「 ฮาซึกิจิ นายทำอะไรกับเฮียวกะจัง ? 」
วันจันทร์….
เหมือนเคย ฉันปล่อยให้จุนยะลอกการบ้าน คุโรซึกิก็เข้ามาเพื่อถามเรื่องนี้
ตั้งแต่วันนั้น…
ฉันก็ไม่ได้เจอยูกิมิยะอีกเลย ไม่รู้ว่าเะออาการแย่ขนาดไหน ไม่รู้ว่าตะวเองควรเอามือเข้าไปยุ่งมั๊ย ไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องทำอะไร
อย่างไรก็ตาม…
คำพูดของคุโรซึกิบ่งบอกว่าอาการของยูกิมิยะ
「 ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ 」
「 จริงเหรอ ? 」
「 ฉันจะโกหกทำไมล่ะ 」
「 แปลก ๆ นะ ฉันมั่นใจว่านายต้องทำเฮียวกะจังโกรธแน่ ๆ 」
「 เดี๋ยวนะ… ยูกิมิยะทำตัวแปลก ๆ ทำไมคนทำถึงต้องเป็นฉันล่ะ เสียมารยาทเห็น ๆ 」
คุโรซึกิทำท่าเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง และมองมาเฉียบคม…
( ทำไมทำเหมือนฉันผิดล่ะ ? )
ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ
ทั้งหมดเป็นเพราะสายเรียกเข้านั้น…
( ความผิดของแม่เลี้ยงของยูกิมิยะทั้งนั้น )
แต่…
ถ้าพูดออกไปล่ะก็ มีปัญหาตามมาอีกแน่ ๆ
…ถ้าเธอบอกว่าเธอโกรธ อารมณ์เธอดุแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ
「 แน่นอน… เธอดูเศร้า ๆ ใครที่พยายยามเข้าไป ต้องโดนพูดอย่างเย็นชาแน่ 」
「 ยูกิมิยะปกติก็คนเย็นชาไม่ใช่เหรอ ? 」
「 ก็ไม่นะ ปกติเธอเป็นมิตรออก 」
ส่วนไหนของเธอที่เป็นมิตร ?
ฉันไม่เคยว่าเธอจะเป็นมิตรตรงไหนเลย…
「 …ฉันเป็นห่วงเธอน่ะ 」
คุโรซึกินั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าและเอนหัวลงบนโต๊ะ
สำหรับเธอ
ยูกิมิยะเป็นเพื่อนคนสำคัญ ไม่แปลกที่เธอจะกังวล
เข้าใจว่าเป็นห่วง ถ้าเธอไม่พูดอะไร บอกฉันไป มันก็ช่วยอะไรมันได้หรอกนะ ไม่ดีกว่าเหรอที่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวน่ะ ?
「 ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องกังวลหรอก ในฐานะเพื่อน ทนดูอยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรอกที่ต้องเห็นเธอเศร้าแบบนั้น 」
「 อย่างนั้นเหรอ ? 」
เวลาจุนยะเศร้า ฉันคงปล่อยไว้แน่ พอเป็นอย่างนั้น หมอนี่จะพูดเชิง ‘สนใจฉันหน่อยสิ!’
แต่…
ยูกิมิยะซึมเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ ?
สองวันแล้ว…เธอกินอะไรล่ะ ?
ฉันกังวลว่าเธอจะทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอีก
อย่างไรก็ตาม…
สาเหตุของความเศร้าของยูกิมิยะคงเป็นเพราะโทรศัพท์นั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่เลี้ยงซับซ้อนกว่าที่คิด
ไม่มีทางที่ฉันจะสอดเรื่องครอบครัวที่ไม่ได้รู้จักดี
「 …คุโรซึกิ ถามอะไรหน่อย 」
「 อะไรเหรอ ? 」
「 ยกตัวอย่างนะ… [มีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกัน รู้สึกเศร้าใจโดยไม่ทราบที่มา] ถ้าเป็นคุโรซึกิจะทำยังไง ? 」
「 หือ ? เพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันเหรอ~ 」
คุโรซึกิวางคางบนข้อศอกบนโต๊ะ มองออกไปนอกหน้าต่าง
บางทีอาจเป็นการจำลองสถานการณ์คุโรซึกิก็จมอยู่กับความคิดชั่วขณะ จากนั้นยักไหล่และยิ้ม
「 ฉันอาจจะพยายามช่วยเท่าที่จะทำได้ 」
「 …แม้จะไม่ได้สนิทเหรอ ? 」
「 ใช่ เพราะเขากำลังเศร้า ตราบใดที่ช่วยได้ก็จะช่วย 」
( …เหมือนจริง ๆ )
( ถ้าเป็นยจจัง ก็คงจะทำจริง ๆ )
คุโรซึกิวางหัวกลับไปบนโต๊ะ
คุโรซึกิ… ยจจังก็เป็นแบบนั้นมาตลอด
ขี้อาย มองโลกในแง่ร้าย กลัวเป็เป้าสายตา… ด้วยเหตุนี้
เธอจึงไวต่ออารมณ์ของคนอื่นอย่างมาก และไม่สามารถทำให้พวกเขาผิดหวัง เธอจะช่วยพวกเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แม้ภายนอกจะเปลี่ยน แต่ข้างในไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
เธอยังคงเป็นเธอ
「 ขอบใจมาก เป็นประโยชน์สุด ๆ 」
「 เอ๋ ? 」
เธออาจจะไม่เข้าใจ คุโรซึกิจ้องมองด้วยใบหน้าที่สับสน และเอียงศีรษะ
「 ช่วยเท่าที่ช่วยได้… ถึงจะคิดได้ แต่จะทำยังไงดีล่ะ ? 」
( เรื่องครอบครัว… แถมยังซับซ้อนอีก หากพลาดไปอาจเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอด้วย )
( อุตส่าห์เริ่มเปิดใจกันได้แล้ว… )
บางทีแล้ว…
ฉันอาจจะทำอาหารเย็นเผื่อเธอ คาราอาเกะที่เธอชอบ แม้ว่าเธอจะป่วยและไม่รู้สึกอยากอาหาร เธอก็ควรจะกินเพราะเป็นของโปรดของเธอ
「 ใช่แล้ว 」
「 คุโรซึกิ ซื้อขนมในมินิมาร์ให้เธอดุสิ เะอชอบขนมน่ะ 」
「 จริงอ่ะ… คาดไม่ถึงเลย 」
แน่นอนว่าคงคาดไม่ถึงหรอก ที่เห็นเธอกินขนมจากมินิมาร์ทธรรมดา ๆ ฉันก็คงไม่เชื่อเหมือนกันถ้าไม่เห็นห้องรก ๆ ของเธอ
「 เดี๋ยวสิ… ฮาซึกิจิรู้ได้ไงว่าเฮียวกะจังชอบอะไรอ่ะ… สองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? 」
「 อ๊ะ… 」
「 เปล่า ๆ เคยมีประชุมกันเองมาก่อนใช่ไหม ? ตอนนั้นเธอ… ฮ่า ๆ ๆ 」
「 เข้าใจล่ะ ๆ พวกนายพูดคุยอะไรแบบนั้น ทั้งที่ไม่เคยบอกอะไรแบบนั้นกับฉันเลย~ 」
「 ทำไมถึงจ้องแบบนั้นล่ะ 」
「 เธอก็ชอบขนมครอบครัวใช่มั๊ยล่ะ ? 」
「 รู้ได้ยังไงน่ะ… เคยบอกด้วยเหรอ ? 」
「 ชอบไม่ใช่เหรอ… ไม่เปลี่ยนเลยนะ 」
「 …เป็นสิ่งเดียวที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนได้เลย~ 」
ขณะที่เกาแก้มอย่างเขินอาย กริ่งสัญญาณการเริ่มชั้นเรียนก็ดังขึ้น
「 เอาล่ะ ฉันต้องกลับแล้ว ฮาซึกิจิ ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลอันมีค่า ! 」
「 ค่อยเลี้ยงน้ำผลไม้ก็ได้ 」
「 อืม… เครปแทนล่ะกัน ! 」
คุโรซึกิกระโดดจากเก้าอี้ ยืนขึ้น และเดินออกจากห้องเรียนอย่างลิงโลด
คุโรซึกิเป็นดั่งพายุยามเช้า