คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 571 ผู้วางแผนร้าย ยังคงเป็นปู้ฉิว

ตอนที่ 571 ผู้วางแผนร้าย ยังคงเป็นปู้ฉิว

ตอนที่ 571 ผู้วางแผนร้าย ยังคงเป็นปู้ฉิว

ปรมาจารย์ไท่เฉิงไม่สบายใจ ไม่สบายใจมากจริงๆ เขามองไปยังเฉิงเหวินยวนที่จัดการเรียบร้อย สีหน้าทะมึน

“เจ้าอาวาส ตอนนี้บุตรชายของข้าหายแล้วหรือไม่ ผีร้ายตนนั้นจะไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกแล้วใช่หรือไม่” ฉังชวนปั๋วสีหน้าตึง เฉิงเหวินยวนก็น่าเวทนาเกินไปหรือไม่

“ผีร้ายตนนั้นวิญญาณแตกสลายไปแล้ว แต่ว่านางหายไปแล้ว บาปกรรมของคุณชายท่านนั้นยังไม่หาย” ปรมาจารย์ไท่เฉิงหันมองมายังฉังชวนปั๋ว เอ่ยว่า “ร่างกายของท่านปั๋วยังแข็งแรง มีลูกอีกสักคนเถิด”

ฉังชวนปั๋วใบหน้าทะมึน “ท่านเจ้าอาวาสเอ่ยเช่นนี้หมายความเช่นไร”

ดวงตาของปรมาจารย์ไท่เฉิงเรียบนิ่ง หมายความเช่นไรน่ะหรือ แน่นอนก็หมายความว่าเฉิงเหวินยวนพิการแล้วน่ะสิ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเขาเสียโฉม ถูกไต้หรงสิงร่าง วิญญาณก็ถูกนางทำลายไปส่วนหนึ่ง ดังนั้นต่อให้คนผู้นี้ฟื้นขึ้นมา จิตวิญญาณก็ไม่ครบ กลายเป็นคนไม่สมประกอบ

ที่สำคัญก็คือเขามีบาปสังหารคนติดตัว อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว

“คุณชายท่านมีบาปการสังหารติดตัว แบกรับผลกรรมเช่นนี้ อยู่ได้อีกไม่นาน” ปรมาจารย์ไท่เฉิงเอ่ยเสียงเรียบ “ดังนั้นท่านปั๋วเตรียมตัวเอาไว้แต่เนิ่นๆ…”

“ท่านลองเอ่ยมาอีกสักประโยค” ฉังชวนปั๋วคว้าคอเสื้อของเขา สายตามุ่งร้าย

ปรมาจารย์ไท่เฉิงถูกล่วงเกิน รู้สึกโกรธอย่างยิ่ง ปลายนิ้วมือจรดข้อนิ้ว ดึงพลังชั่วร้ายในห้องที่ยังไม่จางไปตบลงบนหลังมือของเขา ปากพึมพำ

มือของฉังชวนปั๋วเย็นยะเยือกขึ้นมาทันใด สีหน้าพลันเปลี่ยน รีบปล่อยมือ เอ่ยอย่างระแวดระวัง “เจ้าทำอะไรข้า”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงยิ้มเย็น เอ่ย “การสั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่ล่วงเกินข้า”

“เจ้า…” ฉังชวนปั๋วกัดฟัน ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว เอ่ย “เป็นข้าน้อยที่ใจร้อน ขอท่านเจ้าอาวาสอย่าได้ถือสา ท่านเจ้าอาวาส บุตรชายของข้าไม่อาจกลับมาปกติได้แล้วจริงๆ หรือ”

“ท่านปั๋ว นี่เป็นผลกรรม เขาทำอะไรไว้ ท่านผู้เป็นบิดารู้ดี ท่านเองก็มีบาปสังหารติดตัว”

สีหน้าฉังชวนปั๋วพลันเปลี่ยน เอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสช่วยข้า”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงหมดความอดทน ยื่นยันต์คุ้มภัยให้หนึ่งแผ่น “ข้าขอให้ท่านปั๋วสงบสุข”

“ยันต์คุ้มภัยเพียงแผ่นเดียวจะมีประโยชน์อะไร เกิดมีผีร้ายเช่นผีสาวตนนี้มาอีกเล่า จะเอาอยู่หรือ” ฉังชวนปั๋วไม่พอใจเป็นที่สุด

ปรมาจารย์ไท่เฉิงคิดในใจ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าเจ้าจะเกิดบ้าขังข้าไว้ในจวนบ้านี่ไม่อาจออกไปได้ แม้แต่ยันต์นี้ข้ายังไม่อยากให้เจ้า คนชั่ว

เขามองฉังชวนปั๋ว เอ่ย “หากท่านปั๋วอยากมีชีวิตสงบสุข หากสะดวกก็ทำความดีให้มาก ช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ สร้างบุญบารมี เมื่อมีบุญแล้วจะโชคดีขึ้นมาบ้าง ลูกหลานเองก็ได้รับผลบุญกุศลไปด้วย”

ก็คงต้องเอ่ยว่าจวนฉังชวนปั๋วแห่งนี้เต็มไปด้วยเวรกรรมในทุกๆ ที่ โดยเฉพาะเฉิงเหวินยวน ต้องการให้โชคดีตกไปถึงลูกถึงหลาน เกรงว่าคงยาก จวนฉังชวนปั๋วแห่งนี้แน่นอนว่าไม่มีที่อยู่ได้แล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงโชคลาภ เพียงขอร้องไม่ให้เทพแห่งโชคร้ายมาอาศัยได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

อีกทั้งพ่อลูกคู่นี้ไม่ใช่คนดีอะไรนัก ไหนเลยจะทำความดีด้วยความจริงใจ จิตใจดีที่ส่งออกไปจะได้บุญกลับมา ยังต้องผสมกับน้ำ

แต่สิ่งเหล่านี้เขาจะไม่เอ่ยออกไป

ฉังชวนปั๋วกัดฟัน “หากไม่ใช่เพราะนักพรตซวีกงตายในกระบี่ของท่าน…”

“ท่านปั๋ว” ขมับของปรมาจารย์ไท่เฉิงกระตุก เอ่ยตำหนิเสียงดัง “มนต์ดำนั้นก็ไม่ใช่ของดีอะไร เป็นพวกเดียวกับมนต์ดำ ไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน เวรกรรมตามสนองแน่นอนว่ามีอยู่จริง ไม่ใช่ไม่มีเวรกรรม เพียงแต่ยังมาไม่ถึงเท่านั้น”

วาจานี้เอ่ยออกไป ในหัวของเขาพลันมีเสียงวิ้งขึ้นมา ร่างกายโงนเงนเล็กน้อย จากนั้นมีเสียงหัวเราะขมขื่น

ใช่แล้ว เรื่องซวยซ้ำซวยซ้อนนี้ ไม่อาจรู้ได้ว่าสวรรค์กำลังลงโทษเขาที่ปกป้องศิษย์น้องที่สร้างปัญหานั่นหรือไม่ ถึงได้เจอแต่เรื่องยากลำบากเช่นนี้ ถูกบีบบังคับเข้ามาในวงคนชั่วโดยไม่ได้ประโยชน์ไม่พอ ไม่ได้อะไรซ้ำยังถูกพลังสะท้อนกลับอีก

เสียเปรียบใหญ่หลวงนัก

นี่คือความไม่พอใจในสิ่งตอบแทน

ฉังชวนปั๋วเองนึกถึงว่าอารามจินหัวเองก็ไม่ได้ใสสะอาดนัก จึงเอ่ยเหน็บแนมหนึ่งประโยค “เจ้าอาวาสสามารถจัดการกับญาติพี่น้องเพื่อความยุติธรรม ไม่รู้ว่านักพรตไท่หยางผู้นั้นยังคงกระโดดโลดเต้น หรือแอบโกรธแค้นเจ้าอาวาสอยู่ในใจหรือไม่”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงยิ้มเย็น “หากข้าเป็นท่านปั๋ว คงรีบเรียกหมอหลวงมาตรวจรักษาคุณชาย ฟื้นมาอย่างน้อยก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง”

ฉังชวนปั๋วถูกโจมตี หันไปมองบุตรชายที่อยู่ในสภาพย่ำแย่โดยไม่รู้ตัว ดวงตาแข็งเกร็ง กำหมัดแน่นจนมีเสียงดังกร๊อบ

ปรมาจารย์ไท่เฉิงเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของเขา จึงเอ่ย “ข้าต้องกลับอารามก่อนแล้ว”

สายตามุ่งร้ายของฉังชวนปั๋วมองมา คิดอยากยื้อคนไม่ได้เรื่องนี้เอาไว้ แผ่นหยกอะไรกัน ปกป้องบุตรชายเขาเอาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังบอกเป็นปรมาจารย์ ถุย ไม่ได้เรื่อง

เขาเข้าใจปรมาจารย์ไท่เฉิงผิดแล้ว หากไม่ใช่เพราะฉินหลิวซีฝังพลังจิตเอาไว้ ไต้หรงคงไม่สามารถต่อสู้กับเครื่องรางนั้นได้

ปรมาจารย์ไท่เฉิงสัมผัสได้ถึงความอาฆาตพยาบาทของฉังชวนปั๋ว เอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค “ท่านปั๋วจำสิ่งที่ข้าเอ่ยเอาไว้ ต้องการลดเวรกรรม ทำความดีให้มาก สะสมบุญเอาไว้ให้ลูกหลาน โดยเฉพาะคนเหล่านั้นที่ตายในเงื้อมมือคุณชาย ดูแลครอบครัวของพวกนางเถิด”

ฉังชวนปั๋วเม้มริมฝีปากไม่เอ่ยวาจา ทว่ากลืนคำที่จะเอ่ยสั่งกับองครักษ์ลงไป

เวลานี้ไม่ไป จะรอเวลาใดกันเล่า

ปรมาจารย์ไท่เฉิงทิ้งเอาไว้หนึ่งประโยค เท้ารีบก้าวเดินจากไป ปรมาจารย์อยู่เบื้องบน ศิษย์กลับไปจะเก็บตัวสำนึกผิด จะไม่มายุ่งเกี่ยวเรื่องเลวร้ายและจวนนี้อีกแล้ว

รอกระทั่งกลับถึงอาราม เขาก็ปล่อยไท่หยางออกมา ให้เขาเดินทางไกลไปยังที่สงบสร้างอารามขึ้นมาก็พอ ไม่อาจเก็บเอาไว้ในเมืองหลวงอีกแล้ว

นักพรตไท่หยางอยู่ๆ เห็นเขาทำเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ในใจ ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น

ปรมาจารย์ไท่เฉิงยิ้มขมขื่น “เจ้าทำผิดแล้ว ข้ากลับยังปกป้องเจ้า สวรรค์ลงโทษแล้ว ข้าถูกผู้อื่นคิดร้าย ยังถูกพลังสะท้อนกลับ ต้องกักตัวอีกครั้ง ปกป้องเจ้าไม่ได้อีกต่อไป หากเจ้ายังจดจำคำของอาจารย์ได้ ต่อไปอยู่ข้างนอก อย่าได้เดินทางในมนต์มืดอีก ใช้ชีวิต ต้องพึงระวังการกระทำของตนเอง”

ใบหน้านักพรตไท่หยางทะมึน นี่กำลังโทษเขาหรือ

“ผู้ใดอยู่เบื้องหลังกล้าคิดร้ายกับศิษย์พี่”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงเอ่ย “รอยามค่ำ เจ้าไปเถิด”

นักพรตไท่หยางเปลี่ยนมาอยู่ในชุดสีดำ รอฟ้ามืดลงก็ไปจากอารามจินหัว

ปรมาจารย์ไท่เฉิงยืนอยู่หน้าป้ายวิญญาณของอดีตเจ้าอาวาสอารามจินหัว จุดธูป เอ่ยพึมพำ “ท่านอาจารย์ เพราะศิษย์อกตัญญู ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของท่าน ศิษย์ไม่ต้องการให้อารามจินหัวต้องพังในมือของศิษย์”

หลังสำนึกผิดไปหนึ่งรอบ เขาถวายธูปชำระความผิดบาป จากนั้นเริ่มคำนวณ เขาจะดูว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังคิดร้ายกับเขา สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้จะได้ป้องกัน

ทำนายคนไม่ทำนายตนเอง ปรมาจารย์ไท่เฉิงไม่ทำนายให้ตนเอง เขาเริ่มจากทำนายให้นักพรตไท่หยาง เพราะดูเหมือนหลังจากศิษย์น้องเกิดเรื่อง เขาก็ทำอะไรไม่ราบรื่น เรื่องที่ศิษย์น้องสร้างปัญหานี้เป็นจุดเริ่มต้น

การทำนายด้วยการคำนวณต้องใช้สติและการบำเพ็ญเพียรจึงจะสามารถคำนวณออกมาได้ ไม่ใช่ว่าจะรู้ผลในชั่วครู่ การคำนวณครั้งนี้ของปรมาจารย์ไท่เฉิง ใช้เวลาไปสองชั่วยาม หลังจากกระอักเลือดออกมา จึงมองภาพร่างที่เต็มไปด้วยเลือด

เมืองหลี ลูกศิษย์สายหลักอารามชิงผิง ปู้ฉิว

อึก

ปรมาจารย์ไท่เฉิงกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง คนแก่ลงไปอีกสองส่วน กัดฟัน “เจ้าโจรเฒ่าชื่อหยวน มีอะไรก็มาสู้กับข้า ส่งลูกศิษย์มาทำข้านับประสาอะไร”

ยามนี้นักพรตชื่อหยวนกำลังเฝ้าดูท้องฟ้ายามค่ำคืนพลันรู้สึกว่าคอเย็บวูบ ยกนิ้วขึ้นมาคำนวณ แย่แล้ว มีคนกำลังด่าข้า ต้องรีบนอนเพื่อดูแลตนเอง ให้มีอายุยืนยาวจนคนต้องสงสัย

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset