กับ​บิดา​ของ​ข้า​มีมิตรภาพ​เก่า​ต่อกัน​ ข้า​ก็​แค่​ไม่ต้องการ​ให้​สายเลือด​ของ​เขา​สูญสิ้น​ สถานะ​ของ​น้อง​หก​เป็นความลับ​สุดยอด​หาก​ไม่เกิดเรื่อง​ก็​ไม่ต้องการ​ให้​ผู้ใด​รับรู้​ ตอนนี้​ต้องการ​ให้​ใต้เท้า​กัว​รับรู้​เพื่อ​เป็นการ​ไถ่โทษ​ และ​เพื่อให้​ใต้เท้า​กัว​สบายใจ​ ท่าน​สามารถ​อยู่​อย่าง​สงบสุข​ได้​สัก​สอง​สามปี​เชื่อ​ว่า​เมื่อ​ถึงเวลา​นั้น​จะเกิด​จุด​เปลี่ยน​”

กัว​สวี่​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ และ​ถามจงเย​วี่ย​ “พระ​พลานามัย​ของ​ฝ่าบาท​ถึงจุด​นั้น​แล้ว​จริงๆ​ หรือ​”

จงเยวี่ย​ประสานมือ​ตอบ​ “อย่าง​น้อย​สามถึงห้า​ปี​ขอรับ​”

กัว​สวี่​คิด​ว่า​แม้หลังจาก​ผ่าน​ไป​ห้า​ปี​เขา​จะอายุ​ห้าสิบ​ซึ่งไม่แก่​เลย​สำหรับ​ขุนนาง​ที่​เข้ามา​ใน​ราชสำนัก​ ฮ่องเต้​มีพระ​ชนมายุ​ไม่ยืน​ แต่​คน​ที่​มีตำแหน่ง​โส่วเซี่ยง​ล้วน​มีอายุ​ห้าสิบ​ขึ้นไป​ ถ้าอยู่​นาน​เท่า​หลู่​เซียง​ก็​ทำงาน​ได้​ยี่สิบ​ปี​…

กัว​สวี่​เก็บ​สีหน้า​แล้ว​ยิ้ม​ “ข้า​เข้าใจผิด​ไป​เอง​หยาง​ซาน​ช่วยชีวิต​ข้า​ ตอบแทน​บุญคุณ​เป็นเรื่อง​สมควร​แล้ว​”

จงซู่ยิ้ม​ตาม​ “ใต้เท้า​กัว​คิดได้​เช่นนั้น​ข้า​ก็​ดีใจ​”

ทั้งสอง​กล่าว​ชื่นชม​กัน​อย่าง​ไม่ได้​มาจาก​ใจจริง​นัก​ก่อน​จะจบ​การ​สนทนา​อัน​ไร้สาระ​แล้ว​ทั้งสอง​ก็​กล่าว​ลา​กัน​อย่าง​มีความสุข​

กัว​สวี่ลง​จาก​เนินเขา​พลาง​คิดในใจ​ท่าน​ปิด​ตา​ไป​เอง​แล้วกัน​! บัญชี​นี้​ข้า​จะจำเอาไว้​! แต่​ทาง​ฝั่งอัน​อ๋อง​ก็​ควร​ผูกมิตร​จริงๆ​ อย่างไร​ก็​ไม่มีทาง​อื่น​ให้​เดิน​แล้ว​…

ทาง​ด้าน​จงซู่พูดว่า​ “คน​แซ่กัว​นี่​ใจแคบ​เสีย​จริง​การ​หาเรื่อง​ให้​เขา​ทำ​เพื่อที่จะ​ไม่ต้อง​กังวล​ว่า​จะสร้างเรื่อง​ให้​พวกเรา​เดือด​ร้อนใน​ภายหลัง​ เจ้านี่​นะ​! อายุ​ขนาด​นี้​แล้ว​ควร​หา​ภรรยา​มีชีวิต​ดี​ๆ หาก​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​ตระกูล​จงของ​พวกเรา​เจ้าจะเป็น​สายเลือด​เพียง​หนึ่งเดียว​”

ในขณะที่​เขา​กำลัง​พูด​ ทหาร​ผู้ส่งสาร​ร่าง​กำยำ​ขี่ม้า​เข้าไป​ใน​ค่าย​ใหญ่​ ไม่นาน​หลังจากนั้น​จงรุ่ย​ก็​วิ่ง​จน​แทบ​เหาะ​ออกมา​

“ท่าน​พ่อ​!” เขา​ตะโกน​เสียงแหบ​ “ฝ่าบาท​มีพระ​ราชโองการ​เรียกตัว​หยาง​ซาน​กลับ​สู่ราชวงศ์​!”

จงซู่ที่​เดิน​ไป​ได้​ครึ่งทาง​หยุด​ฝีเท้า​ จงซู่ และ​น้องชาย​ของ​เขา​มอง​มาทาง​นี้​ด้วย​ความประหลาดใจ​

จงรุ่ย​เอา​มือ​ป้อง​ปาก​ราวกับ​คนบ้า​ “หยาง​ซาน.​..ฮึ่ย​! เขา​กลับ​ไป​ใช้แซ่เจียง​ ได้รับแต่งตั้ง​เป็น​เยวี่ย​อ๋อง​!”

……………

[1] น้ำมันหมู​พอก​ใจ : ถูก​ครอบงำ​จน​มืด​บอด​ไร้​มโนธรรม​

คู่ชะตาบันดาลรัก

คู่ชะตาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

เหตุชะตาถึงฆาตทำให้วิญญาณของ ‘หมิงเวย’ หญิงสาวผู้มีวรยุทธ์เก่งกล้า ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของคุณหนูเจ็ดแห่งตระกูลหมิงผู้อ่อนแอ

แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายเมื่อทันทีที่ลืมตา นางกลับพบว่าในสวนอวี๋ฟางที่นางและฮูหยินสามผู้เป็นมารดาอาศัยอยู่นั้นมีสิ่งอัปมงคล!

สองแม่ลูกเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวพันกับไสยศาสตร์มืด จึงได้ลงมือสืบความจริงของเรื่องนี้อย่างลับๆ

และยิ่งตามสืบปริศนามากมายที่เกิดขึ้นในจวนและตระกูลหมิงแห่งนี้… กลับยิ่งเจอความลับอันดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่

แต่ท่ามกลางความมืดมิดและสิ่งชั่วร้าย โชคชะตากลับลิขิตให้หญิงสาวได้ไขประตูสู่ความจริง… รวมถึงนำไปสู่ความรัก!

นับตั้งแต่ที่ ‘หยางชู’ เหลนของฮ่องเต้จอมเสเพลแฝงกายมายังเมืองที่นางอาศัยอยู่เพื่อภารกิจบางอย่าง

นางและเขาจึงได้ตกลงร่วมกันทำภารกิจไขปริศนา แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจเป็นไปเพราะโชคชะตารักบันดาลอยู่เบื้องหลัง!

Options

not work with dark mode
Reset