คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 796 อย่าทำให้นายท่านน้อยขุ่นเคือง

ตอนที่ 796 อย่าทำให้นายท่านน้อยขุ่นเคือง

ตอนที่ 796 อย่าทำให้นายท่านน้อยขุ่นเคือง

……….

ชื่อเจินจื่อตายแล้ว เขาได้ตายไปแล้วจริงๆ ชนิดที่ตายจนไม่รู้ว่าจะตายอย่างไรแล้ว ไม่สามารถกลับมาเกิดได้อีกต่อไป

เมื่อหยุดร่ายคาถา ฉินหลิวซีก็คุกเข่าหนึ่งข้างลงบนพื้น มีกลิ่นคาวในลำคอ สีหน้าซีดเล็กน้อย ตลอดทางที่นางตามมา เพื่อป้องกันไม่ให้ชื่อเจินจื่อหนีไปได้ นางไม่เพียงใช้จิตสำนึกทางวิญญาณสร้างม่านอาคมในค่ายอาคมแปดเหลี่ยม ซ้ำด้านนอกยังได้วางตาข่ายเทียนหลัวอีกหนึ่งชั้น เพื่อให้เขาถูกบดขยี้จนตายอยู่ที่นี่โดยสิ้นเชิง

“ศิษย์น้อง”

ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้น เห็นซาหยวนจื่อเรียกนางด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อมองไปตามสายตาของเขา กลับเห็นชื่อหยวนล้มลงกับพื้น กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ผมหงอกสีเทาแต่เดิมของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับหิมะ ใบหน้าก็เริ่มมีริ้วรอย แก่ชรามากขึ้น

ฉินหลิวซีรูม่านตาหดลง รีบพุ่งเข้าไปหา เมื่อเห็นเขาจ้องมองไปยังทิศทางของชื่อเจินจื่อด้วยสีหน้าที่อธิบายได้ยาก ทั้งดูเศร้า โล่งใจ และทอดถอนใจ ในใจรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย

นางยกข้อมือของเขาขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา วางสองนิ้วลงไป คิ้วกระตุก ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง อาการบาดเจ็บภายในสาหัส ตบะถดถอยอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเขาจึงได้ชราลงเช่นนี้

“อุ้มเขาเข้าไปในห้อง” ฉินหลิวซีเอ่ยกับซาหยวนจื่อ

ซาหยวนจื่อรีบอุ้มนักพรตเฒ่าชื่อหยวนขึ้นมาทันที

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนได้สติกลับมา เอ่ยกับนางอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้ามีไม่ศักดิ์ศรีหรืออย่างไร”

“หุบปาก” ฉินหลิวซีน้ำเสียงแหบแห้ง

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างของนาง อ้าปาก แล้วก็ปิดปากอย่างรู้ตัว

เมื่อเข้าไปในบ้านไม้ วางไว้บนเตียงไม้เรียบๆ ฉินหลิวซีถอดเสื้อของเขาออกภายใต้ความไม่พอใจของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน เมื่อเห็นรอยยุบเล็กน้อยและมีรอยฟกช้ำที่หน้าอกด้านซ้าย ก็จุกในลำคอ

นางตรวจชีพจรอย่างละเอียดอีกครั้ง ใช้เวลาในการจับชีพจรนานกว่าปกติ ขมวดคิ้วตลอดเวลา

“ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้หากอาจารย์เดินออกไปแสร้งทำเป็นนักต้มตุ๋น ยิ่งแสร้งทำก็ยิ่งเหมือน ผมขาวคิ้วขาวเคราขาวนี้ มีสง่าราศีราวกับเทพเซียนกว่าเมื่อก่อนเสียอีกไม่ใช่หรือ” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนจงใจแกล้งทำเป็นแซวผมขาวของตัวเองอย่างสบายอารมณ์

ฉินหลิวซีไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่ปลดถุงใบใหญ่ที่เอว หยิบขวดหยกออกมาหนึ่งขวด เอายาจิ่วจ่วนต้าหวน[1]ให้เขากลืนลงไป จากนั้นก็หยิบกล่องเข็มทองแล้วจึงเอ่ย “อาการบาดเจ็บภายในสาหัสเล็กน้อย ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวน “ดูแลรักษาก็หายแล้ว”

ฉินหลิวซีหยิบเข็ม แทงไปที่จุดหลับของเขา นักพรตเฒ่าชื่อหยวนไม่ได้ป้องกันล่วงหน้า ตาสะลึมสะลือ เอียงศีรษะแล้วหมดสติไป

ซาหยวนจื่อเหลือบมองฉินหลิวซี ไปนั่งยองๆ อยู่ที่มุมกำแพง ใช้นิ้ววาดรูปวงกลม

ศิษย์น้องผู้นี้ดูเหมือนอยากจะฆ่าคน

เมื่อไม่มีเสียงรบกวนข้างหูแล้ว ฉินหลิวซีก็หาจุดฝังเข็มอย่างใจเย็น มือถือเข็มทองแทงลงไปที่จุดฝังเข็มสำคัญแต่ละจุด ทุกครั้งที่ลงเข็มก็จะใช้ปราณแท้ผลักดันเข้าสู่เส้นลมปราณผ่านเข็มทอง เพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บภายในและเลือดคลั่ง

เมื่อเข็มทองถูกแทงลงไป สีหน้าของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ซีดขาวเหมือนเมื่อครู่นี้ แต่ฉินหลิวซีที่สูญเสียปราณแท้มากเกินไปกลับเริ่มซีดขาวแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ มีเพียงมือเท่านั้นที่ทำการฝังเข็มอย่างมั่นคงราวกับขุนเขา

เมื่อแทงเข็มทองลงไปทั้งหมดแล้ว นางก็เก็บปราณแท้ภายใน กระอักเลือดออกมาเต็มปาก มือสั่นเป็นอย่างมาก

ซาหยวนจื่อเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้ามา มองนางด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล อ้าปากพะงาบๆ กำมวยผมแล้วเดินหมุนเป็นวงกลม

ฉินหลิวซีใช้หลังมือเช็ดเลือดที่มุมปาก จากนั้นก็กลืนยาลูกกลอนลงไปหนึ่งเม็ด นั่งขัดสมาธิ เริ่มควบคุมพลัง

เมื่อครบเวลาฝังเข็ม นางก็ลืมตาขึ้น สีหน้าดูดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากทยอยดึงเข็มออก สองนิ้วก็วางลงบนชีพจรของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่หลังจากที่เห็นเส้นผมสีขาวเงินและใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่น ก็เม้มริมฝีปากแน่นอีกครั้ง

ท้องฟ้าสว่างสดใส

เมื่อนักพรตเฒ่าชื่อหยวนลืมตา หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบาข้างใบหู ก่อนจะหันไปมอง

ฉินหลิวซีนอนพิงกำแพง มีเสียงกรนเล็กน้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝันเห็นอะไรจึงได้ขมวดคิ้วอยู่ตลอด

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง รู้สึกถึงปราณแท้ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย เมื่อตัวเองตรวจสอบดู ก็มองไปยังสีหน้าของฉินหลิวซี รู้สึกหมดปัญญาและปวดใจเล็กน้อย เจ้าเด็กโง่ผู้นี้

เมื่อฉินหลิวซีได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็ลืมตาทันที เห็นว่าอาจารย์ฟื้นแล้ว จึงเดินไปหาแล้วจับมือเขาขึ้นมาตรวจชีพจร

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยด้วยความโกรธ “วางใจเถิด อาจารย์ยังไม่ตาย ว่าแต่เหตุใดเจ้าจึงได้ใช้เข็มทองนำทางพลัง”

ฉินหลิวซีไม่ได้ตอบ เอ่ยว่า “ชื่อเจินจื่อตายแล้ว ท่านก็กักตัวอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถิด ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นๆ กลับไปข้าจะไปกลั่นยาลูกกลอนส่งมาให้ท่าน”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนถามหยั่งเชิงว่า “หรือว่าจะข้ากลับไปกักตัวที่ภูเขาด้านหลังอารามเต๋า ที่นี่ไปๆ มาๆ ค่อนข้างจะไม่สะดวกเจ้า”

“ที่นี่พลังวิญญาณแข็งแกร่งกว่า” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ร่างกายของท่านในตอนนี้ ทนต่อการทรมานไม่ได้แล้ว ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”

เมื่อนักพรตเฒ่าชื่อหยวนเห็นว่าน้ำเสียงของนางไม่สามารถต่อรองได้ รู้ว่าตอนนี้ไม่ควรทำให้นายท่านน้อยผู้นี้ขุ่นเคือง ซ้ำชื่อเจินจื่อก็ไม่อยู่แล้ว จึงกล่าวว่า “ช่างเถิด อย่างไรเสียข้าก็แก่ชราแล้ว จะอยู่ว่างๆ ก็ไม่เป็นไร”

ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “ท่านอย่าคิดว่ามาทำเป็นหยอกล้อข้าแล้วข้าจะไม่เอาความที่เมื่อคืนท่านทำให้ตัวเองต้องกลายเป็นสภาพเช่นนี้”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนร้องของความเป็นธรรมทันที “เป็นเขาที่มาหาเรื่องข้าก่อน ข้าก็คงไม่สามารถนั่งเฉยๆ ปล่อยให้เขาทุบตีจนตายได้หรอกกระมัง เจ้าดูสิ อย่างน้อยอาจารย์ก็มีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างไรเสียก็ถ่วงเวลาจนเจ้ามา หมอนั้นก็ไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้อีกแล้ว จะว่าไปแล้วพวกเราต่อสู้กันมาทั้งชีวิต ก็เป็นข้าผู้เป็นศิษย์พี่ที่ชนะเขาไปหนึ่งขั้น ได้ลูกศิษย์ที่ดีมาหนึ่งคน”

“ท่านแสร้งทำกระมัง”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนหัวเราะ เอ่ยอีกว่า “ตบะของเขาพัฒนาขึ้นไม่น้อย ซ้ำยังมีเครื่องรางตราพุทธะ เป็นอย่างที่เจ้าบอกจริงๆ เขาได้เข้าร่วมกับมารเอ้อฝูตนนั้น ตัวเขาเองก็ยอมรับแล้ว”

“ไม่ว่าเขาจะไปร่วมมือกับใคร อย่างไรเสียเขาก็ตายโดยไม่เหลือแม้แต่ซาก ท่านก็ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้อีก” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางมองเขา “ท่านเพียงแค่ดูแลตัวเองให้ดี ก็นับว่าเป็นบุญมากแล้ว”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนรู้ว่านางกังวล ก็ไม่ได้โต้แย้งนาง จึงพยักหน้าแล้วกล่าวเตือนนาง “ดวงวิญญาณที่เจ้าดึงออกมาจากร่างของชื่อเจินจื่อเมื่อคืนนี้?”

ฉินหลิวซีก็พึ่งนึกถึงหลานโย่วขึ้นมา ปล่อยอีกฝ่ายออกมาจากขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณ ถูกไฟนรกแผดเผามาก่อนหน้านี้ ดวงวิญญาณของเขาอ่อนแอเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะได้รับการบำรุงจากขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณ แต่ก็ยังคงอ่อนแอเป็นอย่างมาก ราวกับสามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อ

หลานโย่วมองนาง นั่นเป็นเด็กที่ดวงตาที่อ่อนโยนและบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก ดวงตาทั้งสองข้างสดใสชัดเจน แม้ว่าดวงวิญญาณจะอ่อนแอ แต่ก็ยังคงยกมือขึ้นคำนับฉินหลิวซี “ขอบคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างมากที่ช่วยข้า”

“หลานซิ่งตามหาเจ้ามานานแล้ว”

หลานโย่วดวงตาเป็นประกาย แต่แล้วก็ดับลง เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ เดิมทีข้าก็มาจากโลกอื่น ตอนนี้ข้า ไม่มีร่างแล้ว ดวงวิญญาณของข้าเดิมทีก็ถูกนักพรตมารผู้นั้นกดทับและหล่อหลอม ตอนนี้ก็ผ่านการแผดเผามา วิญญาณจะแตกสลายไม่ช้าก็เร็ว ขอไม่พบเขาแล้ว ท่านบอกเขาไปว่าข้าไม่อยู่แล้ว”

ฉินหลิวซีมองเขาพลางเอ่ย “ดวงวิญญาณของเจ้านี้ข้าจะพยายามรักษาให้เจ้า หากมีโอกาสค่อยส่งเจ้ากลับไปเกิดใหม่ แต่ทางด้านหลานซิ่ง ไม่สามารถปิดบังเขาเช่นนี้ได้ เนื่องจากว่าเป็นเพราะเขาตามหาเจ้าจึงได้เป็นโรคหัวใจ โรคหัวใจต้องการยาใจรักษา หากทำตามที่เจ้าบอก เช่นนั้นเขาก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว”

หลานโย่วตกตะลึง เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เหตุใดเขาจึงได้โง่เช่นนี้”

“เข้ามารักษาก่อน เจ้าไม่ควรอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน” ฉินหลิวซีให้เขาเข้ามาในขวด เอ่ยว่า “ไว้ข้าจะพาเจ้าไปพบเขา”

หลานโย่วไม่ได้กล่าวอะไรอีก เข้าไปในขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณอย่างเต็มใจ เขาไม่สามารถปล่อยให้หลานซิ่งตายด้วยอารมณ์หดหู่เช่นนี้ได้

[1] ยาจิ่วจ่วนต้าหวน ยาวิเศษที่กล่าวกันว่าช่วยฟื้นฟูความเยาว์วัยและสุขภาพหลังจากบริโภค

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset