จ่านป๋ายกลับมาเห็นซีเหมินจินเหลียนร้องห่มร้องไห้จนตาบวมก่ำ เขาก็ไม่กล้าไปถามต้นสายปลายเหตุของเรื่องกับเธอ แต่รีบไปถามหูชีเยี่ยน จนถูกด่ากลับมา ดังนั้นตนจึงได้แต่เงียบปากลงอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เฮ้อ…พ่อลูกคู่นี้จริงๆ เลย!
ซีเหมินจินเหลียนร้องไห้ไปพักหนึ่ง ปลดปล่อยความเสียใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลั่นกรองออกมาเป็นหยาดน้ำตา สภาพจิตใจของเธอในตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ จ่านป๋ายบอกเธอว่าสวี่อี้หรานอยู่ที่เซี่ยงไฮ้พอดี และจะเข้ามากินมื้อค้ำด้วยกัน
“คุณไม่ได้บอกเขาใช่ไหมว่าเรื่องอะไร” เมื่อเห็นหูชีเยี่ยนไม่ได้อยู่ตรงหน้า ซีเหมินจินเหลียนจึงแอบถาม
“ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะครับ จะบอกเรื่องนี้กับเขาทำไม?” จ่านป๋ายยิ้ม
“แล้ว…คุณหาข้ออ้างบอกว่าฉันเชิญเขามากินข้าวได้ยังไง” ซีเหมินจินเหลียนข้องใจ
“ผมบอกว่าคุณอยากได้กุหลาบแวร์ซายส์มาปักแจกัน เลยถามเขาว่ามีหรือเปล่า จากนั้นก็ถือโอกาสเชิญเขามากินข้าว แค่นี้เขาก็ดีใจจนนั่งไม่ติดแล้ว ฮะๆ…” จ่านป๋ายยิ้ม
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งงันไป ผู้หญิงคนหนึ่งเรียกหาดอกไม้จากผู้ชาย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน? นี่จ่านป๋ายโง่จริงหรือเขาแกล้งโง่กันแน่?
“คุณกับเขา…ทะเลาะอะไรกันเหรอ?” จ่านป๋ายยังรู้สึกสงสัยจึงถามออกไปอย่างอดไม่ได้ หูชีเยี่ยนทำอะไรกันแน่ถึงทำให้ซีเหมินจินเหลียนร้องไห้?
“ก็ทำโถหยกอยู่ดีๆ นี่ละ แต่อยู่ๆ เขาก็พูดว่า…เขาอยากได้มันมาใส่…” เมื่อซีเหมินจินเหลียนนึกถึงเรื่องนี้ หัวใจก็พลันกระตุกวาบ ถ้าไม่ขุดเจาะส่วนข้างในนั้นออกมาทำเป็นรูปเป็นร่างทั้งหมด น่าจะไม่เลวเลย แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนั้น เธอจึงกลัวที่จะทำโถออกมา
“ใส่อะไรเหรอ” จ่านป๋ายถาม
“ใส่อัฐิ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดหมดอารมณ์ “ฉันเลยโกรธเขาจนร้องไห้ฟูมฟาย”
“คนคนนี้…ไม่เชื่อไม่กลัวอะไรเลยเหรอ?” จ่านป๋ายได้ยินแล้วก็ไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี นิ่งไปอยู่นานพูดว่า “โถหยกสีเขียวสดเนื้อแก้วเหล่าเคิงมูลค่ามหาศาล แต่เอาไปใส่สิ่งนั้น เขาไม่กลัวว่าหากตายไปแล้วต้องอยู่แบบไม่สงบสุขเหรอไง?”
“หยุดนะ ห้ามพูดถึงเรื่องนี้!” ซีเหมินจินเหลียนพูดดุดัน “เขาเป็นพ่อของฉันนะ!”
“โอเคๆ ไม่พูดแล้วครับ” จ่านป๋ายสงบปากสงบคำอย่างว่าง่าย
“คืนนี้พวกเราจะผ่าราชาหยกกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ตอนบ่ายคุณช่วยไปซื้อพวกธูปเทียนมาด้วยนะ”
“หา…อะไรนะครับ?” จ่านป๋ายงุนงง ผ่าราชาหยกเหรอ? หูชีเยี่ยนมีวิธีจริงด้วย แค่เพียงไม่นานก็หว่านล้อมให้ซีเหมินจินเหลียนผ่าราชาหยกได้แล้ว?
หากผ่าราชาหยกเสร็จ ต่อมาก็น่าจะถึงตาของหินราชางู งูที่น่าสงสารของเสี่ยวป๋าย ไม่ช้าหรือเร็วต้องถูกตุ๋นแล้ว! จ่านป๋ายบ่นพึมพำในใจ
“คุณเป็นอะไรไป” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“เขาพูดอะไร ทำไมคุณถึงยอมเห็นดีเห็นงามด้วยล่ะ” จ่านป๋ายถามแปลกใจ
“ฉันเองก็สงสัยมากเหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “หรือว่าคุณไม่สงสัยเหรอ? ยังไงถึงแม้จะผ่าราชาหยกออกมา แต่พวกเราก็ยังมีหินลายน้ำ แล้วก็หินราชางู…อีกอย่างของพวกนี้ก็ไม่สามารถเอาออกไปขายแลกเงินได้อยู่แล้ว”
“ถ้าคุณยินยอมที่จะขายก็มีคนมาซื้อด้วยราคาคาดไม่ถึงแน่” จ่านป๋ายยิ้ม
“เพราะอย่างนั้น สู้ให้ฉันเก็บมันเพื่อให้ตัวเองเสพสุขดีกว่า” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ความจริงฉันก็คิดที่จะผ่ามันออกมาดูเหมือนกัน เพราะนี่เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณเลยนะ”
…
วันนี้สวี่อี้หรานดีใจยกใหญ่ ถ้าซีเหมินจินเหลียนไม่มีเรื่องอะไรเธอคงไม่มีทางโทรไปหาเขาก่อนแน่ แต่วันนี้เธอให้จ่านมู่หรงโทรมาหาเขา เชิญเขามากินข้าว สำหรับเขาแล้วนี่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างไม่ต้องลังเล คุ้มค่าในการเพ้อฝันมโนต่อแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขารู้สึกกลุ้มใจนิดหน่อย
ซีเหมินจินเหลียนอยากได้ดอกกุหลาบแวร์ซายน์ ดอกกุหลาบพันธุ์นี้ดูแลยาก อีกอย่างดอกกุหลาบสีม่วงเข้มใกล้เคียงกับสีดำที่เขาติดตาต่อกิ่งออกมาก็ไม่ใช่ดอกกุหลาบแวร์ซายน์ของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่อย่างแท้จริง แค่คล้ายกันเท่านั้น มันเป็นพันธุ์ของดอกเสาเย่ากับดอกกุหลาบต่อกิ่งกัน…ถือว่าเป็นดอกไม้สายพันธุ์ใหม่ชนิดหนึ่ง
ตอนนี้เป็นหน้าหนาว แม้จะอยู่ในเรือนกระจก แต่ช่วงนี้เหล่าดอกไม้ก็ยังไม่เบ่งบาน มีแค่ดอกไม้ตูมเล็กๆ ไม่กี่ดอกเท่านั้นที่ใกล้จะบาน
เขาย่อตัวนั่งลงอยู่ในเรือนกระจก นั่งนิ่งเหม่อลอยอยู่นานคิดว่าจะเร่งให้ดอกไม้พวกนี้บานอย่างไร หรือว่าจะให้พ่อของตนส่งมาให้จากฝรั่งเศสช่วงต่อเครื่องบิน? คิดไปคิดมาเกรงว่าถึงจะส่งมาทางเครื่องบินก็ไม่แน่ว่าจะทันวันนี้ ส่วนดอกไม้ที่ขายตามตลาดดอกไม้พวกนั้นสีและกลิ่นก็แตกต่างกันลิบลับ เธออาจจะไม่ชอบก็ได้
ขณะนั้นเขาก็มองเห็นข้างในเรือนกระจกมีกระถางกล้วยไม้ผีเสื้อราตรีที่ถูกปักกิ่งอยู่หลายกระถางเบ่งบานดูงดงามมากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นสีเขียวหายาก เอาเถอะ ให้ดอกนี้นี่ล่ะ หวังว่าเธอจะชอบ!
…
ประสิทธิภาพของการแปรรูปวัตถุดิบและแกะสลักของหูชีเยี่ยนรวดเร็วกว่าที่ซีเหมินจินเหลียนคิดไว้มาก น่าจะเป็นเพราะเครื่องมือไฟฟ้าที่ทันสมัย บวกกับความเร็วในการแปรรูปหยก แค่วันเดียวโถสีเขียวมรกตก็วาดขั้นตอนเบื้องต้นออกมาเสร็จหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่งานละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องค่อยๆ แกะสลัก
“ฉันไม่อยากทำโถแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงเก้าอี้ มองไปยังหูชีเยี่ยนที่กำลังตั้งใจแกะสลักอยู่
“หือ…” หูชีเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ลวดลายดอกไม้บนพื้นผิวนี้พ่อแกะสลักเกือบหมดแล้ว หากลูกไม่อยากทำโถ แล้วลูกอยากจะทำอะไร?”
“ทำอะไรก็ได้ แต่ไม่เอาโถแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“แต่ของแบบนี้ก็เหมาะสำหรับทำโถเท่านั้นนะ” หูชีเยี่ยนพูด “อย่าทำให้เป็นเรื่องเลย ตอนเช้าพ่อก็แค่พลั้งปากพูดออกไปเท่านั้น”
“ฉันไม่อยากทำค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะยืนกรานหนักแน่น
“เอ่อ…” หูชีเยี่ยนลูบไล้ปลายคางและคิดอยู่นาน “เอาอย่างนี้ไหม ทำให้ข้างในกลวงแล้วเอาไปทำเป็นโถส้วม? คนที่จะมาแต่งงานกับลูกพ่อจะต้องแต่งไปพร้อมกับสินเดิมที่ติดตัวลูก เก็บมันไว้เป็นสินเดิมของลูกดีไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา พระเจ้า…โถส้วมหยกเนี่ยนะ? กระโถนปัสสาวะมูลค่าเกินบรรยาย เขาคิดออกมาได้อย่างไรกัน
“ตอนนี้ใช้ชักโครกกันหมดแล้ว ถ้าคุณคิดว่าชักโครกของฉันไม่ดี ฉันก็ไม่สนใจหรอกนะคะถ้าคุณจะซื้อมันมาเปลี่ยน!” ซีเหมินจินเหลียนใบหน้าอึดอัด นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!
หูชีเยี่ยนถอยหลังไปสองก้าว กวาดสายตามองวัตถุดิบหยกทั้งก้อน “จินเหลียน พ่อคิดได้แล้วว่าจะทำอะไรดี”
“ทำอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ทำภาชนะสามขา[1]!” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ภาชนะหยกสามขา! หินหยกลูกก้อนนี้ใหญ่พอ วัตถุดิบต้องพอแน่นอน!”
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วครู่หนึ่ง ทำเป็นภาชนะหยกสามขาก็เพียงพอแล้ว วัตถุดิบหยกก้อนนี้ไม่ได้เป็นสีเขียวทั้งก้อน ข้างในมีหินสีขาวโพลนไม่สวยอะไรเลย แต่ภาชนะหยกมีหูจับมีขาตั้งจะเอาวัตถุดิบมาใช้อย่างไร? ส่วนเรื่องลวดลายดอกไม้นั่นอย่างไรก็ได้ เพราะของแบบนี้ถึงเธออยากจะขายก็คงมีคนไม่มากพอที่จะซื้อไหว เก็บเอาไว้ดูที่บ้านของตัวเองนี่แหละ ลวดลายอะไรก็ได้ทั้งนั้น
“ลูกวางใจเถอะ เรื่องนี้ให้พ่อทำก็พอแล้ว”
“โอเค ยังไงก็แล้วแต่ฉันไม่เอาโถเด็ดขาดนะคะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “สุดท้ายคุณก็อย่าทำให้มันออกมาใบหน้าเหมือนม้า หางเหมือนลา เท้าเหมือนวัว และเขาเหมือนกวางก็แล้วกันค่ะ”
“ลูกดูถูกพ่อเกินไปแล้ว!” หูชีเยี่ยนยิ้มกริ่ม
“ฉันจะออกไปซื้อของข้างนอกสักหน่อย คุณอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ ฉันจะได้ซื้อกลับมาให้?” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นยืน
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ถ้าพ่อคิดได้แล้วค่อยบอกแล้วกัน” หูชีเยี่ยนก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน “พ่อไปเตรียมมื้อเย็นก่อน ดูแล้วคงฝากความหวังไว้ที่ลูกไม่ได้ ลูกมีแขกมาตอนเย็นไม่ใช่เหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งงันไป เขารู้ได้อย่างไรว่าตอนเย็นเธอนัดสวี่อี้หรานหมอมองโกลคนนั้น?
“อ๋อ จริงสิ นี่ให้คุณค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนหากุญแจรถและโยนไปให้เขา “นี่เป็นกุญแจรถของฉัน เวลาคุณออกไปข้างนอกจะได้สะดวก”
หูชีเยี่ยนรับกุญแจมาในทันที แต่สีหน้าของเขากลับรู้สึกแปลกใจ
“พ่อขับรถไม่เป็นหรอก” ซีเหมินจินเหลียนเดิมทีเดินถึงหน้าประตูแล้ว เมื่อได้ยินจึงชะงักฝีเท้าลง “คุณว่าอะไรนะคะ?”
“พ่อขับรถไม่เป็น” หูชีเยี่ยนยิ้มเฝื่อน “นี่คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่ไหม?”
“เอาเถอะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าตอบกลับอย่างตั้งใจ “ความจริงทักษะการขับรถของฉันก็ย่ำแย่ นั่งในรถได้ก็พอแล้ว ไม่ต้องขับ”
ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายออกจากบ้านไปแล้ว หูชีเยี่ยนก็เริ่มเก็บกวาดข้าวของและเตรียมมื้อเย็น หลายปีนี้ได้ยินว่าแต่ละวันของเธอไม่ได้พิเศษอะไร สามารถทำกับข้าวให้เธอกินในหลายวันนี้ได้ก็ไม่เลว หวังหมิงเหยารายนั้นตายเร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นอย่าให้ตกถึงมือเขาเลย เขาจะทำให้เขารู้ว่าอะไรที่เรียกว่าตายไปเสียยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่ กล้ามารังแกลูกสาวของฉันหรือ?
เขาล้างปลาสะอาดเกลี้ยงเกลา ใส่เครื่องปรุงหลากรสลงไปและเริ่มนึ่ง ชงชาผู่เอ๋อร์ถ้วยหนึ่ง หูชีเยี่ยนจิบเข้าไปหนึ่งอึก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังเข้ามาจึงลุกขึ้นยืน ในใจสงสัยว่าหรือซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายจะลืมเอากุญแจติดตัวไปด้วย?
วันนี้สวี่อี้หรานตั้งใจเลือกชุดเป็นพิเศษ และแต่งตัวด้วยสีสันสดใส โอบดอกกล้วยไม้สีเขียวช่อใหญ่ไว้ในมือ ยืนอยู่ข้างหน้าคฤหาสน์ของซีเหมินจินเหลียน และยังจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยถึงได้กดกริ่งหน้าประตู
ไม่นานประตูถูกเปิดออก มีชายวัยกลางคนแต่งตัวเชยสะบัดโผล่ศีรษะออกมาถาม “นายมาหาใคร?” ในขณะที่หูชีเยี่ยนพูดประโยคนี้ก็ขมวดคิ้วเป็นปม แม้เขาจะรู้ว่าสวี่อี้หรานทำอะไร แต่เมื่อมาเห็นด้วยสองตาของตัวเอง ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจพอสมควร
สวี่อี้หรานนิ่งงัน นึกว่าตนเองมากดกริ่งผิดบ้าน แต่ไม่น่าจะใช่? ไม่ถูกสิ คนคนนี้…บนตัวมีพลังหยินหนาแน่น…เหมือนจะเกินตัวไปด้วยซ้ำ เขาถอยหลังก้าวหนึ่งและขมวดคิ้วถาม “คุณเป็นใครครับ?”
หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วพูด “ฉันเป็นเชฟที่คุณซีเหมินเชิญมา! นายล่ะเป็นใคร”
ที่แท้ก็เชิญเชฟมานั่นเอง ไม่น่าล่ะจึงชวนเขามากินข้าวด้วย? สวี่อี้หรานในใจสงสัยไม่หยุด ตัวซีเหมินจินเหลียนเองก็แปลกพอแล้ว นี่ยังเชิญพ่อครัวแปลกมาอีก คนคนนี้…มีพลังหยินหนักมาก เขาทำกับข้าวออกมาจะกินได้หรือเปล่า?
“ผมเป็นเพื่อนของคุณซีเหมินครับ” สวี่อี้หรานพูด “เขาโทรศัพท์เชิญผมมากินข้าว ถ้าคุณไม่เชื่อลองโทรไปถามเธอก็ได้”
“ไม่ต้อง นายเข้ามาเถอะ” หูชีเยี่ยนหลีกทางให้เขาเข้ามา
สวี่อี้หรานทำตัวเหมือนอย่างทุกครั้ง เมื่อเดินเข้าไปก็หาแจกันดอกไม้และใส่น้ำเต็มแก้วเสียบดอกไม้ลงไป จากนั้นวางไว้บนโต๊ะ…หูชีเยี่ยนมองเขา จู่ๆ ก็ยิ้มออกมาแบบไม่ทันได้รู้ตัว อยากจะเตือนเขาไว้ว่าความจริงซีเหมินจินเหลียนไม่ชอบดอกกล้วยไม้ เธอชอบดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวามากกว่า อย่างเช่นดอกโบตั๋น ดอกเสาเย่า ดอกกุหลาบต่างๆ และแน่นอนเธอชอบดอกบัวมากที่สุด
ให้ตายเถอะ ตาลุงนี่ก็หน้าตาหล่อเหลาจริงๆ! สวี่อี้หรานพึมพำในใจ เชฟคนหนึ่งต้องหล่อเว่อร์วังขนาดนี้ไปเพื่ออะไรกัน? เชฟก็คือคนรวยที่สันหลังยาวไม่ใช่เหรอ? ดูแล้วตาลุงนี่ไม่น่าจะแก่มากด้วยสิ เริ่มแรกเขาก็กวาดมองไปครู่หนึ่งแล้ว รู้สึกว่าเขาน่าจะอายุประมาณห้าสิบปีได้ แต่ตอนนี้มองดีๆ เขาไม่น่าจะถึงห้าสิบแน่ เพียงแต่สวมใส่เสื้อผ้าที่เฉิ่มเชยเท่านั้น….
[1] ภาชนะสามขา หรือหม้อสามขา เป็นภาชนะในสมัยโบราณที่เดิมทีทำมาจากดินเผา