คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว 5.2 การเผชิญหน้ากับพี่น้องชิมิสึ

ตอนที่ 5.2 การเผชิญหน้ากับพี่น้องชิมิสึ

“ไหนๆ ก็มาแล้ว ทานข้าวเที่ยงเร็วหน่อยแล้วกัน ฉันเอาชีสแฮมเบิร์กสเต็กนะ”

“ฉันเอาพาสต้าเมนไทโกะ”

“ห๊ะ? เคย์ ทำไมไม่สั่งแพนเค้กเหมือนอย่างเคยล่ะ?”

“นี่! พูดมากจริงนะ”

ชิมิสุซังสั่งแพนเค้กตลอดเลยเหรอเนี่ย? ผมแอบประหลาดใจเล็กน้อย พลางคิดแบบนั้น สายตาของเราก็สบกัน

เธอจ้องมองผมด้วยสายตาตำหนิ

“มีอะไรจะพูดกับฉันรึไง?”

“มะ… ไม่มีครับ! แพนเค้กก็น่าอร่อยดีนะครับ”

“จ้าๆ แพนเค้กอร่อย เคย์ เธอจะเอาพาสต้าเมนไทโกะจริงๆ เหรอ?”

“… งั้นเอาแพนเค้กก็ได้” 

“โอเค งั้นแพนเค้กนะ แล้วนายจะเอาอะไร ไดกิคุง?”

อ๊ะ จริงสิ ผมลืมสั่งของตัวเองไปเลย รีบเปิดเมนูดูดีกว่า

“เอ่อ… งั้นผมเอาคาร์โบนาร่าแล้วกันครับ”

“โอเค ได้เลย”

ไอซังเรียกพนักงานและสั่งอาหารให้พวกเราสามคน ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ไอซังก็เริ่มถามคำถามผม

“ไดกิคุงมีพี่น้องกี่คนเหรอ?”

“มีแค่ผมกับน้องสาวครับ”

“เมื่อกี้พูดถึงน้องสาว น้องสาวชื่ออะไรเหรอ?”

“ชื่อเทรุโนะครับ โนะ(乃)เขียนเเบบเดียวกับ โนะกิซากะ (乃木坂)ครับ”

“ชื่อเพราะจังเลยนะ เทรุโนะจังน่ารักไหม?”

“เป็นครอบครัวของผมเอง อาจจะลำเอียงหน่อย แต่ผมว่าน่ารักดีนะครับ”

“อืมๆ แล้วเทียบกับเคย์ล่ะ คิดว่าใครน่ารักกว่ากัน?”

“นี่ไอ! ถามอะไรเนี่ย!” 

ชิมิสุซังพูดแทรกขึ้นมาทันที ดูเหมือนไอซังจะชอบแกล้งคนอื่นจริงๆ อืม… ผมควรจะตอบยังไงดีนะ?

“เอ่อ… ในความคิดของผม ชิมิสุซังดูสวยมากกว่าน่ารักนะครับ”

นี่ไม่เชิงเป็นคำตอบของคำถาม แต่เป็นวิธีเดียวที่จะตอบโดยไม่โกหก

ผมแอบมองชิมิสุซัง แต่เธอกลับหันหน้าหนี ผมเลยอ่านสีหน้าเธอไม่ออก

“เคย์! ไดกิคุงชมว่าเธอสวยนะ! เขินเลยล่ะสิ!”

ไอขยี้ผมของชิมิสุซังที่นั่งอยู่ข้างๆ

“อย่ามาจับหัวฉันนะ! เดี๋ยวทรงผมเสียหมด! แล้วเขาก็แค่พูดไปเพราะลำบากใจต่างหาก” พูดพร้อมกับปัดมือไอซังออก

“ไม่จริงสักหน่อย ใช่มั้ย ไดกิคุง? เคย์นี่ขี้อายจริงๆ เลย”

“ฮ่าๆ…”

“เอาล่ะ ไปคำถามต่อไปดีกว่า วันหยุดนายทำอะไรบ้าง?”

“ส่วนใหญ่ผมจะอยู่บ้านครับ อ่านมังงะ เล่นกับน้องสาว แล้วก็บางทีถ้ามีเวลาก็เล่นเกมออนไลน์กับเพื่อนๆ ครับ”

“เป็นคนติดบ้านสินะ”

“ผมไม่ค่อยชอบออกกำลังกายเท่าไหร่น่ะครับ”

“อืมๆ การออกกำลังกายก็สนุกดีนะ ลองดูบ้างสิ ต่อไป นายเป็นคนกินง่ายรึเปล่า?”

“กินง่าย?”

ผมไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน คงหมายถึงมีอาหารอะไรที่ไม่ชอบกินรึเปล่าสินะ

“ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกไหม แต่ผมมักจะถูกครอบครัวและเพื่อนๆ บอกว่า กินอาหารโดยไม่เกี่ยงว่าจะชอบหรือไม่ชอบน่ะครับ”

“แบบนั้นก็กินได้แม้กระทั่งสสารมืดเลยสิ”

“นี่!”

“สสารมืดหมายถึงอะไร?”

ชิมิสุซังพูดแทรกขึ้นมา สสารมืดที่ว่านี่มันคืออะไรกันนะ?

“ไม่มีอะไรหรอก เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ ต่อไป… ดูเหมือนฉันจะถามคำถามเยอะไปหน่อย มีอะไรอยากถามบ้างไหม ไดกิคุง?”

“คำถามเหรอครับ?”

ผมนึกคำถามไม่ออกหรอก ถ้าอยู่ๆ มาถามแบบนี้

“ไม่ต้องคิดมากก็ได้นะ ถึงจะเป็นเรื่องอาหารที่ชอบ วิชาที่ชอบ อะไรแบบนี้ก็ได้หมดเลย หรือจะไม่ใช่คำถามก็ได้ อยากพูดอะไรก็พูดมาเลย”

บางทีผมอาจจะคิดมากเกินไป ผมจึงตัดสินใจพูดสิ่งที่คิดออกไป

“ไม่ใช่คำถามหรอกครับ แต่ผมคิดว่า คู่พี่น้องชิมิสุคงจะสนิทกันมากเลยนะครับ ถึงได้มาช็อปปิ้งด้วยกันแบบนี้”

เมื่อผมพูดแบบนั้น สีหน้าของไอซังก็ดูอ่อนโยนลงเล็กน้อย

“ไดกิคุงก็คิดแบบนั้นเหมือนกันสินะ ก็เพราะพวกเราเป็นพี่น้องที่รักกันมากที่สุดนี่นา!”

ไอซังโผเข้ากอดชิมิสุซังอย่างรวดเร็ว ชิมิสุซังพยายามแกะเธอออกด้วยสีหน้ารำคาญปนเขินอาย

“พี่น้องที่รักกันมากที่สุดอะไรกันยะ? หลีกไปเลยนะ อึดอัด!”

“เคย์นี่นิสัยไม่ดีจริงๆ เลย〜 น่ารักกับพี่บ้างก็ได้”

“ฉันก็ทำตัวน่ารักพอแล้วน่า! รีบๆ ไปเลย กอดอะไรแน่นขนาดนี้”

ชิมิสุซังใช้เวลาสักพักกว่าจะดึงไอซังกลับไปยังตำแหน่งเดิมได้

“โธ่ เคย์นี่ใจร้ายจริงๆ”

“หนวกหูน่า อย่ามากอดฉันต่อหน้าคนอื่นสิ”

“อยากกอดในที่ลับตาคนงั้นสิ? เคย์นี่นะ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ยังเป็นเด็กเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย”

“โอ้ย  ฉันขี้เกียจเถียงด้วยแล้ว”

 

“ฮ่าๆ”

ผมอดหัวเราะกับบทสนทนาที่เข้าขากันของพี่น้องชิมิสึไม่ได้

“ขำอะไรยะ?”

“ไดกิคุงอดอมยิ้มไม่ได้ต่างหากล่ะ ที่เห็นความสัมพันธ์น่ารักๆ ของพวกเรา พี่น้องสาวสวย”

“อย่ามาเรียกตัวเองว่าสวยนะ”

“ถ้าพวกเราไม่สวย แล้วใครจะสวยล่ะ?! ไดกิคุงก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ใช่มั้ยล่ะ?”

“เอ่อ… ครับ”

ผมพยักหน้าโดยอัตโนมัติ ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้ มันก็จริงอย่างที่ทั้งคู่พูด ทั้งสองคนสวยจริงๆ นั่นแหละ

“นี่บังคับเขาตอบชัดๆ”

“เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย มันคือเรื่องจริงต่างหาก อุ๊ย! ออกนอกเรื่องไปไกลเลย ไดกิคุง มีคำถามอะไรจะถามพวกเราอีกไหม?”

จริงสิ ผมลืมไปเลย เพราะมัวแต่ฟังบทสนทนาแบบตลกๆ ของสองพี่น้อง

“อืม… สิ่งที่อยากถาม…”

“ก็นะ นึกคำถามไม่ออกหรอก ถ้าจู่ๆ มาถามแบบนี้ งั้นเดี๋ยวฉันถามนายบ้าง คิดก่อนนะ… ควรจะถามอะไรดีน้า…”

ไอซังเอานิ้วชี้แตะที่หน้าผาก ทำท่าทางครุ่นคิด

“คิดออกแล้ว! แต่อาจจะดูหน้าด้านไปหน่อยนะ…”

“ถ้าไม่มากเกินไป ผมจะตอบทุกอย่างครับ”

“จริงเหรอ? งั้นถามเลยนะ เริ่มจากการจิ้มๆ ก่อนละกัน ไดกิคุงชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ?”

“ผู้หญิงแบบไหน…?”

ชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าของโทชิยะก็แวบเข้ามาในหัว ผมสงสัยว่าเด็กมัธยมปลายจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่สนใจเรื่องความรักมากกว่าที่ผมคิดรึเปล่านะ

“ใช่แล้ว! ไดกิคุงเป็นเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา ฉันก็เลยสงสัยว่าเขาจะชอบผู้หญิงแบบไหนน่ะ”

“อ๋อ…”

“เป็นไงบ้าง? ถ้าคิดไม่ออก จะให้เวลาคิดก็ได้นะ?”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเคยคุยเรื่องคล้ายๆ กันนี้กับเพื่อนเมื่อไม่นานมานี้เองครับ”

“เหรอ งั้นถามอีกรอบนะ ไดกิคุงชอบผู้หญิงแบบไหนเอ่ย?”

“ผมชอบผู้หญิงเรียบร้อยครับ”

ไอซังมองไปที่ชิมิสึซังครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ไดกิคุงชอบผู้หญิงเรียบร้อย… เข้าใจแล้วๆ”

ไอซังมองไปที่ชิมิสึซังอีกครั้งด้วยสายตาที่มีความหมายเเฝง

“อะ… อะไรยะ? มีอะไรก็พูดมาสิ”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดว่าเธอน่ะ เป็นน้องสาวที่แสนดี๊แสนดีเท่านั้นเอง”

“จำเอาไว้เลยนะ”

ชิมิสึซังกำหมัดแน่น

“โอเคๆ ไปคำถามต่อไปนะ บอกไว้ก่อนเลยนะว่า ถ้าคิดว่าคำถามต่อไปตอบยาก ก็ไม่ต้องตอบก็ได้”

“คะ… ครับ”

ผมสงสัยจังว่าถ้าไอซังเน้นขนาดนี้แล้ว คำถามแบบไหนกันนะที่เธอจะถามผม

“เอาล่ะ ก่อนอื่นเลย… เคยมีแฟนมาก่อนรึเปล่า?”

นี่เป็นคำถามที่ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลย จริงอย่างที่ไอซังพูดไว้ก่อนหน้านี้ นี่เป็นคำถามที่ตรงไปตรงมามาก บางคนอาจจะตอบยาก ขณะที่ผมกำลังคิดว่าควรจะตอบคำถามนี้อย่างไร ก็เผลอสบตากับชิมิสึซังเข้า

“อะไรยะ?”

ชิมิสึซังจ้องมองผมด้วยสายตาตำหนิ

“เปล่าครับ แค่คิดว่าชิมิสึซังอาจจะเบื่อบทสนทนานี้หน่อยๆ น่ะครับ”

ผมตอบคำถามของไอซังมาตลอด ไอซังดูเหมือนจะสนใจในตัวผมด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ชิมิสึซังอาจจะแค่เบื่อและไม่ได้สนใจบทสนทนานี้ก็ได้

“เอ๋〜 ไม่จริงสักหน่อย ใช่มั้ยเคย์〜? ทำเป็นเล่นตัวไปงั้นแหละ แต่ข้างในใจเต้นตึกตักแทบระเบิดอยู่แล้วล่ะสิ ที่ได้ยินเรื่องที่ไม่รู้เกี่ยวกับไดกิคุงน่ะ”

“อย่าพูดแทนคนอื่นสิ”

“แล้วความจริงคืออะไรล่ะ?”

“อืม… ก็ไม่ได้เบื่อขนาดนั้น…”

ชิมิสึซังไม่ได้สบตาผม แต่เธอก็ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก

“เห็นมั้ย บอกแล้วว่าสนใจเรื่องของไดกิคุง”

“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย!”

“พี่มองออกนะจ๊ะ”

“สายตามีปัญหาชัดๆ เอาเถอะ ฮอนโด ตอบคำถามเมื่อกี้ได้แล้ว”

“คำถามเหรอครับ?”

“ลืมไปแล้วเหรอ? เรื่องที่ว่าเคยมีแฟนมาก่อนรึเปล่ายังไงล่ะ”

ผมจำได้ว่ามีบทสนทนานั้นอยู่ ไม่รู้ทำไม วันนี้หัวข้อถึงได้ออกทะเลบ่อยจัง ผมต้องตอบก่อนที่จะลืมอีกครั้ง

“ผมไม่เคยคบกับใครมาก่อนเลยครับ”

“อะ… อืม…”

ชิมิสึซังเอามือปิดปาก ผมเลยมองไม่เห็นสีหน้าของเธอ แต่เสียงของเธอดูโล่งใจ

“ถ้างั้น เคย์ก็ไม่เคยมีแฟนเหมือนกัน สองคนนี้เหมือนกันเลยนะเนี่ย”

“เฮ้ย! อย่ามาบอกเรื่องแบบนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉันนะ!”

ชิมิสึซังจ้องมองไอซังด้วยสายตาตำหนิ ผมแอบตกใจจริงๆ ที่ชิมิสึซังไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย ทั้งๆ ที่เธอก็สวยและน่ารักขนาดนี้

“จะแฉความลับของคนอื่น งั้นก็บอกเรื่องของตัวเองด้วยสิ”

“ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย”

ระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกัน อาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟทีละอย่าง

“โอ้ ชีสแฮมเบิร์กนี่อร่อยที่สุดสมกับที่คาดหวังไว้เลย”

“ครั้งที่แล้วก็บอกว่าทงคตสึราเม็งที่นี่อร่อยที่สุดไม่ใช่เหรอ?”

“ของอร่อยที่สุดมันมีได้หลายอย่าง”

“… จริงเหรอ?”

หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกเราก็สั่งเครื่องดื่มเพิ่มและยังคงนั่งอยู่ในร้านอาหารสำหรับครอบครัว

เนื่องจากเป็นช่วงก่อนเวลาอาหารกลางวัน ร้านจึงยังว่างอยู่

“อ๊ะ ว่าแต่ เมื่อกี้ฉันถามคำถามของฉันจบแล้ว ขอถามไดกิคุงอีกข้อได้ไหม?”

“ได้สิครับ”

“คำถามไหนที่ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะ”

“โธ่ เคย์ ฉันจะไม่ถามคำถามยากๆ กับเขาแล้วน่า”

แม้แต่คำถามก่อนหน้านี้ที่ว่า เทรุโนะกับชิมิสึซังใครน่ารักกว่ากัน ก็เป็นคำถามที่ตอบยากนิดหน่อย แต่ไอซังดูเหมือนจะไม่คิดแบบนั้น

“เอาล่ะ คำถามก็คือ…”

“ฉันจะไปเอาเครื่องดื่ม”

ขณะที่ชิมิสึซังกำลังจะลุกจากที่นั่ง ไอซังก็คว้าแขนเธอไว้

“มีอะไรรึเปล่า? ถามคำถามต่อไปสิ”

ไอซังจ้องมองชิมิสึซังครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับแขนชิมิสึซังหยิบแก้วขึ้นมา

“รบกวนเอาของฉันมาด้วยนะ”

“ไปเอาเองสิ”

“เอาน่า〜 ฟังคำขอร้องของพี่สาวหน่อยสิ”

ไอซังทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจและเขย่าแขนของชิมิสึซัง

“ทำไมฉันต้องฟังคำขอร้องของพี่ด้วย?”

“หือ จริงเหรอ? เคย์ ไม่ควรพูดแบบนั้นนะ อ๊ะ รู้สึกเหมือนจะเผลอพูดอะไรบางอย่างออกมา โอเบะๆ โอเบะอะไรนะ ก่อนที่ฉันจะพูดมากไปกว่านี้…”

ไอซังปล่อยมือจากชิมิสึซังและใช้นิ้วชี้แตะที่ขมับตัวเองแทน

“โอเบะ?”

คำเดียวที่ผมนึกออกที่ขึ้นต้นด้วย [โอเบะ] คือ [โอเบ็นโตะ (ข้าวกล่อง)] แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกี่ยวกับข้าวกล่องรึเปล่านะ

“นี่ เงียบแป๊บนึง เข้าใจไหม? ฉันจะไปเอาเครื่องดื่มให้”

“ขอบใจ งั้นฉันเอาน้ำขิงนะ”

“… ไอ ฉันจะจำเรื่องนี้ไว้จนกว่าจะถึงบ้านเลยคอยดู”

“น้องสาวที่รักของพี่ ช่างแสนดีจนน้ำตาจะไหล”

“ฉันไม่มีวันยกโทษให้พี่แน่”

พูดจบ ชิมิสึซังก็หยิบแก้วสองใบแล้วเดินไปที่บาร์เครื่องดื่ม

“ไม่เป็นไรเหรอครับ?”

“ไม่เป็นไรๆ เคย์ใจดี เดี๋ยวก็ยกโทษให้ฉันเอง”

เหรอครับ? แต่สีหน้าสุดท้ายที่ชิมิสึซังแสดงให้ผมเห็น มันดูไม่เหมือนคนที่ใจดีกับคนอื่นเลยนะครับ

คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว

คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว

Score 10
Status: Completed
"คุณชิมิสึย้อมผมดำเหรอ?" "กะ-ก็นะ" "ทำไมจู่ๆถึงได้ย้อมล่ะ. "จะทำไมอีกล่ะ! ก็เมื่อวาน...." [ชิมิสึ เคย์] สาวแยงกี้ผมบลอนด์ผู้ที่เป็นโจทย์จันของทั้งโรงเรียน เธอคือหญิงสาวที่อยู่ในทุกข่าวลือเสียๆหายๆทั้งปวง ทั้งเรื่องทะเลาะวิวาทเอย หรือการแหกกฏของโรงเรียนต่างๆ แต่จู่ๆเธอก็ดันย้อมผมดำพร้อมกับแต่งตัวมาเรียนซะเรียบร้อยแถมเข้าเรียนครบทุกคาบเฉยเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ? มันเกี่ยวข้องกับตอนที่ [ฮอนโด ไดกิ] ได้บอกกับ [มัตสึโอกะโทชิยะ] ไอ้เพื่อนซี้ไปเมื่อวานตอนที่ถามว่าสเปคสาวที่ไดกิชอบเป็นยังไง? แล้วก็ดันตอบไปว่า "ชอบสาวผมดำยาว ลุคเรียบร้อยไม่แต่งตัวฉูดฉาด" รึเปล่านะ? เตรียมผมกับเลิฟคอมเมดี้รักใสๆของแยงกี้สายซึนผู้ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่ตัวเองแอบชอบกับหนุ่มหน้ามนสายหยอดที่พร้อมจะปกป้องทุกข่าวลือเสียๆหายๆของเธอ

Options

not work with dark mode
Reset