ผ่านไปพักนึงแล้วที่เราเริ่มคาบเรียนทำอาหารและกลุ่มของพวกเราก็มาถึงขั้นตอนในการหั่นวัตถุดิบแล้ว
“แล้วใครจะรับหน้าที่หั่นวัตถุดิบล่ะ?”
“มีแค่ชั้นก็พอ”
ผมตอบคำถามของคนโนะที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมกลับไป
“อืมม ไม่ใช่ว่าควรจะมีสักสองคนที่รับหน้าที่หั่นหรอกเหรอ?”
“กลุ่มเราคนไม่เยอะ เพราะงั้นแค่ชั้นคนเดียวก็พอแล้วล่ะ”
“อ่า จะว่าไปก็ใช่แฮะ”
พูดให้ถูกคือจำนวนกลุ่มของเรามันก็เท่าๆกับกลุ่มอื่นๆนั่นแหละเพียงแต่พวกเรามักจะถือว่าคนเราน้อยกว่าหนึ่งคนเสมอเพราะว่าปกติคุณชิมิสึไม่เข้าคาบเรียน
“นี่”
คะ-คุณชิมิสึ? มะ-มีอะไรเหรอ?”
คำพูดทักท้วงกระทันหันของคุณชิมิสึทำให้คอนโนะตกใจขวัญผวา
“มะ-มีอะไรเหรอ?”
“ชั้นเองก็จะทำด้วยเหมือนกัน”
“ครับ…..?”
ดูเหมือนว่าคอนโนะจะได้ยินเรื่องอะไรที่มันเหลือจะเชื่อ
“ชั้นบอกว่าชั้นเองก็จะหั่นช่วยด้วยยังไงเล่า ก็ถ้าหากเป็นงานสองคนงั้นทำไมถึงไม่ให้ชั้นทำช่วยล่ะ? อีกอย่างถ้าขืนชั้นไม่ลงมือทำอะไรเลยเดี๋ยวก็โดนหาว่าเป็นพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำกันพอดี…”
เธอพูดสับๆอย่างรวดเร็วแต่ผมก็คิดว่าความหมายของเธอก็คืออยากจะช่วยผมหั่นวัตถุดิบนั่นแหละแต่ยังไงซะก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมติดใจอยู่
“ผมดีใจนะที่เธออยากช่วย แต่ว่าคุณชิมิสึเคยใช้มีดมาก่อนรึเปล่า?”
“………ก็ไม่ติดอะไรนะ”
ไอ้ที่นิ่งกึกไปแปบนึงก่อนตอบกลับมานั่นมันอะไรกันครับนั่น?
ชักจะพูดไม่ออกบอกไม่ถูกซะแล้วสิ
“ขอถามอีกรอบนะคุณชิมิสึ เธอใช้มีดทำครัวเป็นอยู่ใช่ไหม?”
“……..ไม่ติดปัญหาอะไรหรอกนะ”
ผมถามอีกครั้งแต่การที่ชะงักก่อนตอบของเธอนั้นก็ยังคงไม่หายไป
ผมพยายามสบตากับคุณชิมิสึแต่เธอก็เมินหน้าหนีจากผมซะงั้นชักจะเป็นห่วงแล้วสิ
แต่ก็อยากจะเคารพความต้องการของเธอที่เธออยากจะช่วยทำ
“เข้าใจแล้วล่ะแล้วพวกนายเองก็ไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
ผมเช็คกับสมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มและทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยส่วนบางคนก็ดูโล่งใจ
บางทีพวกเขาเองก็คงไม่อยากทำงานแบบเดียวกับคุณชิมิสึก็ได้
“งั้นในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็พยายามกันให้เต็มที่เลยนะคุณชิมิสึ”
“อะ-อื้อ”
เพราะงั้นคุณชิมิสึก็เลยมาช่วยผมหั่นส่วนผสมที่ผมเป็นคนเดียวที่รับผิดชอบ
“ก่อนอื่นเลยคุณชิมิสึช่วยหั่นกะหล่ำปลีให้มีขนาดพอเหมาะหน่อยได้ไหม?”
“ได้เลย”
เรามีวัตถุดิบสี่อย่างที่ต้องหั่นได้แก่ กะหล่ำปลี หัวหอม แครอท และหมู แต่ผมก็กำลังติดปัญหาตรงว่าจะให้คุณชิมิสึช่วยหั่นอะไรก่อนดีแต่ผมก็ตัดสินใจเลือกให้เธอหั่นกะหล่ำปลีก่อน
แล้วเราเองจะหั่นอะไรก่อนนะ? น่าจะหั่นหมูเป็นอย่างท้ายสุดและเริ่มจากแครอทที่หั่นยากสุด พอครุ่นคิดเรื่องนี้ก็ลองมองไปหาคุณชิมิสึที่กำลังจ้องกะหล่ำปลีพร้อมถือมีดอยู่ในมือ
“คุณชิมิสึ? ช่วยวางมีดลงสักเดี๋ยวจะได้ไหม?”
“เอ๊ะ? ได้สิ”
คุณชิมิสึทำตามคำแนะนำโดยที่มีเครื่องหมายคำถามโผล่ขึ้นบนหัว
ผมมองดูรอบๆโชคดีที่เพื่อนร่วมชั้นของพวกเรากำลังง่วนอยู่กับงานหรือพูดคุยกันเกินกว่าที่จะมาสนใจมองเธอเพราะนั่นมันอันตรายมาก นี่ถ้าเกิดว่ามีคนมาเห็นว่าเมื่อกี้เธอถือมีดยังไงเข้าล่ะก็ก็คงจะกรี๊ดจนสลบไปแล้ว
“คือแค่อยากจะถามว่าเมื่อกี้คุณชิมิสึพยายามจะทำอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
“ก็นายเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าให้ชั้นหั่นกะหล่ำปลีเป็นชิ้นๆน่ะ”
คุณชิมิสึมองแปลกๆมาทางผม
“ก็ใช่ที่ผมบอกให้ทำอย่างนั้น แต่ทำไมเธอถึงได้จับมีดแบบนั้นล่ะ?”
“หมายถึงวิธีที่ชั้นจับเหรอ?”
“ใช่ ตอนที่จะหั่นอะไรก็ตามต้องจับแบบนี้นะ”
ผมจับมีดที่ตามปกติชาวบ้านเขาจับแบบนี้กันให้คุณชิมิสึดู
คุณชิมิสึมองผมที่จับมีดและในขณะเดียวกันใบหน้าของเธอก็แดงแจ๋ของมาทันทีทันใด
“ก็คนมันตื่นเต้นปกติชั้นก็จับมีดแบบนั้นนั่นแหละน่า”
“ก็จริงอยู่ที่ว่าการทำอาหารต่อหน้าคนอื่นมันอาจทำให้ตื่นเต้นได้นี่นะ”
ผมวางมีดกลับลงไปบนโต๊ะ ผมไม่เคยเห็นใครจับมีดแบบคว่ำแบบนั้นมาก่อนเหมือนกันแต่ตอนนี้เหมือนจะรู้แล้วว่ามีคนแบบนี้อยู่บนโลกใบนี้ด้วย
“งั้นถ้ามีอะไรก็ถามได้เลยนะ”
“อื้อ”
คุณชิมิสึจับมีดแบบชาวบ้านชาวช่องเขาแล้วและมืออีกข้างก็หยิบกะหล่ำปลีขึ้นมา
จากนั้นเธอก็เอามีดเข้ามาจ่อตรงขอบกะหล่ำปลี
“คุณชิมิสึสต๊อปปป!!! เดี๋ยวก่อน”
“คราวนี้อะไรอีกล่ะ?”
คุณชิมิสึวางมีดลงด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ
“คือมีหลายเรื่องเลยที่อยากจะพูดแต่ก่อนอื่นเลยคือเธอคิดะหั่นกะหล่ำปลีแบบไหนน่ะ?”
“กะหล่ำปีปกติเขาก็หั่นซอยกันเป็นชิ้นเล็กๆไม่ใช่รึไง?”
แววตาของเธอมุ่งมั่นชัดเจนและผมก็รู้ได้เลยว่าเธอไม่ได้แค่อำกันเล่น
“ก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่ครั้งนี้เราจะไม่ได้หั่นฝอยเพราะเราจะใช้กับการทำเมนูผัดเนื้อนะ”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ?”
นี่ถ้าไม่ได้จับตาดูคุณชิมิสึล่ะก็ กลุ่มของเราคงะลงเอยด้วย [ผัดเนื้อกะหล่ำปลีฝอย] แหงๆ
“แล้วชั้นจะต้องหั่นมันขนาดใหญ่แค่ไหนล่ะ?”
“งั้นเดี๋ยวไว้ผมหั่นกะหล่ำปลีให้ดูว่าต้องหั่นใหญ่แค่ไหนทีหลัง ตอนนี้ผมจะสอนวิธีหั่นกะหล่ำปลีให้ก่อนก็คือเราจะต้องผ่าแบ่งครึ่งก่อนเพราะถ้าเราหั่นตามแนวกะหล่ำมันจะออกมาเป็นกลมๆที่เอาไปใช้ไม่ได้แถมหั่นแบบนั้นก็อันตรายด้วย”
“……….อย่างนี้นี่เอง”
เดาว่าเธอคงจะไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน โล่งอกไปทีที่เจอก่อนที่เธอจะได้รับบาดเจ็บ
“ชั้นรู้วิธีหั่นแล้วล่ะ ทีนี้ชั้นหั่นได้แล้วยัง?”
“อื้ม ตอนหั่นก็ระวังด้วยล่ะ”
คุณชิมิสึจับมีดเป็นครั้งที่สาม ผมก็มองดูเธออย่างห่วงๆ
คุณชิมิสึใช้มือซ้ายจับกะหล่ำปลีไว้แน่นแล้วเอามีดมาวางไว้ตรงส่วนกลางของกะหล่ำแล้วจากนั้นก็หั่นแบ่งเป็นสองซีกอย่างง่ายดาย
“แบบนี้ได้ใช่ไหม?”
คุณชิมิสึดูไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่อาจจะเป็นเพราะผมท้วงติงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของเธอถึงสองครั้งติดกัน
“อื้ม ใช้ได้เลยนะเนี่ยหั่นได้สวยเลย”
“งั้นเหรอ…….ดีจัง”
คุณชิมิสึดูโล่งอกส่วนผมคิดว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอดูแดงอยู่เรื่อๆ
“ดีล่ะ งั้นก็ทำแบบนั้นต่อไปเลยนะ”
“อะ-อื้อ”
ผมให้คำแนะนำเธอเพิ่มเติมแล้วจากนั้นคุณชิมิสึก็หั่นกะหล่ำปลีจนเสร็จ
“ต่อไปก็หัวหอม…….”
สีหน้าของคุณชิมิสึดูค่อนข้างไม่สบายใจ
“ตอนนี้หั่นกะหล่ำเสร็จแล้วหัวหอมก็คงจะไม่เป็นไรหรอก”
ส่วนผมด็หั่นทั้งแครอทและหมูเรียบร้อยแล้วเพราะอย่างนั้นานของเราก็จะเสร็จถ้าหากหั่นหัวหอมเสร็จ
“งั้นจะหั่นล่ะนะ”
จริงสิ เมื่อกี้ลืมบอกเธอไปเลยน่าจะสอนเธอถึงวิธีการทำมือตอนใช้มีดสักหน่อย
“คุณชิมิสึรู้จักอุ้งเท้าแมวไหม?”
“อุ้งเท้าแมว?”
“ตอนใช้มีดมือที่จับอาหารควรทำให้เป็นแบบเดียวกับอุ้งเท้าแมวน่ะ เพื่อที่จะกันไม่ให้มีดบาดโดยไม่ตั้งใจได้”
“แล้วอุ้งเท้าแมวมันเป็นยังไงล่ะ?”
แน่นอนว่าต้องหุบนิ้วเข้ามาเล็กน้อยแต่ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ยากที่จะถ่ายทอดความคิดผ่านคำพูดกับเธอ ผมก็เลยเอามือซ้ายทำเป็นอุ้งเท้าแมวยื่นให้คุณชิมิสึดูต่อหน้า
“อุ้งเท้าแมวแบบนี้ คุณชิมิสึเองก็ลองดูสิ”
คุณชิมิสึมองมือของผมแล้วลองเอามือซ้ายทำเป็นอุ้งเท้าแมวแบบเก้ๆกังๆ
“แบบนี้เหรอ?”
ให้พูดว่าลักษณะของมือของเธอมันเหมือนเธอทำท่าทางเป็นแมวเหมียวมากกว่าทำมือเป็นอุ้งเท้าแมวแทนซะงั้น เธอก็คงจะไม่รู้ตัวแต่ผมเองก็ไม่อยากทักท้วงเพราะเดี๋ยวเธอจะปรี๊ดแตกเอา
“นี่ ไม่ถูกงั้นเหรอ?”
“อ๊ะ เปล่าหรอกถูกแล้วล่ะ”
ผมรีบตอบกลับ
หวังว่าความคิดเมื่อกี้จะส่งไปไม่ถึงเธอนะ
“ตอนหั่นก็ระวังด้วยนะแล้วก็อย่าลืมอุ้งเท้าแมว”
“อื้อ!”
มีดของคุณชิมิสึลดลงดับไปตรงกึ่งกลางของหัวหอม
“ถ้างั้นชั้นจะหั่นแล้วนะ?”
“เอาเลย แต่เธออาจจะต้องขยับมืออีกหน่อยเพื่อความปลอดภัยนะ”
“แล้วต้องเอามือวางตรงไหนล่ะ”
ผมไม่คิดว่าเธอจะเข้าใจถ้าบอกให้เธอวางปลายนิ้วกลางและนิ้วชี้ของมือซ้ายที่ทำอุ้งเท้าแมวไว้บริเวณส่วนท้องของใบมีดแถมผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเหมือนกัน บางทีการทำให้ดูเลยอาจจะเร็วกว่า
“งั้นเดี๋ยวผมจะหั่นหัวหอมหอมให้ดูเพราะงั้นลองดูที่ผมทำนะ?”
“ได้เลย”
จากนั้นผมก็พยายามอธิบายวิธีการหั่นหัวหอมให้คุณชิมิสึฟังหลายต่อหลายครั้งแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมด
“ไม่ได้ทำอย่างนั้-“
“ก็รู้อยู่แล้วน่าว่าทำผิด แต่ชั้นก็ไม่รู้นี่นาว่าทำแบบไหนมันถึงจะถูก……..”
ผ่านคำพูดมันคงเป็นเรื่องยากเกินไป ผมคิดว่าเธอคงไม่สามารถรับสารได้เพียงแค่ดูผมอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นก็เหลือทางเดียวนั่นก็คือให้ลงสนามจริงเลย
“คุณชิมิสึขอผมจับมือสักเดี๋ยวได้ไหม…….”
ก่อนจะสิ้นประโยคคุณชิมิสึก็รีบทิ้งมีดลงแล้วชักมือหนี
“นะๆๆ-นี่นายตั้งใจจะทำอะไรกับชั้นน่ะ?”
“ผมจะจับมือคุณชิมิสึแล้วพาทำให้ดูว่าควรทำมืออุ้งเท้าแมววางไว้ตรงไหนของมีดน่ะ ขอโทษนะไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เธอรู้สึกไม่ดีหรอกนะ”
ผมเองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะสัมผัสกับคนอื่น แต่คิดว่าหลายคนก็คงจะไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัวเหมือนกัน
ขอโทษนะ คุณชิมิสึ
“ก็ไม่ใช่ว่ารังเกียจสักหน่อย………”
คุณชิมิสึเหมือนว่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ผมก็ไม่อาจได้ยินเสียงอันเบาบางของเธอได้
“………ก็ได้”
“คุณชิมิสึ?”
“ก็บอกว่าก็ได้ไงเล่าเพราะงั้นรีบๆมาจับมือพาชั้นทำได้แล้ว”
“แน่ใจนะ?”
“จะไม่ขอพูดซ้ำนะ รีบมาพาชั้นทำได้แล้ว”
คุณชิมิสึดูไร้เดียงสากว่าที่คิดไว้เยอะเลยแฮะ แต่ถ้าเธอว่ามาแบบนั้นทางนี้ก็ไม่เกรงใจล่ะนะ
“เข้าใจแล้ว ถ้าคุณชิมิสึไม่ว่าอะไรล่ะก็งั้นผมก็ขออนุญาตนะ”
ผมรีบเดินไปทางด้านหลังของคุณชิมิสึ
“จะจับแล้วนะคุณชิมิสึ”
“จะจับก็จับสักทีสิยะ!”
ผมค่อยๆวางมือลงที่หลังมือของคุณชิมิสึ
“ว๊ายย”
ผมได้ยินเสียงกรี๊ดสะดุ้งและสายตาของสมาชิกในกลุ่มก็หันมาจับจองพวกเราทันที
“………มองอะไร?”
คุณชิมิสึหันไปจ้องสมาชิกคนอื่นๆรอบๆตัวพวกเราแล้วด้วยน้ำเสียงของเธอเมื่อกี้ก็ทำให้สายตาของคนรอบข้างเบนหนีไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่ากำลังแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดสะดุ้งของเธอเมื่อกี้นี้
“คุณชิมิสึไหวรึเปล่า? แน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังฝืนตัวเองอยู่น่ะ”
“ไม่มีเป็นไร เมื่อกี้แค่ไม่ทันตั้งตัวเฉยๆคราวนี้ไม่เป็นเหมือนเดิมแน่”
“เข้าใจล่ะ งั้นก็จะจับอีกรอบแล้วนะ”
ผมคิดว่าจะเข้าไปจับเธอแบบสุ่มสี่สุ่มห้าคงจะไม่ได้หลังจากนี้ถ้าผมจะสัมผัสเธอก็คงต้องบอกก่อนแต่ถ้าเธอตอบว่าได้ก็คงตามนั้นแล้วผมก็สัมผัสกับมือของคุณชิมิสึอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่มีเสียงกรี๊ดแล้ว
“………..แล้วนายอยากให้ชั้นทำอะไรล่ะ?”
เสียงของคุณชิมิสึเบาลงกว่าเดิมนิดหน่อยและผมก็ไม่เห็นสีหน้าของเธอเนื่องจากว่าตอนนี้อยู่ทางด้านหลังแต่นี่เราคิดไปเองรึเปล่านะที่หูของเธอดูเหมือนว่าจะออกสีแดงอยู่หน่อยๆ
“ก็หยิบมีดขึ้นมา จากนั้นก็วางมีดไปตรงบริเวณที่อยากจะหั่น”
“อื้อ”
คุณชิมิสึเอามีดไปวางตรงส่วนที่เธออยากจะหั่นตามที่ผมบอก
“จากนั้นก็เอามือวางไว้ตรงนี้”
ผมจับมือซ้ายของคุณชิมิสึมาวางไว้เหนือหัวหอม
“ดีล่ะ งั้นก็หั่นเลยนะ”
“ถ้ามือผมเกะกะล่ะก็ให้ผมปล่อยมือไหม?”
“…….จับไว้แบบนี้นี่แหละ”
ด้วยเหตุนี้คุณชิมิสึก็ลดใบมีดลงและตัดหัวหอมได้สำเร็จ
“ดีมาก แล้วทีนี้พอจะรู้แล้วใช่ไหมว่าต่อไปจะต้องทำยังไง?”
“เอามีดไว้ตรงนั้น แล้วมือซ้ายไว้ตรงนี้เหรอ?”
คุณชิมิสึขมับมือซ้ายไปพร้อมกับผม
“อื้ม คิดว่าคงได้แล้วล่ะนะในเมื่อทำเป็นแล้วก็คงจะทำต่อเองได้แล้วนะ”
“……….ไม่ได้ติดอะไรสักหน่อย….”
“ว่าไงนะ?”
“ก็บอกว่าก็ไม่ได้ติดใจอะไรสักหน่อยเพราะงั้นก็ทำต่อทั้งแบบนี้นี่แหละ”
“เอ๊ะ ได้สิ? เข้าใจแล้ว”
ชักไม่เข้าใจแล้วสิว่าสรุปคุณชิมิสึเธออารมณ์ไหนกันแน่? แต่ที่แน่ๆคืออาจจะยังมีความรู้สึกกังวลเรื่องใช้มีดอยู่บ้าง ผมก็เลยตัดสินใจเลือกที่จะช่วยเธอต่อจนกว่าคุณชิมิสึจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องให้ช่วยแล้ว
“งั้นผมจะคอยประกบช่วยแบบนี้ต่อนะ”
“อื้อ งั้นชั้นหั่นต่อเลยละกัน”
น้ำเสียงของคุณชิมิสึดูมีความสุขขึ้นนิดหน่อยและด้วยน้ำเสียงนั้นมีดก็เริ่มขยับ
“แบบนี้ได้ใช่ไหม?”
“อื้ม กำลังดีเลยล่ะ”
คุณชิมิสึถามเช็คกับผมในขณะที่เธอค่อยๆหั่นไปเรื่อยๆอย่างช้าๆและในจังหวะที่เธอหยุดมีดผมก็มองไปที่หูของคุณชิ มิสึซึ่งมีสีแดงอย่างกับลูกมะเขือเทศไม่มีผิด
“คุณชิมิสึเป็นอะไรรึเปล่า? หูของเธอแดงแจ๋เลย”
“ฮะ? ไม่ได้แดงสักหน่อย!!”
“ไม่เลย แดงสุดๆไปเลยนะเนี่ย ผมไม่ได้พกกระจกเพราะงั้นก็เลยส่องให้ดูไม่ได้เฉยๆหรอก”
“อึก…….นั่นมันก็เพราะ………”
ขนาดอยู่ใกล้ขนาดนี้เสียงกระซิบของคุณชิมิสึก็ยังส่งมาไม่ถึงหูของผมอยู่ดี
“จะยังไงก็เถอะชั้นไม่เป็นไรน่า! เร็วเข้าพวกเราช้าแล้วนะ รีบๆทำให้มันเสร็จๆเลยดีกว่า”
“ก็ถ้าคุณชิมิสึว่าอย่างนั้นงั้นเรากลับมาลุยงานของพวกเรากันต่อเถอะ”
สุดท้ายผมก็ไม่ยอมปล่อยมือจากคุณชิมิสึจนพวกเราช่วยกันหั่นหัวหอมจนเสร็จ
“โล่งอกไปทีที่ผัดเนื้อใส่ผักของพวกเราออกมาอร่อยเนอะคุณชิมิสึ”
ในช่วงพักเที่ยงหลังจบคาบทำอาหารพวกเราก็กินผัดผักใส่เนื้อที่พวกเราทำไว้
หลังจากที่คุณชิมิสึกับผมหั่นวัตถุดิบเสร็จ สมาชิกที่เหลือก็พากันผัดเนื้อแล้วก็ปรุงรสชาติของตัวเนื้อและผักออกมาได้เป็นอย่างดีอีกอย่างผัดได้สุกกำลังดีด้วย
“ก็นะ ชั้นว่ามันก็ไม่เลวเลย”
คุณชิมิสึที่นั่งทานมื้อเที่ยงอยู่ข้างๆก็ดูพออกพอใจกับผัดเนื้อใส่ผัก
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะ”
“……….ฮอนโด….ขอถามอะไรอย่างได้ไหม”
คุณชิมิสึที่ทานเสร็จก็หันหน้ามาหาผม
“ว่าไงล่ะ?”
“ทำอาหารกับชั้นแล้วเป็นไงบ้าง?”
เธอหมายความว่ายังไงกันน่ะคำถามนี้? สิ้นคำถามผมก็มองหน้าของคุณชิมิสึอีกครั้งและก็มีสัญญาณที่บอกถึงความกังวลเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอหรือว่าบางทีคุณชิมิสึอาจจะรู้สึกตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ?
แล้วจะตอบยังไงให้เธอคลายกังวลได้หว่า
“เอาตรงๆคือทีแรกก็ค่อนข้างกลัวเลย กลัวว่าคุณชิมิสึจะทำร้ายตัวเองเข้าล่ะนะ”
“อึก…”
คุณชิมิสึกรอกตาหนีจากผมราวกับว่ามีบางอย่างติดอยู่ในใจ
“แต่ว่าผมก็ดีใจนะที่คุณชิมิสึยอมทำอาหารด้วยกันกับผมจนเสร็จน่ะ”
แล้วคุณชิมิสึก็หันหน้ามาหาผมจนสบตากัน
“เพราะคุณชิมิสึทุ่มเทเต็มที่ผมก็เลยพลอยสนุกที่ได้ทำงานร่วมกับเธอไปด้วย ถ้าไม่ว่าอะไรไว้ครั้งหน้าจะมาทำอาหารด้วยกันกับผมอีกจะได้รึเปล่า?”
สุดท้ายผมก็พูดทุกเรื่องที่คิดออกมาอย่างเสียงดังฟังชัดแล้วนี่คุณชิมิสึจะคิดยังไงกับเรื่องนี้กันนะ? หลังจากที่รออยู่ราวๆสิบวินาทีได้คุณชิมิสึก็อ้าปากของเธอ
“ก็ถ้า……..”
“ถ้า?”
“ก็ถ้านายยืนกรานถึงขนาดนั้นล่ะก็ไว้รอบหน้าชั้นจะยอมทำอาหารกับนายด้วยอีกก็ได้”
“อะฮ่าๆๆๆๆ”
“ขะ-ขำอะไรของนายกันยะ!!”
บ้าเอ้ย อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“ไม่หรอก พอดีเครียดแทบตายนึกว่าเธอจะปฏิเสธน่ะ ถ้างั้นไว้ผมจะตั้งตาคอยครั้งหน้านะคุณชิมิสึ”
“ดะ-ได้สิ ก็ช่วยไม่ได้ล่ะน๊า”
คุณชิมิสึตอบกลับขณะที่กอดอกไปด้วย
ผมคิดว่าตัวเองชักจะตั้งตารอคอยคาบเรียนทำอาหารครั้งต่อไปมากกว่าเดิมนิดหน่อยซะแล้วสิ