“วันนี้เองเราก็มาคุยเรื่องความรักกันอีกเนอะ”
ทันทีที่ทิ้งก้นนั่งลงเก้าอี้ในตอนเช้า โทชิยะก็ปรี่เข้ามาหาพร้อมกับชวนคุย
“ไม่ใช่ว่านายมีซ้อมกับทีมฟุตบอลช่วงเช้ารึไง? โทชิยะ”
“ซ้อมเสร็จแล้วเฟ้ย”
“แล้วนี่ยังจะคุยเรื่องความรักต่ออีกเหรอ?”
“ชั้นยังมีคำถามอีกเยอะพร้อมยิงใส่นายอยู่นะ”
“เอาเถอะว่าแต่นายนี่ชอบตั้งคำถามกับชั้นจังนะมีเรื่องอยากจะถามชั้นเยอะแยะขนาดนั้นเลยรึไง?”
“แหงสิ ชั้นเองก็จะเล่าเรื่องของตัวเองด้วยเพราะงั้นขอร้องล่ะนะ”
โทชิยะพนมมือยกขึ้นต่อหน้า
โทชิยะบอกผมแล้วว่าตัวเขาชอบใครผมก็เลยไม่มีคำถามอะไรที่จะยิงใส่หมอนี่อีกแล้ว ผมมองซ้ายมองขวาตรวจสอบรอบๆอย่างเคยดูเหมือนว่าจะไม่มีใครคิดที่จะฟังพวกเราเลยแต่ที่กังวลอยู่นิดหน่อยก็คงจะเป็นคุณชิมิสึที่นั่งอยู่ข้างๆแต่ผมคิดว่าเธอคงไม่ได้ฟังเราอยู่หรอกเพราะเธอใส่หูฟังพร้อมกับเล่นมือถือไปด้วยอยู่
“อ่ะๆ แล้ววันนี้อยากจะถามอะไรล่ะ?”
“ตอนนี้รู้แล้วว่าประเภทของสาวที่ไดกิชอบน่ะคือสาวเรียบร้อยงั้นคราวนี้ขอถามนายหน่อยละกันว่านายอยากจะให้เธอทำอะไรให้ล่ะ”
“ชั้นอยากให้เธอทำอะไรให้งั้นเหรอ?”
“ตามนั้นเลย ผู้ชายสุขภาพดีอย่างเราๆก็อยากให้สาวๆทำอะไรให้สักอย่างสองอย่างนั่นแหละถูกมะ?”
“เป็นงั้นหรอกเรอะ?”
เอาตามตรงคือไม่เห็นจะเข้าใจเลย
“ก็อย่างนั้นแหละพวก วันนี้พวกเราเลยจะมาตีแผ่ความต้องการของไดกิกันไงล่ะ”
หน้าของโทชิยะเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ถ้าจะให้อธิบายก็คงจะเป็นแบบยิ้มกรุ้มกริ่ม
“จะว่ายังไงดีล่ะ เผอิญว่าชั้นไม่รู้น่ะสิว่านายกำลังอยากได้คำตอบแบบไหนอยู่น่ะ”
“อย่าทำหน้าซังกะตายอย่างงั้นสิพวก เอาเถอะงั้นชั้นขอเปิดก่อนละกัน สิ่งที่ชั้นอยากจะให้เธอทำให้ก็คงจะเป็นมาเชียร์ชั้นตอนแข่งฟุตบอลล่ะ! มันคือความฝันของเด็กหนุ่มชมรมกีฬาเลยว่าม้า!”
“ก็พอจะเข้าใจอยู่นิดหน่อยนะ”
ผมก็ต้องเข้าใจความรู้สึกที่อยากจะได้กำลังใจจากสาวที่ชอบในตอนที่เรากำลังพยายามอย่างเต็มที่อยู่แล้วแหละต่อให้ผมจะไม่ได้อยู่ในชมรมกีฬาก็เถอะนะ
“ดีจังที่นายเข้าใจและชั้นเองก็อยากให้นายลองนึกถึงเรื่องที่นายอยากให้สาวที่ชอบทำเพื่อนายแบบนี้บ้างน่ะ”
“งั้นขอนึกแปบ”
“ได้เลยพวก ยังเหลือเวลาโฮมรูมอีกเยอะเพราะงั้นเต็มที่เลยเพื่อน”
ให้คนที่แอบชอบมาทำอะไรให้………..ก็พยายามคิดแล้วแต่มันก็คิดไม่ออกเลย
“อืมมม คิดไม่ออกเลยแฮะ”
“ไม่ออกเลย? นี่นายไม่มีเรื่องอะไรที่อยากให้เธอทำเพื่อนายเลยรึไง?”
ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความปรารถนาเรื่องไหนเป็นพิเศษหรอกแต่แค่ผมนึกถึงเรื่องที่มันออกนอกลู่นอกทางแล้วไปขอให้คนที่แอบชอบมาทำเพื่อผมไม่ออกเลยต่างหากล่ะ
“ชั้นก็มีบางเรื่องที่อยากให้เทรุโนะทำเพื่อชั้นเหมือนกันนะ”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับการที่อยากให้น้องสาวทำให้เลยเฟ้ย นายกับเทรุโนะจังนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ”
“อย่างน้อยๆชั้นก็อยากให้ยัยนั่นช่วยทำงานบ้านสักหน่อยก็ยังดี”
“เอ็งนี่ดูเหมือนแม่มากกว่าพี่ชายซะอีกนะ……”
ผมมีน้องสาวที่ชื่อเทรุโนะที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3 ของโรงเรียนมัธยมต้นอยู่เนื่องจากพ่อแม่ของพวกเราทำงานไม่ยอมกลับบ้านจนดึกดื่นเที่ยงคืนผมก็เลยรับผิดชอบเรื่องงานบ้านทั้งหมดอย่างเช่น ทำมื้อเย็นในวันธรรมดาและเทรุโนะเธอก็ดูจะไม่เต็มใจที่จะมาช่วยผมสักเท่าไหร่ พวกเราเข้ากันได้ดีตามประสาพี่น้องเพราะพวกเราต่างเล่นเกมและดูอนิเมะด้วยกันอยู่ตลอด
ผมคิดว่าคงอาจเป็นเพราะว่าเธอขี้เกียจทำงานบ้านมากจนเกินไป
“อ๊ะ!”
พอหวนคิดถึงน้องสาวที่สุดแสนจะขี้เกียจแบบนี้ผมก็นึกถึงคำตอบของคำถามก่อนหน้านี้ได้
“มีอะไรรึ?”
“ชั้นว่าชั้นเองก็มีบางเรื่องที่อยากให้เธอทำให้นะ”
“โอ้!? แล้วคืออะไรล่ะ?”
“………….ชั้นอยากให้เธอมาทำอาหารด้วยกันน่ะ”
ทันทีที่ผมเอ่ยออกไป ตรงหางตาของผมก็สังเกตุเห็นนิ้วของคุณชิมิสึที่อยู่บนมือถือของเธอหยุดชะงักไป
“นั่นไม่ใช่ว่าคือเรื่องที่นายอยากให้เทรุโนะทำให้นายเองหรอกเรอะ?”
โทชิยะมองมาหาผมด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“ก็ใช่ ชั้นน่ะอยากให้เทรุโนะมาช่วยทำอาหารบ้างเพราะปกติชั้นก็ทำมื้อเย็นเองคนเดียวตลอดเลยแต่ชั้นเองก็คิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยเลยถ้าได้ทำอาหารด้วยกันกับคนที่ชอบน่ะ”
เพราะช่วงวันธรรมดาผมจะเป็นคนลงมือทำมื้อเย็นเองส่วนพ่อแม่จะจัดการให้เฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นผมก็เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ทำอาหารกับคนอื่นเลย
บางทีเราก็อยากจะทำอาหารร่วมกับใครสักคนบ้างจังเลยนะ
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าจำไม่ผิดที่คุยเรื่องความรักกันครั้งก่อนนายก็บอกว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างร่วมกับคนที่แอบชอบใช่ไหมล่ะเพราะงั้นจากมุมมองของไดกิก็คือนายชอบผู้หญิงที่มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนทำกับข้าวเป็นสินะ”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ”
ต่อให้ทำอาหารไม่เก่งแต่แค่มาทำอาหารด้วยกันก็ดีใจแล้ว
“แล้วมีเมนูไหนที่อยากจะทำด้วยกันอยู่รึเปล่า?”
“ก็ไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้นนะ แต่ถ้าได้ทำอาหารกับเธอบางทีก็คงจะเป็นข้าวกล่องทำมือทั่วๆไปนั่นแหละ”
ก็ถ้าหากว่ามีลูกมือคอยช่วยการทำอาหารก็จะกลายเป็นเรื่องสนุกเพราะงั้นก็เลยคิดว่าอยากจะทำเมนูที่คุ้นเคยมากกว่า
“อย่างแกงกะหรี่กับสเต็กแฮมเบิร์ก”
“ก็อะไรทำนองนั้น”
“เห เยี่ยมเลย เริ่มจินตการเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วสินะเนี่ย”
ดูเหมือนโทชิยะจะดีใจกับเรื่องที่ผมพูดออกไปเฉยเลย
พอผมมองไปทางคุณชิมิสึที่จู่ๆก็ขวนขวายจิ้มมือถือของตัวเองรัวๆ
นี่เธอกำลังเล่นเกมแนวริทึ่มเข้าจังหวะอยู่รึเปล่านะ?
(TL NOTE : เกมแนวริทึ่มก็คือเกมแนวดนตรีที่ต้องคอยจิ้มพวกโน๊ตให้ตรงคีย์นั่นแหละอย่าง OSU!,Beat Saber)
“มองไปตรงไหนของนายอยู่น่ะไดกิ?”
“อ่า โทษทีพูดต่อเลย”
“ก็นะ เรื่องที่นายพูดมันฟังดูเหมือนเรื่องที่ทำด้วยกันมากกว่าเรื่องที่อยากจะขอให้คนที่นายแอบชอบทำให้นี่หว่า แล้วมีอะไรอีกไหม?”
“เรื่องที่อยากให้เธอทำให้อย่างนั้นเหรอ…..ยากจังแฮะ”
ผมพยายามนึกถึงเรี่องที่อยากให้เทรุโนะทำให้………..แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเข้ากับสถานการณ์อย่างว่าเลย
“ก็ถ้าไดกิตันแล้วล่ะก็งั้นชั้นยกตัวอย่างให้……….นั่นสินะ เพื่อให้มันเกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้งั้นถ้าให้คนที่แอบชอบทำอาหารให้เป็นไงล่ะ?”
“ถ้าเป็นงั้นชั้นก็อยากจะช่วยเธอทำเหมือนกัน”
“เอาเถอะ ก็สมเป็นนายล่ะนะ….”
โทชิยะหลับตาแล้วเริ่มพึมพัมแล้วหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาก็เบิกตาโพลง
“ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะ งั้นถ้าเป็นเบนโตะโฮมเมดล่ะ?”
“เบนโตะโฮมเมด?”
“ใช่แล้ว นั่นไงไดกินายน่ะชอบซื้อขนมปังที่ร้านสหกรณ์เป็นมื้อเที่ยงตลอดเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ก็ใช่อยู่”
(TL NOTE : เบนโตะ โฮมเมด = ข้าวกล่องทำมือที่คนญี่ปุ่นมักจะทำจากบ้านแล้วพกออกไปทานเป็นมื้อเที่ยวข้างนอกหรืออีกวิธีที่สามารถพบเห็นได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่นขึ้นห้างบ้านเราที่จะมีเซ็ตเบนโตะที่จะรวมสารพัดอาหารญี่ปุ่นครบหมวดหมู่สารอาหารไว้ในกล่องข้าวกล่องเดียว )
ครอบครัวของพวกเราเป็นเหมือนนกฮูกที่ออกหากินตอนกลางคืนแล้วเข้านอนตอนกลางวันเพราะงั้นตามปกติก็เลยไม่ได้ทำมื้อเที่ยงมานั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ผมชอบซื้อขนมปังจากร้านสหกรณ์เป็นมื้อเที่ยงอยู่ตลอด
“ถ้างั้นบางทีไดกิคงจะสนใจข้าวกล่องทำมือจากผู้หญิงที่นายแอบชอบอยู่ใช่ไหม?”
“ก็อาจจะใช่…..”
ที่ผมเอาแต่กินขนมปังอยู่ตลอดเพราะไม่เรื่องมากที่จะต้องกินข้าวคนเดียวด้วยล่ะนะแต่บางครั้งก็อดนึกอิจฉาข้าวกล่องของคนอื่นไม่ได้จริงๆนั่นแหละ
บางทีถ้าได้ข้าวกล่องทำมือจากคนที่แอบชอบคงจะมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว
“ตามนั้น! งั้นนายก็อยากได้ข้าวกล่องทำมือจากสาวที่ชอบอย่างนั้นสินะ?”
“อะ-อือ”
ชัดเจนว่าเจ้าโทชิยะอยู่ๆก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที
“ข้าวกล่องทำมือของคุณเซโตะ……….ถ้าเกิดว่ามีของโปรดของชั้นอยู่ในนั้นด้วยแล้วล่ะก็แค่คิดก็อันตรายต่อใจแล้วคร้าบ…….”
โทชิยะเนื้อเต้นดื่มด่ำก้ำกึ่งไปกับโลกแฟนตาซีของตัวเอง
หมอนี่อาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้แต่ว่าเขาก็โพล่งชื่อคุณเซโตะออกมาโดยที่ไม่ทันฉุกคิด
โชคดีที่คนรอบข้างพวกเราไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องที่พวกเราคุยกันน่ะ
“แล้วไดกิชอบอะไรในข้าวกล่องล่ะ?”
“คงเป็นหมูผัดขิงล่ะมั้งนะ”
“ฟังดูดีเลยนี่ จินตนาการของพวกเรานี่กำลังแผ่ขยายไปเรื่อยๆแล้วไอ้ชั้นก็ชอบคุณเซโตะไม่ว่าเธอจะทำอาหารเป็นหรือไม่เป็นก็ตาม แต่ว่าคงดีใจน้ำตาไหลเลยถ้าเกิดว่าวันนึงเธอทำเบนโตะโฮมเมดมาให้น่ะ”
ชัดเจนว่าความชอบของโทชิยะที่มีให้คุณเซโตะมันค่อนข้างลึกซึ้งส่วนผมเองที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการคลั่งรักใครสักคนมากถึงขนาดนั้นมาก่อนถึงได้แต่ชื่นชมและนับถือเจ้าหมอนี่อย่างเดียวเลย
แต่ไม่พูดออกไปหรอกนะเพราะเดี๋ยวหมอนี่มันจะได้ใจเอา……
“ถ้าเจ้าตัวทำมื้อเที่ยงมาให้ก็คงจะดีนะ”
“ใช่ม้า เป็นหนึ่งในความฝันที่อยากให้เป็นจริงเลยทีเดียวเชียว”
ทิชิยะมักจะพูดจริงจังอยู่ตลอดเวลาพูดถึงเรื่องความฝันของตัวเอง
เพราะงั้นผมก็เลยคิดว่าเขาคงตั้งใจที่จะทำให้ความฝันเป็นจริงให้ได้มากที่สุด
และในขณะที่ผมกำลังคิดแบบนั้นออดเรียนก็ดังขึ้นเพื่อประกาศว่ากำลังจะเข้าเรียนคาบที่ห้าแล้ว
“หืม ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย”
“พวกเราเองก็คงหมดเวลาแล้วล่ะ”
“น่าเสียดายแฮะยังเหลืออีกตั้งหลายเรื่องเลยที่อยากคุยถ้างั้นชั้นกลับไปนั่งที่ตัวเองก่อนนะ”
โทชิยะกลับไปนั่งโต๊ะอย่างไม่เต็มใจส่วนผมก็มองไปรอบๆและก็เห็นคุณชิมิสึจิ้มมือถือย่างอย่างขะมักเขม้นอยู่ นี่เธอยังเล่นเกมริทึ่มอยู่อีกรึ? จวนได้เวลาเข้าคาบเรียนแล้วนะรีบๆเก็บมือถือลงไปน่าจะดีกว่า ในตอนที่ผมกำลังคิดว่าตัวเองควรจะบอกเธอดีไหมทิชิยะก็กลับมาที่โต๊ะของผมอีกครั้ง
“นึกออกแล้วล่ะ ความปรารถนาของไดกิเรื่องการทำอาหารกับคนอื่นน่ะจะเป็นจริงในวันพรุ่งนี้นี่แหละ!”
“แล้ววันพรุ่งนี้มีอะไร? อ๊ะ……..”
ทีแรกก็ไม่รู้ว่าหมอนี่ตั้งใจจะสื่ออะไร แต่พอดูตารางสอนแล้วมันก็นึกขึ้นได้
“ใช่แล้ว คาบเรียนทำอาหารยังไงล่ะ!”
นั่นสินะ พรุ่งนี้มีคาบเรียนทำอาหารซึ่งมันเป็นนานๆครั้งที่ผมจะได้ทำอาหารกับเพื่อนร่วมชั้น
“บ้าเอ้ยยย ชั้นน่าจะได้ข้าวกล่องทำมือของเซโตะซังแล้วแท้ๆถ้าหากว่าได้จับกลุ่มเดียวกันกับเธอ……..”
“งานที่ให้ในคาบเรียนทำอาหารมันก็แบ่งกันทำภายในกลุ่มเพราะงั้นชั้นเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าสำหรับนายจะถือว่ามันเป็นอาหารทำมือของคุณเซโตะได้รึเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นโทชิยะไหงแกไม่ไปอยู่กลุ่มของตัวเองฟระ”
ในวันคาบเรียนทำอาหารโทชิยะเข้ามานั่งข้างๆประกบแถมสวมผ้ากันเปื้อนคร่ำครวญถึงความดวงซวยของตัวเองซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะดูผิดหวังแบบขั้นสุด
“โหย ไดกินายจะไม่เย็นชาไปหน่อยรึไง? นี่เพื่อนซี้ของนายกำลังเสียใจเพราะงั้นช่วยปลอบกันสักหน่อยก็ยังดี”
ผมอาจจะเผลอทำร้ายหัวใจหมอนี่ไปก็ได้ถ้าหากไม่เลือกใช้คำพูดให้ระวังกว่านี้
ผมสวมผ้ากันเปื้อนแล้วให้สมองของตัวเองแล่นไปจนถึงขีดสุด
“โทชิยะอยากให้คุณเซโตะทำอาหารให้งั้นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นอาหารที่ทำในคาบเรียนนี้มันก็ต่างกันนะ ถึงตอนนี้นายจะไม่ได้กินแต่ชั้นคิดว่าอาหารที่เธอเป็นคนลงมือทำเองด้วยคนเดียวหลังจากนี้ต่างหากที่มันมีความหมายกับนายน่ะ”
“ดะ-ไดกิ!”
หน้าตาของโทชิยะส่องเป็นประกาย
“นั่นสินะ!! การที่เธอตั้งใจทำอาหารเพื่อให้ชั้นมันมีความหมายกว่าสินะ! รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยขอบใจนะไดกิ”
“ดีใจที่นายรู้สึกดีขึ้นนะ”
พอผมคิดว่าเท่านี้เรื่องก็จบแล้ว ประตูห้องทำอาหารก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมา
นั่นก็คือคุณชิมิสึ
“คุณชิมิสึมาทำอะไรที่นี่กันล่ะเนี่ย?”
“เจ้าบ้า เดี๋ยวหล่อนก็ได้ยินหรอก!”
เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ในห้องทำอาหารต่างฮือฮากันยกใหญ่ส่วนที่ว่าทำไมพวกเขาถึงได้ตกใจอะไรเบอร์นั้นน่ะเหรอ? นั่นก็เพราะว่าร้อยวันพันปีคุณชิมิสึจะเข้าคาบเรียนทำอาหารยังไงล่ะ ไม่เคยมีใครเห็นเธอเข้าคาบเรียนที่ต้องทำงานกับคนอื่นเลยโดยเฉพาะคาบทำอาหารนี้แม้แต่ในแวดวงคนที่เป็นสายข่าวก็ยังเสียงแตกกันเลยว่าทำไมคุณชิมิสึถึงยังเลื่อนชั้นเรียนขึ้นมาได้
“งั้นชั้นกลับกลุ่มของชั้นก่อนนะไดกิ”
พอผมหันกลับไปมองด้านข้างโทชิยะก็ไปแล้วและคุณชิมิสึก็มายืนอยู่ใกล้ๆผมแทน
เจ้าโทชิยะเองก็คงจะกลัวคุณชิมิสึเหมือนกันสินะถึงได้รีบแจ้นกลับกลุ่มตัวเองเลย
ตำแหน่งที่นั่งในคาบเรียนทำอาหารจะเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่นั่งในห้องเรียนเพราะงั้นคุณชิมิสึกับผมจึงได้กลายเป็นสมาชิกกลุ่มเดียวกันไปโดยปริยายแต่ที่ผมลืมนึกถึงเรื่องนั้นไปก็เพราะว่าคุณชิมิสึไม่เคยมาเข้าคาบทำอาหารเลยจนถึงตอนนี้
ผมเหลือบไปมองคุณชิมิสึที่ยืนอยู่ข้างๆผม
“คุณชิมิสึ”
“วะ-ว่าไง?”
คุณชิมิสึที่สวมผ้ากันเปื้อนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันหน้าจ้องมาทางผม
“ในเมื่อเราอยู่กลุ่มเดียวกันเพราะงั้นมาพยายามกันให้เต็มที่กันเถอะนะครับ อีกอย่างผ้ากันเปื้อนนั่นก็เข้ากับเธอมากเลยนะ”
“อึกกก….”
ผมตกใจนิดหน่อยที่ได้เจอคุณชิมิสึแต่ยังไงก็ยังเป็นคุณชิมิสึคนเดิม
ในขณะที่โล่งใจนั้นเองอาจารย์คหกรรมก็เข้ามาในห้องทำอาหารแล้วก็ดูจะตกใจที่เห็นคุณชิมิสึอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติทันที
“เอาล่ะ ในเมือครูเห็นว่าพวกเธอแต่งตัวรอครูกันเรียบร้อยแล้ว ก็อย่างที่บอกไปว่าวันนี้พวกเธอจะได้ทำเมนูผัดผักใส่เนื้อ ยังไงก็ช่วยแบ่งหน้าที่ให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มและทำอาหารด้วยความระมัดระวังกันด้วยล่ะ”
“ครับ/ค่ะ”
เสียงดังก้องในห้องทำอาหาร
ดังนั้นพวกเราจึงทำตามคำแนะนำของอาจารย์คหกรรมและเริ่มเตรียมตัวทำอาหารกัน