ตอนที่ 846 อยู่กับข้าที่นี่ ตัวร้ายไม่อาจตอบโต้ได้
แน่นอนว่าชิงกู่จื่อไม่เคยเห็นไฟนรกโลกันต์ที่แท้จริง เพียงเคยเห็นจากภาพประกอบในตำราโบราณที่เขียนบรรยายเอาไว้ ไฟนรกโลกันตร์ตามตำนาน ทะเลเพลิงไร้ขอบเขต ใช้ลงโทษและเผาไหม้คนบาปบนโลก
เบื้องล่างเป็นทะเลเพลิงไร้ขอบเขต มีคนไม่น้อยถูกเผาไหม้ร้องโหยหวน ผู้มีบาปหนัก เวลาเพียงไม่นานก็สามารถเผาไหม้จนเหลือเพียงโครงกระดูก
“ค่ายอาคมกระดูกที่เจ้าสร้าง เรียกได้อีกว่าค่ายอาคมเพลิงเวรกรรม แต่ของข้านี้…” ฉินหลิวซีเอียงศีรษะ คลี่ยิ้ม “เรียกว่าค่ายอาคมไฟนรกเถิด ว่ากันว่าอารามเป่าหวาเชี่ยวชาญค่ายอาคม ข้าเห็นว่าฝีมือสร้างค่ายของเจ้าไม่เลว เช่นนั้นก็ลองทำลายค่ายอาคมของข้าดูสิ”
นางเพิ่งเอ่ยจบ นิ้วมือจรด เคลื่อนไหวค่ายอาคม
ครื้นนน
ไฟนรกโลกันตร์ที่เดิมนิ่งสงบยามนี้ราวกับมีชีวิตขึ้นมา ลุกโชนขึ้น
สัมผัสได้ถึงเปลวไฟอันร้อนแรง ชิงกู่จื่อดีดปลายเท้าขึ้น แส้ยาวที่มีกระแสสายฟ้าสะบัดโจมตีไปยังฉินหลิวซี
เพียงแต่แส้ของเขาเพิ่งเข้าใกล้ฉินหลิวซี ความร้อนที่ลุกไหม้ขึ้นมาเผาแส้ยาวเส้นนั้นของเขา เปลวไฟยังลุกไหม้ไปตามเส้นเชือกไปยังทางที่มือเขาจับเอาไว้ รวดเร็วราวกับงู ความเร็วทำให้เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ทัน
ชิงกู่จื่อตกใจอยู่ในใจ ในยามที่เปลวไฟมาถึงปลายนิ้วเขารีบปล่อยมือ ขณะเดียวกันก็เดินถอยห่าง มืออีกข้างปัดเปลวไฟบนมือขวา
เขาตอบสนองเร็ว แต่ไม่เร็วเท่าไฟนั้น เมื่อเปลวไฟมาถึงมือก็เผาเนื้อและหนังของเขา เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา
ด้วยความเจ็บปวดนี้ ทำให้วิชาตัวเบาที่ทำให้เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศคลายลง หล่นลงบนพื้น
หากเอ่ยว่าเปลวไฟที่ลุกไหม้บนแส้เป็นดั่งงู เช่นนั้นทะเลไฟนรกโลกันตร์ที่ลุกโชนอยู่บนพื้นคงราวกับงูไฟจำนวนมากไม่อาจนับได้ กำลังยิงฟันให้กับเขา รอโอกาสโจมตี
“ให้ตายเถอะ”
ชิงกู่จื่อจำต้องประกบนิ้วอีกครั้ง เขาใช้อาคมเพื่อพยุงตัวเองขึ้นไปในอากาศ แต่คลื่นความร้อนที่แผดเผายังคงทำให้ความชื้นในร่างกายของเขาระเหยไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายไม่มีส่วนใดไม่รู้สึกแห้ง คอแห้งลิ้นแห้ง แม้แต่ลมหายใจยังมีกลิ่นไฟ
เขาได้กลิ่นไหม้มาจากผม เครา อีกทั้งกลิ่นเนื้อ
ชิงกู่จื่อก้มลงมองหลังมือที่ถูกเผาไหม้จนดำ ดวงตาแทบถลนออกมา
เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้การ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าวิชาของตนจะไม่สามารถพาตนลอยอยู่บนอากาศได้ตลอด ความร้อนนี้ยังสามารถทำให้เขากลายเป็นคนแห้งได้
ต้องรีบทำลายค่ายอาคม
ชิงกู่จื่อกัดปลายนิ้วแตก เขียนยันต์ความเย็นไว้กลางฝ่ามือ พลิกมือตบลงไปยังจุดหลิงไถ
ฉินหลิวซีไม่ใจดีรอเขารวบรวมสติได้ ในตอนที่เขาตบยันต์เข้าไปกับร่างกาย ก็ดึงเปลวเพลิงหนึ่งเส้นโจมตีไปที่เขา “ค่ายอาคมโครงกระดูกต้องใช้ไฟเผาและต้มทั้งเป็น เจ้าเองก็ลองลิ้มรสของการถูกไฟเผาดูเถิด”
วิธีการตายนับพันหมื่นวิธี ไฟนั้นน่าเวทนาและน่าหวาดกลัวที่สุด เพราะเมื่อไฟเผาไหม้บนร่างกาย ไม่ได้ตายในทันที แต่ค่อยๆ เผาไหม้ และการถูกไฟเผา แม้แต่จิตวิญญาณยังสั่นคลอนและต้องการหลบหนี
เพื่อสร้างค่ายอาคมไฟเวรกรรม ชิงกู่จื่อต้มและเฉือนเนื้อคนทั้งสองทั้งเป็น การลงมือใจร้ายและเหี้ยมโหด ความจริงค่ายอาคมนี้เพียงใช้ไฟเผาก็ได้แล้ว แต่ยังมากรีดเลือดกรีดเนื้อ ไม่ใช่เพราะต้องการให้ดวงวิญญาณทั้งสองมีความโกรธแค้นเพิ่มพูน ทำให้อิทธิฤทธิ์ของค่ายอาคมที่ตนสร้างแข็งแกร่งมากขึ้นหรอกหรือ
สายตาของฉินหลิวซีเยือกเย็นแรงกล้า ร่ายมนต์โจมตีเขาไม่หยุด
ชิงกู่จื่อหลบหลีกทุลักทุเล สายตาคมมองไปยังฉินหลิวซี เจ้าเด็กผีนี่จัดการยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ต้าเฟิงมีเทียนซือน้อยร้ายกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ตลอดหลายปีมานี้เอาแต่กักตัวมุ่งมั่นสร้างค่ายอาคม ทั้งเอาแต่ชิงโชคชะตามาจากตระกูลอวี้ ไม่เคยสนใจอย่างอื่น ตอนนี้…
พลาดแล้ว
ปีศาจรู้ถึงการมีอยู่ของตัวที่จัดการได้ยากนี้หรือไม่
ไม่สิ จากการมีอยู่ของคนผู้นั้น เขาย่อมรู้เพียงแต่ไม่สนใจ รวมทั้งผู้คนบนโลก ในสายตาเขาล้วนเป็นมดที่ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงทั้งนั้น
ชิงกู่จื่อหยิบแท่นค่ายอาคมออกมาจากอกหนึ่งแท่น โจมตีไปยังฉินหลิวซี
เพียงไม่นานฉินหลิวซีก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่างของค่ายอาคมนี้ มันเป็นอาวุธล้ำค่า เป็นอาวุธล้ำค่าจริงๆ ไม่ใช่การใช้วิชามารสร้างมันขึ้นมา แต่เป็นพลังที่แท้จริง
นางมองไป เห็นกลุ่มดาวจระเข้[1]กลุ่มหนึ่งด้านในค่ายอาคม ทุกตำแหน่งดาวมีเงาคนในชุดเต๋านั่งขัดสมาธิอยู่
นี่คือแท่นค่ายอาคมกลุ่มดาวจระเข้หรือ
ได้ยินว่าเวทมนต์ในลัทธิเต๋าที่ร้ายกาจที่สุดก็คือค่ายอาคมกลุ่มดาวจระเข้ เมื่อพวกเขายังมีค่ายอาคมอยู่ ย่อมมีฐานมั่นคงจริงๆ
ดวงตาคู่นั้นของฉินหลิวซีหรี่ลง เหอะ เจ้ามีของดีเพียงนี้ ข้าไม่พอใจแล้วนะ
นางไม่แม้แต่จะมองแท่นค่ายอาคมส่องแสงตัวอักษรคาถาสีทอง ยิ่งไม่สนใจเงาเหล่านั้นที่กำลังโจมตีมาที่นาง ตั้งจิตทำให้ไฟนรกโหมกระพือขึ้น ผลักเข้าหาชิงกู่จื่อ มืออีกข้างจรดนิ้ว โจมตีไปยังแท่นค่ายอาคมกลุ่มดาวจระเข้นั่น
ค่ายอาคมนี้ แสงสว่างของดาวดาวเทียนเฉวียน[2]สว่างน้อยที่สุด ทว่าสำคัญที่สุด เพราะมันคือตำแหน่งบรรจบกันของจุดขุยปิ่ง เมื่อตรงนี้แตก ค่ายไม่เป็นค่าย ตำนานกล่าวเอาไว้ว่าตำแหน่งนี้นั่งบัญชาการโดยชิว ชู่จี[3]ที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุด
ตอนนี้หรือ
ขออภัยแล้วผู้อาวุโส
พลังของไฟนรกเพิ่มขึ้นสูงสุดโจมตีไปยังดาวเทียนเฉวียนนั้น เสียงระเบิดครื้นดังขึ้น ดาวเทียนเฉวียนเกิดเป็นรู ค่ายอาคมแตก
เพล้ง
แท่นอาคมแตกครึ่งเป็นสองฝั่ง ตกลงมาจากอากาศ
อึก
ชิงกู่จื่อกระอักเลือดออกมา ใบหน้าซีดขาว ทว่าไม่มีเวลามาปวดใจกับแท่นค่ายอาคมอาวุธล้ำค่านี้ สองมือประกบปากร่ายคาถา “หยินแปรเปลี่ยน จิตวิญญาณแห่งน้ำ สนองต่อภัยอันตราย เต่างูรวมร่าง หกเส้นหลอมรวม สรรพสิ่งสะท้าน ข้าขอเชิญเทพสวรรค์เต่าดำมาตรงนี้…เพี้ยง”
“ข้าเชิญหลานอย่างเจ้า ลงไปเดี๋ยวนี้” ฉินหลิวซีไม่รู้กระโดดมาอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อใด กดลงกลางศีรษะของเขา
อยู่กับข้าที่นี่ ตัวร้ายไม่อาจตอบโต้ได้
ชิงกู่จื่อร้องเสียงดัง ตกลงมาจากกลางอากาศลงสู่ค่ายอาคมไฟนรกเปลวไฟโหมลุกไปยังร่างกายของเขา ส่งเสียงตะโกนโหยหวนยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าบอกมา โชคชะตาเหล่านั้นเอาไปให้ผู้ใด ขอเพียงเจ้าบอก ข้าจะให้เจ้าตายอย่างมีความสุข” ฉินหลิวซียืนอยู่ตรงหน้าชิงกู่จื่อ
ชิงกู่จื่อเห็นสายตานางราวกับมองคนตาย พุ่งตัวเข้าหานาง แต่ไฟพวกนั้น ราวกับรู้ความ ไม่ลุกลามไปที่ร่างกายของนาง ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อาจห้ามได้ “เจ้าเป็นใครกันแน่”
“ข้าเป็นบรรพบุรุษน้อยของเจ้า ว่ามาเถิด คนผู้นั้นคือใคร”
ชิงกู่จื่อยิ้มเย็น “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าก็เป็นได้เพียงก้อนกรวดในรองเท้าเจ้านายข้าเท่านั้น เป็น…”
เพียะ
“เจ้าช่างปากมาก เจ้านายเจ้าๆ ถูกเทพที่เจ้าเรียกล้างสมองแล้วหรืออย่างไร” ฉินหลิวซีสะบัดฝ่ามือฟาดลงไป “คนที่อยู่ข้างหลังเจ้า คือมารซื่อหลัวกระมัง”
ดวงตาของชิงกู่จื่อหดเกร็ง
ฉินหลิวซีไม่พลาดต่อความเคลื่อนไหวเล็กน้อยนั่น ติดกับแล้ว
ปัง
วิญญาณของชิงกู่จื่อแตกสลายด้วยตนเองทันที
ฉินหลิวซีก้าวถอยหลังสองก้าว ค่ายอาคมแตกกระจาย วิญญาณล่องลอย หัวคิ้วของนางยกขึ้น ไม่ใช่ฝีมือนาง
และทางอีกด้านหนึ่ง คนผู้เห็นใบหน้าไม่ชัดเจนผู้นั้นมองดูหุ่นคนที่ร่วงลงมาจากชั้นวาง เม้มริมฝีปาก “ครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าชักจะโกรธแล้ว”
เขาสะบัดมือ คนไม้กลายเป็นเถ้า ถูกปัดออกไปนอกห้อง หายไปจากโลก
[1] กลุ่มดาวจระเข้ เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์สว่าง 7 ดวงที่ก่อตัวเป็นส่วนเอวไปจนถึงส่วนหางของกลุ่มดาวหมีใหญ่ มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า เป่ยโต้วชีซิง แปลว่า ดาวเจ็ดดวงกระบวยเหนือ กลุ่มดาวนี้มีทั้งหมด 7 ดวง ประกอบด้วย เทียนซู เทียนเสวียน เทียนจี เทียนเฉวียน อวี้เหิง ไคหยาง เหยากวง กลุ่มดาวนี้มีเทพผู้ถือบัญชีตายสถิตอยู่
[2] ดาวเทียนเฉวียน เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวกระบวยเหนือซึ่งอยู่ในลำดับที่ 4 นอกจากนี้ ดาวเทียนเฉวียนมีเทพเหวินชวีสถิตอยู่ และชื่อดาวมีความหมายว่า “ดุลยพินิจแห่งสวรรค์”
[3] ชิว ชู่จี หรือฉายาทางเต๋าว่าฉางชุนจื้อ เป็นนักพรตเต๋าผู้มีตัวตนจริง มีชีวิตอยู่ช่วง พ.ศ. 1691-1770 เป็นศิษย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาศิษย์ 7 คนของนักพรตหวัง ฉงหยาง ต่อมาท่านได้ก่อตั้งสำนักหลงเหมินซึ่งมีศาสนิกชนเลื่อมใสปฏิบัติตามจำนวนมาก