หูชีเยี่ยนแม้แต่พูดยังขี้เกียจเอ่ยให้มากความ จูงมือซีเหมินจินเหลียนเดินออกไป ชายชุดสูทรูปร่างกำยำทั้งสองคนมาขวางทางไว้อีกครั้ง จ่านป๋ายไม่รู้จะออกไปทางไหนดีจึงพูดเสียงแข็ง “ถอยไปให้หมด!”
ทั้งสองคนมองจ่านป๋ายแวบหนึ่งด้วยความลังเลใจเล็กน้อย สายตาจ่านป๋ายมองข้ามพวกเขาทั้งสอง แต่ไปตกอยู่บนเรือนร่างของจ่านอิ๋น ถ้าวันนี้เขาไม่ปล่อย เขาก็จะไม่ไว้หน้า ถ้าเป็นเรื่องของเขาเอง เขายังอดกลั้นฝืนทนได้ แต่จะมาให้ซีเหมินจินเหลียนตกหลุมพรางด้วยไม่ได้เด็ดขาด
“ปล่อยพวกเขาซะ” จ่านอิ๋นปัดมืออย่างไร้เรี่ยวแรง ชายชุดดำร่างกายกำยำทั้งสองถึงได้หลีกไป
หูชีเยี่ยนหันกลับไป ส่งสายตาเสียดแทงไปที่ซีเหมินน่งเย่ว์ ในใจของเขาคิดอะไรอยู่เขานั่นรู้ดี แต่เขาคิดว่าตนจะทำพลาดเหมือนครั้งที่แล้วอีกอย่างนั้นเหรอ?
ส่วนซีเหมินน่งเย่ว์ทำได้แค่ยิ้มๆ ครั้งนี้เขาอยากเล่นเกมที่นี่ ซีเหมินจินเหลียนคนนี้น่าสนใจจริง น่าสนใจเหลือเกิน บางทีความปรารถนาที่เขามีมาทั้งชีวิตหญิงสาวคนนี้น่าจะทำให้เป็นจริงได้ ไม่ใช่ว่ามีคำพูดเล่าขานว่ายามเมื่อดอกบัวสีทองเบ่งบาน หินปิดฟ้าจะปรากฏตัวขึ้นหรอกเหรอ? ในเมื่อเป็นอย่างนั้นใครจะไปรู้ว่ายามเมื่อดอกบัวสีทอง อาจจะหมายถึงแจกันดอกบัวทองหรือว่าซีเหมินจินเหลียนที่อยู่ตรงหน้ากันล่ะ?
อีกอย่างแจกันดอกบัวทองคืออะไรกันแน่ ไม่มีใครรู้ ตาเฒ่านั่นก็ติดตามหญิงชราตระกูลอวิ๋นไปพำนักอาศัยอยู่ในเขาห่างไกลไร้ผู้คน ยังไม่รู้เลยว่าแจกันดอกบัวทองเป็นอย่างไร
บางทีสิ่งที่เรียกว่าแจกันดอกบัวทองก็แค่หน้ากากบังหน้าไว้เท่านั้น แจกันดอกบัวทองจริงๆ ก็คือเด็กสาวที่ชื่อซีเหมินจินเหลียนต่างหากล่ะ? คนที่ไม่รู้เรื่องเดิมพันหินอะไรเลยสักอย่าง เพียงแค่ชั่วยามก็กลายเป็นนักเดิมพันหินฝีมือเก่งกาจ ถ้าบอกว่าในนี้ไม่มีปัญหาก็เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ
ไม่สนใจว่าจะพูดอะไร การปรากฏตัวของผู้หญิงคนนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งยิ่งใหญ่ รวมถึงหูชีเยี่ยนที่ตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาเช่นกัน คนอื่นยังพอว่าแต่หูชีเยี่ยนเป็นคนที่เขาลงมือด้วยตัวเอง
ปากประตูของตึกเย่ว์ฮวา จ่านมู่ฮวามีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ ดูเหมือนชายรูปงามเจ้าเล่ห์คนนี้จิตใจดูไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“จินเหลียน อีกเดี๋ยวผมค่อยเอาของหวานไปให้คุณ” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วอมยิ้มพร้อมพยักหน้า
“ไอ้หนูไม่เลวนี่!” แม้แต่หูชีเยี่ยนยังชื่นชม
หน้าประตูของคลับหยก จ่านป๋ายมองหน้าหูชีเยี่ยน “คุณหู คุณให้จินเหลียนขับรถเถอะครับ คุณนั่งคันผม!”
“จินเหลียนนั่งรถของฉัน!” หูชีเยี่ยนไม่ยอม
“แต่คุณขับรถไม่เป็นนะครับ!” จ่านป๋ายกระวนกระวายใจ
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มๆ พูดกับหูชีเยี่ยน “ไม่เป็นไรค่ะ รถจะชนยังไงก็ได้ คนไม่เป็นไรก็ได้แล้ว!”
จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นเลยไม่กล้าพูดอะไรต่อ แต่ไม่วางใจให้ซีเหมินจินเหลียนนั่งรถที่หูชีเยี่ยนขับสักเท่าไหร่ เพราะได้ยินมาว่าเขาเคยขับรถที่พม่าแล้วชนเสาไฟจราจรล้มไปหมด อีกเดี๋ยว…เขาคงต้องเตรียมตัวจ่ายค่าปรับแล้วสินะ
รอให้หูชีเยี่ยนสตาร์ทรถ ซีเหมินจินเหลียนจึงถอนใจอย่างโล่งอกถามขึ้นว่า “พ่อคะ จริงๆ แล้วพ่อทำอะไรกันแน่คะ?”
หูชีเยี่ยนยิ้มเบาๆ “เห็นกันอยู่ตรงหน้า เรื่องครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อสักหน่อย พ่อก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน!”
“ลุงงู?” ซีเหมินจินเหลียนถามหยั่งเชิง
“ใช่!” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด “ปีศาจงูอยากจะเจอซีเหมินน่งเย่ว์ แต่ซีเหมินน่งเย่ว์หลบเขามาได้เกือบยี่สิบปี แน่นอนการปรากฏตัวของพ่อมีอิทธิพลทำให้ซีเหมินน่งเย่ว์นั่งไม่ติด ดังนั้นพอพ่อออกไป…เขาเลยเล่นวิธีเช่นนี้ เขาค่อนข้างเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ชอบใช้วิธีขมขู่!”
“แล้วพ่อชนคนจริงเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงคำพูดของซีเหมินน่งเย่ว์พลันรีบถาม “พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
หูชีเยี่ยนตบพวงมาลัยพร้อมยิ้ม “รถบีเอ็มดับเบิลยูยิ่งต้องห้ามชนกว่ารถเมอร์เซเดส-เบนซ์!”
ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี คิดถึงที่จ่านมู่ฮวาเขียนตัวอักษรบนฝ่ามือเธอไม่หยุดและยิ้ม “พ่อรู้ดีจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะให้คุณชายตระกูลจ่านจัดการให้ แต่พ่อก็ไม่เห็นต้องสร้างหลุมพรางตอนไปให้เขาก็ได้นี่คะ ซีเหมินน่งเย่ว์คนนั้นชอบใช้ความรุนแรงกว่าพ่อมาก”
“พ่อชอบใช้ความรุนแรงเหรอ?” หูชีเยี่ยนตบพวงมาลัยถาม “พ่อไม่เห็นทำร้ายอะไรลูกเลย! ได้ยินว่า…”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเขาพูด ‘ได้ยิน…’ สองคำนี้ก็รอคำถัดไป แต่คิดไม่ถึงเขากลับไม่พูดอะไรออกมา
“ได้ยินว่าอะไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างใสซื่อ
“ได้ยินว่าคนที่ชอบใช้กำลัง เวลาไม่มีเรื่องอะไรก็ชอบทำร้ายเด็ก และเชื่อมั่นว่าการตีลูกจะทำให้ลูกเป็นคนดีและกตัญญู เหมือนย่าของลูก!” หูชีเยี่ยนพูดจริงจัง
“พ่อพูดจาเหลวไหลนะคะ!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วรู้ว่าตนเองถูกแหย่ รีบเบี่ยงประเด็นถาม “พ่อชนคนอื่นบาดเจ็บรุนแรงไหมคะ?”
“ไม่อยู่แล้ว เขาตั้งใจมาชน!” หูชีเยี่ยนพูด “ไม่รู้ว่าซีเหมินน่งเย่ว์จ้างคนแสดงห่วยให้มาก่อเรื่องจากที่ไหน”
“แล้วพ่อจัดการยังไงคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย
“เอ่อ…” หูชีเยี่ยนตบพวงมาลัยถาม “จะให้พูดจริงๆ เหรอ”
“หนูอยากจะฟังนี่” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ก็ง่ายมาก ไอ้หมอนั่นชนพ่อแล้วล้มไปนอนตายที่พื้น แม้จะดูไม่สมจริงแต่อย่างน้อยก็มีเลือดตกยางออก จากนั้นเรียกตำรวจมา…ขอดูบัตรประชาชนและใบขับขี่ของพ่อ…พ่อไม่มีอะไรทั้งนั้น!” หูชีเยี่ยนพูดถึงเท่านี้ก็หัวเราะลั่น
“จากนั้นล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม ไม่มีบัตรประชาชนและใบขับขี่แล้วเขาจัดการเรื่องนี้ให้สงบลงได้อย่างไร?
“พ่อลากไอ้หมอนั่นขึ้นมาจากพื้นและกระซิบพูดข้างหูประโยคหนึ่งว่า ขอแค่เขาเชื่อฟังพ่อดีๆ พ่อก็จะให้เขาหนึ่งล้านหยวน!” หูชีเยี่ยนพูด
“พ่อ…” ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี หนึ่งล้านหยวน? สำหรับคนพวกนี้แล้วลำบากมาทั้งชาติก็ไม่มีทางหามาได้ ไม่น่าล่ะเขาถึงได้ยอมถูกจูงจมูกได้ง่าย
“พ่อให้เขาไปหนึ่งล้านเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้น พ่อไม่ใช่คนยอมขาดทุนแบบนั้นหรอก” หูชีเยี่ยนยิ้ม
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแย้ม ได้ยินว่าเมื่อหลายปีก่อนมีบางคนถึงกับเชี่ยวชาญเรื่องการปั้นน้ำเป็นตัวหลอกคนอื่น ไม่มีทางเทียบกับพวกนี้ได้เลย ดังนั้นคนเลวพวกนั้นเมื่อเจอหูชีเยี่ยนจึงเหมือนดั่งแม่มดฝึกหัดเจอกับแม่มดฝีมือชั้นสูง
แต่ในใจของเธอก็ยังคงเป็นห่วงจ่านมู่ฮวาอยู่ ซีเหมินน่งเย่ว์คนนั้นดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนดี ตอนนั้นจึงถอนหายใจพูด “เขาคงไม่ทำอะไรคุณชายตระกูลจ่านใช่ไหมคะ?”
“ไม่หรอก” หูชีเยี่ยนส่ายหน้าพูด “ช่วงนี้เกรงว่าเขาคงไม่มีเวลาทำอะไรจ่านมู่ฮวาหรอก”
“ทำไมล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ
“ปีศาจงูเป็นมือปราบของเขา เขากลัวงู!” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“ไม่น่าจะใช่นะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนโคลงศีรษะพูด “ปีศาจอย่างเขายังกลัวงูอีก? พ่อบอกว่าเขาชอบอยู่ตามป่าช้าแล้วก็สุสานโบราณไม่ใช่เหรอ สถานที่พวกนั้นมีทั้งงูทั้งหนอนอยู่กันเต็มไปหมด”
“มียาบางตัวสามารถไล่พวกงูและหนอนได้ แต่ใช้ไม่ได้กับคนที่เหมือนปีศาจงู หรือจะให้พูดก็คือสำหรับนางพญางูขาว ยาพวกนั้นทำอะไรเธอไม่ได้ เข้าใจไหม?” หูชีเยี่ยนยิ้ม ระหว่างที่พูดก็เหยียบเบรกสุดชีวิต
“พ่อ!” เพราะกฎของแรงเฉื่อย ซีเหมินจินเหลียนจึงถลาตัวไปข้างหน้าและกระแทกไปด้านหลังเข้าอย่างจัง
“ไฟแดง…” หูชีเยี่ยนพูดโพล่งขึ้นมา
ตลอดเส้นทางซีเหมินจินเหลียนต้องกุมหัวใจของตัวเองอยู่ตลอด เมื่อถึงเวลาต้องย่างเท้าเหยียบบนพื้นเธอถึงได้ผ่อนความตึงเครียดลง ขอบคุณฟ้าดิน ต่อจากนี้จะไม่นั่งรถที่หูชีเยี่ยนขับอีกแล้ว ทักษะการขับรถของเขาย่ำแย่มาก ถ้าไปสอบใบขับขี่ไม่มีทางที่จะผ่านอย่างแน่นอน
จ่านป๋ายที่ขับรถตามติดหูชีเยี่ยนอยู่ด้านหลัง ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ คนคนนี้…ขับรถไม่เป็นก็น่าจะขับช้าหน่อยหรือเปล่า?
ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดก็กลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยแล้ว
…
และเป็นอย่างที่หูชีเยี่ยนพูด ซีเหมินน่งเย่ว์ไม่มีเวลามาหาเรื่องพวกเขา ชีวิตในวันต่อมาของทุกคนยังคงมีความสุขและราบรื่นดี
แม้ว่าจ่านมู่ฮวาไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่คฤหาสน์จินเหลียน แต่เขาก็มาที่นี่ไม่เว้นวัน หูชีเยี่ยนไม่ได้กลั่นแกล้งเขา หลินเสวียนหลานก็แวะมาหา เป็นเพราะปลายปีเขาต้องมารายงานสถานการณ์ความคืบหน้าของบริษัทให้ซีเหมินจินเหลียนฟัง
เพราะมีหูชีเยี่ยนอยู่ด้วย แม้หูหวังจะอยู่ที่เซี่ยงไฮ้แต่ก็ไม่เคยมาอีกเลย ซีเหมินจินเหลียนเลยไปที่นั่นบ่อยๆ และพูดคุยสัพเพเหระกับเขา อีกทั้งคอยดูแลเขาอย่างดิบดี อยากจะช่วยเป็นคนคลี่คลายความแค้นระหว่างเขากับหูชีเยี่ยน แต่หูชีเยี่ยนเคยพูดทิ้งท้ายกับเขาว่า…ถ้าเขามีชีวิตอยู่วันใด หูหวังก็อย่าคิดที่จะไปพม่าอีก
สำหรับเรื่องนี้หูหวังยังคงไม่ยอม ทำให้หน้าที่ปรับความเข้าใจของซีเหมินจินเหลียนคว้าน้ำเหลวในที่สุด
แต่ซีเหมินจินเหลียนมองออก หูหวังยังคงอยากฟังเรื่องราวทั้งหมดของหูชีเยี่ยน ทุกครั้งที่ซีเหมินจินเหลียนพูดถึงเรื่องเขา ใบหน้าของเขาจะแสร้งทำเป็นเมินเฉย แต่ในใจก็อยากจะรู้จักเขาให้มากขึ้น
ดังนั้นซีเหมินจินเหลียนพร่ำอดทนเล่าเรื่องที่น่าสนใจของหูชีเยี่ยนให้เขาฟัง พอกลับมาก็เล่าเรื่องหูหวังให้หูชีเยี่ยนฟังต่อหน้า เพียงแต่…เมื่อหูชี่เยี่ยนฟังแล้วก็ชอบถอนหายใจจบๆ ไป
สิ่งที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนกังวลใจก็คือหูชีเยี่ยนมัวแต่แกะสลักเตาปิดฟ้ากับภาชนะหยกสามขาให้เธอทั้งวันทั้งคืนด้วยความรวดเร็วกว่าที่เธอคิดมาก คืนวันจ่ายเตาหินปิดฟ้าก็แกะสลักเสร็จแล้ว ที่เหลือก็รอแค่ขัดให้แวววาบเท่านั้น
แต่หูชีเยี่ยนจองตั๋วเครื่องบินกลับไปบ้านเพื่อเคารพบรรพบุรุษ ซีเหมินจินเหลียนอยากจะตามเขาไปด้วยใจจะขาด ใครจะไปรู้หูชีเยี่ยนกลับปฏิเสธท่าเดียว เหตุผลก็คือเขาอยากจะเดินทางไปคนเดียวเงียบๆ
ซีเหมินจินเหลียนไม่ยอมฟัง ทั้งร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด สุดท้ายหูชีเยี่ยนจึงจนปัญญาทำได้แค่พาเธอไปด้วย รอจากกลับมาจากเซ่นไหว้บรรพบุรุษทางฝั่งแม่กับอาจารย์เสร็จแล้ว หูชีเยี่ยนก็จากไปไม่ร่ำลาสักคำ ซื้อตั๋วเครื่องบินรีบไปฮ่องกงเพื่อเปลี่ยนเครื่องไปพม่า
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ฟุบอยู่ในอ้อมกอดของจ่านป๋าย ร้องไห้เหมือนเด็กน้อย จนถึงเวลาที่กลับมาเซี่ยงไฮ้ ที่คฤหาสน์จินเหลียนได้รับสายจากหูชีเยี่ยนมาจากพม่า เธอจึงอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
แต่มองคฤหาสน์จินเหลียนที่ขาดหายไปคนหนึ่ง ซีเหมินจินเหลียนก็ยังรู้สึกเศร้าเสียใจ บ่อยครั้งที่เธอชอบนั่งลงบนโซฟาห้องรับแขกหวนคิดถึงวันที่หูชีเยี่ยนจะกลับมา ตนเองจะได้คลอเคลียออดอ้อนเขาอยู่ข้างๆ…
“จินเหลียน พรุ่งนี้ก็วันส่งท้ายปีเก่าแล้ว หรือพวกเราจะแขวนโคมไฟจีนด้วยดีไหมครับ เพื่อเฉลิมฉลองสักหน่อย?” จ่านป๋ายลองถามความต้องการจากเธอ
“คุณจัดการเลยล่ะกัน!” ซีเหมินจินเหลียนสติเลื่อนลอยมองไปทางจ่านป๋าย “พรุ่งนี้คุณกลับไปกินข้าวเถอะ ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก!” ครั้งนั้นจ่านอิ๋นหวังจะให้จ่านป๋ายกลับไปกินข้าวด้วย ใช้โอกาสวันส่งท้ายปีเก่า เขาก็น่าจะกลับไปสังสรรค์รวมตัวกับครอบครัวบ้าง ไม่ใช่การอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ