แต่หลินเสวียนหลานเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง เขายิ้มตอบว่า “นับดูแล้ว พวกเราก็ถือว่ารู้จักกันมานานแล้วนะ จินเหลียน มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยบอกคุณมาตลอด”
“คะ?” ซีเหมินจินเหลียนถือเข็มกลัดติดอกกุหลาบหยก ก่อนยิ้มถาม “อะไรเหรอคะ”
“คืนวันนั้น ผมขับรถชนคุณจนสลบ” หลินเสวียนหลานก้มหน้า แม้แต่หน้าของเธอยังไม่กล้ามอง ถ้าเธอรู้เธอจะตบเขาหรือเปล่า เธอจะด่าทอหาว่าเขาเป็นอันธพาลหรือเปล่า? แต่เรื่องนี้ถ้าเขาไม่พูดออกมาเกรงว่าคงต้องค้างคาไปทั้งชีวิตแน่ และเป็นเพราะเธอ ในใจของเขาเลยไม่กล้ามีใครคนอื่น…
ในงานหมั้นวันนั้นเขาเลือกที่จะหนีออกมา…เรื่องทุกอย่างก็เพราะคืนวันนั้น
“ใช่ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “คุณยังบอกอีกว่า รถเมอร์เซเดสเบนซ์ยังไม่เคยชนสาวสวยอย่างฉันมาก่อน ฮะๆ…”
หลินเสวียนหลานจึงได้หัวเราะขึ้นมา เป็นแบบนั้นจริงๆ รถเบนซ์ของเขาไม่เคยชนผู้หญิงสวยอย่างเธอมาก่อนเลย!
“คืนวันนั้นผมขับรถชนคุณจนหมดสติไป รถผมก็ได้รับการกระแทกจนเสียหาย ตอนนั้นผมห่วงว่าร่างกายคุณจะได้รับบาดเจ็บ จึงลนลานจับนู่นนี่ไปทั่ว…” หลินเสวียนหลานพูดถึงเท่านี้ใบหน้าก็พลันแดงก่ำ นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสผู้หญิงมั่วไปหมด อีกอย่างด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ซีเหมินจินเหลียนแม้จะไม่ใช่ผู้หญิงสวยเจ้าเสน่ห์ แต่เธอก็เป็นคนน่ารัก และเป็นผู้หญิงที่ใครเห็นก็สามารถตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ
“คุณว่าอะไรนะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนสับสน เดือนพฤษภาคม อากาศเริ่มร้อนขึ้น เสื้อผ้าของเธอจึงเบาบางลง เขายังมาลูบคลำมั่วซั้วบนตัวเธออีก?
“ก็ผมกลัวว่าคุณจะได้รับบาดเจ็บตรงไหนนี่นา!” หลินเสวียนหลานสีหน้าลำบากใจพูด “ถ้าไม่ระวังแล้วไปโดนกระดูกซี่โครงเข้าอะไรแบบนี้…”
“คุณยังกล้าพูดอีกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนเด้งตัวขึ้นทันทีและคว้าหมอนอิงบนโซฟาเขวี้ยงเข้าไป
หลินเสวียนหลานเอียงศีรษะเล็กน้อยยื่นมือไปรับหมอนและกอดไว้กับตัว พูดอย่างลำบากใจว่า “เมื่อก่อนผมเคยดูข่าว ในนั้นบอกว่ารถชนผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนั้นดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ผลสุดท้ายก็บาดเจ็บภายใน เพราะไม่ได้ไปส่งโรงพยาบาลทันท่วงที ผู้หญิงคนนั้นเลยตาย…ดังนั้นผมเลยต้องสัมผัสดูสิครับ”
“แล้วคุณทำอะไรอีกคะ?” ซีเหมินจินเหลียนมองหลินเสวียนหลานพร้อมถาม
“ผมจะบอก ถ้าคุณพูดว่าจะไม่ตีผม!”หลินเสวียนหลานมองเธออย่างน่าสงสาร ได้ยินว่าเธอชอบใช้ความรุนแรง? ไม่หรอกมั้ง เธอดูสุภาพอ่อนโยนขนาดนั้น และดูมีเมตตาแถมยังเข้าใจคนอื่นด้วย…
ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาถามขึ้น “ฉันดูเป็นคนชอบใช้ความรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” หลินเสวียนส่ายหน้าพูด “สวี่อี้หรานตั้งใจใส่ร้ายคุณ ผมรู้ว่าคุณดีที่สุด…”
สวี่อี้หราน… ซีเหมินจินเหลียนกัดฟันแค่นเสียงเหอะในใจ เธอชอบใช้ความรุนแรงหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองสู้เขาไม่ได้ ก็อยากจะจับเขามาตีสักครั้ง ที่ชอบเป็นต้นเหตุของข่าวลือทุกเรื่องเสียจริง
“บอกมาเถอะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ผมอุ้มคุณเข้ามาในรถ แล้วเห็นว่าคุณตัวนุ่มนิ่มกอดแล้วสบายดี ความจริงตอนแรกผมอยากพาคุณไปส่งโรงพยาบาล…” หลินเสวียนหลานพูดต่อ “เพียงแต่…เพียงแต่ว่า…หลังจากที่ผมอุ้มคุณขึ้นรถมา สมองผมก็โดนฤทธิ์แอลกฮอล์เล่นงาน อยู่ๆ ก็มีความคิดว่าถ้าจูบคุณ คุณน่าจะไม่รู้…”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าครั้งนี้เธออยากจะกระชากเขามาตีเสียให้รู้แล้วรู้รอด เขาคงไม่ได้จูบเธอจริงๆ หรอกใช่ไหม?
“จากนั้น…” หลินเสวียนหลานมองเธอด้วยหน้าตาน่าสงสาร “ผมก็จูบคุณจริงๆ ปากคุณหวานและละมุนมากเหลือเกิน…นี่…จินเหลียน…อย่า”
“คุณมันฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นกำลังตกที่นั่งลำบาก!” ซีเหมินจินเหลียนปากก็พูดไปแบบนั้น พลางขว้างหมอนอิงไปทางหลินเสวียนหลาน…
“ผมไม่ได้…” หลินเสวียนหลานเด้งตัวขึ้นและรับหมอนสองใบด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง “ผม…ผม…ผมไม่ได้ตั้งใจนะ!”
“หรือว่าฉันตั้งใจเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาใส่เขา เขาแอบขโมยจูบเธอ และยังทำใบหน้าใสซื่อไม่รู้เรื่องอีก เหมือนเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างนั้น แต่หลินเสวียนหลานที่ปกติดูสุภาพอ่อนโยน จู่ๆ มาบอกเรื่องนี้กับเธอ เธอก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน
“นี่เป็นฉากที่สวยงามแต่มีเรื่องประหลาดอยู่ในนั้น!” หลินเสวียนหลานจัดวางหมอนอิงสองใบไว้บนโซฟา และนำไข่หยกในมือส่งต่อให้เธอ “ถ้ารู้ตั้งแต่แรก ผมก็ไม่ควรไปแตะแม้แต่ปลายนิ้วของคุณด้วยซ้ำ ผมน่าจะโทรไปแจ้งความ…น่าเสียดายที่ตอนนี้ถึงผมจะเสียใจก็คงไม่ทันแล้ว!”
“คุณจะเสียใจอะไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนกลับแปลกใจ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ?
หลินเสวียนหลานเงยหน้ามองเธอพูดจริงจัง “ผมคิดว่า ผมน่าจะตกหลุมรักคุณแล้วล่ะ! นับตั้งแต่วันนั้นที่ผมจูบคุณ ผมก็ไม่อยากมองผู้หญิงคนอื่นอีกเลย คืนวันนั้นผมหลับตาลง สมองของผมก็มีแต่ภาพของคุณลอยเข้ามา…ผมพูดแล้วคุณห้ามโกรธนะ ผู้หญิงสวยน่ารักผมเจอมาเยอะ คุณเองก็สวยมาก แต่ไม่ได้สวยถึงขั้นเด่นออกหน้าออกตา…แต่ผมเหมือนกับถูกเวทมนตร์สะกด ทำไมถึงหลุดพ้นออกไปจากเงาคุณไม่ได้ งานวันหมั้นของผมกับลู่เฟยอวี๋วันนั้น ผมหนีออกมา เพียงแค่เพราะอยากจะเจอหน้าคุณ!”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไร เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรดี นี่เขากำลังสารภาพรักกับเธออยู่อย่างนั้นเหรอ? ใช้คำพูดนิยมพื้นๆ แบบนี้มาเรียกร้องหาความรัก?
หลินเสวียนหลานถอนหายใจออกมาเบาๆ และพูดต่อ “ผมรู้ว่าผมไม่เหมาะสมกับคุณ ถ้าเมื่อคืนคุณไม่ถาม บางทีผมก็อาจจะไม่พูดไปตลอดชีวิต ชีวิตนี้ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรมากหรอก ขอแค่ได้เจอหน้าคุณบ่อยๆ ผมก็พอใจแล้วจริงๆ…” ในขณะที่พูดเขาก็ลุกขึ้นยืน “อีกไม่กี่วันผมจะเข้ามาส่งแบบไข่หยกให้แล้วกัน…”
สวี่อี้หรานบอกว่าซีเหมินจินเหลียนชอบผู้ชายหน้าตาเจ้าเล่ห์เหมือนปีศาจอย่างจ่านมู่ฮวา ช่วงนี้เลยเห็นจ่านมู่ฮวากับเธอดูสนิทสนมกันดี…
เขาแอบสำรวจอย่างเงียบๆ และพอดูออกว่าจ่านมู่ฮวากับสวี่อี้หรานคิดเลยเถิดกับเธอเหมือนกัน ได้ยินว่าตระกูลสวี่ร่ำรวยมหาศาล ส่วนตระกูลจ่านเองก็ไม่น้อยหน้า แถมจ่านมู่ฮวายังเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลจ่านที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
ตระกูลหลินล้มละลายลงแล้ว เขาหลินเสวียนหลานแม้จะยังมีทรัพย์สินอยู่น้อยนิด มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปหลายร้อยเท่า แต่เมื่อเทียบกับซีเหมินจินเหลียนแล้ว มันก็ดูห่างชั้นกันมาก เรื่องนี้เขารู้ดี
ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนแค่สองคน ดังนั้นงานแต่งงานต้องดูถึงความคู่ควรเหมาะสมกัน ถ้าซีเหมินจินเหลียนแค่อาศัยดวงเดิมพันหินสร้างฐานะ เรื่องทุกอย่างก็ง่ายต่อการเจรจา แต่เมื่อมีหูชีเยี่ยนปรากฎตัว มันทำให้ความฝันทุกอย่างของเขาว่างเปล่าเสียหมด
แน่นอนความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่การแอบรับเป็นแค่เรื่องของคนคนเดียว แต่แบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะมีอะไรที่ไม่ดี…หลินเสวียนหลานยิ้ม เขาไม่ใช่คนที่ชอบความรุนแรง และไม่ได้เรียกร้องอยากจะได้อยู่อย่างเดียว ขอแค่ได้เห็นหน้าเธอบ่อยๆ ก็พอใจแล้ว…
เหมือนกันกับหยก บนโลกนี้มีของดีมีคุณค่าตั้งมากมาย ของที่ชอบทั้งหมดก็ไม่จำเป็นต้องครอบครองทั้งหมด? แค่ได้ดูก็ถือว่าไม่เลวแล้ว อย่างน้อย…เขาก็เคยกอดเธอ เคยจูบเธอ และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสบอกความในใจกับเธอ
ร่างของซีเหมินจินเหลียนแข็งทื่อ จนกระทั่งหลินเสวียนหลานจากไปแล้ว สติสตังเธอก็ยังไม่หวนกลับมา
ไม่คิดเลยว่าหลินเสวียนหลานจะมาบอกว่าเขาชอบเธอ เป็นไปได้อย่างไรกัน? จากนิสัยของเขา แม้ว่าเขาจะชอบเธอจริง แต่เขาไม่น่าจะพูดออกมา…
และถ้าไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ซีเหมินจินเหลียนก็เข้าใจดี แม้ว่าตนจะสวยกว่านี้สักสิบเท่าร้อยเท่า คืนวันนั้นเขาก็ไม่มีทางที่จะจูบเธอด้วยความไร้สติ…
และยังกล้าบอกว่าเธอหอมหวาน ใครจะไปรู้ว่าวันนั้นเธอลำบากดิ้นรนมาทั้งวัน และไม่รู้ว่าเนื้อตัวเหม็นกลิ่นเหงื่อไปอีกเท่าไหร่ จนถึงตอนกลางคืนก็ยังไม่ได้อาบน้ำ มันจะไปหอมหวานได้อย่างไร?
ในระหว่างที่กอดหมอน ซีเหมินจินเหลียนก็เริ่มสติเลื่อนลอย…มีหนุ่มหล่อมาบอกรักกับเธอ…ดีเหลือเกิน!
ยอมรับหรือไม่รับมันก็อีกเรื่อง แต่แค่ได้ฟังคำสารภาพรักจากเขามันก็เป็นอีกเรื่องเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นหนุ่มหล่อคนนี้ไม่ใช่จำพวกที่น่ารังเกียจพวกนั้น
ดังนั้นเมื่อจ่านป๋ายกลับมาถึง เขาจึงเห็นเธอกอดหมอนอยู่บนโซฟาด้วยสายตาเหม่อลอย
“จินเหลียน…จินเหลียนครับ…” จ่านป๋ายโบกมือส่ายไปมาอยู่ตรงหน้าเธอพร้อมยิ้ม “คุณกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้เหม่อแบบนั้น?”
ซีเหมินจินเหลียนได้สติกลับมา ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับไฟลุกโชน ก่อนจะผละตัวออกจากพนักพิง “กี่โมงแล้ว?”
“บ่ายสามครับ ยังเร็วอยู่เลย” จ่านป๋ายยิ้ม “จินเหลียน ทำไมช่วงนี้คุณถึงดูเหม่อลอยบ่อยนักล่ะ?”
“ฉันน่ะเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ยังจะพูดอีก?” จ่านป๋ายยิ้ม “เมื่อกี้ผมเรียกคุณตั้งสองรอบ คุณยังไม่ตอบโต้เลย…”
“เมื่อกี้หลินเสวียนหลานแวะเข้ามา หลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เหม่อลอยแบบนั้น!” หูชีเยี่ยนออกมาจากห้องใต้ดิน “เมื่อกี้ฉันเรียก เธอก็ไม่สนใจเหมือนกัน!”
จ่านป๋ายออกแรงกำหมัดแน่น เป็นเขาจริงๆ ด้วย? ความรู้สึกของซีเหมินจินเหลียนเขาพอจะเดาออกอยู่บ้าง จะบอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับหลินเสวียนหลานมันก็เป็นไปไม่ได้ แต่เธอมีใจให้กับเขาเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้แน่ชัด
อีกอย่างซีเหมินจินเหลียนคงไม่มีทางแบกหน้าไปตามจีบหลินเสวียนหลานแน่ จากนิสัยของหลินเสวียนหลานถึงจะมีอะไรแต่ก็คงไม่กล้าพูดออกมา หรือว่าเขาจะทิ้งภาพลักษณ์นั้นแล้วสารภาพรักกับเธอแล้ว?
ถ้าหลินเสวียนหลานสารภาพรักกับเธอจริง ความเป็นไปได้ที่เธอจะตอบรับกลับมีอยู่เท่าไหร่กัน?
“ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนตอบโต้กลับอย่างไร้เรี่ยวแรง
“เข้ามาดูลวดลายเตาหินปิดฟ้าเถอะ ว่ามีอะไรต้องการแก้ไขปรับแต่งอีกหรือเปล่า” หูชีเยี่ยนพูด “ถ้าไม่มี อีกเดี๋ยวพ่อจะได้เริ่มลงมือเลย”
“อ้อ…” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าลุกขึ้นเดินลงไปห้องใต้ดิน จ่านป๋ายเองก็รีบตามไป หูชีเยี่ยนกำชับว่า “เสี่ยวป๋ายเก็บกวาดห้องรับแขกไว้ให้เรียบร้อยล่ะ แล้วก็เตรียมโจ๊กถั่วแดงไว้ให้ฉันด้วย อีกเดี๋ยวพวกเธอก็ไปหาผู้อาวุโสนั่น”
จ่านป๋ายได้ยินจึงพยักหน้าหงึกๆ ซีเหมินจินเหลียนเดินตามหลังหูชีเยี่ยน เมื่อเข้ามาในห้องใต้ดินก็นั่งฟุบลงบนเก้าอี้เหมือนเช่นเคย มองหินหยกดิบใหญ่ก้อนนั้นตาปริบๆ บนนั้นเต็มไปด้วยลวดลายให้กลิ่นอายถึงความโบราณอย่างไร้ที่ติ แต่เธอดูอย่างไรก็ไม่รู้ว่านี่มันเรื่องราวอะไร
“สวยมากเลยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูดขึ้น
“แน่นอน ฝีมือของพ่อไม่ใช่ธรรมดานะ” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ที่พ่อเรียกลูกมา ไม่ใช่เพราะอยากถามเรื่องนี้…ลูกก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว พ่อก็มีลูกสาวที่รักอย่างลูกแค่คนเดียว ตามหลักการแล้วลูกก็ถึงช่วงวัยที่ต้องแต่งงานแล้ว”
ซีเหมินจินเหลียนมองเขาอย่างสับสน เขาคงไม่ได้อยากจะบีบบังคับเรื่องการแต่งงานหรอกใช่ไหม?
“พ่อรู้ว่าในใจของลูกคงชอบไอ้หนุ่มตระกูลหลินอยู่บ้าง!” หูชีเยี่ยนยิ้ม “แต่ด้วยนิสัยอย่างหลินเสวียนหลาน พ่อว่าเขาไม่เหมาะกับลูกหรอก…”