คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว 2.1 คาบเรียนทำอาหารกับคุณชิมิสึ

ตอนที่ 2.1 คาบเรียนทำอาหารกับคุณชิมิสึ

“วันนี้เองเราก็มาคุยเรื่องความรักกันอีกเนอะ”

 

ทันทีที่ทิ้งก้นนั่งลงเก้าอี้ในตอนเช้า โทชิยะก็ปรี่เข้ามาหาพร้อมกับชวนคุย

 

“ไม่ใช่ว่านายมีซ้อมกับทีมฟุตบอลช่วงเช้ารึไง? โทชิยะ”

“ซ้อมเสร็จแล้วเฟ้ย”

“แล้วนี่ยังจะคุยเรื่องความรักต่ออีกเหรอ?”

“ชั้นยังมีคำถามอีกเยอะพร้อมยิงใส่นายอยู่นะ”

“เอาเถอะว่าแต่นายนี่ชอบตั้งคำถามกับชั้นจังนะมีเรื่องอยากจะถามชั้นเยอะแยะขนาดนั้นเลยรึไง?”

“แหงสิ ชั้นเองก็จะเล่าเรื่องของตัวเองด้วยเพราะงั้นขอร้องล่ะนะ”

 

โทชิยะพนมมือยกขึ้นต่อหน้า

โทชิยะบอกผมแล้วว่าตัวเขาชอบใครผมก็เลยไม่มีคำถามอะไรที่จะยิงใส่หมอนี่อีกแล้ว ผมมองซ้ายมองขวาตรวจสอบรอบๆอย่างเคยดูเหมือนว่าจะไม่มีใครคิดที่จะฟังพวกเราเลยแต่ที่กังวลอยู่นิดหน่อยก็คงจะเป็นคุณชิมิสึที่นั่งอยู่ข้างๆแต่ผมคิดว่าเธอคงไม่ได้ฟังเราอยู่หรอกเพราะเธอใส่หูฟังพร้อมกับเล่นมือถือไปด้วยอยู่

 

“อ่ะๆ แล้ววันนี้อยากจะถามอะไรล่ะ?”

“ตอนนี้รู้แล้วว่าประเภทของสาวที่ไดกิชอบน่ะคือสาวเรียบร้อยงั้นคราวนี้ขอถามนายหน่อยละกันว่านายอยากจะให้เธอทำอะไรให้ล่ะ”

“ชั้นอยากให้เธอทำอะไรให้งั้นเหรอ?”

“ตามนั้นเลย ผู้ชายสุขภาพดีอย่างเราๆก็อยากให้สาวๆทำอะไรให้สักอย่างสองอย่างนั่นแหละถูกมะ?”

“เป็นงั้นหรอกเรอะ?”

 

เอาตามตรงคือไม่เห็นจะเข้าใจเลย

 

“ก็อย่างนั้นแหละพวก วันนี้พวกเราเลยจะมาตีแผ่ความต้องการของไดกิกันไงล่ะ”

 

หน้าของโทชิยะเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ถ้าจะให้อธิบายก็คงจะเป็นแบบยิ้มกรุ้มกริ่ม

 

“จะว่ายังไงดีล่ะ เผอิญว่าชั้นไม่รู้น่ะสิว่านายกำลังอยากได้คำตอบแบบไหนอยู่น่ะ”

“อย่าทำหน้าซังกะตายอย่างงั้นสิพวก เอาเถอะงั้นชั้นขอเปิดก่อนละกัน สิ่งที่ชั้นอยากจะให้เธอทำให้ก็คงจะเป็นมาเชียร์ชั้นตอนแข่งฟุตบอลล่ะ! มันคือความฝันของเด็กหนุ่มชมรมกีฬาเลยว่าม้า!”

“ก็พอจะเข้าใจอยู่นิดหน่อยนะ”

 

ผมก็ต้องเข้าใจความรู้สึกที่อยากจะได้กำลังใจจากสาวที่ชอบในตอนที่เรากำลังพยายามอย่างเต็มที่อยู่แล้วแหละต่อให้ผมจะไม่ได้อยู่ในชมรมกีฬาก็เถอะนะ

 

“ดีจังที่นายเข้าใจและชั้นเองก็อยากให้นายลองนึกถึงเรื่องที่นายอยากให้สาวที่ชอบทำเพื่อนายแบบนี้บ้างน่ะ”

“งั้นขอนึกแปบ”

“ได้เลยพวก ยังเหลือเวลาโฮมรูมอีกเยอะเพราะงั้นเต็มที่เลยเพื่อน”

 

ให้คนที่แอบชอบมาทำอะไรให้………..ก็พยายามคิดแล้วแต่มันก็คิดไม่ออกเลย

 

“อืมมม คิดไม่ออกเลยแฮะ”

“ไม่ออกเลย? นี่นายไม่มีเรื่องอะไรที่อยากให้เธอทำเพื่อนายเลยรึไง?”

 

ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความปรารถนาเรื่องไหนเป็นพิเศษหรอกแต่แค่ผมนึกถึงเรื่องที่มันออกนอกลู่นอกทางแล้วไปขอให้คนที่แอบชอบมาทำเพื่อผมไม่ออกเลยต่างหากล่ะ

 

“ชั้นก็มีบางเรื่องที่อยากให้เทรุโนะทำเพื่อชั้นเหมือนกันนะ”

“ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับการที่อยากให้น้องสาวทำให้เลยเฟ้ย นายกับเทรุโนะจังนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ”

“อย่างน้อยๆชั้นก็อยากให้ยัยนั่นช่วยทำงานบ้านสักหน่อยก็ยังดี”

“เอ็งนี่ดูเหมือนแม่มากกว่าพี่ชายซะอีกนะ……”

 

ผมมีน้องสาวที่ชื่อเทรุโนะที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3 ของโรงเรียนมัธยมต้นอยู่เนื่องจากพ่อแม่ของพวกเราทำงานไม่ยอมกลับบ้านจนดึกดื่นเที่ยงคืนผมก็เลยรับผิดชอบเรื่องงานบ้านทั้งหมดอย่างเช่น ทำมื้อเย็นในวันธรรมดาและเทรุโนะเธอก็ดูจะไม่เต็มใจที่จะมาช่วยผมสักเท่าไหร่ พวกเราเข้ากันได้ดีตามประสาพี่น้องเพราะพวกเราต่างเล่นเกมและดูอนิเมะด้วยกันอยู่ตลอด

ผมคิดว่าคงอาจเป็นเพราะว่าเธอขี้เกียจทำงานบ้านมากจนเกินไป

 

“อ๊ะ!”

 

พอหวนคิดถึงน้องสาวที่สุดแสนจะขี้เกียจแบบนี้ผมก็นึกถึงคำตอบของคำถามก่อนหน้านี้ได้

 

“มีอะไรรึ?”

“ชั้นว่าชั้นเองก็มีบางเรื่องที่อยากให้เธอทำให้นะ”

“โอ้!? แล้วคืออะไรล่ะ?”

“………….ชั้นอยากให้เธอมาทำอาหารด้วยกันน่ะ”

 

ทันทีที่ผมเอ่ยออกไป ตรงหางตาของผมก็สังเกตุเห็นนิ้วของคุณชิมิสึที่อยู่บนมือถือของเธอหยุดชะงักไป

 

“นั่นไม่ใช่ว่าคือเรื่องที่นายอยากให้เทรุโนะทำให้นายเองหรอกเรอะ?”

 

โทชิยะมองมาหาผมด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

 

“ก็ใช่ ชั้นน่ะอยากให้เทรุโนะมาช่วยทำอาหารบ้างเพราะปกติชั้นก็ทำมื้อเย็นเองคนเดียวตลอดเลยแต่ชั้นเองก็คิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยเลยถ้าได้ทำอาหารด้วยกันกับคนที่ชอบน่ะ”

 

เพราะช่วงวันธรรมดาผมจะเป็นคนลงมือทำมื้อเย็นเองส่วนพ่อแม่จะจัดการให้เฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นผมก็เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ทำอาหารกับคนอื่นเลย

บางทีเราก็อยากจะทำอาหารร่วมกับใครสักคนบ้างจังเลยนะ

 

“อย่างนี้นี่เอง ถ้าจำไม่ผิดที่คุยเรื่องความรักกันครั้งก่อนนายก็บอกว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างร่วมกับคนที่แอบชอบใช่ไหมล่ะเพราะงั้นจากมุมมองของไดกิก็คือนายชอบผู้หญิงที่มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนทำกับข้าวเป็นสินะ”

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ”

 

ต่อให้ทำอาหารไม่เก่งแต่แค่มาทำอาหารด้วยกันก็ดีใจแล้ว

 

“แล้วมีเมนูไหนที่อยากจะทำด้วยกันอยู่รึเปล่า?”

“ก็ไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้นนะ แต่ถ้าได้ทำอาหารกับเธอบางทีก็คงจะเป็นข้าวกล่องทำมือทั่วๆไปนั่นแหละ”

 

ก็ถ้าหากว่ามีลูกมือคอยช่วยการทำอาหารก็จะกลายเป็นเรื่องสนุกเพราะงั้นก็เลยคิดว่าอยากจะทำเมนูที่คุ้นเคยมากกว่า

 

“อย่างแกงกะหรี่กับสเต็กแฮมเบิร์ก”

“ก็อะไรทำนองนั้น”

“เห เยี่ยมเลย เริ่มจินตการเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วสินะเนี่ย”

 

ดูเหมือนโทชิยะจะดีใจกับเรื่องที่ผมพูดออกไปเฉยเลย

พอผมมองไปทางคุณชิมิสึที่จู่ๆก็ขวนขวายจิ้มมือถือของตัวเองรัวๆ

นี่เธอกำลังเล่นเกมแนวริทึ่มเข้าจังหวะอยู่รึเปล่านะ?

(TL NOTE : เกมแนวริทึ่มก็คือเกมแนวดนตรีที่ต้องคอยจิ้มพวกโน๊ตให้ตรงคีย์นั่นแหละอย่าง OSU!,Beat Saber)

 

“มองไปตรงไหนของนายอยู่น่ะไดกิ?”

“อ่า โทษทีพูดต่อเลย”

“ก็นะ เรื่องที่นายพูดมันฟังดูเหมือนเรื่องที่ทำด้วยกันมากกว่าเรื่องที่อยากจะขอให้คนที่นายแอบชอบทำให้นี่หว่า แล้วมีอะไรอีกไหม?”

“เรื่องที่อยากให้เธอทำให้อย่างนั้นเหรอ…..ยากจังแฮะ”

 

ผมพยายามนึกถึงเรี่องที่อยากให้เทรุโนะทำให้………..แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเข้ากับสถานการณ์อย่างว่าเลย

 

“ก็ถ้าไดกิตันแล้วล่ะก็งั้นชั้นยกตัวอย่างให้……….นั่นสินะ เพื่อให้มันเกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้งั้นถ้าให้คนที่แอบชอบทำอาหารให้เป็นไงล่ะ?”

 “ถ้าเป็นงั้นชั้นก็อยากจะช่วยเธอทำเหมือนกัน”

“เอาเถอะ ก็สมเป็นนายล่ะนะ….”

 

โทชิยะหลับตาแล้วเริ่มพึมพัมแล้วหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาก็เบิกตาโพลง

 

“ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะ งั้นถ้าเป็นเบนโตะโฮมเมดล่ะ?”

“เบนโตะโฮมเมด?”

“ใช่แล้ว นั่นไงไดกินายน่ะชอบซื้อขนมปังที่ร้านสหกรณ์เป็นมื้อเที่ยงตลอดเลยใช่ไหมล่ะ?”

“ก็ใช่อยู่”

 

(TL NOTE : เบนโตะ โฮมเมด = ข้าวกล่องทำมือที่คนญี่ปุ่นมักจะทำจากบ้านแล้วพกออกไปทานเป็นมื้อเที่ยวข้างนอกหรืออีกวิธีที่สามารถพบเห็นได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นขึ้นห้างบ้านเราที่จะมีเซ็ตเบนโตะที่จะรวมสารพัดอาหารญี่ปุ่นครบหมวดหมู่สารอาหารไว้ในกล่องข้าวกล่องเดียว )

 

ครอบครัวของพวกเราเป็นเหมือนนกฮูกที่ออกหากินตอนกลางคืนแล้วเข้านอนตอนกลางวันเพราะงั้นตามปกติก็เลยไม่ได้ทำมื้อเที่ยงมานั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ผมชอบซื้อขนมปังจากร้านสหกรณ์เป็นมื้อเที่ยงอยู่ตลอด

 

“ถ้างั้นบางทีไดกิคงจะสนใจข้าวกล่องทำมือจากผู้หญิงที่นายแอบชอบอยู่ใช่ไหม?”

“ก็อาจจะใช่…..”

 

ที่ผมเอาแต่กินขนมปังอยู่ตลอดเพราะไม่เรื่องมากที่จะต้องกินข้าวคนเดียวด้วยล่ะนะแต่บางครั้งก็อดนึกอิจฉาข้าวกล่องของคนอื่นไม่ได้จริงๆนั่นแหละ

บางทีถ้าได้ข้าวกล่องทำมือจากคนที่แอบชอบคงจะมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว

 

“ตามนั้น! งั้นนายก็อยากได้ข้าวกล่องทำมือจากสาวที่ชอบอย่างนั้นสินะ?”

“อะ-อือ”

 

ชัดเจนว่าเจ้าโทชิยะอยู่ๆก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที

 

“ข้าวกล่องทำมือของคุณเซโตะ……….ถ้าเกิดว่ามีของโปรดของชั้นอยู่ในนั้นด้วยแล้วล่ะก็แค่คิดก็อันตรายต่อใจแล้วคร้าบ…….”

 

โทชิยะเนื้อเต้นดื่มด่ำก้ำกึ่งไปกับโลกแฟนตาซีของตัวเอง

หมอนี่อาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้แต่ว่าเขาก็โพล่งชื่อคุณเซโตะออกมาโดยที่ไม่ทันฉุกคิด

โชคดีที่คนรอบข้างพวกเราไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องที่พวกเราคุยกันน่ะ

 

“แล้วไดกิชอบอะไรในข้าวกล่องล่ะ?”

“คงเป็นหมูผัดขิงล่ะมั้งนะ”

“ฟังดูดีเลยนี่ จินตนาการของพวกเรานี่กำลังแผ่ขยายไปเรื่อยๆแล้วไอ้ชั้นก็ชอบคุณเซโตะไม่ว่าเธอจะทำอาหารเป็นหรือไม่เป็นก็ตาม แต่ว่าคงดีใจน้ำตาไหลเลยถ้าเกิดว่าวันนึงเธอทำเบนโตะโฮมเมดมาให้น่ะ”

 

ชัดเจนว่าความชอบของโทชิยะที่มีให้คุณเซโตะมันค่อนข้างลึกซึ้งส่วนผมเองที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการคลั่งรักใครสักคนมากถึงขนาดนั้นมาก่อนถึงได้แต่ชื่นชมและนับถือเจ้าหมอนี่อย่างเดียวเลย

แต่ไม่พูดออกไปหรอกนะเพราะเดี๋ยวหมอนี่มันจะได้ใจเอา……

 

“ถ้าเจ้าตัวทำมื้อเที่ยงมาให้ก็คงจะดีนะ”

“ใช่ม้า เป็นหนึ่งในความฝันที่อยากให้เป็นจริงเลยทีเดียวเชียว”

 

ทิชิยะมักจะพูดจริงจังอยู่ตลอดเวลาพูดถึงเรื่องความฝันของตัวเอง

เพราะงั้นผมก็เลยคิดว่าเขาคงตั้งใจที่จะทำให้ความฝันเป็นจริงให้ได้มากที่สุด

และในขณะที่ผมกำลังคิดแบบนั้นออดเรียนก็ดังขึ้นเพื่อประกาศว่ากำลังจะเข้าเรียนคาบที่ห้าแล้ว

 

“หืม ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย”

“พวกเราเองก็คงหมดเวลาแล้วล่ะ”

“น่าเสียดายแฮะยังเหลืออีกตั้งหลายเรื่องเลยที่อยากคุยถ้างั้นชั้นกลับไปนั่งที่ตัวเองก่อนนะ”

 

โทชิยะกลับไปนั่งโต๊ะอย่างไม่เต็มใจส่วนผมก็มองไปรอบๆและก็เห็นคุณชิมิสึจิ้มมือถือย่างอย่างขะมักเขม้นอยู่ นี่เธอยังเล่นเกมริทึ่มอยู่อีกรึ? จวนได้เวลาเข้าคาบเรียนแล้วนะรีบๆเก็บมือถือลงไปน่าจะดีกว่า ในตอนที่ผมกำลังคิดว่าตัวเองควรจะบอกเธอดีไหมทิชิยะก็กลับมาที่โต๊ะของผมอีกครั้ง

 

“นึกออกแล้วล่ะ ความปรารถนาของไดกิเรื่องการทำอาหารกับคนอื่นน่ะจะเป็นจริงในวันพรุ่งนี้นี่แหละ!”

“แล้ววันพรุ่งนี้มีอะไร? อ๊ะ……..”

 

ทีแรกก็ไม่รู้ว่าหมอนี่ตั้งใจจะสื่ออะไร แต่พอดูตารางสอนแล้วมันก็นึกขึ้นได้

 

“ใช่แล้ว คาบเรียนทำอาหารยังไงล่ะ!”

 

นั่นสินะ พรุ่งนี้มีคาบเรียนทำอาหารซึ่งมันเป็นนานๆครั้งที่ผมจะได้ทำอาหารกับเพื่อนร่วมชั้น

 

 

“บ้าเอ้ยยย ชั้นน่าจะได้ข้าวกล่องทำมือของเซโตะซังแล้วแท้ๆถ้าหากว่าได้จับกลุ่มเดียวกันกับเธอ……..”

“งานที่ให้ในคาบเรียนทำอาหารมันก็แบ่งกันทำภายในกลุ่มเพราะงั้นชั้นเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าสำหรับนายจะถือว่ามันเป็นอาหารทำมือของคุณเซโตะได้รึเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นโทชิยะไหงแกไม่ไปอยู่กลุ่มของตัวเองฟระ”

 

ในวันคาบเรียนทำอาหารโทชิยะเข้ามานั่งข้างๆประกบแถมสวมผ้ากันเปื้อนคร่ำครวญถึงความดวงซวยของตัวเองซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะดูผิดหวังแบบขั้นสุด

 

“โหย ไดกินายจะไม่เย็นชาไปหน่อยรึไง? นี่เพื่อนซี้ของนายกำลังเสียใจเพราะงั้นช่วยปลอบกันสักหน่อยก็ยังดี”

 

ผมอาจจะเผลอทำร้ายหัวใจหมอนี่ไปก็ได้ถ้าหากไม่เลือกใช้คำพูดให้ระวังกว่านี้

ผมสวมผ้ากันเปื้อนแล้วให้สมองของตัวเองแล่นไปจนถึงขีดสุด

 

“โทชิยะอยากให้คุณเซโตะทำอาหารให้งั้นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นอาหารที่ทำในคาบเรียนนี้มันก็ต่างกันนะ ถึงตอนนี้นายจะไม่ได้กินแต่ชั้นคิดว่าอาหารที่เธอเป็นคนลงมือทำเองด้วยคนเดียวหลังจากนี้ต่างหากที่มันมีความหมายกับนายน่ะ”

“ดะ-ไดกิ!”

 

หน้าตาของโทชิยะส่องเป็นประกาย

 

“นั่นสินะ!! การที่เธอตั้งใจทำอาหารเพื่อให้ชั้นมันมีความหมายกว่าสินะ! รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยขอบใจนะไดกิ”

“ดีใจที่นายรู้สึกดีขึ้นนะ”

 

พอผมคิดว่าเท่านี้เรื่องก็จบแล้ว ประตูห้องทำอาหารก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมา

นั่นก็คือคุณชิมิสึ

 

“คุณชิมิสึมาทำอะไรที่นี่กันล่ะเนี่ย?”

“เจ้าบ้า เดี๋ยวหล่อนก็ได้ยินหรอก!”

 

เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ในห้องทำอาหารต่างฮือฮากันยกใหญ่ส่วนที่ว่าทำไมพวกเขาถึงได้ตกใจอะไรเบอร์นั้นน่ะเหรอ? นั่นก็เพราะว่าร้อยวันพันปีคุณชิมิสึจะเข้าคาบเรียนทำอาหารยังไงล่ะ ไม่เคยมีใครเห็นเธอเข้าคาบเรียนที่ต้องทำงานกับคนอื่นเลยโดยเฉพาะคาบทำอาหารนี้แม้แต่ในแวดวงคนที่เป็นสายข่าวก็ยังเสียงแตกกันเลยว่าทำไมคุณชิมิสึถึงยังเลื่อนชั้นเรียนขึ้นมาได้

 

 “งั้นชั้นกลับกลุ่มของชั้นก่อนนะไดกิ”

 

พอผมหันกลับไปมองด้านข้างโทชิยะก็ไปแล้วและคุณชิมิสึก็มายืนอยู่ใกล้ๆผมแทน

เจ้าโทชิยะเองก็คงจะกลัวคุณชิมิสึเหมือนกันสินะถึงได้รีบแจ้นกลับกลุ่มตัวเองเลย

ตำแหน่งที่นั่งในคาบเรียนทำอาหารจะเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่นั่งในห้องเรียนเพราะงั้นคุณชิมิสึกับผมจึงได้กลายเป็นสมาชิกกลุ่มเดียวกันไปโดยปริยายแต่ที่ผมลืมนึกถึงเรื่องนั้นไปก็เพราะว่าคุณชิมิสึไม่เคยมาเข้าคาบทำอาหารเลยจนถึงตอนนี้

ผมเหลือบไปมองคุณชิมิสึที่ยืนอยู่ข้างๆผม

 

“คุณชิมิสึ”

“วะ-ว่าไง?”

 

คุณชิมิสึที่สวมผ้ากันเปื้อนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันหน้าจ้องมาทางผม

 

“ในเมื่อเราอยู่กลุ่มเดียวกันเพราะงั้นมาพยายามกันให้เต็มที่กันเถอะนะครับ อีกอย่างผ้ากันเปื้อนนั่นก็เข้ากับเธอมากเลยนะ”

“อึกกก….”

 

ผมตกใจนิดหน่อยที่ได้เจอคุณชิมิสึแต่ยังไงก็ยังเป็นคุณชิมิสึคนเดิม

ในขณะที่โล่งใจนั้นเองอาจารย์คหกรรมก็เข้ามาในห้องทำอาหารแล้วก็ดูจะตกใจที่เห็นคุณชิมิสึอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติทันที

 

“เอาล่ะ ในเมือครูเห็นว่าพวกเธอแต่งตัวรอครูกันเรียบร้อยแล้ว ก็อย่างที่บอกไปว่าวันนี้พวกเธอจะได้ทำเมนูผัดผักใส่เนื้อ ยังไงก็ช่วยแบ่งหน้าที่ให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มและทำอาหารด้วยความระมัดระวังกันด้วยล่ะ”

“ครับ/ค่ะ”

 

เสียงดังก้องในห้องทำอาหาร

ดังนั้นพวกเราจึงทำตามคำแนะนำของอาจารย์คหกรรมและเริ่มเตรียมตัวทำอาหารกัน

 

คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว

คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว

Score 10
Status: Completed
"คุณชิมิสึย้อมผมดำเหรอ?" "กะ-ก็นะ" "ทำไมจู่ๆถึงได้ย้อมล่ะ. "จะทำไมอีกล่ะ! ก็เมื่อวาน...." [ชิมิสึ เคย์] สาวแยงกี้ผมบลอนด์ผู้ที่เป็นโจทย์จันของทั้งโรงเรียน เธอคือหญิงสาวที่อยู่ในทุกข่าวลือเสียๆหายๆทั้งปวง ทั้งเรื่องทะเลาะวิวาทเอย หรือการแหกกฏของโรงเรียนต่างๆ แต่จู่ๆเธอก็ดันย้อมผมดำพร้อมกับแต่งตัวมาเรียนซะเรียบร้อยแถมเข้าเรียนครบทุกคาบเฉยเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ? มันเกี่ยวข้องกับตอนที่ [ฮอนโด ไดกิ] ได้บอกกับ [มัตสึโอกะโทชิยะ] ไอ้เพื่อนซี้ไปเมื่อวานตอนที่ถามว่าสเปคสาวที่ไดกิชอบเป็นยังไง? แล้วก็ดันตอบไปว่า "ชอบสาวผมดำยาว ลุคเรียบร้อยไม่แต่งตัวฉูดฉาด" รึเปล่านะ? เตรียมผมกับเลิฟคอมเมดี้รักใสๆของแยงกี้สายซึนผู้ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่ตัวเองแอบชอบกับหนุ่มหน้ามนสายหยอดที่พร้อมจะปกป้องทุกข่าวลือเสียๆหายๆของเธอ

Options

not work with dark mode
Reset