คัดลอกพรสวรรค์ 12: ผลลัพธ์อันน่าสะพรึงกลัวของเลือดอสูรระดับกลาง

ตอนที่ 12: ผลลัพธ์อันน่าสะพรึงกลัวของเลือดอสูรระดับกลาง

 

 

“จาง เหอ 10  แต้ม!”

 

 

“หลี่ โหย่ว 15 แต้ม!”

 

 

“เป้า เล่ย 23 แต้ม!”

 

 

“เซว่ ไห่ 0 แต้ม!” 

 

 

อาจารย์ที่คิดคะแนนมองไปยังเซว่ ไห่ที่บาดเจ็บ และเขาก็คาดเดาเหตุผลที่ชัดเจนได้ เซว่ ไห่คงถูกปล้นชิ้นส่วนอสูร และโดนทุบตีอย่างแรง จึงทำให้เขาได้ 0 คะแนน

 

 

แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะผู้อ่อนแอก็สมควรที่จะถูกรังแก มันเป็นวัฏจักรของโลกใบนี้

 

 

“หลี่ หยุนซิง 195 แต้ม!”

 

 

เมื่อคะแนนของหลี่ หยุนซิงถูกประกาศออกมา นักเรียนของสถาบันการต่อสู้ที่สองก็แสดงออกมาอย่างภาคภูมิใจ เพราะหลี่ หยุนซิงมาจากสถาบันการต่อสู้ที่สองของพวกเขา

 

 

“ชิ ได้เพียงแค่ 195 แต้ม คิดว่าจะสามารถสู้กับฉันได้อย่างนั้นเหรอ?”

 

 

โม่ เสาเป่ยเดินออกมาจากเขตเสี่ยวเย่ และมองไปทางหลี่ หยุนซิงด้วยใบหน้าเยาะเย้ย

 

 

ทันใดนั้น เขาก็ยกกระเป๋าขนาดใหญ่ทีละใบ รวมเป็น 3 ใบ

 

 

อาจารย์คิดคะแนนของโม่ เสาเป่ยอย่างละเอียด และประกาศคะแนนที่น่าตกใจออกมา

 

 

“โม่ เสาเป่ย 427 แต้ม!”

 

 

การแสดงออกของหลี่ หยุนซิงเปลี่ยนไปและกล่าวอย่างเย็นชา

 

 

“นายต้องไปปล้นคนอื่นมาแน่ๆ!”

 

 

“แล้วไง อย่าลืมสิ ว่าการทดสอบนี้ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าห้ามปล้นคนอื่นน่ะ!”

 

 

โม่ เสาเป่ยกล่าวอย่างเย้ยหยัน

 

 

หลี่ หยุนซิงหน้าแดงและไม่สามารถปฏิเสธประโยคที่โม่ เสาเป่ยกล่าวออกมาได้

 

 

“ได้ตั้ง 427 แต้ม สุดยอดไปเลย โม่ เสาเป่ยคงเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบนี้ใช่ไหม ในบรรดาอัจฉริยะของทั้งห้าสถาบัน โม่ เสาเป่ยแข็งแกร่งที่สุดแล้ว และมันก็ไม่มากเกินไปหากจะบอกว่าโม่เฉาเป่ยจะเป็นนักรบรุ่นเยาวืคนแรกของฐานทัพหลินไห่ คงไม่มีใครมีขนาดไปมากกว่าเขาแล้ว!”

 

 

“นี่นายยังไม่รู้สินะว่ามีอสูรงูดำยักษ์ปรากฏขึ้นมาในเขตเสี่ยวเย่น่ะ และอสูรงูดำนั้นก็ถูกนักรบจำนวนมากปิดล้อมไว้ จนทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส และคะแนนของมันก็ไม่ใช่น้อยๆเลยนะตั้ง 1,000 แต้มแหนะ!”

 

 

“ใครที่ได้ดวงตาของอสูรงูดำยักษ์ไปก็สามารถที่จะเป็นอันดับหนึ่งได้แล้ว คนๆช่างโชคดีจริงๆ”

 

 

“ถึงแม้จะโชคดี แต่เขาก็คงหนีไม่พ้นผู้ใช้วรยุทธ์จำนวนมากที่จะเข้ามาแยกมันไปหรอก โม่ เฉาเป่ยและคนอื่นๆคงบ้าแน่ๆ ถ้าเห็นว่าดวงตาของอสูรงูดำยักษ์ถูกเอาไปแลกคะแนนโดยคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเขา และคนๆนันก็ต้องถูกเปิดเผยตัวตนออกมา พร้อมกับสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับโม่ เสาเป่ยและคนอื่นๆแน่นอน”

 

 

“ชิชิ รางวัลอันดับหนึ่งเป็นเลือดอสูรระดับกลาง 3 ขวดและเงิน 100,000 หยวน (527,611.78787 บาท) และฉันก็ไม่กล้าที่จะไปทำให้โม่ เสาเป่ยขุ่นเคืองใจในฐานทัพหลินไห่หรอกนะ”

 

 

“ก็จริง เพราะโม่ เสาเป่ยมาจากตระกูลโม่  ในฐานทัพหลินไห่การสร้างปัญหาให้กับบุคคลระดับนั้นก็พอที่จะทำให้เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้เลยล่ะ”

 

 

“ฮึ่ม ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะยอมแพ้กับอันดับหนึ่ง เมื่อฉันทราบถึงตัวตนของนายล่ะก็รับรองนายไม่ตายดีแน่!” 

 

 

โม่ เสาเป่นพูดพึมพำพร้มกับมีความตาดุร้ายปรากฏอยู่ในสายตาของเขา

 

 

เมื่อเวลาการทดสอบกำลังจะหมดลง เด็กชายคนหนึ่งก็เดินออกจากเขตเสี่ยวเย่พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กอยู่บนหลัง

 

 

เด็กชายคนนั้นก็คือเย่ เทียน

 

 

“อาจารย์ครับนี่คือชิ้นส่วนอสูรของผม คิดให้หน่อยครับ!”

 

 

เย่ เทียนยื่นกระเป๋าใหญ่และเล็กให้อาจารย์คิดและพูดด้วยรอยยิ้ม

 

 

อาจารย์คิดคะแนนของชิ้นส่วนอสูรในกระเป๋าอย่างละเอียด แล้วประกาศว่า

 

 

“รวมเป็น 163 แต้ม”

 

 

คะแนนจำนวนนี้ไม่มากและไม่น้อยเกินไป และเกือบที่จะติดอันดับหนึ่งในสิบได้เลย

 

 

“อาจารย์ครับผมยังมีชิ้นส่วนอสูรที่ยังไม่ได้ให้อาจารย์ตรวจสอบอีกหนึ่งชิ้นครับ!”

 

 

เย่ เทียนดึงดวงตาของอสูรงูดำยักณ์ออกมา

 

 

เมื่อดวงตาของอสูรงูดำยักษ์ปรากฏขึ้น มันก็แผ่พลังงานจางๆออกมา

 

 

“นายได้ดวงตาของอสูรงูดำยักษ์มางั้นเหรอ!”

 

 

อาจารย์ที่คิดคะแนนมองเย่ เทียนอย่างประหลาดใจ 

 

 

“ชิ้นส่วนนี้นับเป็น 1,000 แต้ม และตอนนี้คะแนนรวมของนายคือ 1,163 แต้ม”

 

 

ฟิ้ว!!!!

 

 

ดวงตาที่เย็นยะเยือกเหลือบมองไปทางเย่ เทียน

 

 

“แกเป็นใครถึงกล้าขโมยดวงตางูดำของฉันกัน?”

 

 

โม่ เสาเป่ยถามเย่างเย็นชา

 

 

ลูกน้องคนหนึ่งของโม่ เสาเป่ยเดินเข้ามาใกล้และกระซิบออกมา

 

 

“หัวหน้าครับ ดูเหมือนไอ้หมอนี่จะเป็นนักเรียนของสถาบันการต่อสู้ที่ห้า

 

สถาบันที่ห้างั้นเหรอ!

 

 

เมื่อโม่ เสาเป่ยได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

 

 

ในสายตาของเขา นักเรียนของสถาบันการต่อสู้ที่ห้าเป็นเพียงแค่เศษขยะ แต่เศษขยะนั่นมันกล้าที่จะขโมยดวงตาและเลือดของอสูรงูดำยักษ์ เทียบเท่ากับการที่เขาโดนตบตีกลางสี่แยกด้วยความรุนแรง

 

 

แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการเลือดของอสูรระชดับกลาง แต่เขาสามารถก้าวเข้าสู้การเป็นนักรบได้ตลอดเวลา และมันก็จะทำให้สถานะของเขาในตระกูลสูงขึ้น และมันยังมีหลายวิธีที่จะได้รับเลือดอสูร

 

 

แต่การเสียหน้าเป็นสิ่งที่เขาทนไม่ได้

 

 

“การขโมยดวงตาของอสูรงูดำยักษ์ มันทำให้ฉันสนุกมาเลยล่ะ อสูรในเขตเสี่ยวเย่ไม่ใช่ของนายหรอก ฉันเห็นว่าพวกอสูรสมควรถูกล่าต่อไป และของที่ฉันล่าได้มันก็ต้องเป็นของๆฉัน

 

 

เย่ เทียนหัวเราะออกมาขณะกล่าว

 

 

เขาไม่กลัวที่จะทำให้ฏม่ เสาเป่ยขุ่นเคือง ตราบใดที่เขาได้รับเลือดของอสูรระดับกลางมาดขาก็สามารถที่จะเลื่อนระดับเป็นนักรบได้รวดเร็วมากขึ้นด้วยด้านการบ่มเพาะพรสวรรค์ของเขาและพรสวรรค์ลอกเลียนแบบได้อย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จในอนาคตของเขานั้นโม่ เสาเป่ยเทียบไม่เห็นฝุ่น

 

 

โม่ เสาเป่ยก็รู้ตัวดีว่า การพูดเพียงฝ่ายเดียวของเขานั้นคงไม่มีอะไรดีขึ้น เขาจึงมองไปที่ดย่ เทียนพลางเอ่ยประฏยคกนึ่งว่า

 

 

“แก คอยระวังไว้ให้ดีเถอะ”

 

 

คนอื่นๆมองเย่ เทียนด้วยสีหน้าที่ไม่มีความสุขมากนัก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะพวกเขารู้ดีว่าโม่ เสาเป่ยต้องจัดการกับเย่ เทียนอย่างแน่นอน พวกเขาจึงรออย่างเงียบๆ

 

 

การทดสอบก็สิ้นสุดลง

 

 

เย่ เทียนได้รับเลือดอสูรระดับกลาง 3 ขวด และเงิน 100,000 หยวน (527,611.78787 บาท)

เป็นวันที่สามหลังจากที่การทดสอบสิ้นสุดลง

 

 

ในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ เย่ เทียนยังไม่ได้ดื่มเลือดของอสูรระดับกลาง แต่เขาสร้างรากฐานการบ่มเพาะและกลั่นเลือดอสูรระดับต่ำที่เหลืออยู่ในร่างกายของเขาให้หมด

 

 

เลือดของอสูรงูดำยักษ์ถูกกลั่นจนหมดแล้ว ทำให้พลังกายของเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

 

จากการคำนวณของเย่ เทียน พลังกายในปัจจุบันของเขาน่าจะอยู่ที่ 210 กิโลกรัม ถือได้ว่าเป็นผู้ใช้วรยุทธ์ระดับกลาง

 

 

แต่นั่นยังไม่พอ

 

 

“ฉันไม่รู้ว่าพลังกายที่เพิ่มจากการดื่มเลือดอสูรระดับกลางนั้นเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?”

 

 

เย่ เทียนพึมพำขณะมองดูเลือดอสูรระดับกลางในขวดเล็ก

 

 

เขาไม่กล้าที่จะกระเดือกมันเข้าไปจนหมด ได้เพียงจิบมันเล็กน้อยเท่านั้น

 

 

ตู้ม!!!!

 

 

พลังที่มาจากเลือดอสูรระดับกลางนั้นรุนแรงมาก มันรุนแรงกว่าเลือดของอสูรระดับต่ำเสียอีก แต่ความเเข็งแกร่งที่ได้ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

 

 

เย่ เทียนอดทนต่อความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนี้และต้องใช้ทักษะผสานร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า จนหลงลืมเวลาไป

 

 

ในที่สุด เย่ เทียนก็รู้สึกว่าพลังงานของเลือดอสูรระดับกลางใกล้จะหมดฤทธิ์แล้ว เขาจึงค่อยๆหยุดทักษะผสานร่างกายอย่างช้าๆ

 

 

“ฉันฝึกทักษะผสานร่างกายมาแปดครั้งแล้วงั้นเหรอ?”

 

 

เย่ เทียนรู้สึกประหลาดใจมาก

 

 

เขาฝึกทักษะผสานร่างกายในหยึ่งลมหายใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าลองในอดีต ไม่อย่างนั้นร่างกายของเขาจะได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาทำสำเร็จด้วยผลของเลือดอสูรระดับกลาง และเขาในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยพลัง

 

 

เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลัง และคำนวณพลังที่เพิ่มขึ้นมาจากการจิบเลือดอสูรระดับกลาง

 

 

“การฝึกฝนเพิ่อมขึ้นแปดเท่า”

 

 

เย่ เทียนตื่นตระหนก

 

 

ถ้าเขาสามารถใช้เลือดอสูรระดับกลางได้ตลอดเวลา เขาสามารถเลื่อนขั้นเป็นนักรบในอีกหนึ่งเดือน

 

 

ผลลัพธ์ของเลือดอสูรระดับกลางช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

 

ค่าเงิน ณ วันที่ 9/4/65 อ้างอิงจาก matteo converter

คัดลอกพรสวรรค์

คัดลอกพรสวรรค์

Score 10
Status: Completed
เย่ เทียน เด็กหนุ่มที่ได้รับความสามารถในการคัดลอกพรสวรรค์ของคนอื่น ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เพื่อปกป้องน้องสาวของเขา เขาต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในโลกอันแสนโหดร้ายนี้ร้าย เมื่อในโลกที่เขาอยู่นี้มีสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติ สัตว์ร้าย และอสูรบุกเข้ามา เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น เขาออกสำรวจโลกที่ไม่รู้จัก และค่อยๆรับรู้ความลับเบื้องหลังการบุกรุกของสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติ

Options

not work with dark mode
Reset