คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 580 พรสวรรค์ที่ว่าคือความเปล่าเปลี่ยว

ตอนที่ 580 พรสวรรค์ที่ว่าคือความเปล่าเปลี่ยว

ตอนที่ 580 พรสวรรค์ที่ว่าคือความเปล่าเปลี่ยว

ได้ไข่มุกมังกรวารีมาแล้ว ฉินหลิวซีที่กำลังดีใจ นางเตรียมหอบอวี้เสวี่ยจีกลับ เดิมคิดจะนำมาล่อให้เหมิงกุ้ยเฟยนำไข่มุกมังกรวารีมาแลก สบายใจนัก

ประหยัดไปจำนวนหนึ่ง หาได้ยากที่นางใจกว้างไม่ปฏิเสธเสนาบดีอายุครึ่งร้อยผู้หนึ่งที่ ‘กำลังวังชาไม่ดี’ เพียงแต่วัตถุดิบที่มาทำชาสมุนไพรนั้นไม่ได้หาได้ง่ายๆ จำเป็นต้องให้โสมน้อยบางต้นตั้งใจทำงาน ดังนั้นจะมีเมื่อใด มีมากเพียงใด แล้วแต่โชคชะตา

ปีศาจโสมน้อย ร่างกายของข้าความจริงอาจเป็นเพียงผักกาดขาวต้นหนึ่ง ไม่มีคนเป็นห่วงไม่มีคนรัก ลมพัดก็หนาวอย่างไรอย่างนั้น

เสนาบดีลิ่นเห็นฉินหลิวซีรับปาก รู้สึกยินดีเช่นเดียวกัน ทว่าเขาไม่ได้แสดงออกมา เพียงเอ่ย “ไม่น่าเป็นไปได้ที่ตระกูลฉินจะได้รับการอภัยโทษกลับมาในเร็วๆ นี้ ได้ยินว่าเถิงเทียนฮั่นไปสืบคดีความผิดพลาดในพิธีเซ่นไหว้ของปู่ท่านเป็นการส่วนตัว หากตรวจสอบได้ว่าเขาถูกใส่ร้าย เช่นนั้นก็อาจได้รับอภัยโทษ แต่หากมีการกระทำผิดจริงเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งเขาอายุมากแล้ว หากต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ที่ซีเป่ย เกรงว่าคงยากสักหน่อยหากจะฟื้นตัว”

ฉินหลิวซีส่งเสียงอ้อขึ้นมา

เสนาบดีลิ่นเอ่ยต่อ “แม้ระยะนี้ไม่อาจกลับมาได้ แต่ฝากฝัง ให้ดูแลพวกเขาเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าใดนัก”

เขาเอ่ยสิ่งนี้ ทั้งรู้สึกว่าฉินหยวนซานมีบุญ มีคนอยู่ทางนี้คอยดำเนินการ เป็นบารมีจากหลานสาวผู้นี้ของเขาแล้ว

ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “ท่านไม่ต้องลำบากเกินไป พวกเขามีชีวิตรอดกลับมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว เมื่อลำบากเพียงพอแล้ว ต่อไปคงระวังมากขึ้น”

“ท่านไม่กลัวพวกเขาจะถูกขัดขอบและมุมจนเรียบทื่อ ถูกดัดกระดูกสันหลังจนคดงอ” เสนาบดีลิ่นเลิกคิ้วหยั่งเชิงถาม

“เมื่อได้รับความลำบากจะทำให้คนเหนือคน ถูกหักงอแล้ว นั่นก็เป็นปัญหาของพวกเขาเอง” ฉินหลิวซีเอ่ย “สิ่งที่ข้าควรทำ ต่างก็ทำแล้ว คงคาดหวังให้ข้าสตรีเพียงคนเดียวคอยปรนนิบัติรับใช้ผู้อาวุโสอยู่เบื้องหลังไม่ได้กระมัง ข้าทำทั้งหมดแล้ว พวกเขาทำสิ่งใด บุรุษแข็งแกร่งด้วยตนเอง”

ดังนั้น อย่ามาพึ่งนาง หากมาพึ่งนางนางก็จะหนี

สายตาของเสนาบดีลิ่นสว่างไสว

บทสนทนาได้จบลงเพียงเท่านี้ ก่อนที่ฉินหลิวซีจะขอตัวลา เสนาบดีลิ่นเดินออกประตูห้องตำราไปกับนาง ฉินหลิวซีหันกลับมา รอยยิ้มชะงักไปชั่วครู่ ยกนิ้วขึ้นมาคำนวณ คิ้วขมวดขึ้น

เสนาบดีลิ่นเห็นสีหน้านางเปลี่ยน เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ทำไมหรือ”

สีหน้าของฉินหลิวซีแปลกประหลาดก่อนจะมองไข่มุกมังกรวารีในมือ แกะชิ้นหยกสลักคาถาหนึ่งชิ้นที่ห้อยอยู่บนเอวออกมา แล้วยื่นส่งไปให้ “เครื่องรางหยกนี้ ท่านเสนาบดีพกเอาไว้ ช่วยให้แคล้วคลาดจากสิ่งชั่วร้าย หากมีคนมาถามท่านเสนาบดีว่าไข่มุกมังกรวารีอยู่ที่ใด ท่านเสนาบดีเอ่ยตอบไปตามตรงได้”

เวลาเพียงชั่วครู่ นางมองเห็นเสนาบดีลิ่นมีรังสีความโชคร้ายผสมกับแสงสีแดงจางๆ หลังจากคำนวณอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายมีกรรมเวรเกี่ยวเนื่องกับตนเอง

เพราะไข่มุกมังกรวารีนี้

มีคนต้องการไข่มุกมังกรวารีนี้เช่นกัน ดูเหมือนไม่นานก็จะไปหาที่จวนตระกูลเหมิงก่อน ขอให้ตนเองโชคดีด้วยเถิด

ครั้งนี้เสนาบดีลิ่นประหลาดใจแล้วจริงๆ เขารับชิ้นหยกมา ภายใต้สายตาตะลึงงันของบ่าวรับใช้ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะนำมันมาผูกไว้ที่เอวของตน

“บอกไปจะไม่เป็นไรหรือ” เขาไม่ถามว่าไยจู่ๆ ฉินหลิวซีจึงเอ่ยเช่นนี้ นางคงทำนายบางอย่างได้แล้วกระมัง

ฉินหลิวซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “หากเป็นคนธรรมดา คนข้างกายของเสนาบดีอาจสู้ได้ แต่หากเป็นคนที่เป็นเหมือนข้า พวกท่านสู้ไม่ได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้บาดเจ็บ ท่านเอ่ยไปตามตรงได้ว่าไข่มุกมังกรวารีนี้ถูกข้าเอาไปแล้ว”

หาได้ยากที่เสนาบดีลิ่นจะแสดงความกังวลออกมา “จะทำร้ายท่านบาดเจ็บหรือไม่ จำเป็นต้องให้ข้าต้องส่งคนไปคอยติดตามคุ้มกันท่านหรือไม่”

“ไม่จำเป็น ท่านวางใจเถิด” ฉินหลิวซีโบกมือ พาไข่มุกมังกรวารีจากไป

ในวัง เหมิงกุ้ยเฟยส่งแม่แท้ๆ ฮูหยินอันเฉิงโหวกลับไปแล้ว ทุบชุดชงชาภาพวาดน้ำหมึกภูเขาสายธาร[1]ลงกับพื้นด้วยความโกรธ

เพราะไข่มุกมังกรวารีที่เดิมเป็นของขวัญวันพระราชสมภพไม่มีแล้ว แม้แต่อวี้เสวี่ยจีก็ยังไม่ได้แลกมา เมื่อได้รับข่าวนี้นางก็รู้สึกว่าตนเสียเปรียบนางสนมเสวี่ยผินผู้นั้นแล้ว ยามนี้ไม่อาจฉวยอะไรติดมือมาได้ทั้งนั้น ขโมยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ

การประมูลรั้งท้ายของโรงประมูลจิ่วเสียนครั้งนี้แน่นอนว่าคืออวี้เสวี่ยจีนั่น อีกทั้งอนาคตสองสามปีข้างหน้ายังไม่มีขายแล้ว

นั่นจะได้อย่างไรเล่า

ไม่มีอวี้เสวี่ยจี ผิวพรรณรูปโฉมนี้ของนางจะดูแลอย่างไร หลังจากให้กำเนิดองค์ชายน้อยแล้ว นางรู้สึกว่าผิวบนตัวของนางไม่ได้กระชับอย่างเมื่อก่อนแล้ว กำลังเป็นช่วงเวลาที่ต้องการอวี้เสวี่ยจีพอดี

ที่สำคัญ นางยังได้ข่าวมาด้วยว่าเป้าหมายของโรงประมูลจิ่วเสียนนั่นก็คือไข่มุกมังกรวารีอะไรนั่น ตระกูลของพวกเขาได้มาหนึ่งเม็ดแล้วเตรียมมอบให้ฝ่าบาทเป็นของขวัญวันพระราชสมภพแล้วมิใช่หรือ ตอนนั้นนางส่งคนออกจากวังไปส่งข่าว อยากให้บิดานำไปแลก

แต่ตอนนี้ ไม่มีไข่มุกมังกรวารีอยู่แล้ว

“พระสนม อย่าทรงโกรธเลยเพคะ โหวฮูหยินเอ่ยแล้วมิใช่หรือ ของสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนทั้งจวน เก็บเอาไว้มิได้” นางกำนัลคนสนิทเปลี่ยนชุดน้ำชาให้ใหม่ เอ่ย “ถึงแลกมาไม่ได้ อวี้เสวี่ยจีนั่นก็ยังมีการนำมาร่วมประมูล ฮูหยินเองก็บอกแล้ว จะประมูลมันมาให้พระองค์อย่างแน่นอน”

พระสนมเหมิงกุ้ยเฟยเอ่ยด้วยความโกรธ “เอ่ยอะไรเจ้าก็เชื่อ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านพ่อท่านแม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้หรือไม่ ถึงได้เอาคำพูดมาหลอกข้า พวกเขาคงไม่คิดว่าหากข้าสูญเสียความโปรดปรานของฝ่าบาทไป พวกเราก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นแล้ว”

“พระองค์หมกหมุ่นอยู่กับภาพลักษณ์แล้ว” นางกำนัลเอ่ยปลอบ เอ่ย “พระองค์ยังมีองค์ชายน้อยอยู่ข้างๆ ไม่ใช่สนมไร้โอรสเหล่านั้น อีกทั้งยังอยู่ในตำแหน่งกุ้ยเฟย ผู้ใดจะเหนือกว่าพระองค์ไปได้ ฝ่าบาทต้องถามหาองค์ชายน้อยทุกวัน แม้แต่ตำหนักเฟิ่งหยางผู้นั้นยังต้องเลี่ยงความหลักแหลมของพระองค์นะเพคะ”

พระสนมเหมิงกุ้ยเฟยถูกปลอบจนวางความโกรธในใจ เอ่ยอย่างไม่พอใจ “เป็นเจ้าที่รู้จักเอ่ยเอาใจข้า”

“เข้าใจหม่อมฉันผิดแล้วเพคะ นี่คือความจริงนะเพคะ”

พระสนมเหมิงกุ้ยเฟยยิ้มแล้ว เชิดคางขึ้นอีกครั้ง เอ่ย “มีโอรสอยู่ข้างกายไม่ผิด แต่ก็เหมือนเม็ดบัว วังหลังนี้มีสตรีงดงามสามพันคน ไหนเลยจะมีความโปรดปรานยืนยาว ในฉังเจียง[2]นั้นคลื่นด้านหลังผลักคลื่นด้านหน้า ข้าเทียบกับหญิงสาวอ่อนวัยราวกับต้นหอมสดพวกนั้นไม่ได้ หลังจากให้กำเนิดองค์ชาย ฝ่าบาทก็ให้ความสำคัญมาก แต่จะมีสักกี่ครั้งที่ฝ่าบาทจะนอนอยู่ที่นี่กับข้า”

ไม่ว่าอย่างไร คลอดลูกและยังไม่คลอดลูก อย่างไรก็มีความแตกต่าง นางเคยได้ยินฝ่าบาทเอ่ยขึ้นมา เนื้อของนางไม่กระชับเหมือนแต่ก่อนแล้ว เอวก็หนาขึ้นมาสองชุ่น

นางเอ่ยพร้อมกัดฟันรุนแรง “ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะนั่นร้ายที่สุด ของดีเช่นนี้ ยังไม่ทำมากสักหน่อย ต้องเป็นของหายากอยู่นั่น ตอนนี้มีของยังต้องประมูล ทำการค้าหน้าเลือดจริงๆ”

นางกำนัลคิดในใจ หากทำมาเยอะแล้ว ก็ไม่ได้ขายราคานี้แล้ว

ของหายากนั้นมีค่า หลักการนี้ใครก็เข้าใจ

ในโรงประมูลจิ่วเสียน เฟิงซิวสัมผัสหูที่ร้อนขึ้นมา มองกล่องไข่มุกมังกรวารีนั่น เอ่ยกับฉินหลิวซี “ท่านเชื่อหรือไม่ คนของตระกูลเหมิงนั่นว่าเราลับหลังจนช้ำไปทั้งตัวแล้ว”

ไม่มีไข่มุกมังกรวารีแล้ว อวี้เสวี่ยจีก็ไม่อาจแลกมาได้ ได้แต่นั่งมองปากยื่นไม่พอ อยากได้อวี้เสวี่ยจีสิ่งนี้ ถึงตอนนั้นยังต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มันมา

ของหายากมีราคาแพง ทุกคนย่อมเข้าใจเหตุผลนี้! แม้เงินจำนวนนี้จะ เหอะๆ แต่ความจริงก็น่าปวดใจ

ฉินหลิวซี “ข้าได้มาเพราะความสามารถ ไม่รู้สึกผิดแม้เพียงนิด ดังนั้น หากพวกเขามีความสามารถมากพอก็ย่อมได้เช่นกัน”

เฟิงซิวชี้ไปยังไข่มุกมังกรวารี “เช่นนั้นสิ่งนี้เล่า ท่านบอกว่ามีคนต้องการมันด้วยมิใช่หรือ”

“ก็ใช่น่ะสิ” ฉินหลิวซีหรี่ตาลง เอ่ย “ไม่รู้ว่าเป็นคนมาจากทางไหน อย่างไรก็ต้องตามหาไข่มุกมังกรวารีนี่เจอเหมือนกัน”

อีกทั้งไม่นานคนผู้นั้นก็จะตามมาหานาง

เฟิงซิวมองสายตาของฉินหลิวซีที่มีความตื่นเต้นขึ้นมา ก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ พรสวรรค์ที่ว่าคือความเปล่าเปลี่ยว ดังนั้นเจ้าเด็กวิปริตนี่จึงได้ชื่นชอบต่อสู้กับผู้คน

[1] ภาพวาดธรรมชาติแบบจีนโบราณ ที่วาดด้วยหมึกดำ

[2] ฉังเจียง แม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำสายสำคัญของจีน

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset