ตอนที่ 838 โจรร้องจับโจร
อวี้ฉังคงเปิดโลงไม้จื่อถานเล็กๆ โลงนั้นออก และถูกสิ่งที่อยู่ในโลงศพเล็กๆ นั้นกระตุ้นโทสะจนดวงตาแทบระเบิด
เสื้อคลุมปักลายไผ่เขียว ปอยผมม้วนเล็กๆ และเล็บสองแผ่น และเลือดที่บรรจุอยู่ในขวดแก้ว ห่อไว้ด้วยกระดาษยันต์ที่เขียนแปดอักษรวันเดือนปีเกิดไว้แล้วมัดด้วยเชือกสีแดง
อวี้ฉังคงคลี่กระดาษยันต์ออก และเห็นสี่เสาและแปดอักษรที่คุ้นตา ดวงตาก็แดงก่ำ “ท่านพ่อ”
ปลายเชือกอีกด้านหนึ่งที่ผูกติดอยู่กับของพวกนี้เป็นตุ๊กตาที่เหมือนคนตัวหนึ่ง ตุ๊กตาตัวนั้นสวมชุดคลุมลายนกกระเรียน ผมขาวแต่ดูเยาว์วัย มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยปราณมงคล
นั่นคือรัศมีอันเป็นสิริมงคลที่เกิดขึ้นจากโชคลาภที่ไหลมาสู่ตุ๊กตาตัวนั้นเท่านั้น
อวี้ฉังคงไม่จำเป็นต้องดูอักษรที่เขียนไว้บนกระดาษยันต์ที่ติดอยู่ด้านหลังตุ๊กตาด้วยซ้ำ เพราะตุ๊กตานั้นเหมือนกับท่านปู่ของเขา เป็นตุ๊กตาที่แกะสลักขึ้นตามรูปลักษณ์ของเขา
เขาคุกเข่าลงกับพื้น ลำคอติดขัด พูดอะไรไม่ออกสักคำ
ฉินหลิวซีมองลงไปที่ตีนเขา “มีคนกำลังมา”
อวี้ฉังคงไม่ขยับ มาสิ เขาจะได้ถามเลยว่าเขาทำอย่างนี้ได้อย่างไร
เขาเช็ดหางตาก่อนจะเอ่ย “นี่คือการปลูกฐานชีวิตหรือ?”
“ใช่” ฉินหลิวซีตอบ “ถ้าไม่ใช่เพราะตุ๊กตาตัวนี้ มีเพียงแก่นแท้ของตนเองที่ฝังอยู่ในโลงศพ ก็จะเป็นการปลูกฐานชีวิตแบบทั่วไป การใช้เชือกแดงมัดไว้ก็เทียบเท่ากับการร่วมรับผลกรรมเดียวกัน และยังสามารถได้รับผลสะท้อนกลับเพราะความเชื่อมโยงของสายเลือด ทำให้โชคที่ปลูกฐานชีวิตที่ได้มานี้ไหลไปสู่ตุ๊กตาคน แล้วกระจายออกไป ก็เหมือนกันการขโมยโชคแล้ว”
อวี้ฉังคงหัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นโศกเศร้าและโหดร้าย “น่าขันจริงๆ คำโบราณกล่าวว่าเสือร้ายไม่กินลูกตัวเอง ถ้ามันหิวมากก็ต้องลองดูสินะ?”
ฉินหลิวซีเดินไปที่หลุมศพ และเหลือบมอง ใช้ปลายเท้าแตะส่งสัญญาณให้คนกระดาษขุดต่อไป จนกระทั่งของที่ถูกฝังไว้ใต้หลุมปรากฏขึ้น
“นั่นอะไร” อวี้ฉังคงถามด้วยความงุนงง
ฉินหลิวซีหยิบของที่ใช้กระดาษยันต์ห่อไว้ขึ้นมาเปิดออกดู มันเป็นกระดาษม้วนหนึ่ง บนกระดาษที่ทนน้ำทนไฟมีการวาดปลาหลี่อวี๋[1]เก้าตัวไว้ เมื่อดูอักขระ มันคือยันต์เสริมโชค
“เป็นยันต์เสริมโชครูปปลาเก้าตัว”
อวี้ฉังคงนิ่งงันไป ฟังดูเหมือนไม่ใช่ของเลวร้ายอะไร ทำไมยังต้องฝังไว้ใต้ป้ายหลุมศพ?
เดิมทีปลาหลี่อวี๋ก็หมายถึงความโชคดี และยังเป็นปลาซึ่งมีความหมายที่ดี เหลือกินเหลือใช้ และยังวาดไว้ถึงเก้าตัวหมายถึงยาวนานตลอดไป เมื่อบวกกับยันต์เสริมโชคนี้แล้ว เป็นการตั้งใจให้โชคลาภนี้อยู่ไปนานๆ ไม่ขาดหาย เป็นของดี
อวี้ฉังคงกลับรู้สึกว่านางยังมีอะไรจะเอ่ยอีก “ท่านเอ่ยมาตรงๆ เถิด”
ฉินหลิวซียิ้ม “ของที่ดีมากเช่นนี้ตกในถ้ำมังกรที่ปลูกฐานชีวิตไว้จะส่งเสริมโชคและชีวิต ทำให้โชคยังถูกกระตุ้นต่อไปไม่หยุด ถ้ามันไหลเข้าตระกูลอวี้ก็ย่อมดี แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าไม่มีใครขโมยมันไป”
นางเปิดดวงตาสวรรค์และเห็นว่าภาพปลาทั้งเก้านั้นเชื่อมโยงกับเส้นกรรมที่มองไม่เห็นตรงไปยังทิศทางหนึ่ง นางจึงชี้ไปตรงนั้น “นั่นหลุมศพใคร?”
อวี้ฉังคงมองไปยังหลุมศพอันหรูหรางดงามที่อยู่ตรงกลาง “เป็นบรรพบุรุษผู้บุกเบิกตระกูลอวี้ของเรา อวี้เหิง”
อวี้เหิงเป็นบรรพบุรุษของตระกูลอวี้และเป็นราชครูของฮ่องเต้ที่ตัวจริงมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยที่เกิดสงครามความวุ่นวาย เขาใช้สิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มาวางแผนช่วยเหลือผู้นำโจรภูเขาคนหนึ่ง โผล่ขึ้นมากจากกองทัพผดุงความยุติธรรม สู้รบไปพลางสร้างชาติไปพลาง ในที่สุดก็ได้รวมเจ็ดแคว้นเข้าด้วยกันและกลายเป็นต้าชิ่งที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเขา ชาวบ้านจึงมีเสื้อผ้าสวมใส่ มีหลังคาคลุมศีรษะ และมีอาหารเพียงพอ ไม่รู้ว่าได้รับความศรัทธาไปจากชาวบ้านมากเท่าไร และมีป้ายบูชาให้เขาอายุยืนยาวมากมายสักแค่ไหน บุญกุศลนับไม่ถ้วน
ฉินหลิวซีเยาะเบาๆ “ถ้าบรรพบุรุษของพวกเจ้ายังไม่ไปเกิดใหม่ ก็คงจะโกรธจนกระโดดออกมากจากยมโลก มาทุบตีลูกหลานอกตัญญูของตระกูลอวี้ให้ตาย”
อวี้ฉังคง “!”
เขาตั้งใจมองและเห็นว่าแสงสีทองจะหยุดอยู่เหนือหลุมศพบรรพบุรุษสักพักหนึ่ง ก่อนจะม้วนตัวไปทางรอยแยกนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าเกรงว่าหลุมศพบรรพบุรุษของเจ้าจะกลายเป็นสถานีส่งต่อบุญกุศลเสียแล้ว ฝ่าฝืนกฎสวรรค์ ทำบุญกุศลกลายเป็นการให้โดยสมัครใจ ไม่เลวๆ คนที่สร้างค่ายอาคมนี้ช่างคิดจริงๆ”
อวี้ฉังคง “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เห็นอกเห็นใจ แต่ทำไมข้าฟังแล้วถึงรู้สึกอัดอั้นตันใจ”
เสียงฝีเท้าสับสนดังขึ้น ในไม่ช้าก็มีเสียงคำรามเกรี้ยวกราดที่ทำให้พวกเขาทั้งสองต้องมองไป
“อวี้ฉังคง เจ้ากล้าดีอย่างไร กล้านำคนนอกมารบกวนวิญญาณของวีรชนบรรพบุรุษเรา ใครก็ได้ จับลูกหลานอกตัญญูคนนี้ไว้ คุมตัวไว้ในโถงลงทัณฑ์” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเริ่มโจมตีก่อน
อวี้ฉังคงยืนขึ้น มองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเฉยชา และถามฉินหลิวซีว่า “ท่านพกไต้จุดไฟมาหรือไม่”
“ทำไมหรือ เจ้าอยากจะจุดไฟหรือ” ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว
อวี้ฉังคงเอ่ย “ถ้าข้าเผาโลงศพไม้จื่อถานโลงเล็กนีแล้ว ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร”
“วิชาจะถูกทำลาย และโชคลาภจะไม่ต่อเนื่องเหมือนก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้สร้างและผู้ที่อยู่ในค่ายอาคมจะต้องรับผลสะท้อนกลับ” ฉินหลิวซีกอดอกเอ่ย
อวี้ฉังคงกันไปมองหัวหน้าตระกูลอวี้โดยสัญชาตญาณ เมื่อเห็นความกลัวและความตื่นตระหนกในแววตาของอีกฝ่าย รวมถึงความอับอายและความเจ็บปวด สายตาเขาก็เย็นชาลงทันที “เดี๋ยวท่านฟังคำสั่งของข้า เผามันไปเสียเถิด”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “อือฮึ”
“อวี้ฉังคง เจ้ายังไม่วางโลงศพของพ่อแม่เจ้าลงอีก ยอมให้พวกเราจับดีๆ” ผู้อาวุโสมองโลงศพเล็กๆ ในมือของเขาด้วยสีหน้ากังวลและน่ากลัว
คุณชายที่โดดเด่นที่สุดของรุ่นนี้เก็บไว้ไม่ได้แล้ว
หัวหน้าตระกูลอวี้มองอวี้ฉังคงโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
นับตั้งแต่ความลับของโลงศพเล็กถูกเปิดเผย สีหน้าของหัวหน้าตระกูลอวี้ก็ย่ำแย่มาก เขาไม่ได้มีใบหน้าแดงระเรื่อ ท่าทางอบอุ่นใจดีเหมือนหลายชั่วยามก่อนหน้านี้เลย แต่กลับแก่ชรา ซึมเซา และน่าสังเวช
“ฉังคง เจ้าไม่ควรมาที่นี่เลย” หัวหน้าตระกูลอวี้เอ่ยอย่างขมขื่น “เจ้าไม่ควรได้เห็นใบโลกนี้อีก ยิ่งไม่ควรสืบเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น”
เห็นหรือไม่ว่าถ้าเจ้าสืบ เจ้าจะต้องตาย
เป็นบุรุษตาบอดคนหนึ่งจะเป็นอย่างไร แม้จะมองไม่เห็น แต่ยังเป็นคุณชายฉังคงผู้สูงส่ง และยังมีชีวิตอยู่
“ท่านปู่ไม่ได้กำลังสารภาพออกมาอยู่หรือว่า ที่ข้าตาบอดมาสิบกว่าปีแล้วเป็นความตั้งใจของท่าน กลัวว่าข้าจะเห็นความจริงที่น่าอับอายและโหดร้ายเช่นนี้หรือ” อวี้ฉังคงจ้องหน้าหัวงหน้าตระกูลอวี้และเอ่ย “หรือท่านกลัวว่าข้าจะรู้ว่าท่านโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงใด แม้แต่บุตรชายสายตรงของตัวเองก็ยังกล้าลอบทำร้าย เพื่อแย่งโชคลาภวาสนาและอายุขัยของเขา?”
“เจ้า เจ้าไม่เข้าใจ”
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ไม่เข้าใจว่าบิดาคนหนึ่งจะต้องมีความแบบไหนถึงทำเรื่องน่ากลัวเช่นนี้ได้ เป็นเพราะใจของท่านมืดมนหรือเป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่าความชอบธรรมและภาพรวม? แค่เสียสละท่านพ่อของข้าคนเดียว ก็จะได้รับโชคลาภไปยาวนานหลายสิบปีหรือเป็นร้อยปี คือเช่นนี้หรือ”
หัวหน้าตระกูลอวี้ผงะถอยไปก้าวหนึ่งหลังจากถูกคาดคั้น
อวี้ฉังคงมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งหลายอีกครั้งและเอ่ยอย่างเย็นชา “นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกกระมัง? ข้าจำได้ว่าปู่เจ็ดก็เป็นคนที่มีความสามารถและหน้าตางดงามมากเช่นกัน แต่จู่ๆ เขาก็หายตัวไปโดยมีข่าวคราวใดๆ เลย ให้ข้าลองเดาดูหน่อย ท่านก็เหมือนท่านพ่อของข้าที่ต้องเสียสละเนื้อและกระดูกเพื่อโชคลาภและโชคลาภของตระกูลอวี้หรือไม่”
“เจ้า เหลวไหล! พวกเจ้ายังยืนอยู่ทำไม ยังไม่จับลูกหลานทรยศคนนี้อีก? เขาสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกวางแผนที่จะทำลายรากฐานของตระกูลอวี้ของเรา สมควรตาย!” เหล่าผู้อาวุโสกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
ฉินหลิวซีหัวเราะขึ้นมาทันที “โจรร้องจับโจรชัดๆ ทำลายรากฐานของตระกูลอวี้ พวกเจ้าไม่ใช่คนโง่ที่ช่วยโจรนับเงินหลังจากที่ถูกจับขายไปแล้วหรอกหรือ”
[1] ปลาหลี่อวี๋ ปลาคาร์ป