「 ฮ่าฮ่า… ในที่สุดก็มาถึงสักที 」
「 จะเอาไงต่อล่ะ เอาของกลับก่อนมั๊ย ? 」
「 คงจะอย่างนั้น ซื้อของมามากกว่าที่คิดไว้… กลับก่อนเถอะ 」
「 งั้นเราเอาของไปเก็บก่อนล่ะกัน 」
「 ฉันขอโทษ เอางั้นก็ได้ค่ะ 」
ยูกิมิยะมีสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย
( เธอคงรู้ว่าตัวเองใช้เงินเกินตัว… หวังว่าคราวหน้าจะห่วงสภาพแขนฉันบ้างนะ )
「 เอ๊ะ ? ทำตอนนี้ถึงคิดว่าครั้งหน้าฉันจะไปด้วยล่ะ… ถ้าไม่อยู่ใกล้เรื่องคงไม่เกิดตั้งแต่แรกหรอกมั้ง ? 」
หลังจากดิ้นรนจนกลับถึงบ้านได้ เราก็ทิ้งของไว้ที่ห้องของยูกิมิยะ จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้
เราเลือกซื้อของราคาถูกแต่ได้ปริมาณมาก แต่จะเป็นช่วงลดราคาอีกด้วย ช่วยได้มากจริง ๆ อย่างไรก็ตามที่แห่งนี้เนื่องจากมีแม่บ้านมากมายเป็นดั่งสนามรบ
ช่วงลดราคากำลังดำเนินต่อไป —ผู้คนมาคอยซื้อมากมาย
「 ฟังนะต่อจากนี้ไปขึ้นสนามรบ ยูกิมิยะ 」
「 เอ๊ะ… ทำไมหรอ ทำหน้าเครียดเชียว 」
「 ช่วงเวลานี้ผู้คนกำลังเล็งช่วงลดราคาอยู่ สถานีแห่งนี้จะเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา 」
「 คุณเวอร์เกินไปหรือเปล่า 」
「 ฉันไม่ได้เวอร์เกินไปสักนิด 」
ตัวฉันผ่านประสบการณ์ไปอย่างโชกโชน จึงสามารถพูดได้อย่างเต็มปาก
ถ้าคิดว่าเป็นเด็ก ม. ปลาย ที่มีเรี่ยวแรงเหลือเฟือความคิดไร้เดียงสาแบบนั้นได้เจ็บตัวแน่
ผู้คนเหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้กับฝูงคน เดี๋ยวช่วยลดราคาไม่มีใครสนใจเรื่องร่างกายใครทั้งนั้น
ท่ามกลางฝูงคนแต่ช่วงลดราคา การต่อสู้ที่ชนไปแล้วเด้งไปเด้งมาอย่างกับหมูเด้ง การไหลไปตามฝูงคนทั้งหมดเป็นงานที่ยากมาก
ช่วงลดราคาวันนี้แครอท และมันฝรั่งราคาถูกมาก มันฝรั่ง 10 หัว 10 เยน / แครอท 8 หัว 15 เยน
( ไม่จะด้วยวิธีไหนก็ต้องคว้ามาให้ได้ )
「 ไปเถอะศัตรูพร้อมแล้ว 」
「 ยัตสึฮาชิคุง รีบร้อนเกินไปแล้ว 」
「 อย่าได้ประมาทไป 」
ฉันยกตะกร้าและเดินไปทางโซนเนื้อสัตว์
「 ราคาถูกมาก เนื้อ 2 กิโลกรัมราคาเพียง 700 เยน ต้องซื้อ ๆ 」
แถมยังซื้อเนื้อไก่และเนื้อหมูไว้แช่ได้อีก
「 ว้าว… พวกเนื้อขายกันอย่างนี้เหรอเนี่ย 」
「 เอ๊ะ… เธอไม่เคยเห็นหรอ 」
「 ใช่… นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่เหมือนกัน ปกติฉันมักจะไปร้านอาหาร… ไม่ก็กินอาหารสำเร็จรูป 」
「 อืม… นั่นมันก็จริง อาหารค่อนข้างถูก ราคา 300 เยน ยิ่งถ้าเป็นช่วงลดราคาก็จะถูกกว่านั้น 」
ฉันเองก็เคยกิน แต่จะว่ายังไงดีรสชาติมันออกจะดีขึ้นเกินไป บางทีก็เค็มเกินไป และยังไม่ดีต่อสุขภาพด้วย
แต่ยัยนี่กินแบบนั้นทุกวันเลยหรอ ปาฏิหาริย์มากที่ยังไม่เคยป่วย
「 ครั้งต่อไปเราเป็นโซนปลากัน… ที่นั่นมีปลาดิบขายด้วย 」
「 จริงเหรอ… ฉันยังไม่เคยเห็นปลาตัวเป็น ๆ เลย 」
「 …เธอไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบ้างหรอ ? 」
「 ฉันมักจะถูกบอกว่าให้เรียนมากกว่าที่สนใจสิ่งบันเทิงพวกนั้นน่ะ 」
( เข้าใจละ… ครอบครัวของเธอคงจะเข้มงวดน่าดู )
บางทีฉันคิดว่าควรพาเธอไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสักครั้ง แม้เธอคงจะไม่อยากจะไปก็ตาม
เมื่อเราไปยังโซนปลา ยูกิมิยะจ้องมองปลาด้วยสายตาตกอกตกใจ
「 เอ๊ะ… นี่มันอิโทโยริเหรอ ? 」
「 ใช่ ปลาทรายแดง 」
「 …ตัวใหญ่เหมือนกันนะ ถ้าดูแค่จากหนังสืออินเตอร์เน็ตคงบอกไม่ได้ว่ามันตัวใหญ่แค่ไหน 」
ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นมันด้วยตาตัวเองจริง ๆ
ดูจะกลัวเล็กน้อย แต่ความน่าสนใจน่าจะมากกว่า เธอจ้องมันด้วยตาเป็นประกาย ปกติเธอน่าจะเคยเห็นแค่อาหารที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น
พอเธอไม่เคยไปวิพภัณฑ์สัตว์น้ำมาก่อน พอได้มาเจอปลาตัวเป็น ๆ ที่โซนปลาอาจทำให้รู้สึกแปลก ๆ
「 ดูนั่นสิ พวกเขากำลังจะแล่ปลาอยู่ 」
「 เอ๊ะ… 」
เมื่อเธอละสายตาออกจากตู้ปลา เธอเงยหน้าเห็นคนกำลังแล่ปลาอยู่
การเอาเกล็ดออก ตัดหัว แล้วนำข้างในออกมา ท่านใดนั้นปลาก็ถูกแล่ออกเป็น 3 ส่วน
( ฉันก็สามารถแล่ปลาได้นะ แต่พอมองพวกมืออาชีพทำแล้วพวกเขาไม่ธรรมดาจริง ๆ จริงพวกเขาทำอยู่ทุกวัน เรื่องพรุ่งนี้จึงกลายเป็นธรรมชาติของเขา )
「 น่ากลัวเหมือนกันนะคะ… 」
「 ก็จริง… นั่นเป็นวิธีก่อนที่เราจะได้ทานมัน 」
「 ตลอดมาฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย… ต้องขอบคุณพวกเขาจริง ๆ 」
ยูกิมิยะจ้องมองการแล่ปลาอย่างจะจดใจจ่อ
การพาเธอมาที่นี่…
กลายเป็นการตัดสินใจที่ดี ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันจึงรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
「 ฉันอยากกินปลาจัง… 」
「 แต่วันนี้เราจะทำนิคุจะกะ ( สตูว์เนื้อมันฝรั่ง ) 」
「 มิคุจะกะ… แล้วปลาล่ะ… 」
「 …งั้นก็ได้ 」
คำตอบที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เป็นเรื่องปกติสำหรับยูกิมิยะ
จะเลือกซาชิมิใส่ตะกร้า ดูถ้าวันนี้ยูกิมิยะจะตั้งตารอมื้อเย็นในวันนี้น่าดู เธอมีความสุขที่ได้เห็นปลาตัวเป็น ๆ
「 เอ๊ะ… ดูสิ ๆ ยัตสึฮาชิคุง แล้วมันปู ตัวใหญ่มาก ๆ 」
「 ใช่ ๆ 」
「 ฉันก็อยากกินปูเหมือนกัน 」
「 นั่นคงไม่ได้หรอก 」
「 ตอนนี้อาหารเย็นมีทั้งมีคู่นิคุจากะ ซาชิมิ แล้วยังมีปูอีก มันจะกลายเป็นมื้อที่หรูเกินไปเนี้ยสิ 」
( แถมปูถึงจะตัวใหญ่ แต่มันไม่สดเนื้อจึงไม่ค่อยเด้งเท่าไหร่ ฉันเคยกินมันครั้งนึงครั้งเดียวพอเลย )
( เอ่อ… นั่นสินะ สักวันหนึ่งฉันก็อยากจะกินปูเหมือนกัน )
「 ก็ได้… สักวันหนึ่งนะ 」
( ตอนนี้ไม่ได้มีเงินพอสำหรับเรื่องนั้น… ถ้ามีเงินสักวันหนึ่งคงได้ไปร้านที่เชี่ยวชาญเรื่องปู ฉันเองก็ชอบปูเหมือนกันนะ )
หลังจากเลือกดูในส่วนของเนื้อและปลา เราจึงใส่พวกเครื่องปรุงและหัวหอมใส่ตะกร้า บรรยากาศในร้านก็เริ่มคึกคัก
「 ถึงเวลาแล้ว… 」
「 ยูกิมิยะ ไปกันเถอะ 」
「 เอ๊ะ… ไปไหนน่ะ 」
「 สนามรบ 」
「 เวอร์แล้วค่ะ… 」
「 เฮอะ… ถ้าไม่เคยเห็นของจริงคงไม่หลั่งน้ำตาเหรอ ? ไม่รู้เหมือนกันว่าภารกิจนี้จะสำเร็จหรือเปล่า 」
เราสองคนมุ่งหน้าไปยังโซนหลัก
ทันใดนั้น…
เหล่าพวกพนักงานก็เดินออกมาจากด้านหลังของร้าน ติดป้ายบนรถเข็นแสดงถึงสินค้าลดราคา
「 จากนี้ไปเป็นช่วงเวลาลดราคาแล้ว ! ขอเชิญลูกค้าแต่ละท่านสามารถเลือกได้เพียงแค่ 1 คนต่อ 1 ชิ้นเท่านั้น หวังว่าพวกคุณจะปฏิบัติตามกฎนะ 」
ฉันรอเข้าสู่สนามรบ…
ลำบากสักหน่อย แต่ฉันก็ค่อย ๆ ฝ่าฝูงชนของเราแม่บ้านก็ทุกเบียดออกมา… !
「 สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือ ความกดดันช่างแตกต่างเหลือเกิน… 」
ฉันพยายามเอื้อมมือหยิบมันฝรั่งและแครอทจะกัดถูกผู้หญิงคนนึงผลักและก็ดึงออกมาจากกลุ่มฝูงชน
「 ยะ…ยัตสึฮาชิคุง เป็นอะไรมั๊ย ? 」
「 ไม่เป็นไร ฉันสบายดี 」
ถึงอย่างนั้น…
แต่เราวินาทีที่ผ่านไป พวกมันมันฝรั่งแหละแครอทเริ่มหายไปจากรถเข็น ถ้าฉันเข้าไปแล้วโดนดันออกมาอีก
「 ให้ตายสิ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นนิคุจะกะที่ไม่มีมันฝรั่งและแครอทกันพอดี 」
ขณะที่ฉันรู้สึกหมดหนทางในขณะที่มันฝรั่งและแครอทยังคงหายไปต่อหน้าต่อตา ยูกิมิยะก็ก้าวเข้าไปใกล้ฝูงคนมากขึ้น
「 เดี๋ยวก่อน เธอคิดจะทำอะไรอยู่ ? 」
「 อย่างล่ะ 2 ก็พอใช่มั๊ยค่ะ ? 」
「 ก็ใช่… แต่ไม่ไหวหรอก เธอทั้งตัวเล็กกว่าฉันอีกนะ 」
「 ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอกค่ะ นี่ถือเป็นบทเรียนทางสังคมของฉันด้วย… 」
ยูกิมิยะรุกล้ำเข้าอาณาเขตมนุษญ์แม่บเานอย่างไม่ลังเล
และ… เธอก็หายเข้าไปในฝูงคนแล้วจริง ๆ
「 เอ๊ะ… หายไปแล้ว ? 」
ไม่ได้ถูกดันออกมา แต่หายลับเข้าไป…
เป็นไปได้เหรอที่จะไหลเข้าไปโดยที่ไม่โดนดันออกมาน่ะ ด้วยรูปร่างแบบนั้นอ่ะนะ
เธอใจกล้ามากที่บุกเข้าไปในฝูงนักล่าแบบนั้น ฉันยังลำบากมากแท้ ๆ
ไม่นานจากนั้น ผูงชนก็เริ่มเบาบางลง เพราะแครอทกับมันฝรั่งหายไปหมดแล้ว
แต่…
( ยูกิมิยะหายไปไหน… ? )
( ไม่เห็น ๆ เธอไปไหนแล้ว )
「 มองไปทางไหนกันคะ ? 」
「 เอ๊ะ…. 」
「 อยู่ข้างหลังหรอกเรอะ 」
( ทำไมถึงมาอยู่หลังฉันล่ะเนี้ย เมื่อกี้เข้าไปข้างแท้ ๆ )
เธอยังดูเรียบร้อยดีนะ ทรงก็เป็นระเบียบ เสื้อผ้าก็เรียบร้อย
ยังน่ารักเป็นแบบปกติของเธอ และในมือเธอมีของ 4 ชิ้นในมือของเธอ
「 เธอได้มาหรือเปล่า จากฝูงเมื่อกี้น่ะ 」
「 …ง่ายดีออก 」
「 ง่ายเหรอ… อย่าบอกนะ… 」
「 ก็ฉันตัวเล็ก เลยแทรกง่ายหน่อย พอเข้าไปถึงก็คว้ามันเลย 」
「 เหอะ… 」
อาจเป็นเพราะร่างกายเธอที่ขาดส่วนเว้า ส่วนโค้งตามฉบับเด็กผู้หญิง การเบียดเลยง่ายขึ้นมาซะงั้น เรียบง่ายดี…
「 คุณคิดอะไรที่มันเสียมารยาทอยู่ใช่มั๊ย ? 」
「 คิดไปเองน่า… ช่วยได้เยอะเลย 」
「 ไม่มีปัญหาค่ะ สงสัยต้องเข้าร่วมลดราคารอบหน้าแล้วสิ 」
นั้นทำเอาพูดไม่ออกเลยแหะ…
แปลกใจสุด ๆ มือใหม่แบบยูกิมิยะจะชนะคว้ารางวัลในสงครามลดราคามาได้
หลังจากได้รับมันฝรั่งและแครอท ก็เริ่มหาเครื่องเทศอื่น ๆ ที่กำลังขาดอยู่ใส่ตะกร้า
ของแบบนี้พอตามเป้าแล้วอะไรก็ไหลลื่นขึ้นเยอะ
ถึงจะยุ่งยากที่จะต้องซื้อหลาย ๆ อย่าง แต่ก็เอาให้จบในครั้งเดียว
「 ยูกิมิยะ จะซื้อขนมมั๊ย ? 」
「 ก็อยากนะ แต่ไว้ซื้อทีหลังเองได้ค่ะ 」
「 ถือเป็นการขอบคุณสำหรับของ เลือกที่เธอชอบมาได้เลย 」
「 งั้นไม่เกรงใจนะคะ 」
จากนั้นเราก็ไปยังโซนของว่าง ยูกิมิยะจึงเลือกอย่างจริงจัง
「 อันนี้ก็ดี… อันนี้เพิ่มน้ำตาลอีกหน่อยก้ไม่เลว หรือจะเป็นรามูเนะ… ช็อคโกแลตน่าจะดีกว่า แต่จากราคาแล้ว… บางทีโมจิอาจจะดีกว่าก็ได้… 」
เธอดูจริงจังมาก…
ตอนที่ทำความสะอาดห้องอยู่ ก็ได้รู้ว่าเธอค่อนข้างชอบขนม แต่ก็ไม่ได้นึกว่าจะถึงขั้นนี้
ขณะที่มองดูเธออย่างสับสน ก็เอาเนื้อใส่ตระกร้า
ไม่กี่นาทีต่อมา…
ในที่สุดยูกิมิยะก็เลือกของเสร็จ ซึ่งเต้มไปด้วยว็อคโกแลตหลากหลายประเภท
「 แน่ใจนะ ? 」
「 ค่ะ ของคุณนะคะ 」
「 ด้วยความยินดี —รีบจ่ายเถอะจะได้รีบกลับกัน เริ่มหิวแล้วด้วย 」
「 นิคุจะกะกับซาชิมิ ส่วนฉันทำมิโซะสินะ ? 」
「 ก็ดีเลย เธอจะได้ลองฝึกด้วย 」
「 ฉันจะพยายามค่ะ 」
ยูกิมิยะรีบบึ่งไปทางแคชเชียร์อย่างตื่นเต้น
เหมือนเด็กจริง ๆ ความรู้สึกของพ่อแม่เป็นแบบนี้สินะ ถึงจะไม่รู้ก็เถอะ
ฉันถอนหายใจ แล้วเดินตามเธอไป
หลังซื้อของเสร็จ พวกเราก็ออกจากซุปเปอร์กัน
ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว และไฟบ้านก็เปิดอยู่ด้วย ถึงจะไม่ใช่ฤดูของการประดับไฟที่ทำให้อารมณ์สบายอกสาบายใจ
เดือนเมษายนจะผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่บ้าง
「 ยูกิมิยะ กลับบ้านกันเถอะ 」
「 ค่ะ —รีบกลับกันเถอะ อยากกินนิคุจากะเร็ว ๆ แล้ว 」
ความกระตือรือร้นของยูกิมิยะจากการแสดงออกของเธอ เธอคงจะดีใจที่จะได้กินนิคุจะกะ นิสัยเหมือนเด็ก ๆ
พวกเราออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน
ยูกิมิยะมองด้วยความกังวล
「 ยัตสึฮาชิคุง ถือคนเดียงคงจะหนัก เดี๋ยวช่วยถือนะคะ 」
「 ไม่เท่าไหร่หรอก 」
( จริง ๆ มันค่อนข้างลำบากนิด ๆ แต่คงจะแสดงควาปวกเปียกต่อหน้าเด็กผู้หญิงก็ไม่ใช่ ก่อนหน้ายังหนักกว่าอีก )
ขณะที่กำลังสงบใจ ยูกิมิยะก้แย่งจากมือไป
「 เฮ้… ยูกิมิยะ 」
「 อะไรล่ะคะ …แขนก็มีมือสองข้างเหมือนกันนะ 」
「 …เอาเข้าจริง ก็ช่วยได้เยอะเลย 」
「 แน่นอน 」
เบาขึ้นจริง ๆ พวกเราเดินเคียงคู่กันกลับไปที่บ้าน
ถ้าเพื่อนสมัยเด็กมาเห็นเข้า คงได้เข้าใจผิดกันแหงเลย
ยิ่งโดยเจ้าพวกคุโรบะด้วยแล้ว ทุกวันนี้ยิ่งมองเป็นภัยด้วย พวกเขาควรเริ่มปรับตัวเข้ากันได้แล้วนะ ไม่เห็นพวกนั้นจะตอบโต้บ้างเลย
ขณะที่กำลังคิดอยู่…
ยูกิมิยะก็พูดขึ้นมา
「 ดูเหมือนว่า สตอร์กเกอร์จะหายไปแล้วนะ 」
「 หืม… ใช่ ๆ หลังจากคราวที่แล้วก็ไม่เห็นเลยแหะ 」
「 บางทีเขาคงยอมวางมือไปแล้งละมั้ง ? 」
「 ใครจะรู้ล่ะ… ไม่เข้าใจพวกนั้นเลยจริง ๆ 」
( อาจเป็นเพราะอยู่ใกล้เธอเสมอเวลาไปกลับจากโรงเรียน พวกนั้นเลยทำอะไรแปลก ๆ ไม่ได้ )
( …ถึงจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสตอร์กเกอร์แทนเนี้ย )
( ไม่ ๆ ไม่ได้หมายความยังงั้นสักหน่อย ยิ่งถ้ามีเรื่องเกิดกับยูกิมิยะล่ะก็ คงกลั้นตาหลับไม่ลงแน่ )
「 จริง ๆ ตั้งแต่ที่มียัตซึฮาชิคุงมาอยู่ข้าง ๆ ก็คอยพึ่งพาคุณอยู่เสมอเลย 」
「 ไม่จริงสักหน่อย ก็แค่บังเอิญสื่งที่ฉันทำได้กับเธอทำได้มันตรงข้ามกันก็แค่นั้น 」
「 ก็จริงนะ… ที่คุณเรียนไม่ค่อยได้เรื่อง 」
「 ไม่ใช่ว่าไม่ได้เรื่องสักหน่อย แค่สปีดของชิรามิเนะต่างหากที่แปลก 」
「 จริงเหรอคะ… ไม่เห็นรู้สึกว่ามันจะเร็วอะไรเลย 」
「 แน่นอน —มันอยู่ที่สภาพแวดล้อมต่างหาก 」
( โรงเรียนธรรมดาจะไปเทียบกับพวกชั้นนำได้ยังไงกัน )
「 ความสัมพันธ์นี้จะจบลงเมื่อยูกิมิยะพึ่งพาตัวเองได้ 」
「 … 」
「 ถ้าฉันไม่มีอะไรที่จะสอนเธอ —นั้นหมายเธอมีความสามารถพอที่จะยืนด้วยขาตัวเองได้แล้ว 」
แต่…
「 บางครั้งก็ต้องเข้าไปตรวจสักหน่อยนะ ว่ามันไม่ได้สูญเปล่าซะทีเดียว 」
「 เข้าใจแล้วค่ะ… จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็ฝากตัวด้วยนะคะ 」
「 แน่นอน… ถึงจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ก็นะ 」
「 ฉันเป็นคนที่เรียนรู้ไวนะจะบอกให้ 」
「 ถึงจะเรียนรู้ไว แต่ใช้ไม่ได้จะมีความหมายอะไรล่ะ 」
「 คนที่ไม่เข้าใจบทเรียนอย่างยัตสึฮาชิคุงน่ะ… ไม่มีสิทธิ์พูดหรอกค่ะ 」
「 แทงใจดำชะมัด 」
คำพูดที่พุ่งตรงหน้าเหมือนชกเข้าที่ท้อง เธอรู้จักคำว่า [วาจาเป็นเหมือนดาบ] มั้ยเนี้ย
ยูกิมิยะถอนหายใจ
ยิ้มเบา ๆ ราวกับไม่มีทางเลือก
「 ขอฝากตัวไปอีกสักระยะเลยนะคะ 」
「 อา… แน่นอน 」
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฉันยังนึกภาพไม่ออกเลย ความสัมพันธ์ที่เริ่มคลายตัวอ่อนลง ยูกิมิยะไม่ได้มีท่าทีไม่ชอบแสดงออกมา
ชีวิตคนเรามันเดาไม่ได้เลยจริง ๆ
ดูเหมือนระยะระหว่างพวกเราจะค่อย ๆ เขยิบเข้าใกล้อีกก้าว
ขณที่รู้สึกอย่างนั้น…
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา แต่ไม่ใช่ของฉัน ก็คงเป็นของยูกิมิยะ
「 นี่… โทรศัพท์กำลังอยู่นะ 」
「 เอ๊ะ ? 」
「 ยะ…ยูกิมิยะ หน้าซีดมากเลยนะ เป็นอะไรมั๊ย ? 」
「 เอ๊ะ… ? 」
( เกิดอะไรขึ้นกัน ? )
แม้จะมีแสงสลัว แต่ก็บอกได้เลยว่าเธอไม่โอเค
ขณะแย่งของจากมือของเธอมา แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับเธอ
「 เป็นอะไรมั๊ย ? พักสักหน่อยสิ 」
「 ไม่เป็นอะไรค่ะ… ฉันสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง 」
「 จะไม่ให้กังวลได้ไงล่ะ 」
คงมีเหตุผลอะไรบางอย่าง ทั้งที่ยังทำตัวเป็นปกติจนถึงเมื่อกี้แท้ ๆ … ไม่ใช้แค่อาการเหนื่อล้าแน่
「 เป็นเพราะเสียงเรียกเจ้านั้นเหรอ… ? 」
ขณะที่รู้สึกผิด…
ฉันหยิบกระเป๋าของเธอขึ้นมา จากนั้นปิดสายและเปิดใช้งานโหมดเครื่องบิน จะได้ไม่ต้องได้ยินเสีนงเรียกเข้าอีก
แต่…
พอวางสายก็สังเกตุเห็นชื่อผู้ติดต่อมา ถึงจะแค่เพียงแว็บเดียว แต่เขียนเอาไว้ว่า… [แม่เลี้ยง]
( แม่เลี้ยง… ตามที่เขียนเอาไว้ พ่อเธอแต่งงานใหม่เหรอ ? )
สมัยนี้ไม่ใช่สิ่งที่หายากหรอก…
ยูกิมิยะตอนพูดถึงแม่ของเธอเสมอ แต่คงเป็นเรื่องแม่แท้ ๆ ของเธอ
ขณะเดียวกัน…
เมื่อลองคิดดูแล้ว ท่าทางของเธอเช่นนี้ คงเป็นข้อสรุปชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเธอได้ดีแล้วล่ะ
「 ขอโทษนะที่ตัดสายแทนเธอ 」
「 ไม่เป็นอะไร… ขอบคุณนะคะ 」
การตัดสายของคนอื่นโดยพลการอาจทำให้เธอโกรธได้ แต่ยูกิมิยะกลับขอบคุณแทน
สุดท้ายแล้ว…
ฉันก็ทำอะไรให้เธอไม่ได้ ทำได้แต่อยู่ข้าง ๆ เะอแทน จนเธอรู้สึกสงบใจลง