จ่านป๋ายเริ่มรู้สึกเป็นห่วงซีเหมินจินเหลียนขึ้นมาบ้างแล้ว งานประมูลหยกใต้ดินที่พม่า เธอเดินเล่นเที่ยวชมงานติดต่อกันถึงสามวัน แต่กลับไม่ซื้อหินหยกดิบสักก้อน
หินหยกดิบที่เข้าร่วมงานประมูลกว่าหกพันก้อน เธอไม่สนใจสักก้อนเลยหรือ? ทุกวันตอนเช้าไปดูสินค้า กลับมาตอนกลางคืนก็กอดหมอนเหม่อลอย ถามอะไรก็ไม่พูดไม่จา
ในใจของจ่านป๋ายรู้ดี หูหวังนั้นก็ช่างเถอะ เพราะในใจของซีเหมินจินเหลียนเองก็ยอมรับผู้อาวุโสท่าทางแปลกประหลาดคนนี้เป็นปู่อยู่แล้ว แต่สำหรับหูชีเยี่ยนคนนั้น แม้จะเป็นเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรดี…พวกเขาเป็นพ่อลูกแท้ๆ ตอนนี้กลับเหมือนคนแปลกหน้าที่พบเจอกันตามท้องถนน จนบางทีอาจถึงขั้นเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปเป็นศัตรู
เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงอยากจะให้ซีเหมินจินเหลียนตามหาหินปิดฟ้าให้เจอ มีแต่เขาคนเดียวที่คัดค้านเต็มกำลัง? สำหรับคนเป็นพ่อ ถ้าหากได้เห็นลูกสาวประสบความสำเร็จจนมีวันนี้ได้ก็น่าจะต้องดีใจถึงจะถูกสิ? แต่ตรงกันข้าม เขากลับไม่มีวี่แววแห่งความปีติยินดี แต่อยากจะทำลายให้พังลงเสียมากกว่า?
ดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวมีริ้วแสงสีแดงประปราย ซีดเซียวจนไร้กำลัง ซีเหมินจินเหลียนยืนอยู่ตรงหน้าหินหยกดิบที่หนักประมาณหนึ่งตันก้อนหนึ่งด้วยสติเลื่อนลอย
“จินเหลียน ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว คุณยังอยากดูอีกหรือเปล่าครับ” จ่านป๋ายถาม “ถ้าหากไม่ดู พวกเราก็กลับกันเร็วหน่อยไหม”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วเหมือนตื่นขึ้นมาจากฝัน มองไปทางจ่านป๋ายและขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “เหลือเวลาอีกเท่าไหร่เหรอ”
“ตอนนี้สี่โมงสี่สิบแล้ว เหลือเวลาอีกยี่สิบนาที หินหยกดิบตั้งมากมาย คุณไม่คิดจะประมูลสักก้อนเลยเหรอครับ?” จ่านป๋ายถาม
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าน้อยๆ สามวันมานี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดจะซื้อ แต่พอเดินผ่านแล้วก็ยังไม่เห็นหินหยกดิบก้อนไหนที่ควรค่าให้เธอลงมือสัมผัส พวกมันไม่ใช่ของชั้นดีเลิศ ตอนนี้เธอจึงไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย
เห็นของดีมาตั้งมาก ส่วนมากจะเป็นชนิดเนื้อแก้วและเนื้อน้ำแข็ง หากสีไม่โดดเด่นเธอก็ไม่คิดจะสนใจ ส่วนชนิดเนื้อหยกที่ต่ำกว่านี้ก็ยิ่งยากที่จะเข้ามาอยู่ในสายตาของเธอ
เมื่อสักครู่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอนั้นก็คือหินหยกดิบก้อนนี้ แน่นอนราคาขั้นต่ำของหินหยกก้อนนี้ต้องสูงกว่าทั่วไปนิดหน่อย ราคาขั้นต่ำก็แปดล้านแล้ว…แถมยังเป็นเงินยูโรอีก!
เมื่อดูหินหยกดิบหกพันก้อนมาสามวันติด ความจริงเธอก็ดูแค่ประมาณหนึ่งพันก้อนเท่านั้น แน่นอนในหนึ่งพันก้อนนั้น เธอใช้แค่ความรู้สึกดูผ่านๆ อยากจะดูให้หมดมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก
แถมหินหยกดิบก้อนนี้เพราะว่าอยู่ท้ายๆ ดังนั้นเริ่มแรกเธอจึงไม่ได้ใส่ใจ แต่มาวันนี้ที่ได้เห็นหินหยกดิบนั่น เธอถึงได้ตกใจอย่างมาก ลักษณะภายนอกของหินหยกดิบก้อนนี้ก็ดีมากเหลือเกิน
เปลือกผิวหินสีเหลือง เกือบครึ่งส่วนของก้อนมีจุดหยกปกคลุมไปทั่ว ลวดลายบนหินสม่ำเสมอกัน หากใช้ไฟฉายแรงสูงส่องเข้าไปดูสักหน่อย ทะลุผิวหินน่าจะสามารถเห็นสีเขียวมรกตเปล่งแสงได้ รวมกับที่หินหยกก้อนใหญ่หนักถึงหนึ่งตัน จะไม่ให้เป็นจุดเด่นดึงดูดใครก็คงยาก
แต่ในใจของซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสั่นไหว เจ้าของหินหยกก้อนนี้ขอแค่เห็นสีเขียวฝั่งนั้นแล้วเปิดช่องหน้าต่างออกสักเล็กน้อย ราคาคงได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่เจ้าของหินหยกก้อนนี้ก็มีคุณธรรมจนใสซื่อไม่เล่นกลยุทธ์อะไรเลย
ในงานประมูลหยกยิ่งใหญ่แบบนี้ หินหยกดิบชั้นดีสักก้อนมักจะแถมหินหยกเกรดต่ำกองหนึ่ง ในขณะที่ซื้อหินหยกเกรดดีก็สามารถขนหินเกรดร้ายๆ กลับไปกองหนึ่งได้ด้วยในเวลาเดียวกัน
แต่ลักษณะภายนอกของหินหยกดิบก้อนนี้ก็ดีขนาดนี้ แต่ไม่มีหินหยกเกรดต่ำแถมติดมาด้วย บางทีเจ้าของของหินหยกดิบก้อนนี้ก็อาจคิดว่าหากเอามันมาขายพร้อมกันกับหินหยกเกรดต่ำก็เป็นการดูหมิ่นดูแคลนอย่างหนึ่ง?
ซีเหมินจินเหลียนเอื้อมมือไปแตะด้านบน เม็ดทรายละเอียดยิบตามลักษณะที่มันปรากฏให้เห็น นี่ก็ดีมากเหลือเกิน…ดูจากภาพรวมแล้วหินหยกดิบก้อนนี้ก็สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเธอถึงได้แอบรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง แต่รายละเอียดที่แน่ชัดนั้นเธอก็พูดไม่ออก
แน่นอนแม้ว่าลักษณะหินหยกภายนอกจะดีกว่านี้ แต่รายละเอียดลึกๆ เธอต้องดูก่อนถึงค่อยพูดออกมาได้…
ซีเหมินจินเหลียนแตะมือลงไป ผิวสีเหลืองเลือนหายเข้าไปในข้างใน ในนั้นมีริ้วสีเขียวที่ทำให้อกสั่นขวัญหาย สีเขียวชนิดนี้เหมือนดั่งป่าลึกในหุบเขา เขียวมรกตเหมือนน้ำในมหาสมุทร สดใสเปล่งปลั่ง ชุ่มฉ่ำสบายตา
ไม่ใช่ว่าซีเหมินจินเหลียนเป็นคนไม่เคยเจอสีเขียวสดมาก่อน ตรงกันข้าม ในบรรดาหยกหลากสีที่เธอสะสมนั้น สีเขียวสดก็มีจำนวนมาก และมีสีหินหยกดิบบางส่วนที่ชนะสีเขียวสดด้วย
แต่เมื่อเทียบกับหินหยกดิบก้อนนี้แล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกว่า…สีเขียวพวกนั้นทั้งหมดอ่อนเกินไป ดูแล้วไม่มีสีสัน…
ราชาสีเขียว?
ซีเหมินจินเหลียนคิดในใจ และคิดถึงคำคำหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในหัว จริงสิ นี่คือสีเขียวจักรพรรดิในตำนาน มีความน่าเกรงขามและให้ความรู้สึกอำนาจของจักรพรรดิ ในเวลาเดียวกันก็มีความภาคภูมิใจของพวกชนชั้นสูง ไม่กล้าดูถูกดูแคลนง่ายๆ
เมื่อเพ่งดูต่อไป ซีเหมินจินเหลียนก็ต้องตกตะลึงตาค้าง หินหยกดิบดีแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยพบเจอมาก่อน แค่หินหยกดิบก้อนนี้ นอกจากเปลือกหินข้างนอกที่ดีแล้ว ข้างในยังเป็นสีเขียวจักรพรรดิน้ำงามเปล่งปลั่งทั้งหมด ไร้ซึ่งที่ติ
สีเขียวจักรพรรดิหนึ่งตัน? มันหมายความว่าอย่างไรกัน แม้เธอจะเห็นหยกชั้นเลิศจนคุ้นชิน แต่ครั้งนี้หัวใจก็เต้นแรงจนควบคุมไว้ไม่อยู่เหมือนกัน…
ซีเหมินจินเหลียนมองไปยังหมายเลขประมูลและราคาขั้นต่ำ ในใจก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อย่าพูดถึงเงินแปดล้านยูโรเลย ถึงจะแปดสิบล้านยูโรเธอก็ไม่เสียดาย
“จินเหลียน…” แม้ว่าตอนที่ซีเหมินจินเหลียนดูสินค้าจ่านป๋ายจะไม่อยากจะมารบกวน แต่ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยติดอาวุธครบครันเริ่มเดินมาต้อนคนให้ออกจากหอประชุม
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า อดไม่ได้ที่จะแตะลงบนหินหยกก้อนนั้นอีกครั้ง และจดจำหมายเลขประมูลไว้ หมุนตัวเดินตามจ่านป๋ายออกไปข้างนอก
“จินเหลียน มีชิ้นไหนที่อยากจะซื้อหรือเปล่าครับ” จ่านป๋ายถาม “อย่างน้อยพวกเราก็ห้ามมาพม่าเสียเปล่าเชียวนะ!”
“มีสิ ไม่ต้องรีบร้อน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “รอถึงวันสุดท้ายก็พอแล้ว!” เนื่องจากงานประมูลหยกครั้งนี้จัดขึ้นห้าวัน สี่วันแรกนักธุรกิจหยกจากทั่วโลกจะมาตรวจสอบสินค้าและหมายเลขประมูล ในวันสุดท้ายถึงได้ทำการเปิดเผยราคา พรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็นหอประชุมจะปิดลง
“ผมแค่เป็นห่วงคุณ” จ่านป๋ายถอนหายใจเบาๆ
“เป็นห่วงฉันเรื่องอะไรกัน” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“เป็นห่วงทุกเรื่อง!” จ่านป๋ายส่ายศีรษะอย่างจนใจ
“ฉันอยากจะเจอเขาอีกครั้ง” ซีเหมินจินเหลียนพูดโพล่งขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อะไรนะ?” จ่านป๋ายสับสน ยังไม่ทันได้เรียกสติกลับคืน
“ฉันอยากจะเจอ…เขา” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณพอจะมีวิธีหรือเปล่า”
“หูชีเยี่ยนเหรอ?” จ่านป๋ายลองถาม
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า แต่จ่านป๋ายกลับขมวดคิ้วเป็นปม หูหวังเคยพลิกฟ้าตามหาเขาทั่วโลก แต่เขากลับหลบซ่อนไม่เคยปรากฏตัวให้เห็น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากเจอพวกเขา และคนคนนี้ยังลึกลับยากที่จะคาดเดา อำนาจยิ่งใหญ่ อยากจะเจอเขาก็เกรงว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ผมรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่ถ้าเขาไม่อยากพบคุณ ผมก็จนปัญญา” จ่านป๋ายส่ายหน้า
“ลองดูก่อนก็แล้วกัน” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจยาว “ครั้งที่แล้วฉันโกรธเขาจนทำตัวไม่ถูก ลืมถามคำถามสำคัญไปหนึ่งอย่าง”
“คำถามอะไรเหรอครับ” จ่านป๋ายถาม
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งไปอยู่พักหนึ่ง “เรื่องครอบครัวของพวกเรา”
จ่านป๋ายปิดปากลงอย่างเข้าใจ ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ครอบครัวของซีเหมินจินเหลียนนั้นไม่ใช่แค่ซับซ้อนธรรมดา เขายังแอบดีใจด้วยซ้ำที่ตระกูลนี้…ตอนนี้ถือว่าไม่ได้มีอำนาจใหญ่โต แต่ถ้าหากวันหนึ่งผงาดขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ เกรงว่าบนโลกใบนี้ก็คงไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้แล้วสินะ?
ไม่สิๆ ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่คนอย่างเขาก็ยังทำให้คนหวาดกลัวขนหัวลุกได้
ผู้อาวุโสหูมีทรัพย์สินไปทั่วทุกที่ หูชีเยี่ยนมีอำนาจใหญ่ในพม่า ส่วนซีเหมินจินเหลียนนั้นมีโกดังหยกที่เก็บสะสมหยกพวกนั้นไว้ นี่ก็เพียงพอจะทำให้ทั้งโลกต้องสะเทือนแล้ว
เมื่อกลับมาถึงโรงแรมกินอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ซีเหมินจินเหลียนก็ตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ พร้อมทั้งแต่งหน้าอ่อนๆ ผมที่ยาวสลวยของเธอก็ใช้ปิ่นปักผมหยกมวยขึ้นมา
จ่านป๋ายฝืนยิ้มออกมา “จินเหลียน คุณจะไปพบพ่อของคุณนะครับ!”
“แต่งตัวสักหน่อย นี่ก็เป็นการให้เกรียติขั้นพื้นฐาน” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“โอเคครับ” จ่านป๋ายไม่พูดต่อ ทั้งคู่เดินออกจากประตูเพื่อเรียกรถ ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นว่า “สองวันนี้ คุณได้เห็นหลินเสวียนหลานบ้างหรือเปล่า”
“ไม่นะ” จ่านป๋ายส่ายหน้า “ทำไมเหรอ?”
“เมื่อครู่ฉันก็โทรไปหาเขา แต่เขาปิดเครื่อง” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วพูดขึ้น “เขาอยู่พม่า ไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ ขอให้อย่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย”
เพราะรูปภาพพวกนั้นเป็นต้นเหตุ ซีเหมินจินเหลียนจึงอดไม่ได้ที่จะมองหลินเสวียนหลานแตกต่างจากเดิม เดิมทีเธอคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้หลินเสวียนหลานเลี่ยงไม่ยอมเจอเธอ แต่พอคิดดูอีกทีมันก็ดี ต่างคนต่างให้เวลากันทำใจให้เย็นลงสักสองวัน เมื่อเจอหน้าจะได้ไม่อึดอัดใจ
แต่เธอคิดไม่ถึงว่างานประมูลหยกครั้งนี้จะไม่เจอหลินเสวียนหลาน เขาอยู่ที่พม่าก็น่าจะไม่มีทางพลาดงานนิทรรศการครั้งใหญ่แบบนี้…เขาก็รักหยกมากกว่าอะไรทั้งนั้น
“ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกครับ เขาก็โตขนาดนี้แล้ว น่าจะดูแลตัวเองได้” จ่านป๋ายปลอบ
“อีกเดี๋ยวพอกลับไปแล้ว คุณก็ลองไปดูหน่อยแล้วกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “อย่างน้อยก็พักโรงแรมเดียวกัน เขาไม่จำเป็นต้องหลบฉัน!”
“ได้ครับ” จ่านป๋ายรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ในใจก็รู้สึกสงสัย หลินเสวียนหลานไม่มีทางหลบซีเหมินจินเหลียนแน่ เรื่องนี้เขาก็รู้ดีกว่าใคร ยิ่งเป็นคนที่ไม่ควรค่าแก่การเคารพ ใบหน้าก็จะยิ่งหนาขึ้น และเขาก็ไม่ได้คิดว่านำรูปของซีเหมินจินเหลียนให้คนอื่น นี่เป็นความผิดของเขาเอง
ดังนั้นเรื่องที่หลินเสวียนหลานคอยหลบซีเหมินจินเหลียนจึงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
รถแท็กซี่ขับมาจอดที่คฤหาสน์ระดับไฮเอนด์หลังหนึ่ง จ่านป๋ายจ่ายเงินและจูงมือซีเหมินจินเหลียนเดินไปที่หน้าประตู แต่ตรงนั้นกลับมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่แต่งกายเหมือนตำรวจคอยขวางทางพวกเขาสองคนเอาไว้
“พวกเราต้องการจะพบคุณหูค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น
พนักงานรักษาความปลอดภัยมองหน้าสบตากัน ตอนนั้นก็ส่ายศีรษะไปมา จากนั้นก็พูดขึ้นเป็นภาษาพม่าที่ซีเหมินจินเหลียนฟังไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
จ่านป๋ายขมวดคิ้ว เมื่อครู่นี้เขาน่าจะจ้างล่ามมา ลืมไปเลยว่าที่นี่เป็นพม่า หูชีเยี่ยนเป็นคนจีนนั่นก็ไม่ผิด แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเขาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคนจีนเหมือนกัน ตอนนี้พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ จึงพยายามทำสิ่งที่พอจะทำได้เท่านั้น เขาจึงลองใช้ภาษาอังกฤษพูดประโยคที่ซีเหมินจินเหลียนพูดเมื่อสักครู่นี้ออกไป
แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยังคงส่ายหน้าแสดงว่าฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขื่นออกมา เขาเป็นพ่อของเธอ แต่เธอกลับถูกคนของเขาขวางไว้หน้าประตูบ้านของหูชีเยี่ยน…
256 ราชาสีเขียว