ตอนที่ 843 รับช่วงต่อเถิด ของดีอย่าเสียให้ผู้อื่น
……….
เห็นว่าอวี้ฉังคงจะปฏิเสธจริงๆ เหล่าอวี้เฉิงฉีต่างร้อนใจแทบบ้า กลิ่นไอผีแผ่กระจายไปยังเหล่าผู้อาวุโสโดยไม่คิดเงิน ต้องโทษเจ้าลูกหลานโง่เหล่านั้น สมองมีปัญหาไม่มีความเฉลียวฉลาดมาเติม เอาแต่เติมน้ำ
เหล่าผู้อาวุโสร้องห่มร้องไห้น้ำตานองหน้า สะอึกสะอื้นไม่หยุด แทบอยากสลบตายไป หนาวมาก หนาวเข้ากระดูกอย่างไรอย่างนั้น
อวี้เฉิงฉีเห็นอวี้ฉังคงไม่มีทีท่าไหวติง จำต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีได้รับสายตาเช่นนั้น สองแขนกอดอก กวาดมองไปยังสุสาน
อวี้เฉิงฉีจนปัญญา มองไปหาเฮยอู๋ฉัง ดึงเขามาอยู่ข้างๆ ควักก้อนทองหยวนเป่าออกมาสามก้อนยื่นไปให้ ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านอู๋ฉัง ท่านเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วหรือไม่”
เฮยอู๋ฉังตกใจแทบตาย รีบผลักก้อนทองหยวนเป่ากลับคืนไป “ท่านอย่าทำเช่นนี้ ข้าเองก็มากินเมล็ดแตง…ชมละคร ไม่ใช่ เพียงช่วยเรียกพวกเจ้าขึ้นมาเท่านั้น คำของข้าไม่ใช่ผู้ใดต่างเชื่อ”
“ใต้เท้า ที่นั่นข้ายังมีเจดีย์ทองเก้าชั้น บริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ข้าเองก็ปล่อยมันตั้งไว้ไม่มีประโยชน์ เดี๋ยวกลับไปข้าจะส่งไปยังจวนให้ท่านชื่นชมเล่นเป็นอย่างไร” อวี้เฉิงฉีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เบื้องล่างนั้น ตั๋วเงินใดๆ ไม่อาจมีประโยชน์เทียบก้อนทองหยวนเป่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีทองคำบริสุทธิ์ทับซ้อนกันเป็นปึกๆ เมื่อเผาเซ่นไหว้ เมื่อเบื้องล่างได้รับก็ได้ใช้ประโยชน์
เฮยอู๋ฉังชะงักไปเล็กน้อย เอ่ย “เช่นนั้นข้าจะลองดู บอกไว้ก่อน คำของข้าไม่นับว่ามีประโยชน์มากนักเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านผู้นี้”
ดวงตาของอวี้เฉิงฉีสว่างไสว “ท่านวางใจ ข้าน้อยเองไม่ใช่คนไม่รู้ความ”
“ใช่ๆ เจ้าเองก็เป็นคนโชคร้าย ประสบกับลูกหลานเหล่านี้ ก็เป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจ” เฮยอู๋ฉังถอนหายใจด้วยความสงสาร คว้าก้อนทองหยวนเป่ามาเก็บ
อวี้เฉิงฉียิ่งปวดใจ แม้จะเป็นความจริง แต่รักษาความรู้สึกข้าสักหน่อยได้หรือไม่
เฮยอู๋ฉังเดินมาหยุดตรงหน้าฉินหลิวซี สบเข้ากับสายตาคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มของนาง ลูกจมูกเบาๆ กอดไม้เท้ายิ้มพลางเอ่ย “เอ่อ ตอนนี้เบื้องล่างค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง รับของเขามาก็ไม่อาจปฏิเสธได้…ท่านว่าเรื่องนี้ ต้องจัดการสักหน่อยดีหรือไม่”
“อือหึ ท่านแต่งเรื่องต่อ”
เฮยอู๋ฉังเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ยามนี้ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลอวี้โง่ก็โง่ แต่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ ตระกูลของเขาสืบทอดต่อมาหลายร้อยปี มีรากฐาน หากมีผู้นำที่ดีก็ยิ่งดี บุญกุศลทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข พวกเราไม่เอ่ยแล้ว เอ่ยถึงเขา…”
เขาชี้ไปยังอวี้ฉังคง เอ่ย “หากเขาเป็นผู้นำตระกูลอวี้ กุมตำแหน่งผู้นำตระกูล ตระกูลอวี้อยากเป็นตระกูลอวี้แบบใด ก็ไม่ใช่เขาเป็นคนตัดสินใจหรือ อยากเปลี่ยนแปลงก็เปลี่ยนแปลง ได้ยินว่า ทรัพย์สมบัติของตระกูลอวี้ที่ซุกซ่อนเอาไว้ก็ไม่เลว สมุนไพรล้ำค่าหายาก ตำราโบราณ เงินทองเพชรพลอย…”
“ท่านไม่ต้องเอ่ยแล้ว” ฉินหลิวซีหยุดคำพูดเขาไว้ เดินไปหยุดอยู่ข้างอวี้ฉังคง เอ่ย “ก่อนหน้านี้ที่เราคุยกัน ไม่ทำลายเก่าก็ไม่อาจสร้างใหม่ ตอนนี้เป็นโอกาสแล้ว”
อวี้ฉังคงมองนาง
“ตระกูลอวี้จะปฏิวัติปรับเปลี่ยน แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับผู้เป็นผู้นำ หากอำนาจนี้ก็ยังไม่มี เช่นนั้นรับตำแหน่งไปก็ไม่มีความหมาย ผู้อาวุโสอวี้ว่าอย่างไร ไม่ทำลายเก่าไม่อาจสร้างใหม่ใช่หรือไม่” ฉินหลิวซีมองไปยังอวี้เฉิงฉีพร้อมเอ่ย
อวี้เฉิงฉีรีบตอบ “แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น ขอเพียงลิ่งสือรับตำแหน่งต่อ อนาคตตระกูลอวี้จะพัฒนาไปอย่างไรก็แล้วแต่เขาจะตัดสินใจ”
“เกรงว่าจะมีบางคนไม่ยินยอมและไม่พอใจ อย่างไรก็มีอำนาจอยู่ในมือ ผู้ใดจะยอมปล่อยกัน” ฉินหลิวซีท่าทางครุ่นคิดเหลือบมองไปยังเหล่าผู้อาวุโส
อวี้เฉิงฉีส่งเสียงหยัน “ไม่ต้องให้พวกเขามายอมหรือไม่ยอม อย่างไรสิ่งที่พวกเขาทำก็ไม่ใช่มนุษย์ควรทำ อยู่มานานพอแล้ว ควรมาดูแลปรนนิบัติบรรพบุรุษอย่างพวกเราแล้ว”
เหล่าผุ้อาวุโส “?”
เอ่อ หมายความว่าจะเอาพวกเขาไปหรือ
“ท่านบรรพบุรุษ พวกเราสำนึกผิดแล้วขอรับ” เหล่าผู้อาวุโสคลานอยู่บนพื้นหิมะหนาวเย็น
“พวกเจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ ทำเรื่องเลวร้าย พวกเจ้าก็อยู่ต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว” อวี้เฉิงฉีเอ่ยเสียงเย็น หันมาเอ่ยกับพวกอวี้ฉังคงต่อ “ขอเพียงเจ้ารับตำแหน่งต่อ พวกเราจะอยู่ต่อสักพัก ช่วยสั่งสอนลูกหลานที่ไม่ยอมเหล่านั้น”
ส่วนจะสั่งสอนอย่างไรน่ะหรือ
วิธีแบบผี พวกเขาตายเป็นผีมาหลายปี คุ้นเคย
ไม่ยอมก็จะตีจนยอม
อวี้ฉังคงเงียบ
ฉินหลิวซีเอ่ยเกลี้ยกล่อมต่อ “ตระกูลอวี้อยู่ในมือของเจ้า เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ อย่างไรเจ้าก็ไม่อาจทิ้งแซ่นี้ของท่านพ่อเจ้าได้ สร้างวงศ์ตระกูลใหม่ก็ต้องใช้เวลานาน ไยจึงไม่เปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ตอนนี้เล่า ข้าเชื่อว่าท่านพ่อของเจ้าเองก็ต้องการเห็นตระกูลอวี้ในแบบที่ต่างออกไปในมือเจ้าเช่นกัน นั่นเป็นเกียรติที่ดีที่สุดที่จะมอบแก่พวกเขามิใช่หรือ”
นางขยับเข้าใกล้เล็กน้อย ใช้น้ำเสียงที่มีเพียงเขาที่ได้ยิน เอ่ย “ตระกูลอวี้สืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปี สมบัติมากมายเพียงนั้น ตกไปเป็นคนผู้อื่น เสียเปรียบมากเลยนะ”
หนังตาอวี้ฉังคงกระตุก จ้องมองนางอย่างมีความหมาย นี่ต่างหากที่เป็นจุดสำคัญกระมัง
แต่ฉินหลิวซีก็เอ่ยถูกแล้ว หากพาตระกูลอวี้เติบโตในแบบที่แตกต่าง เป็นการเซ่นไหว้ที่ดีที่สุดแก่ท่านพ่อท่านแม่ และแท่นบูชาของตระกูลอวี้ เขาอยากดึงมันลงมาตั้งนานแล้ว
อวี้ฉังคงมองไปยังอวี้เฉิงฉี เอ่ย “หากยอมให้ข้ามีสิทธิ์ตัดสินใจเพียงผู้เดียวเช่นนั้น ข้าจะรับ”
“ได้ๆ วางใจ พวกเราจะสนับสนุนเจ้า”
“เพียงช่วยให้ข้ารับตำแหน่งมาอย่างราบรื่นก็พอ ส่วนหลังจากนั้น คงไม่รบกวนเหล่าบรรพบุรุษแล้ว”
อวี้เฉิงฉีสะอึก
“เช่นนั้นตอนนี้เล่า”
“ผู้อาวุโสเลือกสักสิบกว่าคนอยู่ต่อก็พอ” ฉินหลิวซีเอ่ย “เหล่าเฮย รบกวนเจ้าช่วยประทับตราอนุญาตให้พวกเขาอยู่ที่ตระกูลอวี้อีกสักระยะ เพื่อยมทูตอื่นจะได้ไม่มาจับตัวพวกเขา”
อวี้เฉิงฉีดีใจ
มีคำอนุญาต พวกเขาก็สามารถอยู่บนโลกมนุษย์ได้อย่างถูกต้อง ไม่ถูกยมทูตเข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาจะก่อเรื่อง พวกเขาจะได้เห็นโลกมนุษย์ในยามนี้ด้วย
เป็นเช่นนั้น กระดูกเมื่อสร้างสารีริกธาตุก็ถูกต้องแล้ว
และเทียนซือตัวน้อยตรงหน้าไม่อาจล่วงเกินได้ซึ่งถูกต้อง หาท่านอู๋ฉังไม่ผิดคนเลยจริงๆ
“บรรพบุรุษ ข้าจะอยู่” อวี้เสี่ยนเจิ้งเอ่ยขึ้น กวาดสายตาเย็นจะเยือกไปยังผู้อาวุโสในตระกูลเหล่านั้น เอ่ย “ข้าอยากจะเห็น ว่าลูกหลานตระกูลอวี้ภายใต้การปกครองของพวกไม่ได้เรื่องนี่จะเป็นเช่นไรแล้ว”
นี่เป็นประทัดที่กำลังเดือดพล่าน
อวี้เฉิงฉีเลือกคนที่จะอยู่ต่อตามความต้องการของเขา ให้เฮยอู๋ฉังประทับตรา คนอื่นๆ ที่เหลือ ถูกเฮยอู๋ฉังพาตัวไป
เหล่าผู้อาวุโส “…”
วันเวลาดีๆ ของพวกเขาดูเหมือนจะสิ้นสุดแล้วจริงๆ
“พวกท่านไปอยู่ที่ศาลบรรพชนตระกูลอวี้เถิด ที่นั่นมีป้ายชื่อของพวกท่าน สิงสถิตได้ ทั้งยังได้รับการเซ่นไหว้ ไม่ทำให้วิญญาณเสียหาย” ฉินหลิวซีเอ่ยกับเหล่าอวี้เฉิงฉี
“พวกเจ้าเล่า”
“ข้าและฉังคงยังต้องไปยังสถานที่ที่ท่านพ่อท่านแม่เขาตาย”
ผู้นำตระกูลอวี้เงยหน้าขึ้นมาทันใด “เจ้าไปไม่ได้”
อวี้ฉังคงยิ้มเย็น “เจ้ากลัวว่าข้าจะเจอความจริงที่แย่ไปกว่านี้หรือ”
“ปู่ไม่มีทางทำร้ายเจ้า ชิงกู่จื่อนั่นร้ายกาจ หากเจ้าเจอกับเขา เกิด…”
“เขาปรากฏตัวก็ดี ดีจะได้เซ่นไหว้ต่อท่านพ่อท่านแม่ข้า” อวี้ฉังคงเอ่ยเสียงเย็นกับเขา “ผู้นำตระกูลเจ้าไม่ต้องเอาสายตากังวลและทำเพื่อข้ามามองข้า ข้าเห็นแล้วรู้สึกรังเกียจ เราไปกันเถิด”
ฉินหลิวซีพาเขาหายไป
ผู้นำตระกูลอวี้มองไปยังทิศที่พวกเขาหายไปนิ่งงัน มุมปากมีเลือดไหลออกมา ใบหน้าเทาราวกับคนตาย เป็นลมล้มไป
อวี้เฉิงฉีมองไปยังคนเหล่านั้น “รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ไยถึงทำแต่แรก”