คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 713 นี่จะบีบให้ข้าคลั่งนี่นา

ตอนที่ 713 นี่จะบีบให้ข้าคลั่งนี่นา

ตอนที่ 713 นี่จะบีบให้ข้าคลั่งนี่นา

ยมทูตผู้พิพากษาได้รับข่าวจากราชาเหยียนหลัว[1]รีบตรงดิ่งมารับฉินหลิวซี

“ไยท่านจึงลงมาเล่า ไม่บอกล่วงหน้า ข้าจะได้ไปรอรับ ท่านดูเถิด เพิ่งมาถึงก็ถูกพวกไม่มีตาปะทะเข้า นี่มันเรื่องอะไรกัน” ยมทูตผู้พิพากษากวาดตามองดวงวิญญาณโดยรอบ รวมไปถึงตำหนิดวงวิญญาณผีร้ายที่เพิ่งแตกสลายไป ตายแล้วยังรนหาที่ตายอีก พุ่งเข้าหาใครไม่ว่ากลับพุ่งมาหาอสูรน้อยตนนี้

เหล่าดวงวิญญาณที่กำลังตัวสั่นระริก “!”

พวกเขาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น และไม่กล้าด้วย พวกเขาถูกเข้าใจผิดนะ

ฉินหลิวซีคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มมองไปยังยมทูตผู้พิพากษา “ท่านผู้พิพากษา ข้าฟังน้ำเสียงของท่าน ไยจึงดูเหมือนไม่ต้อนรับข้า”

นางได้ยินเสียงรังเกียจในคำพูดอย่างชัดเจน

ในใจยมทูตผู้พิพากษาราวกับมีม้านับหมื่นตัววิ่งผ่านทุ่งหญ้า จะยินดีต้อนรับสิถึงจะแปลก

เจ้าว่ามีเทียนซือผู้ใดที่เหมือนเจ้า อยากเรียกหาใครก็เรียก อยากเปิดประตูผีก็เปิด เช่นนี้ก็ช่างเถิด ตอนนี้ทำเหมือนยมโลกเป็นสวนหลังบ้านเสียแล้ว มายมโลกราวกับกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น อยากมาก็มา ไม่บอกล่วงหน้าสักนิด

แต่บ่นไปก็คือบ่น เขาไม่กล้าเอ่ยความจริงออกมา เพียงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านคิดมากไปแล้วขอรับ ข้าเปล่า ท่านลงมาทั้งที่ยังเป็นกายเนื้อ ยมโลกมีพลังหยินมากมาย บาดเจ็บคงไม่ใช่เรื่องดี”

“เช่นนั้นหรือ” ฉินหลิวซีกวาดตามองไปไกล เหล่ายมทูตทหารยามทั้งหลาย ทุกคนต่างมองมาทางนี้ด้วยท่าทีเตรียมพร้อม เห็นนางมองไปก็แสร้งหันหน้าหนีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนี้มันเกินไปหรือไม่

ยมทูตผู้พิพากษาเอ่ยกับนางด้วยรอยยิ้ม “เชิญท่านทางนี้ขอรับ แม่นางน้อยผู้นี้คือ?”

“อ้อ เด็กคนนี้ชื่อเมิ่งเฉินเซียง เจ้าให้คนพานางไปลงชื่อไปเกิดใหม่ที” ฉินหลิวซีดึงเมิ่งเฉินเซียงก้าวขึ้นมาด้านหน้า

ยมทูตผู้พิพากษามองนางเล็กน้อย เปิดบันทึกความเป็นความตาย พู่กันของยมทูตผู้พิพากษาเขียนชื่อลงไป ความดีและความชั่วของเมิ่งเซียงทั้งยามมีชีวิตและหลังจากตายไปปรากฏขึ้นกลางอากาศ ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้

เขาเรียกยมทูตตนหนึ่งมาแล้วให้พาเมิ่งเฉินเซียงไป

เมิ่งเฉินเซียงมองมายังฉินหลิวซี เม้มริมฝีปากแน่น

“ข้ามาส่งเจ้าได้เพียงเท่านี้ เจ้าไปเถิด เจ้าไม่ได้ทำร้ายผู้ใดจริงๆ ชาติหน้าจะได้เกิดในที่ดีๆ” ฉินหลิวซีเอ่ย

เมิ่งเฉินเซียงโค้งตัวให้นาง เดินตามยมทูตไป

ยมทูตผู้พิพากษาพานางไปพบกับราชาผิงเติ่ง

ฉินหลิวซีเดินไปพร้อมมองสอดส่อง กดความรู้สึกคุ้นชินเอาไว้ เอ่ย “มักรู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อกับยมโลกแปลกๆ ราวกับได้กลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น”

เท่าของยมทูตผู้พิพากษาเซ เตะกระโหลกศีรษะหนึ่งชิ้นลอยออกไป ยิ้มเอ่ย “ยมทูตพวกนี้รับแต่เงินไม่ทำงาน ไม่รู้จักทำความสะอาดเลย ควรลงโทษ ขายหน้าท่านแล้ว”

ขอร้องท่าน อย่าได้เอ่ยสิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้เลย

ราชาผิงเติ่งมองเห็นฉินหลิวซี มีสติตื่นตัวขึ้นมาทันใด เห็นฉินหลิวซีมองมาที่เขา ไม่ทำความเคารพ ก็หน้าตึงขึ้นพลางเอ่ย “เทียนซือเล็กๆ กล้าบุกเข้ามาในยมโลก มาเพราะการใด ไยเห็นราชาข้าแล้วไม่คุกเข่า”

“ท่านจะให้ข้าคุกเข่าให้ท่านหรือ ท่านเป็นราชาเทพหรือไม่” ฉินหลิวซีเอียงคอ เอ่ย “เหมือนว่าราชาเทพจะไม่ได้หน้าตาเช่นท่าน”

ราชาผิงเติ่ง “!”

เขาอดกลั้นเอาไว้ เอ่ย “เทียนซือเล็กๆ วาจาสามหาว…”

ฉินหลิวซีก้าวไปข้างหน้าสองก้าว วาจาของราชาผิงเติ่งพันจุกอยู่ที่ลำคอ เท้าก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว “เจ้าจะทำอะไร”

ฉินหลิวซีมองตาเฒ่าน้อยผู้นี้ เอ่ย “ราชาผิงเติ่ง ท่านรับผิดชอบดูแลเรื่องเวรกรรม ดูแลนรกหรือ”

“เช่นนั้นแล้วอย่างไร”

ฉินหลิวซียิ้มตาหยีคล้องไปที่ไหล่ของเขา เอ่ย “เช่นนั้นท่านพาข้าไปดูไฟนรกโลกันต์สักหน่อยเถิด”

“เหลวไหล ไฟนรกโลกันต์เป็นสิ่งที่เจ้าบอกอยากไปดูก็ไปได้หรือ” ราชาผิงเติ่งผู้น่าสงสาร ตัวเตี้ยร่างเล็ก ถูกฉินหลิวซีเกาะไหล่และยังกดไหล่เขาลงอีก ยิ่งทำให้ดูเตี้ยขึ้นไปอีก

“ข้าอยากเห็นไฟนรกนั่น มีที่มาเดียวกับบนตัวข้าหรือไม่ มีสิ่งใดแตกต่าง” ฉินหลิวซีคิดได้ ปลายนิ้วจุดไฟนรกขึ้นมา สีแดงราวกับดอกบัว ทั้งยังยื่นมาตรงหน้าราชาผิงเติ่ง

ราชาผิงเติ่งกระตุกเบาๆ โทษตนเองที่ปากมากอีกครั้ง ไยเขาต้องมาถูกข่มขู่เช่นนี้

“พานางไปเถิด” เสียงเทพเฟิงตูดังขึ้นข้างหู

ราชาผิงเติ่งร้องไห้ไร้น้ำตา หน้าบึ้งพลางเอ่ย “เทียนซือน้อยอย่างเจ้าเป็นตัวปัญหาจริงๆ ดูแล้วก็รีบกลับไปเสีย ตามข้ามา”

เขาสะบัดมือฉินหลิวซีออก ก่อนจะเดินนำออกไป

ฉินหลิวซีหรี่ตามองตามหลังเขา พานางไปจริงๆ ด้วย มีแผนในใจหรือไม่

นรกอเวจีมีสิบแปดขุม ลงโทษผู้คนที่ทำบาปเมื่อครั้งยังมีชีวิตโดยเฉพาะ และบนโลกมนุษย์มักมีคำสาปที่ว่า เจ้าจะต้องตกนรกอเวจีสิบแปดขุม บ่งบอกว่าอีกฝ่ายทำบาปใหญ่หลวง ดังนั้นเมื่อตายไปแล้วจะถูกส่งมารับการลงโทษที่ทุกข์ทรมานและน่ากลัวที่สุดที่นี่

การลงโทษหนักเพียงใด ก็หมายความว่าทำบาปเมื่อครั้งยังมีชีวิตหนักเท่านั้น

ในเวลานี้ได้ยินเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดและโหยหวนไม่รู้จบ ทั้งหมดนี้มาจากผีที่ถูกลงโทษ

ลัทธิเต๋าเอ่ยอยู่บ่อยครั้งว่า คนทำชั่ว ต่อให้หลีกหนีได้เมื่ออยู่บนโลกมนุษย์ หลังจากตายไปแล้วจะถูกคิดบัญชีโดยละเอียดเมื่ออยู่ในโลกแห่งความตาย ที่เอ่ยถึงก็คือการลงโทษในนรกแห่งนี้

ฉินหลิวซีได้ยินเสียงโหยหวน ใบหน้าไร้ความรู้สึก เพียงเร่งให้ราชาผิงเติ่งพานางไปดูนรกโลกันต์ขุมนั้น

ไฟนรกโลกันต์เผาล้างความชั่วทั้งหมด

เปลวไฟดุจดอกบัวแดง ผู้ที่ถูกเผาไหม้อยู่ขุมนี้ แม้แต่เสียงร้องคร่ำครวญยังร้องไม่ออก ทำได้เพียงดิ้นรนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชนด้วยความทุกข์ทรมานอย่างไร้สุ้มเสียง

ฉินหลิวซีเดินเข้าไปใกล้ ดวงตาคู่นั้นมีรอยยิ้มสะท้อนไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชนตรงหน้า หัวใจยินดีและมีความสุขขึ้นมา ความรู้สึกราวกับหาจุดกำเนิดเจออย่างไรอย่างนั้น

และไฟนรกขุมนั้น ราวกับสัมผัสได้ถึงต้นกำเนิดเช่นกัน ลุกโชนร้อนแรงยิ่งขึ้นไปอีก เสียงดังปัง ลิ้นไฟปะทุขึ้นมา กำลังเต้นระบำ

เปลวไฟสีแดงเริงระบำและเบ่งบานพุ่งขึ้นมาราวกับดอกบัวสีแดงขนาดใหญ่

ฉินหลิวซีรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ยื่นมือออกไป

ลมหายใจราชาผิงเติ่งสะดุด

นางสัมผัสปลายยอดของเปลวไฟคล้ายกลีบบัวแดงนั่น เปลวไฟหมุนรอบนิ้มของนาง ราวกับญาติสนิทที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน

ฉินหลิวซีรู้สึกแปลก ริมฝีปากยกยิ้ม ในหัวราวกับมีภาพบางอย่างปรากฏ

“เห็นแล้วก็ไปได้แล้ว” ราชาผิงเติ่งเอ่ยขัดนาง

ฉินหลิวซีหันไปมองทันที ดวงตาคู่นั้นมีเปลวไฟดอกบัวแดงลุกโชน ราวกับจะเผาไหม้คนให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

ราชาผิงเติ่งก้าวถอยหลังสองก้าว สายตาระแวดระวัง

ฉินหลิวซีกะพริบตา มองไฟนรกตรงหน้า ก่อนจะมองเขาอีกครั้ง เอ่ย “ราชาผิงเติ่งท่านว่า ข้ามีความเกี่ยวข้องกับไฟนรกนี้อย่างไร ไยร่างกายของข้าจึงมีไฟนรก”

ราชาผิงเติ่งคิดในใจว่า ไยจึงมีได้ เจ้าไม่รู้อยู่แก่ใจสักนิดเลยหรือ

แต่เมื่อนึกถึงเรื่องไร้คุณธรรมที่นางเคยทำ สมองของเขาพลันปวดตุบ ลืมไปแล้ว นางจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

ราชาผิงเติ่งเอ่ย “หากข้าบอกว่าเจ้าแย่งมาเจ้าจะเชื่อหรือไม่”

“ท่านว่าข้าเชื่อหรือไม่” นางมีความสามารถนี้หรือ

“เช่นนั้นเจ้าหลอกเอาไปเล่า” ดวงตาของเขาปิดลง ท่าทางเกียจคร้าน

ฉินหลิวซี “…”

ตาเฒ่านี่กำลังหลอกข้า ท่าทางนี้เป็นเพียงการเสแสร้ง บีบให้ข้าเป็นบ้านี่

นางกำลังอยากเอ่ยบางสิ่ง ข้างหูพลันมีเสียงดังขึ้น “ปู้ฉินอารามชิงผิงเมืองหลี มาเพื่อสิ่งใด”

ฉินหลิวซีตกใจ เงยหน้า “ท่านเป็นใคร”

เสียงนั้นสะอึกไปชั่วครู่ เอ่ยตอบ “เทพเฟิงตู”

“อ้อ ท่านอยู่ที่ใด ข้ามีเรื่องมาคุยกับท่านสักหน่อย” ฉินหลิวซีผลักราชาผิงเติ่งออก “นำทางหน่อยเถิด”

ราชาผิงเติ่งรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา

[1] ราชาเหยียนหลัว พระยมผู้ดูแลนรกขุมที่ 5

ตอนที่ 713 นี่จะบีบให้ข้าคลั่งนี่นา

ยมทูตผู้พิพากษาได้รับข่าวจากราชาเหยียนหลัว[1]รีบตรงดิ่งมารับฉินหลิวซี

“ไยท่านจึงลงมาเล่า ไม่บอกล่วงหน้า ข้าจะได้ไปรอรับ ท่านดูเถิด เพิ่งมาถึงก็ถูกพวกไม่มีตาปะทะเข้า นี่มันเรื่องอะไรกัน” ยมทูตผู้พิพากษากวาดตามองดวงวิญญาณโดยรอบ รวมไปถึงตำหนิดวงวิญญาณผีร้ายที่เพิ่งแตกสลายไป ตายแล้วยังรนหาที่ตายอีก พุ่งเข้าหาใครไม่ว่ากลับพุ่งมาหาอสูรน้อยตนนี้

เหล่าดวงวิญญาณที่กำลังตัวสั่นระริก “!”

พวกเขาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น และไม่กล้าด้วย พวกเขาถูกเข้าใจผิดนะ

ฉินหลิวซีคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มมองไปยังยมทูตผู้พิพากษา “ท่านผู้พิพากษา ข้าฟังน้ำเสียงของท่าน ไยจึงดูเหมือนไม่ต้อนรับข้า”

นางได้ยินเสียงรังเกียจในคำพูดอย่างชัดเจน

ในใจยมทูตผู้พิพากษาราวกับมีม้านับหมื่นตัววิ่งผ่านทุ่งหญ้า จะยินดีต้อนรับสิถึงจะแปลก

เจ้าว่ามีเทียนซือผู้ใดที่เหมือนเจ้า อยากเรียกหาใครก็เรียก อยากเปิดประตูผีก็เปิด เช่นนี้ก็ช่างเถิด ตอนนี้ทำเหมือนยมโลกเป็นสวนหลังบ้านเสียแล้ว มายมโลกราวกับกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น อยากมาก็มา ไม่บอกล่วงหน้าสักนิด

แต่บ่นไปก็คือบ่น เขาไม่กล้าเอ่ยความจริงออกมา เพียงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านคิดมากไปแล้วขอรับ ข้าเปล่า ท่านลงมาทั้งที่ยังเป็นกายเนื้อ ยมโลกมีพลังหยินมากมาย บาดเจ็บคงไม่ใช่เรื่องดี”

“เช่นนั้นหรือ” ฉินหลิวซีกวาดตามองไปไกล เหล่ายมทูตทหารยามทั้งหลาย ทุกคนต่างมองมาทางนี้ด้วยท่าทีเตรียมพร้อม เห็นนางมองไปก็แสร้งหันหน้าหนีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนี้มันเกินไปหรือไม่

ยมทูตผู้พิพากษาเอ่ยกับนางด้วยรอยยิ้ม “เชิญท่านทางนี้ขอรับ แม่นางน้อยผู้นี้คือ?”

“อ้อ เด็กคนนี้ชื่อเมิ่งเฉินเซียง เจ้าให้คนพานางไปลงชื่อไปเกิดใหม่ที” ฉินหลิวซีดึงเมิ่งเฉินเซียงก้าวขึ้นมาด้านหน้า

ยมทูตผู้พิพากษามองนางเล็กน้อย เปิดบันทึกความเป็นความตาย พู่กันของยมทูตผู้พิพากษาเขียนชื่อลงไป ความดีและความชั่วของเมิ่งเซียงทั้งยามมีชีวิตและหลังจากตายไปปรากฏขึ้นกลางอากาศ ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้

เขาเรียกยมทูตตนหนึ่งมาแล้วให้พาเมิ่งเฉินเซียงไป

เมิ่งเฉินเซียงมองมายังฉินหลิวซี เม้มริมฝีปากแน่น

“ข้ามาส่งเจ้าได้เพียงเท่านี้ เจ้าไปเถิด เจ้าไม่ได้ทำร้ายผู้ใดจริงๆ ชาติหน้าจะได้เกิดในที่ดีๆ” ฉินหลิวซีเอ่ย

เมิ่งเฉินเซียงโค้งตัวให้นาง เดินตามยมทูตไป

ยมทูตผู้พิพากษาพานางไปพบกับราชาผิงเติ่ง

ฉินหลิวซีเดินไปพร้อมมองสอดส่อง กดความรู้สึกคุ้นชินเอาไว้ เอ่ย “มักรู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อกับยมโลกแปลกๆ ราวกับได้กลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น”

เท่าของยมทูตผู้พิพากษาเซ เตะกระโหลกศีรษะหนึ่งชิ้นลอยออกไป ยิ้มเอ่ย “ยมทูตพวกนี้รับแต่เงินไม่ทำงาน ไม่รู้จักทำความสะอาดเลย ควรลงโทษ ขายหน้าท่านแล้ว”

ขอร้องท่าน อย่าได้เอ่ยสิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้เลย

ราชาผิงเติ่งมองเห็นฉินหลิวซี มีสติตื่นตัวขึ้นมาทันใด เห็นฉินหลิวซีมองมาที่เขา ไม่ทำความเคารพ ก็หน้าตึงขึ้นพลางเอ่ย “เทียนซือเล็กๆ กล้าบุกเข้ามาในยมโลก มาเพราะการใด ไยเห็นราชาข้าแล้วไม่คุกเข่า”

“ท่านจะให้ข้าคุกเข่าให้ท่านหรือ ท่านเป็นราชาเทพหรือไม่” ฉินหลิวซีเอียงคอ เอ่ย “เหมือนว่าราชาเทพจะไม่ได้หน้าตาเช่นท่าน”

ราชาผิงเติ่ง “!”

เขาอดกลั้นเอาไว้ เอ่ย “เทียนซือเล็กๆ วาจาสามหาว…”

ฉินหลิวซีก้าวไปข้างหน้าสองก้าว วาจาของราชาผิงเติ่งพันจุกอยู่ที่ลำคอ เท้าก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว “เจ้าจะทำอะไร”

ฉินหลิวซีมองตาเฒ่าน้อยผู้นี้ เอ่ย “ราชาผิงเติ่ง ท่านรับผิดชอบดูแลเรื่องเวรกรรม ดูแลนรกหรือ”

“เช่นนั้นแล้วอย่างไร”

ฉินหลิวซียิ้มตาหยีคล้องไปที่ไหล่ของเขา เอ่ย “เช่นนั้นท่านพาข้าไปดูไฟนรกโลกันต์สักหน่อยเถิด”

“เหลวไหล ไฟนรกโลกันต์เป็นสิ่งที่เจ้าบอกอยากไปดูก็ไปได้หรือ” ราชาผิงเติ่งผู้น่าสงสาร ตัวเตี้ยร่างเล็ก ถูกฉินหลิวซีเกาะไหล่และยังกดไหล่เขาลงอีก ยิ่งทำให้ดูเตี้ยขึ้นไปอีก

“ข้าอยากเห็นไฟนรกนั่น มีที่มาเดียวกับบนตัวข้าหรือไม่ มีสิ่งใดแตกต่าง” ฉินหลิวซีคิดได้ ปลายนิ้วจุดไฟนรกขึ้นมา สีแดงราวกับดอกบัว ทั้งยังยื่นมาตรงหน้าราชาผิงเติ่ง

ราชาผิงเติ่งกระตุกเบาๆ โทษตนเองที่ปากมากอีกครั้ง ไยเขาต้องมาถูกข่มขู่เช่นนี้

“พานางไปเถิด” เสียงเทพเฟิงตูดังขึ้นข้างหู

ราชาผิงเติ่งร้องไห้ไร้น้ำตา หน้าบึ้งพลางเอ่ย “เทียนซือน้อยอย่างเจ้าเป็นตัวปัญหาจริงๆ ดูแล้วก็รีบกลับไปเสีย ตามข้ามา”

เขาสะบัดมือฉินหลิวซีออก ก่อนจะเดินนำออกไป

ฉินหลิวซีหรี่ตามองตามหลังเขา พานางไปจริงๆ ด้วย มีแผนในใจหรือไม่

นรกอเวจีมีสิบแปดขุม ลงโทษผู้คนที่ทำบาปเมื่อครั้งยังมีชีวิตโดยเฉพาะ และบนโลกมนุษย์มักมีคำสาปที่ว่า เจ้าจะต้องตกนรกอเวจีสิบแปดขุม บ่งบอกว่าอีกฝ่ายทำบาปใหญ่หลวง ดังนั้นเมื่อตายไปแล้วจะถูกส่งมารับการลงโทษที่ทุกข์ทรมานและน่ากลัวที่สุดที่นี่

การลงโทษหนักเพียงใด ก็หมายความว่าทำบาปเมื่อครั้งยังมีชีวิตหนักเท่านั้น

ในเวลานี้ได้ยินเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดและโหยหวนไม่รู้จบ ทั้งหมดนี้มาจากผีที่ถูกลงโทษ

ลัทธิเต๋าเอ่ยอยู่บ่อยครั้งว่า คนทำชั่ว ต่อให้หลีกหนีได้เมื่ออยู่บนโลกมนุษย์ หลังจากตายไปแล้วจะถูกคิดบัญชีโดยละเอียดเมื่ออยู่ในโลกแห่งความตาย ที่เอ่ยถึงก็คือการลงโทษในนรกแห่งนี้

ฉินหลิวซีได้ยินเสียงโหยหวน ใบหน้าไร้ความรู้สึก เพียงเร่งให้ราชาผิงเติ่งพานางไปดูนรกโลกันต์ขุมนั้น

ไฟนรกโลกันต์เผาล้างความชั่วทั้งหมด

เปลวไฟดุจดอกบัวแดง ผู้ที่ถูกเผาไหม้อยู่ขุมนี้ แม้แต่เสียงร้องคร่ำครวญยังร้องไม่ออก ทำได้เพียงดิ้นรนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชนด้วยความทุกข์ทรมานอย่างไร้สุ้มเสียง

ฉินหลิวซีเดินเข้าไปใกล้ ดวงตาคู่นั้นมีรอยยิ้มสะท้อนไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชนตรงหน้า หัวใจยินดีและมีความสุขขึ้นมา ความรู้สึกราวกับหาจุดกำเนิดเจออย่างไรอย่างนั้น

และไฟนรกขุมนั้น ราวกับสัมผัสได้ถึงต้นกำเนิดเช่นกัน ลุกโชนร้อนแรงยิ่งขึ้นไปอีก เสียงดังปัง ลิ้นไฟปะทุขึ้นมา กำลังเต้นระบำ

เปลวไฟสีแดงเริงระบำและเบ่งบานพุ่งขึ้นมาราวกับดอกบัวสีแดงขนาดใหญ่

ฉินหลิวซีรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ยื่นมือออกไป

ลมหายใจราชาผิงเติ่งสะดุด

นางสัมผัสปลายยอดของเปลวไฟคล้ายกลีบบัวแดงนั่น เปลวไฟหมุนรอบนิ้มของนาง ราวกับญาติสนิทที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน

ฉินหลิวซีรู้สึกแปลก ริมฝีปากยกยิ้ม ในหัวราวกับมีภาพบางอย่างปรากฏ

“เห็นแล้วก็ไปได้แล้ว” ราชาผิงเติ่งเอ่ยขัดนาง

ฉินหลิวซีหันไปมองทันที ดวงตาคู่นั้นมีเปลวไฟดอกบัวแดงลุกโชน ราวกับจะเผาไหม้คนให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

ราชาผิงเติ่งก้าวถอยหลังสองก้าว สายตาระแวดระวัง

ฉินหลิวซีกะพริบตา มองไฟนรกตรงหน้า ก่อนจะมองเขาอีกครั้ง เอ่ย “ราชาผิงเติ่งท่านว่า ข้ามีความเกี่ยวข้องกับไฟนรกนี้อย่างไร ไยร่างกายของข้าจึงมีไฟนรก”

ราชาผิงเติ่งคิดในใจว่า ไยจึงมีได้ เจ้าไม่รู้อยู่แก่ใจสักนิดเลยหรือ

แต่เมื่อนึกถึงเรื่องไร้คุณธรรมที่นางเคยทำ สมองของเขาพลันปวดตุบ ลืมไปแล้ว นางจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

ราชาผิงเติ่งเอ่ย “หากข้าบอกว่าเจ้าแย่งมาเจ้าจะเชื่อหรือไม่”

“ท่านว่าข้าเชื่อหรือไม่” นางมีความสามารถนี้หรือ

“เช่นนั้นเจ้าหลอกเอาไปเล่า” ดวงตาของเขาปิดลง ท่าทางเกียจคร้าน

ฉินหลิวซี “…”

ตาเฒ่านี่กำลังหลอกข้า ท่าทางนี้เป็นเพียงการเสแสร้ง บีบให้ข้าเป็นบ้านี่

นางกำลังอยากเอ่ยบางสิ่ง ข้างหูพลันมีเสียงดังขึ้น “ปู้ฉินอารามชิงผิงเมืองหลี มาเพื่อสิ่งใด”

ฉินหลิวซีตกใจ เงยหน้า “ท่านเป็นใคร”

เสียงนั้นสะอึกไปชั่วครู่ เอ่ยตอบ “เทพเฟิงตู”

“อ้อ ท่านอยู่ที่ใด ข้ามีเรื่องมาคุยกับท่านสักหน่อย” ฉินหลิวซีผลักราชาผิงเติ่งออก “นำทางหน่อยเถิด”

ราชาผิงเติ่งรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา

[1] ราชาเหยียนหลัว พระยมผู้ดูแลนรกขุมที่ 5

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset