คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 549 ปากนักต้มตุ๋นคือผีที่หลอกคน

ตอนที่ 549 ปากนักต้มตุ๋นคือผีที่หลอกคน

ตอนที่ 549 ปากนักต้มตุ๋นคือผีที่หลอกคน

ขุนนางระดับสามผู้สง่างามขอโทษเพียงพอนที่เป็นปีศาจ ในใจของหวงต้าเซียนนั้นรู้สึกดี อย่างไรเสียท่านนี้ก็มีตำแหน่งสูงศักดิ์ แต่กลับเต็มใจที่จะก้มศีรษะให้

แต่ไม่ได้หมายความว่าความขุ่นเคืองนี้จะคลี่คลายไปง่ายๆ

มันฝึกบำเพ็ญมามากกว่าร้อยปี มีโอกาสได้รับพรโดยบังเอิญ ได้ฝึกบำเพ็ญจนมีความรู้สึกนึกคิดและความเป็นคน จากนั้นก็ได้พบกับอันอี้ แม้ว่าเขาจะดูเหลวไหล แต่บนตัวก็ไม่ได้มีบาปกรรมอะไร ซ้ำยังเต็มไปด้วยโชคลาภและความสูงส่ง จึงได้ขอเลื่อนขั้นกับเขา

ใครจะไปรู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะนิสัยไม่ดีจริงๆ บอกว่าตัวเองไม่เหมือนคน ซ้ำยังพูดจาหยาบคาย ทำเอามันโมโหไม่น้อย

คำขอเลื่อนขั้นไม่สำเร็จ โอกาสนี้ก็หมดไป มันต้องฝึกบำเพ็ญใหม่เพื่อรอพรครั้งต่อไป การรอนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกกี่ปี จะไม่ให้โกรธได้อย่างไร

เมื่อคิดถึงสิ่งนี่ แม้แต่หายใจหวงต้าเซียนก็ยังรู้สึกเจ็บปวด ความโศกเศร้าราวสายน้ำไหลย้อนกลับ ล้างน้ำตาแห่งความเสียใจให้กับตัวเอง

“เจ้าเป็นบิดาที่ดี แต่เพียงแค่คำขอโทษไม่สามารถระบายความเกลียดชังในใจข้าได้” หวงต้าเซียนจ้องไปที่อันอี้อย่างเกลียดชัง แยกเขี้ยวแหลมๆ พลางขู่เสียงดัง

ใต้เท้าอันรีบกล่าวว่า “เช่นนั้นต้องขอโทษอย่างไร ท่านถามข้าดีหรือไม่ ข้าจะตอบว่าเหมือนคนอย่างแน่นอน”

หวงต้าเซียนโกรธมาก นี่กำลังล้อข้าเล่นหรือกำลังเยาะเย้ยข้ากันแน่!

ฉินหลิวซีเอ่ยอธิบายว่า “โอกาสขอเลื่อนขั้นมีเพียงครั้งเดียว หากล้มเหลวก็ไม่สามารถเปลี่ยนไปถามผู้อื่นได้ในทันที ต้องฝึกบำเพ็ญใหม่แล้วรอโอกาสครั้งถัดไป ดังนั้นต่อให้ท่านกล่าวเป็นร้อยครั้งมันก็ไม่สามารถเป็นคนได้”

“เช่นนั้นควรทำอย่างไร”

ฉินหลิวซีเหลือบมองหวงต้าเซียน กล่าวว่า “พวกท่านบูชามันดีหรือไม่ ด้วยพลังแห่งศรัทธา โอกาสครั้งถัดไปบางทีอาจมาเร็วขึ้น”

“นักต้มตุ๋นอย่างเจ้า เหตุใดจึงได้เลวขนาดนี้ ข้อเสนอของเจ้าก็คือให้ข้าปกป้องครอบครัวของเขาไม่ใช่หรือ บุตรชายตระกูลอันทำให้ข้าไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ เท่ากับเป็นศัตรูของข้า เจ้ายังให้ข้ามาเป็นเซียนปกป้องจวนของเขา ฝันไปเถอะ!”หวงต้าเซียนดีดตัวขึ้นมา

เซียนปกป้องจวน

ใต้เท้าอันและคนอื่นๆ รู้สึกคล้อยตามเล็กน้อย

ฉินหลิวซีถามอย่างเย็นชาว่า “เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร เป็นอย่างที่ข้ากล่าวไปเมื่อก่อนหน้านี้ การขอเลื่อนขั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตา เจ้าไม่มีวาสนานี้ ซึ่งพิสูจน์ว่าเวลาการแปลงกายของเจ้ายังไม่มาถึง จะไปโทษเขาทั้งหมดไม่ได้ หากเจ้าอยากแก้แค้น แค่สามวันนี้ก็พอแล้ว หรือเจ้าอยากจะเพิ่มบาปจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ต้องพูดถึงว่าข้าไม่ให้เจ้าแตะต้องเขา แม้ว่าข้าจะให้เจ้าลงมือ แต่เจ้าจะลงมือจริงๆ หรือ การฝึกบำเพ็ญไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความโกรธเพียงชั่วครู่มาทำลายการฝึกบำเพ็ญมาเป็นร้อยปีของเจ้า จนไม่มีโอกาสได้แปลงกายอีกเลย”

หวงต้าเซียนถูกพูดใส่จนดวงตาเล็กๆ สั่นระริกไปมา

ฉินหลิวซีเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น “ความจริงแล้วเจ้าเองก็รู้ถึงข้อดีข้อเสีย เพียงแค่อยากให้บทเรียนแก่เจ้าเด็กเกเรผู้นี้ ข้าเข้าใจ มิเช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงลงโทษแค่เขา แม้แต่กลิ่นเหม็นนี้ก็ยังถูกกักอยู่ในบริเวณเรือนนี้เท่านั้น ด้วยความสามารถของเจ้า หากต้องการทำร้ายคนทั้งจวนนี้ ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเปลืองแรงเป่าขี้เถ้าเท่านั้น แต่เจ้าไม่ทำ พิสูจน์ให้เห็นว่าในใจของเจ้านั้นมีขอบเขต เป็นเพียงพอนที่จิตใจดีตนหนึ่ง”

หวงต้าเซียนได้รับคำชมจนใบหูร้อน มีความรู้สึกภาคภูมิใจและประทับใจขึ้นมาเล็กน้อย

แม้ว่านักต้มตุ๋นผู้นี้จะนิสัยไม่ดี แต่ก็เข้าใจข้า

ทุกคน ‘ปากนักต้มตุ๋นล้วนใช้น้ำมันมะพร้าวบ้วนปากกระมัง หลอกคนหลอกหนูได้ผลเสมอ’

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าหวงต้าเซียนรับฟังแล้ว จึงกล่าวต่อว่า “ดังนั้นการแก้แค้นนี้ก็ได้แก้แค้นไปแล้ว ตอนนี้บอกเงื่อนไขของเจ้ามาเถิด เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับไปฝึกบำเพ็ญ อย่าสร้างปัญหาอีก”

“เจ้าให้ข้าเป็นเซียนปกป้องจวนเขาไม่ใช่หรือ”

“ข้าเพียงแค่ให้ตระกูลอันทำพิธีบูชาแก่เจ้า เดิมทีการฝึกบำเพ็ญก็ขึ้นอยู่กับความขยันของตัวเจ้าเอง แต่หากมีพลังแห่งความศรัทธาก็จะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกบำเพ็ญของเจ้ามากขึ้น นี่นับว่าเป็นคำขอโทษของตระกูลอัน ส่วนเจ้าต้องการจะเป็นเซียนปกป้องจวนจริงๆ หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง เจ้าสามารถเพิกเฉยต่อผลกรรมไม่ไปสนใจ เพียงแต่รับการบูชาไม่ต้องปกป้องก็ได้ และเจ้าก็สามารถไม่รับการบูชานี้เลยก็ได้เช่นกัน” ฉินหลิวซีกอดอกแล้วกล่าวว่า “ข้าก็แค่ยื่นข้อเสนอประนีประนอม เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะขอเลื่อนขั้นในตอนนี้ ต้องฝึกบำเพ็ญก่อน ด้วยพลังแห่งความศรัทธา บางทีโอกาสในภายภาคหน้าอาจมาเร็วกว่านี้”

หวงต้าเซียนเงียบไป ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของนาง พลังแห่งความศรัทธาเป็นสิ่งล่อใจที่ยิ่งใหญ่

แน่นอนว่าเมื่อยอมรับการบูชานี้ ก็จะไม่สามารถเพิกเฉยต่อผลกรรมได้จริงๆ มิเช่นนั้นจะขัดขวางการฝึกบำเพ็ญ

“ตระกูลอันไม่ขาดแคลนเงิน หากเจ้าเป็นเซียนปกป้องจวน ก็ไม่จำเป็นให้เจ้าคุ้มครองเรื่องการเงิน เพียงแค่คุ้มครองให้จวนสงบสุขปลอดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย ไม่ถูกวิญญาณชั่วร้ายกล้ำกลายก็พอแล้ว” ฉินหลิวซีกล่าวเสริมอีกว่า “เจ้าไม่ต้องใช้บุญกรรมหรือพลังเวทมนต์ใดๆ ก็ได้มาซึ่งผู้บูชาด้วยความศรัทธา เหตุใดจะไม่ทำล่ะ”

หวงต้าเซียนคล้อยตามเล็กน้อย

“อีกอย่าง เซียนปกป้องจวนก็ไม่จำเป็นต้องคงอยู่นานหลายชั่วอายุคน หากตระกูลอันไร้คุณธรรมไม่สามารถรักษาเจ้าไว้ได้ เจ้าก็สามารถจากไปได้”

คำพูดนี้ทำให้ใต้เท้าอันและคนอื่นๆ ต่างมองมา รู้สึกว่าคำพูดนี้เป็นการกล่าวเตือนพวกเขา

หวงต้าเซียนเหลือบมองใต้เท้าอัน กล่าวว่า “หากบูชาอย่างไม่จริงใจก็จะไม่ได้มาซึ่งพลังแห่งความศรัทธา”

เมื่อใต้เท้าอันตระหนักได้ถึงโชคลาภ ก็รีบกล่าวทันทีว่า “หากต้าเซียนยินดีจะปกป้องจวนอันให้เจริญรุ่งเรือง พวกเราย่อมเซ่นไหว้ด้วยความจริงใจ ควันธูปไม่ขาดสาย”

เป็นเรื่องจริงที่เขาเป็นปัญญาชน แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรชายคนเล็กของเขา ไหนเลยจะยังไม่เชื่อเรื่องอำนาจลี้ลับอะไรเหล่านั้น เพียงพอนตัวนี้ฝึกบำเพ็ญด้วยคุณธรรมจนสามารถกลายร่างได้ มีพลังเวทมนต์ ซ้ำยังมีอภินิหารเช่นนี้ หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้เต็มใจที่จะปกป้องจวนของตัวเองให้แคล้วคลาดปลอดภัย นั่นเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง มีเพียงคนโง่ที่จะปฏิเสธกระมัง

หวงต้าเซียนกล่าวอีกว่า “เอาเถิด เห็นว่าพวกเจ้าจริงใจเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะสถิตอยู่ที่โถงเซียนในจวนของเจ้า แต่กล่าวเตือนไว้ก่อนว่าข้าจะไม่คุ้มครองการเงินและการงานของพวกเจ้า เพียงแค่คุ้มครองจวนให้สงบสุขแคล้วคลาดปลอดภัย ขจัดภัยพิบัติ หากตระกูลอันของพวกเจ้าไร้คุณธรรม ข้าก็จะไม่บำเพ็ญอยู่ที่จวนของพวกเจ้าอีกต่อไป เมื่อสิ้นสุดผลกรรมแล้วก็จะจากไป”

ใต้เท้าอันดีใจมาก เอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “เจ้าอาวาสน้อย ข้าต้องทำอย่างไรหรือ”

ฮูหยินอันยังกล่าวอีกว่า “เรื่องบูชาและอื่นๆ นั้นจัดการง่าย แต่พวกเราจัดการเรื่องของอี้เอ๋อร์ก่อนดีหรือไม่”

ฉินหลิวซีกล่าวกับหวงต้าเซียนว่า “ในเมื่อเจ้าจะเป็นเซียนปกป้องจวนให้กับตระกูลอันนี้ บอกกับเผ่าของเจ้าสักหน่อย แจ้งให้พวกเขามาเข้าร่วมพิธีดีหรือไม่ จะได้รับรู้ซึ่งกันและกัน”

หวงต้าเซียนพยักหน้า กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าไปแจ้งให้ทราบสักหน่อย”

“ไปเถิด”

หวงต้าเซียนหายแวบออกไป ทันทีที่ออกไป แท่นดวงจิตของเขาก็สว่างขึ้นมา รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ‘ไม่ใช่สิ ข้ามาเพื่อแก้แค้นไม่ใช่หรือ ทำไมจึงได้ขายตัวเองไปเป็นเซียนปกป้องจวนของศัตรูเสียได้’

เขาหันกลับไปมองเรือนของอันอี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกนักต้มตุ๋นน้อยผู้นั้นหลอกแล้ว

ปากนักต้มตุ๋นที่แท้คือผีที่หลอกคน น่าโมโห!

แต่เมื่อกล่าวไปแล้ว มันที่เป็นถึงหวงต้าเซียนก็ไม่ดีที่จะกลับคำพูด อีกอย่างมันก็ตัดใจจากการบูชาด้วยพลังแห่งความศรัทธานั้นไม่ได้

ช่างเถอะ

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าหวงต้าเซียนไปแล้วก็ถอนหายใจ ในที่สุดงานนี้ก็แก้ไขได้แล้ว ไม่ได้ต้องใช้ความพยายามมากนัก กำไรเห็นๆ

“เจ้าอาวาสน้อย แล้วน้องชายของข้าควรจะทำอย่างไรดี” อันฮ่าวมีความระมัดระวัง วันนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ หวงต้าเซียนในตำนานมีอยู่จริง และต่อไปนี้ก็จะกลายเป็นเซียนปกป้องจวนของตัวเองแล้ว

ใต้เท้าอันก็ประหลาดใจมากเช่นกัน เดิมทีคิดว่าจะมีการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่คิดไม่ถึงว่าจะคลี่คลายได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ ซ้ำยังไปลักพาตัว เอ่อ เชิญเซียนปกป้องจวนมาหนึ่งท่าน กำไรเห็นๆ!

เจ้าอาวาสน้อยผู้นี้มีความสามารถและคารมคมคายจริงๆ

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Score 10
Status: Completed
คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า นางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาชีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวชี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเดำเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู่ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่นปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมรื่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้วหน้าใดๆ แต่สรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเขียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นดันเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! "เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ" "ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ" "ไม่ป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง" "ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า" ฉีเซียนเอ่ย "ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป..." ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ "เดิมที่ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน" "..."

Options

not work with dark mode
Reset