ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้หันหน้ามา แต่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เพราะว่าไม่รู้เลยต้องตามหา” ความจริงแล้วตอนที่พูดประโยคนี้ออกมาเธอเองก็รู้สึกขาดความมั่นใจ ว่ากันตามจริงการที่เธอตามหาหินปิดฟ้า เหตุผลส่วนใหญ่ก็เพื่อตอบสนองความต้องการในใจของตัวเองด้วย หากใช้คำพูดของจ่านมู่ฮวามาพูดก็คือ พอมีเงินเยอะแล้วก็ต้องหาเรื่องที่น่าสนใจมาทำบ้าง ไม่ว่าจะยุคอารยะธรรมโบราณหรือตำนานหินปิดฟ้าต่างๆ สิ่งของพวกนี้ก็มีพลังดึงดูดยากที่จะต้านทานไหวจริงๆ ตอนเด็กๆ เคยได้ยินได้ฟังนิทานตำนานต่างๆ จนเธอเองถึงกับจินตนาการว่าหากมีตำนานเทพพวกนี้จริงๆ จะดีขนาดไหนกัน?
ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอจะยอมให้มันพลาดไปได้อย่างไร?
หูชีเยี่ยนไม่พูดอะไรออกมาอีก และไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ตอนนั้นตัวเขาเองก็มีนิสัยแบบนี้ไม่ใช่หรือ? แสวงหา สำรวจเส้นทาง เสาะหา…
ร่ำรวยไม่มีที่สิ้นสุด มีชีวิตเป็นอมตะ…แต่สุดท้ายกลับค้นพบว่าตัวเองก้าวเท้าตกเข้าไปในหลุมพราง
ตำนานเทพที่มนุษย์เล่าขานกันมาก็แค่ความสวยงามด้านหนึ่ง แต่สิ่งที่เรียกว่าเทพ…เขาไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ หรืออธิบายว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดยังจะเหมาะสมเสียกว่า
ความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์ไม่ต้องการตำนานเทพ!
“นี่เป็นของคุณหรือคะ?” ซีเหมินจินเหลียนหยิบหินหยกเปลือกสีขาวหิมะขนาดเท่าไข่ไก่ก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและยื่นไปตรงหน้าของหูชีเยี่ยน
หูชีเยี่ยนมองเธออย่างแปลกใจ ไม่นานก็ถามขึ้นว่า “ลูกไปเจอตระกูลหนิงมา?”
“คุณคือคนที่ชื่อหลี่ซานคนนั้น?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่าคนที่แพ้พนันหินในตอนนั้นเป็นเขาจริงๆ
“ไม่ใช่” หูชีเยี่ยนส่ายหน้าพูด “หลี่ซานคืออีกคน พ่อไม่ได้โง่ขนาดนั้น!”
“แล้วคุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ
“อืม” หูชีเยี่ยนคิดๆ ดูแล้ว เรื่องในตอนนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเธออีก จึงพูดขึ้นทันทีว่า “หลี่ซานเป็นคนของพ่อ ทักษะการเดิมพันหินของเขาก็ใช้ได้เลย เพียงแต่เขาโง่เขลาไปหน่อย เป็นคนดีกว่าคนในบ้านตระกูลหนิงคนนั้น แต่น่าเสียดาย เพียงแค่เหล้าสามแก้วลงท้องเขาก็โพล่งพูดออกมาจนหมด ถึงได้ตกหลุมพรางของคนในตระกูลหนิง!”
“หลี่ซานคนนั้น ตอนนี้เขาก็ตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่คะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามออกมาอย่างสงสัย
“เขาตายไปแล้ว” หูชีเยี่ยนพูด “อวิ๋นอวิ้นนางปีศาจควักดวงตาทั้งสองข้างของเขา เขาจึงฆ่าตัวตาย ตอนนั้นพ่อมีธุระอยู่ที่พม่าพอดี พอกลับมาถึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเขา และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ…นางปีศาจอวิ๋นอวิ้นนั้นคิดว่าเขาคือพ่อ เธอเลยรีบไปหาย่าของลูก…”
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา หากใช้คำพูดสมัยนี้มาอธิบายก็คือ หลี่ซานเป็นตัวละครที่น่าเศร้าตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงท้ายเรื่อง เขาเป็นได้แค่ตัวตายตัวแทนของหูชีเยี่ยน
ในใจของเธอไม่มีความสุขเอาเสียเลย สำหรับหูชีเยี่ยนคนที่มีทัศนคติชอบดูถูกชีวิตคนอื่น เธอก็พูดความรู้สึกไม่ออก ได้แต่ยิ้มเยือกเย็นและตอกกลับไปว่า “ถึงคุณจะพนันหินกับอวิ๋นอวิ้นก็ไม่แน่ว่าจะชนะนี่คะ”
“อวิ๋นอวิ้น?” หูชีเยี่ยนได้ยินเช่นนั้นจึงเดินไปตรงหน้าเธอและเอื้อมมือไปบีบจมูกเธอเล็กน้อย “ปีศาจแก่รายนั้นไม่มีอะไรเลย ให้เธอชนะพนันหินลูกในงานเดิมพันใหญ่ เธอก็ทำล้มเหลวไม่เป็นท่า ทำให้พ่อเสียหินหยกไปมากมายขนาดนั้น อีกทั้งต้องจ่ายเพิ่มอีกตั้งหลายร้อยล้านยูโร เหอะ!”
“คุณว่าอะไรนะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนตกใจจนหน้าถอดสี “คุณพูดให้ชัดเจนหน่อยได้หรือเปล่า”
“ง่ายมาก!” หูชีเยี่ยนส่ายหน้ายิ้ม “พ่อไม่อยากให้ลูกพนันหิน และไม่ชอบให้ลูกแกว่งเท้าเข้าไปในธุรกิจค้าขายอัญมณี เพราะฉะนั้นในงานประมูลหินใหญ่พ่อเลยให้อวิ๋นอวิ้นเป็นคนเล่นตุกติก หวังให้เธอสามารถเอาชนะลูกได้ จากนั้นลูกก็คงไม่มีทางมาเล่นพนันหินได้อีก แต่น่าเสียดายพ่อคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ฉายาตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้แก่ใครอย่างอวิ๋นอวิ้น เธอก็ไม่ได้เรียนรู้พรสวรรค์อะไรจากหูหวังสักนิดเลย เสียฮูหยินยังไม่พอ ยังเสียขุนศึกซ้ำเสียจริงๆ ทำให้พ่อต้องชดใช้เงินจำนวนมากจมเข้าไปในนั้น”
“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนโกรธจนไม่รู้จะสรรหาคำอะไรออกมาพูด
“ทำไมอวิ๋นอวิ้นถึงได้เชื่อฟังคุณ พวกคุณไม่ใช่ศัตรูกันหรอกเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าไปมา เธอกังวลว่าตอนที่มองหูชีเยี่ยน เธอจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ “คุณอย่าลืมนะคะ ว่าแม่ของฉัน คุณย่าของฉัน รวมถึงอาจารย์ที่จากไปล้วนเกี่ยวข้องกับเธอทั้งนั้น”
“แทนที่จะพูดว่าเกี่ยวกับเธอ ไม่สู้พูดว่าเป็นเพราะพ่อเป็นต้นเหตุ” หูชีเยี่ยนพูดนิ่งเฉยและพยักหน้า “แค่คนอย่างอวิ๋นอวิ้น อยากจะทำลายครอบครัวเราทุกคนมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ลูกรู้หรือเปล่าว่าสาเหตุที่เป็นจุดจบของตระกูลเราเป็นเพราะอะไร?
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ สาเหตุ? เรื่องนี้หากจะเสาะหาต้นตอของสาเหตุ ควรต้องบอกว่าเป็นเพราะหินหยกชั่วร้ายทั้งหมดที่เป็นแรงดึงดูดทำให้คนบ้าคลั่งความร่ำรวยมั่งคั่ง
“สาเหตุหลักทั้งหมดที่ทำให้ตระกูลพวกเราล่มจมก็เป็นเพราะย่าของลูก ตอนแรกก็แค่เล่นสนุก แต่ตอนหลังก็ทิ้งเป็นมรดกตกทอด จนสุดท้ายทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เมื่อเจอปัญหา ไปก่อเรื่องลำบากเข้า เธอก็ใช้วิธีซ่อนตัวเหมือนนกกระจอกเทศ หรือไม่รู้เหรอไงว่าโลกใบนี้ไม่ได้ใหญ่…อยากจะหลบไปตลอดชีวิตมันง่ายนักเหรอ?” หูชีเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ
“เธอเป็นแม่ของคุณนะ!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินคำพูดก้าวร้าวของเขายามที่พูดถึงคุณย่าแล้วจึงต้องพูดขึ้นขึ้น
“ผิดก็คือผิด ไม่ใช่อ้างว่าเธอเป็นแม่ของพ่อแล้วต้องบอกว่าเธอไม่ผิด!” หูชีเยี่ยนยิ้มขื่นๆ “ดังนั้นเมื่อพูดต่อหน้าคนข้างนอก แม้พ่อจะปกป้องเธออย่างไร ถึงกระนั้น…เธอก็ยังผิด”
“อะไรคือเล่นสนุกตอนแรก ตอนท้ายกลายเป็นมรดกตกทอดคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย
“เรื่องนี้ลูกไม่ต้องถามแล้ว” หูชีเยี่ยนโคลงศีรษะพูด “ถามไปพ่อก็ไม่บอกลูก เหมือนที่ลูกบอกไว้เมื่อครู่ เธอเป็นแม่ของพ่อ หากพูดเรื่องของแม่ตัวเองมันก็ดูร้ายแรงเกินไปหน่อย! อีกอย่างเธอก็ตายไปตั้งหลายปีแล้ว”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า หูชีเยี่ยนพูดต่อว่า “ที่พูดไปเมื่อครู่นี้ ลูกคิดว่าอย่างไร? ขอแค่ลูกไม่พนันหิน ลูกจะมีชีวิตที่สวยงาม”
“เหตุผลที่คุณให้มามันดูเกินจริงไปหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะ “เมื่อคุณเกลี้ยกล่อมฉันได้สำเร็จเมื่อไหร่ ฉันก็จะรับปากว่าจะไม่พนันหินอีก ไม่ไปตามหาหินปิดฟ้า แต่ฉันมีเบาะแสสำคัญอยู่ในมือนี่สิ ฉันจะต้องค้นหาอารยะธรรมที่หายไปในช่วงนั้นให้เจอ”
หูชีเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ ลุกขึ้นพูด “ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ หลินเสวียนหลานอยู่ที่นี่ ลูกพาตัวเขากลับไปเถอะ”
“เขา?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วสงสัย ไม่น่าละถึงว่าสองสามวันนี้ไม่ได้เจอหน้าเขาเลย ที่แท้เขาก็อยู่ที่นี่
“คุณทำอะไรเขาคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“พ่อถูกตีไปยกหนึ่ง แน่นอนต้องหาคนมาระบายอารมณ์!” หูชีเยี่ยนพูด
“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนไม่มีอะไรจะพูด นี่มันตรรกะบ้าบออะไร?
“หลายปีมานี้คุณสบายดีหรือเปล่าคะ?” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นถาม
“มืดจนไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน!” หูชีเยี่ยนพูดเบาๆ “ไม่ว่าหยกจะสวยหรือหรูหราเพียงใดก็ต้องใช้ชีวิตเพื่อสนุกกับมัน หากไม่มีชีวิตทุกอย่างก็เป็นแค่คำพูดที่เลื่อนลอย และหลายปีมานี้พ่อได้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้ว”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า หันกายกล่าวลาและเดินไปทางประตู
แต่จู่ๆ หูชีเยี่ยนก็พูดขึ้นว่า “มีหยกชนิดหนึ่ง พวกเราเรียกมันว่า…หยกชั่วร้าย!”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วก็ออกแรงกำหมัด หยกชั่วร้ายหรือ? นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาเต็มใจจะพูดเหรอ? หลายปีมานี้เขาทำอะไรอยู่? เขาไปอยู่ที่ไหนกัน?
มืดจนไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน!
ประโยคนี้สื่อถึงอารมณ์ความเจ็บปวดที่เอ่อล้น ความหรูหราเปลือกนอกห่อหุ้มเขาให้เป็นคนไม่มีทางเลือกมาก…ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ บางทีชีวิตของหูชีเยี่ยนอาจจะลำบากกว่าเธอตั้งหลายเท่า