คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 847 มีชีวิตร่วมผ้าห่ม ตายร่วมหลุม

ตอนที่ 847 มีชีวิตร่วมผ้าห่ม ตายร่วมหลุม

ตอนที่ 847 มีชีวิตร่วมผ้าห่ม ตายร่วมหลุม

ชิงกู่จื่อปล่อยพลังระเบิดตนเอง

สีหน้าของฉินหลิวซีกลับดูไม่ดีนัก หนึ่งเพราะข้อมูลที่นางได้รับ สองน่ะหรือ ยังมีอีกเรื่องคือ นางเอ่ยถึงซื่อหลัว ชิงกู่จื่อนี้ก็ระเบิดตนเองไปพร้อมกับวิญญาณด้วย

ชื่อนี้ อาจจะเป็นข้อห้ามหรือไม่ เพียงเอ่ยขึ้นมาก็ทำให้พวกสมุนเหล่านี้เปิดกลไกป้องกันตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเอ่ยความจริงใดๆ

ก่อนหน้านี้มีชื่อเจินจื่อ ตอนนี้ยังมีชิงกู่จื่อที่มาจากฝ่ายธรรมะ หากโชคชะตาที่เขาแย่งชิงนี้เพื่อมารเอ้อฝู้จริงๆ เช่นนั้นไม่เพียงสิบปีมานี้ ตามที่ผู้นำตระกูลอวี้บอก สามสิบกว่าปีก่อน เริ่มตั้งแต่บรรพบุรุษของเขาแล้ว

เช่นนั้น ยามที่เขาถูกคุมขังในมหาอเวจีนรก อาจมีการวางแผนมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อน หรือนานกว่านั้น

แล้วมีคนอย่างชิงกู่จื่อสองคนนี้ที่ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าของเขาอีกกี่คน และอยู่ที่ใดกัน

ยังมีอารามเป่าหวาที่เป็นฝ่ายธรรมะนั้นล่ะ รู้มากน้อยเพียงใด

ใบหน้าของฉินหลิวซีเข้มขรึม

ยุ่งยากยิ่งนัก น่ารำคาญจริงๆ

“เขา ตายสิ้นแล้วหรือ” อวี้ฉังคงเดินมาข้างฉินหลิวซี มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ว่างเปล่า ดวงตาลึกล้ำเหมือนสระน้ำเย็น ใบหน้านิ่งขรึมเย็นชา

“อืม” ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยอธิบาย “เขารับมือยาก เจ้าไม่ใช่คนจากลัทธิเต๋า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้น…”

ไม่สามารถสังหารศัตรูด้วยมือตนเองได้ ในใจเขาคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่กระมัง

อวี้ฉังคงเอ่ย “ไม่เป็นไร ยังมีคนอื่นอยู่”

ฉินหลิวซีนึกถึงหัวหน้าตระกูลอวี้และคนอื่นๆ หันไปมองเขา เห็นว่าใบหน้าของเขาไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย อดไม่ได้ลอบอธิษฐานในใจให้พวกเขาโชคดีอยู่เงียบๆ

ขอให้พวกเขาโชคดีเถิด

“เราไปเก็บกระดูกท่านพ่อท่านแม่เจ้ากันดีหรือไม่ เพียงแต่ยังไม่เตรียมโลงศพ”

อวี้ฉังคงมองไปทางถ้ำหิน เอ่ย “สิบปีที่แล้ว เราครอบครัวสามคนอาศัยอยู่ที่นี่ เพราะว่าข้างหน้ามีหุบเขา ทิวทัศน์สวยงามมาก ยังสร้างศาลาเล็กๆ บนยอดเขา ที่นั่นสามารถชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นได้ ดังนั้นที่แห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นดินแดนในอุดมคติ[1]ของพวกเรา พวกเขาตายที่นี่ วิญญาณของพวกเขาก็แตกสลายอยู่ที่นี่ ฝังไว้ที่นี่เถิด สุสานบรรพบุรุษ ไม่ไปก็ได้”

ฉินหลิวซีตะลึงไปชั่วครู่ “ไม่ฝังที่สุสานบรรพบุรุษหรือ”

อวี้ฉังคงส่ายศีรษะ “ไม่ไปหรอก ท่านพ่อท่านแม่ก็คงไม่อยากฝังที่สุสานบรรพบุรุษของตระกูลอวี้ ในอนาคตข้าเองก็ไม่”

เขาเดินไปยังถ้ำหิน ถอดเสื้อคลุมออกวางบนพื้น คุกเข่ากราบไหว้ซากกระดูก จากนั้นจึงเดินขึ้นบันไดหิน ย้ายซากกระดูกทั้งสองลงมาด้วยตนเอง ไม่ได้แยกออกจากกัน ทว่าวางเอาไว้บนเสื้อคลุม ห่ออย่างดีแล้วอุ้มขึ้นไปบนภูเขา

ฉินหลิวซีเดินตามหลังเขาไป ถึงยอดเขา เห็นศาลาหลังหนึ่งที่สร้างด้วยไม้ตั้งอยู่จริงๆ

ลมหนาวบนยอดเขาพัดแรง หิมะสะท้อนเป็นแสงริบหรี่

มีแสงหิมะ การมองเห็นยามค่ำคืนของฉินหลิวซีไม่เลว มองไปรอบๆ ใช้นิ้วคำนวณแล้วชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่ง “ที่นี่ เป็นสุสานที่ดี”

อวี้ฉังคงกล่าวขอบคุณ วางซากกระดูกลง หาหินที่เรียบคมหนึ่งก้อน เริ่มขุดหลุม

“ให้ข้าช่วยเถิด” ฉินหลิวซีอยากเข้าไปช่วย

“ไม่ต้อง ข้าขอทำเอง”

ฉินหลิวซีเห็นเขาเริ่มขุดหลุมแล้ว จึงนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าซากกระดูก เริ่มสวดบทไท่ซ่างเต้าจวิน[2]เพื่อปลดเปลื้องบาป ให้อวี้ชิงไป่สองสามีภรรยาได้ก้าวข้ามไป

ถึงแม้วิญญาณของพวกเขาแตกสลายไปแล้ว แต่ก็สมควรจะได้รับการปลดปล่อย

นางใช้นิ้วประกบร่ายคาถา สวดมนต์บทนั้นซ้ำไปซ้ำมา อวี้ฉังคงหยุดการกระทำ คุกเข่าอยู่ข้างซากกระดูก สวมเสื้อผ้าสีขาวเรียบง่าย เหมือนเสื้อผ้าของลูกที่กำลังไว้ทุกข์

เสียงสวดมนต์เพื่อปลดปล่อยก้องกังวานไปทั่วฟ้าดิน หิมะตกลงมาโดยไม่รู้ตัว ตกลงบนร่างทั้งสอง

เมื่อท้องฟ้าเริ่มขาว ฉินหลิวซีลืมตา เอ่ยว่า “ฝังเถิด”

อวี้ฉังคงวางซากกระดูกที่ห่อด้วยเสื้อคลุมลงในหลุมง่ายๆ หยิบดินเหลืองขึ้นมาแล้วโปรยลงไป จากนั้นผลักดินสีเหลืองที่ขุดออกมากลับเข้าไปใหม่ นำหินมาก่อเป็นเนินหลุมเล็กๆ สุดท้ายเขาดึงชิ้นไม้จากราวศาลา กัดนิ้วให้เลือดออก ใช้เลือดเขียนชื่อบิดามารดาลงไป

มีชีวิตร่วมผ้าห่ม ตายร่วมหลุม

หลังจากปักป้ายหลุมศพไว้หน้าหลุม เขาคำนับโขกศีรษะเก้าครั้ง จ้องมองหลุมเล็กๆ อยู่ครู่หนึ่ง “ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านพักผ่อนให้สงบเถิด”

ฉินหลิวซีเผายันต์สองแผ่น โปรยไว้บนหลุม ไม่เอ่ยแม้เพียงประโยค

ไม่เอ่ยถึงการมีชีวิต ความตาย และการเวียนว่ายตายเกิด เพราะพวกเขาไม่อาจได้เวียนว่ายตายเกิด ก็ไม่จำเป็นต้องปลอบใจเขาด้วยเรื่องนี้แล้ว

ฟ้าใกล้สาง ฉินหลิวซีมองไปยังอวี้ฉังคงที่นั่งสงบอยู่ด้านข้าง มองเลยไปที่หลุมเล็กข้างๆ เขา เอ่ย “ข้านึกว่าเจ้าจะฝังชั่วคราว ดูอย่างนี้แล้ว เจ้าไม่คิดจะเก็บกระดูกและใส่โลงใหม่ใช่หรือไม่”

อวี้ฉังคงใช้มือข้างหนึ่งบนเข่า อีกมือหนึ่งลูบก้อนหินบนหลุม เอ่ย “ไม่ต้องหรอก ฝุ่นกลับคืนสู่ฝุ่น ดินกลับคืนสู่ดิน ในเมื่อวิญญาณพวกเขาต่างอยู่ในฟ้าดินนี้ จะสนใจซากกระดูกนี้ไปไย ข้าเชื่อว่านี่เป็นที่พักที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว”

“เจ้า กำลังโทษตนเองหรือ พวกเขาจะไม่โทษเจ้าหรอก” ฉินหลิวซีปลอบแห้งๆ “พวกเขายอมสูญเสียวิญญาณไม่ยอมทำร้ายลูกชายคนเดียวเช่นเจ้าผู้นี้ นี่คือขีดจำกัดของพวกเขา ดังนั้นถึงแม้จะถูกควบคุม พวกเขาก็ยังคงรักษาสติไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า”

อวี้ฉังคงชะงักไปครู่หนึ่ง ส่ายศีรษะ “ข้าเข้าใจ ข้าเพียงรู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น”

เจ็บปวดกับการตายของบิดามารดา ยิ่งเจ็บปวดกับการที่พวกเขาตายแล้ววิญญาณถูกกักขัง ถูกแปลงเป็นปีศาจร้าย สิบกว่าปีที่ผ่านมา ต้องมีความโกรธแค้นมากเพียงใด จึงได้กลายเป็นผีที่ดุร้ายเช่นนั้น

อวี้ฉังคงลูบหลุมศพ เอ่ย “ข้ารู้สึกเจ็บปวดที่พวกเขาเป็นคนบริสุทธิ์เช่นนั้น แต่กลับต้องถูกทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณ พวกเขาเคยเป็นคู่รักสวรรค์ประทาน แต่สุดท้ายกลับจบลงอย่างน่าเศร้า สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”

ฉินหลิวซีเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ย “ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถิด”

อวี้ฉังคงหัวเราะ “น้ำตาไม่มีประโยชน์ ข้าไม่จำเป็นต้องร้องแล้ว”

เพราะหัวใจเขาได้ร่วงหล่นลงมา แต่ก็ว่างเปล่าแล้ว

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาตามหาศัตรู ยิ่งค้นหาความจริงก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด ผลลัพธ์สุดท้ายกลับน่ารังเกียจที่สุด เพราะศัตรูที่ใหญ่ที่สุดกลับเป็นญาติสนิทของเขาเอง เขาถูกหลอกมาเป็นสิบปี เรียกคนนั้นว่าปู่และเคารพรักมาเป็นสิบปี

ฉินหลิวซีเห็นเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จึงเอ่ย “อย่ารับความทรมานนั้นเลย อย่าทำตัวเป็นชิงกู่จื่อคนที่สองเลย บาปของพวกเขาจะได้รับการชำระเอง”

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำหรอก” อวี้ฉังคงยิ้มอ่อนโยน

เรื่องเหล่านั้นที่พวกเขาทำ จะปล่อยให้ตายง่ายๆ ได้อย่างไร ควรจะต้องชดใช้ในนรกอย่างช้าๆ

เขาจะเก็บพวกนั้นเอาไว้ เขาจะทำลายสิ่งที่พวกนั้นรักที่สุดไปทีละนิด ให้พวกนั้นต้องเจ็บปวดและเห็นตระกูลอวี้ตกลงมาจากแท่นบูชา กลายเป็นคนธรรมดา และพวกเขา อย่าได้คิดตายอย่างสงบสุขเช่นนั้น

ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใดมากความ นั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ เขา

เสียงลมหนาวพัดผ่าน หิมะหยุดแล้ว

หมอกขาวค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากด้านล่างภูเขา กลายเป็นทะเลหมอกสีขาว

ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มปรากฏสีส้ม ค่อยๆ เข้มขึ้น จนฟ้าเริ่มสว่างขึ้น วงสีส้มจากขอบฟ้าค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากทะเลหมอก ลอยขึ้นไปช้าๆ

ปลายฤดูหนาว พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว

แสงอุ่นๆ ส่องลงบนหลุมศพ เกิดแสงอบอุ่นโอบล้อม ในทะเลหมอก ดูเหมือนมีคู่รักยืนจับมือกัน

ดวงตาของอวี้ฉังคงลึกซึ้งขึ้น

[1]ดินแดนในอุดมคติ หมายถึง แดนเนรมิตในจินตนาการที่มีแต่ความสงบสุข ไม่มีสงคราม ผู้คนเอื้ออาทรต่อกัน

[2] ไท่ซ่างเต้าจวิน คือหนึ่งในคณะปรมาจารย์ซานชิงทั้ง 3 คือ หลิงเป่าเทียนจุน หยวนสื่อเทียนจุน และ เต้าเต๋อเทียนจุน ไท่ซ่างเต้าจวิน คือ หลิงเป่าเทียนจุน

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset