คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 653 ศิษย์ทรยศ

ตอนที่ 653 ศิษย์ทรยศ

ตอนที่ 653 ศิษย์ทรยศ

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองไปยังเถิงเจาและวั่งชวนที่นั่งเรียงกันอยู่ด้านนอก แล้วจึงหันกลับมามองฉินหลิวซี ท่าทางอึกอัก

“ทำไมหรือ มีสิ่งใดก็เอ่ยออกมาเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นด้วยความรำคาญ

“ดวงของเจ้าเด็กวั่งชวนผู้นี้ ต้องปกปิดสักหน่อยหรือไม่”

ฉินหลิวซีเงียบ “ท่านคิดว่าต้องปกปิดหรือ”

“ถ้าเป็นไปได้ก็ปกปิดให้นางสักนิดเถิด ไม่รู้ว่าโลกใบนี้จะวุ่นวายขึ้นเมื่อใด หากปล่อยให้พวกนอกลู่นอกทางมาเจอเข้า เกรงว่าจะดึงความวุ่นวายเข้ามา” นักพรตชื่อหยวนถอนหายใจ

ดวงตาของฉินหลิวซีฉายแววดื้อรั้น “ข้าจะดูว่าผู้ใดกล้า”

“นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าจะกล้าหรือไม่กล้า คือความลับอย่างไรก็มีรั่วไหล เจ้าเองก็ไม่อาจนำนางผูกติดเอวไปได้ตลอด พานางอยู่ข้างกายตลอดเวลา ต่อให้เจ้าทำได้ อย่างไรก็ต้องมีช่วงเวลาที่ไม่อาจปกป้องได้” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ย “วันเวลาเกิดบวกกับพลังหยินบริสุทธิ์ ดวงชะตาที่หลอมพลังหยินบริสุทธิ์เช่นนี้ หากถูกจับจ้อง สำหรับนางแล้วจะกลายเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่”

สีหน้าฉินหลิวซีทะมึนลง

“ความจริงตอนแรก นางจากไปเช่นนี้…”

“ตอนนั้นถ้าข้าไม่เห็น คนในหมู่บ้านนั้นคงไม่เหลือแม้เพียงคนเดียว” ฉินหลิวซีมองไปยังร่างเล็กของวั่งชวน เอ่ย “ไม่ตายก็ถูกความโกรธแค้นกลืนกิน เพียงร่างกายตาย นางจะสูญเสียสติสัมปชัญญะ กลายร่างเป็นผีร้าย และชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นต้องประสบเคราะห์ร้าย”

หมู่บ้านของวั่งชวนในตอนนั้น ที่ตั้งเป็นแอ่งกระทะ พลังหยินล้อมรอบทั่วทุกทิศ เป็นจุดอ่อนแอ หากนางตายจะต้องดูดกลืนพลังหยินร้ายเหล่านั้น กลายเป็นผีร้ายเหี้ยมโหด เป็นเครื่องมือสังหารชั้นดี ทำลายล้างทั้งหมู่บ้าน

นักพรตชื่อหยวนเอ่ย “ช่วยนางผู้เดียวประดุจช่วยเหลือผู้คนนับร้อย แต่ช่วยนางผู้เดียว บางทีอาจทำลายผู้คนนับร้อย ถึงตอนนั้นเจ้า…”

บางครั้งเขาก็ไม่รู้ว่าความเห็นอกเห็นใจของนางนั้นถูกต้องหรือไม่ เฮ้อ

“ท่านอาจารย์ ปัจจุบันและอนาคต ข้าเลือกปัจจุบันก่อน เพราะอนาคตยังมีโอกาสอยู่ริบหรี่ แต่ปัจจุบันไม่มี หากในอนาคตนางเดินเข้าไปสู้เส้นทางการทำร้ายผู้คนจริงๆ นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องรับมัน” ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปาก เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แต่ท่านเอ่ยก็ถูก ดวงชะตาชีวิตโหงวเฮ้งของนางควรปกปิดเอาไว้สักหน่อย เพราะศัตรูเก่าของเราปรากฏตัวแล้ว”

“ชื่อเจินจื่อ ข้าเจอรังของเขาแล้ว”

ลมหายใจของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนเร็วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถาม “เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย เจ้าต่อสู้กับเขาแล้วหรือ”

ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ “ช้าไปหนึ่งก้าว เขาหนีไปแล้ว แต่เป็นเขาไม่ผิดแน่ คนไม่เพียงยังไม่ตาย ยังรับลูกศิษย์คนหนึ่งไว้ด้วย สู้กับข้ามาสองครั้ง โง่เขลาสักหน่อย แต่ฟังคำชั่วช้าเหล่านั้น พวกเขากำลังตามหาไข่มุกมังกรวารีอยู่เช่นกัน คิดว่าคงเอามาปรุงยาสร้างรากฐานนี้เช่นกัน เช่นนี้แล้วเห็นได้ว่าการบำเพ็ญของเขาก็ยังไม่ถึงจุดสูงสุด อย่างน้อยก็ยังไม่ถึงรากฐาน”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนขมวดคิ้ว สีหน้าเครียดขึงอย่างที่ฉินหลิวซีไม่เคยเห็นมาก่อน “ข้าเคยดูป้ายโชคชะตาของเขา มีแสงสว่างกลับมาจริงๆ นี่เป็นไปไม่ได้นี่นา ตอนนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาตายไปแล้ว”

“กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามรัง คิดว่าตอนที่ต่อสู้กับท่าน เขาคงเหลือทางรอดเอาไว้สักทาง หรือมีช่องทางฟื้นกลับมาจากความตายอีกครั้ง” น้ำเสียงของฉินหลิวซีเย็นชาลง เอ่ย “และเขาหลบหนีข้า เกรงว่าเพราะยามนี้ร่างกายเขาก็ไม่พร้อม โดยเฉพาะการบำเพ็ญเพียร”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเลิกคิ้ว เอ่ย “ก็ไม่ถูกนัก ศิษย์น้องผู้นี้ข้ารู้จักเป็นอย่างดีที่สุดแล้ว พรสวรรค์คาถาเต๋าเขาดี นิสัยเย่อหยิ่ง ไม่ใช่คนที่จะหลีกหนีไม่ต่อสู้”

ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “นั่นมันเมื่อก่อน ความเย่อหยิ่งจองหองทำให้เขาเสียเปรียบครั้งใหญ่ในมือของท่านแล้วหนึ่งครั้ง หากไม่ใช่เพราะเขาเหลือทางรอดเอาไว้ เขาก็คงตายไปแล้วจริงๆ เมื่อได้รับบทเรียนครั้งใหญ่เช่นนี้ หากเขายังคงเย่อหยิ่งจองหองเช่นเดิม เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดน่ากังวลแล้ว เพราะว่าเขาโง่เขลา”

คนคนหนึ่งหากล้มในจุดเดิมซ้ำๆ ไม่เรียกโง่แล้วจะเรียกว่าอย่างไร

แต่เห็นได้ชัดว่าชื่อเจินจื่อไม่โง่ เขาได้เรียนรู้บทเรียนเมื่อหลายสิบปีก่อน ยอมเป็นเต่าหดหัว ไม่เผชิญหน้ากับผู้ใด บ่งบอกชัดเจนได้หนึ่งอย่าง เขาไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ในปัจจุบันของตนมากนัก อีกอย่างหนึ่งก็คือ เขามีความอดทน

บุรุษแก้แค้นสิบปียังไม่สาย ชื่อเจินจื่อรู้ว่าสิ่งใดสำคัญกับตนเองที่สุด

คนเช่นนี้ รับมือยากยิ่งกว่าไท่หยางอะไรนั่นเสียอีก

สีหน้าของนักพรตชื่อหยวนทะมึนลง เอ่ย “ช้าจะใช้วิชาต้าเหยี่ยนทำนายถึงตำแหน่งที่อยู่ของเขา จะปล่อยให้เขาซ่อนตัวต่อไปไม่ได้ มิเช่นนั้น จะเป็นการให้เวลาเขาพักฟื้นบำเพ็ญเพียร จะยิ่งรับมือยากขึ้นเรื่อยๆ”

“ท่านกล้าหรือ” ฉินหลิวซีถลึงตามองเขา “เดิมทีท่านก็พลังถดถอยเพราะถูกพลังสะท้อนกลับรุนแรงจากเขา บาดเจ็บภายในไม่พอ ยังจะกล้าใช้วิชาต้าเหยี่ยนอีกหรือ ครั้งที่แล้วท่านใช้ตอนอยู่อารามชิงหลาน ข้ายังไม่คิดบัญชีกับท่านเลย ท่าน…”

ความโกรธปะทุขึ้นมาแล้ว การให้เกียรติคงไม่ต้องแล้ว

“โอ๊ย แก่แล้วจริงๆ นั่งนานไม่ได้ ต้องไปเดินสักหน่อย” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนลุกขึ้น แสร้งทำท่าทางยืดเอวไปมาจะเดินออกไปข้างนอก

“อย่าได้คิดหนี หากท่านแอบทำนายอีก คอยดูเถิดว่าข้าจะทำอย่างไร”

“ทำอย่างไร”

ฉินหลิวซียิ้มเย็น “แน่นอนว่าจะยุบ ยุบอารามชิงผิง ใครอยากทำสิ่งใดก็ไปทำ ไม่เล่นแล้ว รูปหล่อทองคำเหล่านี้ข้าจะหลอมลงมาแล้วนำไปขายเสีย ให้ปรมาจารย์เป็นไก่ไม่มีขน”

ปรมาจารย์ กอดทองคำบนตัวข้าให้แน่น

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนโกรธจนดึงเคราออกมาหนึ่งเส้น ชี้หน้านาง “เจ้าศิษย์เนรคุณ วาจาเช่นนี้เจ้ายังเอ่ยออกมาได้ เจ้าศิษย์ทรยศ”

“ใช่ ให้สายฟ้าผ่าข้าเสียสิ” ฉินหลิวซีเถียงกลับ

นักพรตชื่อหยวน “!”

เลี้ยงมาเองกับมือ สั่งสอนมาเองกับมือ ตีไม่ได้ แหย่ไม่ได้ ทำได้เพียงลูบขนให้เรียบ

เขาฝืนส่งยิ้มหวานออกมา เอ่ย “เจ้าเด็กคนนี้ ตอนเด็กว่านอนสอนง่าย ไยตอนนี้จึงกลายเป็นเช่นนี้เล่า”

“ทำงานหนักมาสิบปี เห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกระแอมไอสองครั้ง เอ่ย “เอาล่ะๆ ไม่ทำนายก็ไม่ทำนาย เช่นนั้นเจ้าว่าควรจัดการกับเจ้านั่นอย่างไร”

“เอ่ยอย่างไรก็คือจัดการ ตอนนี้เป็นการช่วงชิงเวลากับเขา” ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าทำลายรังของเขาหนึ่งที่ เป็นช่องหุบเขาทางเขตแดนซีเป่ย มีเส้นเลือดมังกรเล็กๆ หนึ่งเส้น ข้าลงอาคมเอาไว้ ท่านไปบำเพ็ญตบะที่นั่นเถิด”

“ข้าหรือ”

ฉินหลิวซีพยักหน้า “ไข่มุกมังกรวารีอยู่ในมือข้าแล้ว ผลจูฝูข้าให้จิ้งจอกเฒ่าไปรอเก็บแล้ว ยาสร้างรากฐานนี้ข้าสามารถปรุงออกมาได้อย่างแน่นอน ดังนั้นท่านบำเพ็ญตบะรอไปอย่างสบายใจก็พอ”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองนาง เอ่ย “เด็กน้อย เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีชีวิตนิรันดร์อย่างที่ว่า ยิ่งไม่อาจโบยบินอย่างคนเมื่อพันปีก่อน ไยเจ้าจะต้องยึดติดเช่นนี้”

“ข้าไม่ได้ยึดติด หากชีวิตของท่านสิ้นสุดลงจริงๆ ก็ไปสอบเป็นเจ้าหน้าที่ยมทูตในเบื้องล่างเถิด ข้าจะใช้เส้นสายช่วยท่านอย่างไรก็สอบได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องซาบซึ้ง ศิษย์อาจารย์กันนี่เป็นสิ่งสมควรอยู่แล้ว” ฉินหลิวซีหัวเราะเสียงเย็น

นักพรตเฒ่าชื่อหยวน ข้าเลี้ยงหมาป่าตาขาวแล้วจริงๆ การตายของข้าในอนาคตยังถูกนางเตรียมการไว้อย่างชัดเจน

สอบราชการเป็นยมทูต ไยนางจึงไม่ย้ายเทพเจ้าคุ้มครองเมืองออกแล้วให้ข้าไปนั่งแทนเสียเลยเล่า เขาก็อยากลิ้มรสการเป็นเจ้าหน้าที่ราชการสักครั้ง

เทพผู้คุ้มครองเมืองที่ตำแหน่งกำลังตกอยู่ในอันตราย มาดูศิษย์และอาจารย์ผู้ไร้ยางอายกันเถิด ผู้ใดพบเจอผู้นั้นโชคร้าย

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset