คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 800 เทพเซียนก็ช่วยไม่ได้? พี่หญิงมาแล้ว

ตอนที่ 800 เทพเซียนก็ช่วยไม่ได้? พี่หญิงมาแล้ว

ตอนที่ 800 เทพเซียนก็ช่วยไม่ได้? พี่หญิงมาแล้ว

……….

ณ เมืองอู่ที่ซีเป่ย

ฉินหยวนซานรู้สึกว่าฟ้ากำลังจะถล่มลงมา ถูกฮ่องเต้รังเกียจ ถูกเนรเทศ เป็นหายนะใหญ่ของตระกูลฉินของเขา แต่บุรุษในตระกูลก็มาถึงสถานที่เนรเทศอย่างปลอดภัย และยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ต่อมาเจ้าสามแขนขาด แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ นับว่าดีที่สุดแล้ว และชีวิตค่อยๆ ดีขึ้น

เขาคิดว่าแม้จะยากลำบากอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถอยู่รอดได้ ต่อให้ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในเมืองอู่ก็ไม่เป็นไร

แต่ใครจะไปคิดว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดจะเกิดขึ้นกับหลานชายคนโต?

ฉินหยวนซานมองไปยังฉินหมิงเยี่ยนที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดกำลังหายใจรวยริน เขาหน้ามืดแล้วล้มลง มิสู้ให้สวรรค์เอาชีวิตตาเฒ่าอย่างเขาไปยังจะดีกว่า!

“ท่านพ่อ” ฉินปั๋วกวงเห็นนายท่านผู้เฒ่าล้มลงก็ร้องตะโกน พุ่งไปยังสตรีที่ยืนโง่อยู่ตรงนั้น “ยืนบื้ออะไรอยู่ ยังไม่รีบเข้าไปช่วยอีก”

สะใภ้เฉาเบะปาก เดินเข้าไปช่วยพยุงนายท่านผู้เฒ่าไปนอนในห้อง

“รีบไปเอาน้ำมา” ฉินปั๋วกวงออกคำสั่งต่อ

สะใภ้เฉาไปเทน้ำมาหนึ่งถ้วย

มีเสียงดังอยู่นอกเรือน ฉินปั๋วกวงกำชับให้สตรีผู้นั้นดูแลนายท่านผู้เฒ่าแล้ววิ่งออกไป บังเอิญเห็นน้องสามลากหมอเฒ่าไปที่ห้องข้างๆ เขากัดฟันแล้วเดินตามเข้าไปข้างใน

ฉินปั๋วหงทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ บุรุษอกสามศอกน้ำตาไหลอาบแก้ม

หมอเฒ่ามองดูเด็กหนุ่มที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เลือดท่วมตัว ร้องอุทาน “ไยจึงได้มีเลือดมากขนาดนี้”

ฉินปั๋วหงกัดฟันพลางเอ่ย “ถูกม้าลากไป หน้าอกก็ถูกม้าเหยียบ”

“ตายแล้ว นี่มันยากที่จะช่วยได้แล้ว” หมอเฒ่าก้าวเข้าไปข้างหน้า จับข้อมือของฉินหมิงเยี่ยน สองนิ้ววางลงไป ใจเต้นเล็กน้อย “ชีพจรอ่อนแรง หัวใจเต้นช้า อากาศถูกปิดกั้น เด็กคนนี้ไม่รอดแล้ว”

ฉินปั๋วหงหน้ามืด สะดุดล้มลงไปชนชั้นวางที่อยู่ด้านหลัง เครื่องปั้นดินเผาที่อยู่บนนั้นตกลงมา

ฉินปั๋วชิงเอ่ยด้วยความโมโหว่า “หมอเฒ่า ท่านยังไม่ได้รักษาเลย จะบอกว่าไม่รอดได้อย่างไร”

“พวกเจ้าก็ดูกันเอาเอง เด็กคนนี้มีลมออกมาก มีลมเข้าน้อย จะช่วยอย่างไร” หมอเฒ่าชี้ไปยังท่าทางที่น่าสังเวชของฉินหมิงเยี่ยน

เห็นได้ชัดว่าเทพเซียนก็ช่วยไม่ได้ และเขาก็ไม่ใช่เทพเซียนด้วยซ้ำ!

ราวกับพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพูดถูก ฉินหมิงเยี่ยนกระอักเลือดออกมาสองครั้ง

หมอเฒ่ารีบจับหน้าของเขาหันตะแคงข้าง เพื่อไม่ให้เลือดที่กระอักออกมาไหลย้อนกลับจนทำให้เขาสำลัก

เมื่อกระอักเลือดออกมาสองครั้ง สีหน้าของฉินหมิงเยี่ยนก็ซีดราวกับกระดาษ

“เยี่ยนเอ๋อร์!” ฉินปั๋วหงตะโกนด้วยความเจ็บปวด

ฉินปั๋วชิงก็ดวงตาแดงก่ำเช่นกัน เอ่ยว่า “ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีใดก็ตาม ก็ต้องลองดูสักหน่อยสิ”

หมอเฒ่าเอ่ยว่า “ไม่ไหวหรอก หากมีโสมแก่อายุหลายสิบปีขึ้นไป ยังพอจะยื้อไว้ได้บ้าง”

“หากเจ้ามีก็ใช้โสมได้เลย พวกเราจะให้เงิน”

หมอเฒ่าส่ายหน้า “ข้าเป็นแค่หมอเฒ่าคนหนึ่ง ไหนเลยจะมีของเช่นนั้น”

“ท่านอาสาม ข้าจะไปซื้อที่ร้านขายยา” ฉินหมิงมู่ที่ไม่รู้ว่ากลับมาแต่เมื่อไหร่ เหลือบมองไปยังญาติผู้น้องที่นอนอยู่บนเตียงด้วยดวงตาแดงก่ำ หันหลังกลับแล้วพุ่งออกไปอีกครั้ง

หมอเฒ่าถอนหายใจ อยากจะบอกว่าความจริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองเงินเช่นนี้ ล้วนเปล่าประโยชน์ ซ้ำพวกเขาก็เป็นคนที่ถูกเนรเทศ หากต้องมาแบกรับหนี้สินนี้จะไม่ลำบากยิ่งกว่าเดิมหรือ

เพียงแต่ทั้งครอบครัวล้วนไม่เชื่อเรื่องความโชคร้าย เขาก็ไม่ได้เป็นคนใจร้ายเช่นนั้นที่จะเอ่ยคำพูดน่าหดหู่

น่าสงสารเด็กคนนี้จริงๆ!

หมอเฒ่าหยิบกรรไกร ตัดเสื้อผ้าบนร่างกายของฉินหมิงเยี่ยน เห็นว่าหน้าอกมีเลือดอาบจนแทบมองไม่เห็นเนื้อ ซ้ำหน้าอกยังยุบลงไปเล็กน้อย เมื่อลองคลำดู หัวใจยิ่งรู้สึกหนักอึ้ง กระดูกหน้าอกแตกหัก

ไม่แปลกใจเลยที่เขากระอักเลือดออกมามากขนาดนี้

หากกระดูกนี้แทงโดนหัวใจ ก็ไม่มีทางรักษาได้แล้ว!

หมอเฒ่าถอนหายใจยาว แม้แต่เทพเซียนก็ยากที่จะช่วยได้แล้วจริงๆ

เมื่อฉินปั๋วหงเห็นสภาพน่าสังเวชของฉินหมิงเยี่ยนก็น้ำตาไหลพราก คุกเข่าลงบนพื้นอย่างแรง

ฉินปั๋วชิงชกกำแพง ทำเอาเลือดไหลซึมออกจากกระดูกนิ้ว

ทุกคนต่างก็รู้ดี เกรงว่าฉินหมิงเยี่ยนจะผ่านเคราะห์นี้ไปไม่ได้แล้ว

เมื่อเห็นว่าลมหายใจของเขาอ่อนแรงลง หมอเฒ่าจึงทำได้เพียงใช้เข็มเงินแทงลงบนจุดฝังเข็มสองสามจุดเพื่อช่วยให้อากาศไหลเวียน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีประโยชน์อะไร

มีลมกระโชกแรงพัดเข้ามา ทุกคนพากันตัวสั่น

หิมะจะตกแล้วหรือ

หมอเฒ่าก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน คลุมเสื้อผ้าที่ตัดออก ถอนหายใจ

เรือนเล็กๆ ของตระกูลฉินรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย ชะโงกหน้าชี้มือชี้ไม้ถกเถียงกัน

“ถูกม้าเหยียบเข้า เลือดเต็มตัวไปหมด จะรอดได้ก็นอกเสียแต่ว่าจะมีเทพเซียนลงมา”

“ฮ่าๆ บางคนเทพเซียนก็ยังยากที่จะช่วยได้ไม่ใช่หรือ”

ฉินหลิวซีบุกเข้าไปในเรือนเล็กของตระกูลฉินทั้งอย่างนั้น ทำเอาทุกคนตกตะลึง

“นั่นเป็นใคร”

“ใครจะไปรู้”

คนนอกไม่รู้ แม้แต่ฉินปั๋วชิงและคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ พวกเขาต่างพากันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นเด็กคนนี้เข้ามาพร้อมกับลมหนาวโดยคาดไม่ถึง

“เจ้าเป็นใคร”

ฉินหลิวซีไม่ได้ตอบ เพียงแต่บุกเข้าไปตะโกนใส่ยมทูตที่ยืนอยู่หัวเตียงฉินหมิงเยี่ยน “ไสหัวไป!”

ยมทูตตนนั้นยังอยากจะถามว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าให้ข้าไปข้าก็ต้องไป ข้าไม่มีศักดิ์ศรีหรือ

แต่เมื่อเขาหรี่ตาทั้งสองข้างจนเห็นรูปร่างของฉินหลิวซีอย่างชัดเจน เงาผีอ่อนลง “ข้าน้อยจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้”

เมื่อบอกว่าจะไปก็ไสหัวไปทันที ไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย

ฉินหลิวซีจึงได้มองไปยังฉินหมิงเยี่ยนที่อยู่บนเตียง สีหน้าดูแย่เป็นอย่างมาก นี่เพียงไม่กี่เดือนเอง เหตุใดจึงได้ทำเอาตัวเองสภาพใกล้จะตายเช่นนี้

ฉินปั๋วชิงและคนอื่นๆ ต่างพากันสับสน มองไปยังทิศทางที่นางมองเมื่อครู่นี้ ให้ใครไสหัวไป

หรือนี่จะเป็นคนบ้า

ฉินหลิวซีเดินเข้าไป ปลดถุงของตัวเอง เอากล่องหยกออกมาก่อน เจ้าเด็กไม่เอาไหนผู้นี้ หรือจะรู้ว่านางเองพึ่งปรุงของดีขึ้นมา จึงได้ทำเรื่องเช่นนี้

นางก้าวไปข้างหน้า เปิดกล่องหยกออก บีบเม็ดยาหุยชุนด้วยความปวดใจ แล้วจะยัดใส่ปากน้องชายไม่เอาไหนผู้นี้ เจ้าควรจะขอบใจตัวเองที่ได้มาเกิดในที่ที่ดีเช่นนี้ มีท่านแม่ที่พึ่งพาได้

“เจ้า เจ้าเป็นใคร จะให้ลูกข้ากินอะไร” ฉินปั๋วหงก้าวเข้าไปขวางข้างหน้าในทันที

หมอเฒ่าเอ่ยอีกว่า “เด็กน้อย ยาจะกินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะ”

ฉินปั๋วชิงกลับเห็นใบหน้าด้านข้างของฉินหลิวซี รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย ใบหน้าด้านข้างดูแล้วเหมือนพี่ใหญ่ตอนหนุ่มๆ อยู่บ้าง มีความเย็นชาเหมือนกัน

ฉินหลิวซีเหลือบมองบิดาไม่เอาไหนด้วยสายตาเย็นชา “หากท่านอยากให้เขาตายก็ขวางได้เลย ข้าไม่ได้สนใจ อย่างมากเมื่อวิญญาณของเขาออกจากร่าง ข้าก็จะช่วยเขาบีบคอท่านเพื่อแก้แค้น”

ฉินปั๋วหง “?”

เดี๋ยวนะ เขาก็แค่ถามเอง ปากเล็กๆ นี้เอ่ยเรื่องอะไรกัน

เด็กไม่รู้ที่ต่ำที่สูงผู้นี้มาจากไหน บิดามารดาไม่สั่งสอนหรืออย่างไร รู้จักให้ความเคารพผู้อาวุโสหรือไม่!

ฉินปั๋วชิงได้กลิ่นหอมของยาลูกกลอนสีแดงเม็ดนั้น จากนั้นก็มองดูใบหน้าของฉินหลิวซีอย่างละเอียด มีแสงสว่างผ่านเข้ามาในหัว ถามหยั่งเชิงว่า “คือว่า เจ้าคือซีเอ๋อร์หรือ”

ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา ไม่ตอบ

ฉินปั๋วหงมึนงงเล็กน้อย ซีเอ๋อร์อะไรกัน

ฉินปั๋วชิงเห็นว่าฉินหลิวซีไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ จึงรีบดึงมือของฉินปั๋วหงออก เอ่ยด้วยความร้อนใจว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้ารีบดูอาการเยี่ยนเอ๋อร์เร็วเข้า”

ฉินหลิวซีได้ยัดยาหุยชุนใส่ปากฉินหมิงเยี่ยนแล้ว เปิดเสื้อของเขาออก เห็นกระดูกอกที่ยุบลงไป สายตาเย็นชา สารเลว

ฉินปั๋วหงมองไปยังเจ้าสาม “ทำไมเจ้า?”

“พี่ใหญ่ นางคือนางหนูซี ลูกสาวคนโตของท่าน!” ฉินปั๋วชิงตื่นเต้นเล็กน้อย

ฉินปั๋วหง “?”

ลูกสาวคนโต?

เขามองไปยังฉินหลิวซีด้วยความตกตะลึง ลูกสาวของเขา? เหมือนเขาตรงไหน

เดี๋ยวนะ เมื่อครู่นี่เขาพึ่งจะตำหนิว่าอะไรนะ บิดามารดาไม่สั่งสอน? ตัวตลกก็คือตัวข้าเองหรือ

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset