“ไอซัง ทำไมถึงพูดจายั่วโมโหชิมิสึซังแบบนั้นล่ะครับ?”
ผมถามไอซัง ที่ยังอยู่ในห้องลองเสื้อ ทำท่าสบายใจ ไอซังต้องรู้อยู่แล้วว่าถ้าพูดแบบนั้น ชิมิสึซังต้องเล่นด้วยแน่ๆ
“บางทีฉันก็อยากเห็นเคย์จัง ใส่เสื้อผ้าแบบอื่นๆ บ้าง นอกจากชุดที่เธอชอบใส่น่ะ”
“หมายความว่าไงครับ?”
“ปกติเคย์จังจะใส่แต่เสื้อผ้าแนวเท่ๆ แมนๆ ถึงจะดูดีก็เถอะ แต่เคย์จังก็น่ารัก สวยด้วย ฉันก็เลยอยากให้เธอใส่ชุดที่โชว์ความน่ารัก ความสวยของเธอออกมาบ้าง ก็เลยท้าแข่งแบบนั้นไงล่ะ ที่ชวนเคย์จังมาร้านนี้ ก็เพราะว่าที่นี่มีเสื้อผ้าแบบน่ารักๆ เยอะ คิดว่าน่าจะเหมาะกับเคย์จัง”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
ดูเหมือนไอซังจะมีเหตุผลของตัวเอง
“แล้วก็ ฉันก็แค่อยากเห็นเคย์จังในชุดใหม่ๆ บ้าง เอาล่ะ ฉันจะไปเปลี่ยนชุด แล้วก็หาชุดต่อไปนะ”
พูดจบ ไอซังก็ปิดม่านห้องลองเสื้อ ผมเลยคิดขึ้นมาได้
ว่าแต่ ระหว่างที่พวกเธอกำลังเลือกเสื้อผ้า ผมควรจะทำอะไรดีเนี่ย?
ไม่มีใครบอก ผมก็เลยได้แต่นั่งรอ จนกว่าพวกเธอจะเลือกชุดเสร็จ
“โอเค ชิมิสึซังก็เลือกชุดเสร็จแล้ว”
“นี่ จะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ”
ไม่นาน พวกเราก็ย้ายมาอยู่ตรงห้องลองเสื้อสองห้องที่อยู่ติดกัน โชคดีที่วันนี้ลูกค้าไม่เยอะ พวกเธอจะลองชุดนานแค่ไหนก็ได้
“ฉันโชว์ชุดแรกไปแล้ว ต่อไปก็เป็นตาเคย์จังแล้วนะ”
“โอเค ฉันจะเปลี่ยนชุดแล้ว ขอปิดม่านก่อนนะ”
ชิมิสึซังปิดม่านห้องลองเสื้อ
“ไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้างเหรอ? ที่เคย์จังกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในนั้นน่ะ”
ไอซังที่ดูเหมือนจะเบื่อๆ พูดกับผมจากในห้องลองเสื้อ
“ฉันได้ยินนะ แล้วก็ฮอนโด ถ้าคิดอะไรทะลึ่งๆ ฉันไม่ยกโทษให้แน่”
ยังไม่ทันจะคิดอะไรเลย ก็โดนขู่ซะแล้ว ก็จริง คงไม่มีใครชอบให้เพศตรงข้าม มานั่งจินตนาการตอนเราไม่ใส่เสื้อผ้าหรอก
“อย่ามาขัดขวางจินตนาการของพวกเราสิ!”
ไม่รู้ว่าเธอพูดแทนใคร แต่ไอซังก็ประท้วงขึ้นมา
“นั่นมันเพ้อเจ้อแล้ว ไม่ใช่จินตนาการ เอาเถอะ ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว”
“เร็วไปไหม? เป็นปรมาจารย์ด้านการเปลี่ยนชุดเร็วรึไง?”
“ทำไมดูผิดหวังล่ะ? เอาล่ะ ฉันจะเปิดม่านแล้วนะ”
ม่านเปิดออก เผยให้เห็นชิมิสึซังในชุดเสื้อเบลาส์สีเขียว กับกระโปรงทรงเอ สีเบจ ทำให้ไม่เห็นขาเธอชัดเจน แบบชุดของไอซัง ผมค่อนข้างแปลกใจ ที่เห็นเธอในลุคนี้ ต่างจากชุดลำลองที่เธอใส่เป็นประจำ
“…นี่ พูดอะไรหน่อยสิ”
“เคย์จัง เขินจนพูดไม่ออกแล้วเหรอ?”
ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาคำพูด ไอซังก็พูดกับชิมิสึซัง
“หา? พูดอะไรของเธอ?”
“ก็ เสื้อเบลาส์สีเขียวกับกระโปรงทรงเอสีเบจ มันก็เข้ากับเธอนะ แต่ฉันเห็นนะ ว่าเธอหยิบมินิสเกิร์ตใส่ตะกร้าด้วย ไม่ใส่ก็แปลว่าเขินสินะ?”
“อืม…”
ดูเหมือนไอซังจะพูดถูก
“น้องสาวตัวน้อย น่ารักจังเลยนะ แต่ฉันชนะแล้วล่ะ”
ไอซังยกมือขึ้น ทำท่าดีใจ เหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ
“ก…ก็ยังไม่รู้ผลนี่”
“อ๊ะ จริงด้วย ไดกิคุง ว่าไงจ๊ะ?”
อยู่ๆ ผมก็กลายเป็นลูกน้องไอซังซะอย่างงั้น
“เอ่อ…คือ…ผมว่าเสื้อเบลาส์กับกระโปรงที่ชิมิสึซังใส่ มันให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ สุขุม ดูดีนะครับ”
“…อืม…”
ชิมิสึซังตอบเสียงเบา ผมไม่รู้จะตอบกลับยังไงดี
“แต่ก็สู้ขาเปลือยๆ ของฉันไม่ได้หรอก”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ แบบนั้นก็แปลว่า ที่ชนะ ไม่ใช่เสื้อผ้าที่เธอเลือก แต่เป็นขาของเธอเอง ถูกไหม?”
“เห่าเหมือนหมาที่แพ้เลยนะ”
เรื่องยั่วโมโหชิมิสึซัง ไม่มีใครเกินไอซังจริงๆ
“ใครแพ้กัน? จะกัดให้เข็ดเลย”
“ถ้าเคย์จังจะกัด ฉันก็ยินดีนะ เอาเถอะ ไดกิคุง ชอบชุดไหนมากกว่ากัน?”
ผมจะรับมือ “เผือกร้อน” ที่ไอซังส่งมายังไงดีเนี่ย
“ผมว่าทั้งสองชุดก็มีเสน่ห์คนละแบบ ตัดสินใจไม่ได้…”
“ไดกิคุง บางทีความใจดี มันก็ทำร้ายจิตใจคนอื่นมากกว่าอะไรทั้งหมดนะ เอาล่ะ พูดความในใจออกมาเลย!”
“ไม่ต้องสนใจที่ไอพูดหรอก ถึงจะเป็นการแข่งขัน แต่นายก็ต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง”
ถึงผมจะคิดว่าทั้งสองชุดดูดี แต่ดูเหมือนผมจะต้องเลือกจริงๆ
“ขอผมดูชุดของทั้งสองคนอีกครั้งได้ไหมครับ ก่อนจะตัดสินใจ?”
ผมขอผลัดการตัดสินใจไป สุดท้ายแล้ว ผมก็คงเลือกเหมือนเดิม แต่อยากจะดูให้แน่ใจอีกครั้ง
“จริงสิ ต้องแบบนั้นแหละ ลองชุดอีกรอบ แล้วค่อยตัดสินใจ”
“ถ้าเธอว่าอย่างนั้น ฉันก็ไม่มีปัญหา”
การประชัน รอบต่อไปจึงเริ่มขึ้น
“ครั้งที่แล้วฉันไปก่อน งั้นครั้งนี้เคย์จังไปก่อนนะ”
“เข้าใจแล้ว ครั้งนี้ฉันจะไปก่อน”
ชิมิสึซังปิดม่าน แล้วเปลี่ยนชุด
“เอาล่ะ ชัยชนะของฉัน ใกล้จะเป็นจริงแล้ว เคย์จังล่ะ? จะใส่มินิสเกิร์ตเหรอ? แต่ฉันว่า ต่อให้ใส่ ก็คงสู้ มินิสเกิร์ตชุดแรกของฉันไม่ได้หรอก”
“ไอซัง พูดแบบนั้น ไม่กลัวเป็นการปักธง เหรอครับ?”
ถ้าประกาศชัยชนะแบบนั้น ในโลกของมังงะ คือเส้นทางสู่ความพ่ายแพ้ชัดๆ
“ไม่ต้องห่วงน่า คนอย่างฉัน จัดการได้อยู่แล้ว ทั้งสร้าง ทั้งทำลายธง เชียวล่ะ”
“ถ้าจะทำลาย ก็อย่าสร้างตั้งแต่แรกสิ”
“เคย์จัง เปลี่ยนชุดเสร็จรึยัง?”
“เสร็จแล้ว”
ชิมิสึซังเปิดม่านนิดหน่อย โผล่มาแค่หัว
“ทำไมต้องเขินด้วยล่ะ? หรือว่า ใส่ชุดที่โป๊กว่าฉัน?”
“ไม่มีทางหรอก แค่ไม่ชินกับชุดแบบนี้”
“ก็ใส่อยู่แล้วนี่ ไม่เป็นไรหรอกน่า มา โพสท่าให้ดูหน่อย!”
“ด…เดี๋ยวสิ!”
ไอซังคว้าผ้าม่านจากมือชิมิสึซัง แล้วเปิดออก
ชิมิสึซังในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ ยืนอยู่ตรงนั้น
“อะไรเนี่ย…?”
ไอซังทรุดลงกับพื้น เมื่อเห็นชิมิสึซัง
“ชุดเดรสสีขาวเรียบๆ แขนยาว แต่…แบบนั้นแหละ ถึงได้เน้นส่วนที่ดีของเคย์จังออกมาได้ชัดเจน ถึงจะเป็นน้องสาว แต่ก็น่าชื่นชมจริงๆ”
“พูดเหมือนดูถูกกันเลยนะ แล้ว…ฮอนโด นายคิดว่าไง?”
“อ๊ะ ขอโทษครับ”
ผมถึงกับพูดไม่ออก มัวแต่จ้องชิมิสึซังในชุดเดรส จนลืมคิดเรื่องอื่นไปเลย
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ว่าแต่ คิดว่าไงบ้าง?”
ผมรีบตั้งสติ แต่ก็นึกคำพูดไม่ออกจริงๆ
“คงไม่เข้ากับฉัน…”
ชิมิสึซังดูเศร้าๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมทนเห็นเธอแบบนั้นไม่ได้ เลยพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว
“เข้ากับคุณมากเลยครับ”
“ฮอนโด?”
“ชุดนั้นเข้ากับคุณมากเลยครับ ชิมิสึซังดูสวยมากเลย”
“อ๊ะ พูดอะไรเนี่ย…”
สีหน้าชิมิสึซังเปลี่ยนไป ผมดูออกว่าเธอไม่ได้เศร้าแล้ว
“ดีจังเลยนะ เคย์จัง เขาบอกว่าเธอสวยนะ”
“ไม่ต้องพูดซ้ำ”
ผมมองหน้าชิมิสึซัง เห็นว่าแก้มเธอแดงๆ
หรือว่าเธอต้องรวบรวมความกล้า กว่าจะยอมใส่ชุดนี้ให้คนอื่นดูนะ?
“ชิมิสึซัง หน้าแดงนะครับ ไม่สบายเหรอ?”
“ก็เพราะใครกันล่ะ…”
“เคย์จังไม่เป็นไรหรอก เธอพูดไม่เก่ง ก็เลยแสดงออกทางสีหน้าแทน”
ไอซังตอบแทนชิมิสึซัง ผมไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าไอซังบอกว่าไม่เป็นไร ก็คงไม่เป็นไรจริงๆ
“พูดอะไรของเธอ? ฉันจะไปเปลี่ยนชุดแล้ว”
ว่าแล้ว ชิมิสึซังก็ปิดม่านลง
“หา? จบแล้วเหรอ? ฉันยังไม่ได้ถ่ายรูปเคย์จังตอนใส่ชุดเดรสด้วยมือถือเลย!”
ชิมิสึซังไม่ตอบ สักพัก ม่านก็เปิดออก เธอเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดเดิมแล้ว
“อ๊ะ กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว น่าเสียดายจัง ทั้งๆ ที่นานๆ ที จะได้เห็นเคย์จังใส่ชุดเดรส…”
ไอซังพูดพลางปาดน้ำตา ทั้งๆ ที่ไม่มีน้ำตาสักหยด
“ตาเธอแล้ว ไอ ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว”
“ฉันพอแล้ว”
ไอซังพูดออกมาแบบไม่ใส่ใจ
“หา?”
“ฉันยอมแพ้แล้ว ชุดเดรสของเคย์จัง มันทรงพลังเกินไป ฉันสู้ไม่ได้หรอก ยอมแพ้ก็ได้!”
“ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ?”
“อืม! แค่ได้เห็นเคย์จังในชุดนั้น ฉันก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจ!”
สีหน้าของไอซัง ดูไม่เหมือนเสียใจเลยสักนิด
“…ฉันไม่รู้สึกเหมือนชนะเลย”
ชิมิสึซังพูดพลางถือชุดเดรส เดินไปที่เคาน์เตอร์ จ่ายเงินเสร็จ แล้วก็กลับมาที่ห้องลองเสื้อ
“นี่ เคย์จัง ซื้อชุดนั้นแล้วเหรอ?”
“อืม”
“หา? ทำไมไม่บอกก่อนล่ะ? ฉันเสียใจฟรีเลย แบบนี้ฉันก็เห็นเคย์จังใส่ชุดนั้นได้ทุกที่ทุกเวลาแล้วสิ!”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ อีกอย่าง เธอก็ไม่ได้เสียใจสักหน่อย แล้วฉันก็ไม่ได้ใส่ชุดนั้นบ่อยๆ หรอก”
ชิมิสึซังทำหน้าตกใจ ผมมองเธอ แล้วสายตาเราก็สบกัน
“มีอะไรจะพูดกับฉันด้วยเหรอ?”
“ชุดนั้นเข้ากับคุณมากเลยครับ ผมดีใจที่ชิมิสึซังชอบมันเหมือนกัน”
“อืม…นายนี่ พูดจาตรงไปตรงมาจังนะ…แล้วก็ ฉันไม่ได้ซื้อเพราะนายบอกว่ามันเข้ากับฉันหรอกนะ! ช่างเถอะ ฉันซื้อของเสร็จแล้ว ต่อไปก็รอไอเลือกเสื้อผ้า”
“ฉันก็เลือกเสร็จแล้ว”
“หา?”
“ฉันจะซื้อนี่แหละ!”
ผมมองไปที่ไอซัง เธอ กำลังกอดคาร์ดิแกนที่ลองเมื่อกี้อยู่
“แล้วมินิสเกิร์ตล่ะ?”
“ฉันพิจารณาแล้ว ถ้าใส่ชุดนั้น ผู้ชายแถวนี้ คงจะ ใจละลาย กันหมด เลยขอผ่านก่อนแล้วกัน”
ไอซังมองผม แล้วยักคิ้ว ชิมิสึซังก็จ้องผมเขม็ง
“แฮะๆ…”
ผมโดนพี่น้องชิมิซึ จ้อง ได้แต่หัวเราะแห้งๆ
“…ถ้าไอโอเค ฉันก็โอเค ซื้อของเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”
ชิมิสึซังพูดจบ พวกเราก็ออกจากร้าน
ภาพชิมิสึซังในชุดเดรสสีขาว ยังคงติดตาผมอยู่เลย