“มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ……”
ชั้นเผลอพูดออกมาโดยไม่ได้พาดพิงใครในขณะที่กำลังล้มตัวลงบนหมอนที่อยู่ในห้องของตัวเองแล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วนึกย้อนกลับไปยังคาบเรียนทำอาหารวันนี้
จุดประสงค์ของการเขาคาบเรียนทำอาหารของวันนี้ก็คือไปทำอาหารกับผู้ชายคนนั้น…………ฮอนโด ไดกิ
เพราะเราอยู่กลุ่มเดียวกันจึงมีโอกาสได้ทำอาหารด้วยกันง่ายกว่าที่คิดเอาไว้และแผนที่วางเอาไว้ก็คือการโชว์ฝีไม้ลายมือให้เขาเห็นว่าชั้นเองก็มีเสน่ห์ปลายจวักในช่วงที่นำอาหารด้วยกันแต่สิ่งที่ชั้นไม่ทันได้คำนวณก็คือฮอนโดนั้นมีประสบการณ์ในการทำอาหารมากกว่าที่ชั้นคาดการณ์ไว้ส่วนฝีมือการทำอาหารของชั้นเองก็ห่วยแตกขั้นสุดเลย
(ไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่ามีช่องว่างระหว่างเรามากถึงขนาดนี้………)
จริงอยู่ที่ตอนอยู่บ้านชั้นไม่เคยลงมือทำอาหารเลยและโดดคาบเรียนทำอาหารเป็นประจำก็เลยถูกลากมาทำอาหารร่วมกับครูวิชาคหกรรมเอาทีหลัง
แต่ก่อนที่จะได้เริ่มทำอาหารกับหมอนั่นชั้นก็เคยคิดว่าการใช้มีดหั่นมันก็ของกล้วยๆแต่ผลก็คือฮอนโดเอาแต่คอยสอนชั้นอยู่ตลอดเวลาเลยและชั้นก็ไม่สามารถแสดงให้เขาเห็นได้ว่าตัวชั้นเองก็ทำอาหารเป็นแต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็ต่างจากที่ชั้นคิดไว้ทีแรกสุดๆเลย……….เรื่องที่เกิดขึ้นล่าสุดมันดีต่อใจชั้นมากจริงๆ……..
(มือของหมอนั่นมันหยาบกว่าที่คิดแฮะ)
พอนึกถึงเรื่องที่พึ่งผ่านไปหมาดๆชั้นก็ส่ายหัวไปมา
นั่นเป็นเพราะว่ามือของฮอนโดมันกระด้านให้ความเป็นชายชาตรีมากกว่าที่เราคิดไว้รึเปล่านะ? ประสบการณ์การถูกเพศตรงข้ามสัมผัสอื่นๆที่จำความได้คือมีแต่ความทรงจำที่ถูกพ่อสัมผัสตั้งแต่ยังแบเบาะแต่นั่นไม่นับหรอกนะ
(แถมหมอนั่นยังพูดว่าดีใจที่ได้ทำอาหารกับเราด้วยสิ………)
ชั้นเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงอีกรอบ
ฮอนโดบอกว่าเขาดีใจที่ได้ทำอาหารร่วมกับทุกคนนี่ ถ้างั้นแล้วอะไรมันถึงทำให้เราใจเต้นได้ถึงขนาดนี้ที่แค่ได้ยินความคิดเห็นหนึ่งประโยคจากฮอนโดกันล่ะ
ชั้นเอามือมาตบแก้มตัวเอง
อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไป สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องทำยังไงให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ต่างหากล่ะ ยังไงซะเราก็ต้องแสดงให้หมอนั่นเห็นให้ได้ว่าเราไม่ใช่คนที่ทำอาหารห่วยแตกน่ะ
ต้องแสดงให้เห็นว่าเราไม่ใช่พวกทำอาหารห่วยแตกให้ได้เลย
แต่คำถามก็คือแล้วจะต้องทำยังไงล่ะ? เพราะมันจะไม่มีคาบเรียนทำอาหารไปอีกสักพักเลยฉะนั้นคงต้องหาโอกาสอื่นเอา ในขณะที่กำลังครุ่นคิดวิธีทำและดูโน๊ตที่จดไว้ในมือถือที่จดไว้ถึงเรื่องพูดคุยรักๆใคร่ๆที่ฮอนโดและมัตสึโอกะเคยคุยกัน
[ถ้างั้นไดกิบางทีนายอาจจะอยากได้ข้าวกล่อง(เบนโตะ)จากสาวที่ชอบใช่ม้า?]
[นั่นก็อาจจะใช่นะ……..]
ตอนที่มัตสึโอกะถามฮอนโดว่าเขาสนใจข้าวกล่องทำมือรึเปล่าแล้วเขาก้ตอบว่าสน
ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็เราเองก็ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวด้วยการทำข้าวกล่องให้ฮอนโดซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำให้หมอนั่นดีใจแถมยังจะได้โชว์ฝีมือการทำอาหารของชั้นเองด้วยอีก คิดว่าตอนนี้เราได้ไอเดียดีๆแล้วสิแต่ในขณะเดียวกันมันก็ยังติดปัญหาอยู่
(นี่มันจะไม่แปลกใช่ไหม ที่จู่ๆเราเอาข้าวกล่องไปยื่นให้หมอนั่นน่ะ?)
เคยเห็นฉากในมังงะที่เด็กสาวเอาข้าวกล่องทำมือของตัวเองไปยื่นให้ผู้ชายที่เธอชอบแต่ว่ามันจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงได้อย่างนั้นเหรอ? อย่างน้อยๆเราเองก็ยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นเลยนะแต่บางทีอาจจะเคยเกิดขึ้นจริงก็ได้แค่เราไม่รู้
การตัดสินใจด้วยตัวเองมันเป็นอะไรที่ยากเกินไปเพราะงั้นชั้นถึงตัดสินใจที่จะถามความเห็นของคนอื่นก่อน
“นี่…ไออยู่รึเปล่า?”
ชั้นออกจากห้องมายังห้องถัดไปข้างๆและไปเคาะประตูคุยกับเจ้าของห้องแล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างในและประตูก็ค่อยๆเปิดออกมาอย่างช้าๆ
“หืม เคย์มีอะไรเหรอ?”
พี่สาวของชั้น ไอ เจ้าของห้องนี้มองมาที่ชั้นอย่างสงสัยผ่านบานประตู
“พอดีมีเรื่องอยากจะถามสักสองสามเรื่องน่ะ”
“อะไรนะ? หายากมากนะเนี่ยที่เคย์มีเรื่องอะไรอยากจะถามชั้นเนี่ย!!!! พรุ่งนี้อาจจะมีอะไรร่วงลงมาจากฟ้าก็ได้นะเนี่ย?! ยังไงตอนนี้ก็เข้ามาในห้องก่อนดีกว่ามีขนมด้วยน๊า มามะ เข้ามาๆ”
“หนวกหูจริง! ปล่อยมือเลยนะ!”
ชั้นสบัดมือของไอออกในตอนที่เธอกำลังลากชั้นเข้าไปในห้อง การพูดรัวเป็นปืนกลของไอยังคงน่ารำคาญเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ชักจะเริ่มเสียใจหน่อยๆแล้วสิที่มาขอความช่วยเหลือจากยัยพี่สาวคนนี้
“ก็บอกไปแล้วไงว่าถามแค่เรื่องสองเรื่องคุยกันตรงนี้ก็ได้”
“แน่ใจนะ? คุณพ่อกับคุณแม่อาจจะได้ยินเราที่โถงทางเดินก็ได้นะ แบบนั้นจะดีเหรอ?”
“อึกกกก”
จะไม่ขอพูดว่าจะให้พ่อแม่ได้ยินไม่ได้ แต่ยิ่งมีคนที่รู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับเรามากเท่านั้น
“……..งั้นคุยเสร็จเมื่อไหร่ชั้นกลับห้องเลยนะ”
“ก็ต้องได้อยู่แล้วสิจ้ะ! มาๆให้พี่อวดห้องให้เคย์ดูหน่อยดีกว่า”
ไอคว้าแขนชั้นไปอย่างระรื่นแล้วลากชั้นเข้าไปในห้อง
“แล้วมีเรื่องอะไรที่อยากจะถามรองประธานสภานักเรียนที่ทั้งหน้าตาดีแถมเรียนเก่งคนนี้ล่ะจ้ะ”
“อย่าบอกว่าตัวเองหน้าตาดีได้มะ อีกอย่างเธอเองก็ไม่ได้เรียนเก่งด้วย”
ตอนนี้ชั้นกับไอนั่งกันคนละฝั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ ตั้งแต่ขึ้น ม.ปลาย มาก็แทบจะไม่ได้เข้ามาที่ห้องของไอเลยแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ตั้งแต่ที่เข้ามาล่าสุดห้องก็ยังเต็มไปด้วยมังงะ,เกม,และตุ๊กตาสิงสาราสัตว์มากมาย
“ก็อย่างที่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามหน่อย”
“แล้วมันคือเรื่องอะไรล่ะ? เคล็ดลับสวยใสเปล่งปลั่งเหมือนพี่เหรอจ้ะ?”
“กลับล่ะ”
“แง๊ เค้าล้อเล่น!! แค่มุกเฉยๆเอง! ชั้นอยากฟังเรื่องของเคย์จริงๆน๊า!”
“…..ครั้งหน้าถ้ายังจะทำเล่นอีกล่ะก็ชั้นจะไปจริงๆล่ะ”
“รับแซ่บ! เข้าใจแล้วค่า”
ไอทำท่าตะเบ๊ะค้างไว้ นี่เราจะได้คำตอบก่อนจะได้กลับห้องไหมเนี่ย
“ก็แบบว่า……..ไอคิดยังไงถ้าอยู่ๆมีคนเอาข้าวกล่องมายื่นให้น่ะ”
“หมายความว่าเคย์จะเอาให้ใครสักคนเหรอ?”
“ไม่ใช่ แบบว่าพอดีชั้นเผอิญได้ข้าวกล่องจากผู้ชายที่ชั้นคุยด้วยบ่อยๆน่ะ”
“หา แล้วทำไมจู่ๆถึงให้ล่ะ”
มันแปลกที่อยู่ๆจะเอาข้าวกล่องทำเองไปให้เพศตรงข้ามงั้นสินะ?
เราอาจจะต้องคิดแผนใหม่ตั้งแต่ต้นแล้วสินะเนี่ย
“……..เข้าใจแล้วช่วยได้มากเลย กลับล่ะ”
ในตอนที่กำลังลุกออกไปไอก็เข้ามาคว้าแขนไว้แน่น
“เดี๋ยวก่อนสิ! ยังไม่ทันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเลยนะขืนเป็นแบบนี้ล่ะก็ชั้นคงนอนไม่หลับแหงๆเลย ทำไมไม่เล่าให้พี่ฟังอีกล่ะ ไม่ต้องห่วงนะพี่จะไม่ทำให้คุณน้องผิดหวังแน่นอน!!”
ก็ไม่รู้หรอกว่าเธอพยายามจะเข้าใจเรื่องอะไรจกคำถามเมื่อกี้นี้และเราเองก็ไม่รู้ว่าจะเล่าให้เธอฟัวทุกเรื่องได้รึเปล่า แต่ให้พูดตรงๆคือเราเองก็รู้สึกไม่สบายใจที่เก็บงำเอาไว้คนเดียว
“งั้นจะไม่เล่าให้ฟังทุกอย่างหรอกนะ”
“ส.บ.ม.ย.ห (สบายมากอย่าห่วงจ้า) ชั้นคืออัลตร้าซุปเปอร์สาวสวยที่รู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่างขอแค่รู้เรื่องราวคร่าวๆก็พอ!”
“ถ้างั้นเธอก็น่าจะรู้ทุกอย่างแล้วนี่จากคำถามที่ชั้นถามไปก่อนหน้านี้”
ชั้นถอนหายใจอยู่ในใจและเริ่มเล่าให้ไอฟัง
“งั้นก็หมายความว่าเคย์อยากจะโชว์ฝีมือการทอาหารของเธอให้หนุ่มที่คอยดูแลเอาใจใส่เธออยู่ตลอดอย่างนั้นเหรอ? และเพื่อการนั้นเลยคิดจะทำข้าวกล่องแล้วเอาไปให้เขางั้นสินะ”
“เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนั้น”
หลังจากอธิบายไปไม่กี่นาทีชั้นก็ถ่ายทอดจุดประสงค์ของตัวเองโดยซ่อนชื่อของฮอนโดและเรื่องราวในอดีตบางอย่างเอาไว้ได้สำเร็จ
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย แล้วทำไมไม่ลองดูล่ะ?”
“ก็ไม่ใช่ว่าเธอเองรึไงที่เป็นคนพูดว่า [ทำไมจู่ๆถึงให้] เมื่อกี้นี้น่ะ?”
“ก็ที่เธอเล่ามาบอกว่าจู่ๆตัวเองก็ได้ข้าวกล่องจากหนุ่มใช่ไหมล่ะ? ก็ถ้าเคย์เล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังก่อนความหมายมันก็จะแตกต่างกันออกไปเลยนะ”
“แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ”
“เพราะข้าวกล่องทำมือจากเด็กสาวของความใฝ่ฝันของเหล่าเด็กหนุ่มเชียวนะ! นั่นคือสิ่งที่พวกเขาอยากจะได้มันไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่”
“อย่างงั้นหรอกเหรอ?”
คิดว่ามัตสึโอกะก็เคยพูดอะไรทำนองนั้นเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม
“ตามนั้นเลย และมันก็น่าเสียดายแย่ถ้าเคย์อยากทำแต่ไม่ลองดูสักตั้งน่ะ! มาวิ่งผ่านอีเวนท์ชีวิตวัยรุ่นที่มีครั้งหนึ่งในชีวิตแบบเต็มสปีดกันเถอะ!”
“อะ-เอ่อ……อื้อ”
ชั้นเก็บซ่อนอาการงงจากความดีดของไอไม่ได้เลยจริงๆไม่รู้ทำไมไอถึงได้ดูมีกระจิตกระใจมากกว่าชั้นกันนะ แต่ชั้นก็ดีใจที่ได้ยินความเห็นเชิงบวกของเธอถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องที่กังวลอยู่
“ถึงจะทำก็เถอะแต่มันไม่ยากไปหน่อยเหรอที่อยู่ๆจะเอาไปยื่นให้หมอนั่นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยน่ะ”
“เธอก็บอกไปว่าเป็นการขอบคุณที่คอยช่วยเหลือตอนที่อยู่ในคาบเรียนทำอาหารก่อนหน้านี้ไปซะสิ”
อย่างนี้นี่เองเรื่องนั้นคิดไม่ถึงเลยแฮะ
“แล้วรู้รึยังว่าจะทำเมนูไหน”
“ยังเลย ยังไม่ได้ตัดสินใจ”
อยากจะทำหมูผัดขิงที่ฮอนโดบอกว่าดีใจถ้าหากว่าได้เห็นเมนูนี้ในข้าวกล่อง
ส่วนเมนูอื่นนี่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย
“ถ้างั้นเริ่มจากตรงนั้นเป็นไง ชักจะตั้งตารอซะแล้วสิ”
“อะไรกันล่ะนั่น?”
“เอ๋ ก็ช่วยเคย์ทำข้าวกล่องไง”
ไอมองมาที่ชั้นราวกับว่า “มันก็ต้องแหงอยู่แล้วน่ะสิ”
“ชั้นทำข้าวกล่องเองได้น่า”
“นี่ๆ ลืมไปแล้วเหรอจ้ะว่าถึงขนาดต้องยืมมือผู้ชายคนนั้นในคาบเรียนทำอาหารน่ะ”
“เอื้ออออ……”
ทำให้หวนนึกถึงความทรงจำที่ฮอนโดสอนชั้นให้ใช้มีดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในคาบเรียนทำอาหาร
“พี่เป็นคนเดียวที่ช่วยเธอได้ในช่วงเช้านะเพราะว่าคุณแม่เองก็คงยุ่งแล้วการช่วยเหลือของพี่เองก็ไม่คิดตังด้วยคราวนี้เสนอให้เป็นสเปเชี่ยลเซอร์วิสจ้า!”
“อย่าพูดเหมือนพวกหลอกขายของผ่านทางไปรษณีย์ได้ปะ”
“โทษทีๆ พอดีอดใจไม่ไหวน่ะ จะยังไงก็เถอะพี่ก็คิดว่าอัตราความสำเร็จมันจะแตกต่างสุดๆระหว่างมีกับไม่มีการช่วยเหลือจากพี่น่ะ เธอไม่คิดงั้นเหรอจ้ะเคย์? ตอนว่างๆพี่ก็ทำของหวานเล่นพี่ว่ายังไงพี่ก็ช่วยได้ไม่มากก็น้อยแหละน๊า”
ไออาจจะดูติดเล่นแต่เธอมีประสบการณ์ในการทำอาหารมากกว่าชั้นมากโขเลยทีเดียวถ้าเราอยากจะให้ข้าวกล่องดีๆกับฮอนโดถ้างั้นก็คงมีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหวังพึ่งเธอแล้ว
“……แล้วนี่ตื่นเช้าไหวใช่ไหม?”
“ไม่เป็นปัญหากับคุณพี่ไอคนนี้หรอกจ้าถ้าน้องเคย์ยอมพูดว่า [ขอร้องล่ะนะคะพี่คะ] พี่สาวคนนี้จะยอมช่วยเธอสักวันก็ได้น๊า”
“ใครมันจะไปพูดอะไรแบบนั้นกันเล่า!”
แล้วก็ไม่เห็นจะจำได้เลยว่าทั้งชีวิตนี้จะเคยพูดอะไรแบบนั้นด้วย
“เอ๋~ คำเดียวน๊า~ แค่คำเดียวก็พอ! น๊า”
ไอมากุมมือไว้
บางทีถ้าไม่ยอมพูดก็คงจะตื้อไปเรื่อยๆเลยก็ได้
“……..ขอร้องล่ะค่ะ….พี่คะ………เอ้า พอใจยัง”
“น่าร๊ากกก~ ดีล่ะ งั้นคุณพี่สาวคนนี้จะทุ่มสุดตัวเพื่อคุณน้องเองค่า!”
อยากจะหายไปชะมัด…….เป็นไปได้ก็อยากจะหายไปจากที่นี่ซะเดี๋ยวนี้เลย
ถึงแม้แรงใจจะห่อเหี่ยวไปหมดตั้งแต่เริ่มต้นแต่ชั้นก็เริ่มเตรียมการทำข้าวกล่องกับไอ