แต่หินหยกดิบก้อนนี้ไม่เหมือนกับก้อนอื่น รูปทรงรีที่ปรากฏ เมื่อกุมอยู่ในมือเหมือนกับไข่ไก่ฟองหนึ่งที่เนียนลื่นชุ่มฉ่ำ อีกทั้งยังเป็นสีขาวหิมะหายาก ทำให้คนที่มองชื่นชอบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
แต่หินหยกก้อนนี้ก็ไม่มีจุดหยกและเส้นลายหยกสักนิดเดียว อีกทั้งร่องรอยบนหินก็ยังธรรมดาเป็นอย่างมาก
“นี่จะได้ยังไงกัน?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ฉันจะรับของจากคุณแบบไม่มีเหตุผลไม่ได้ อีกอย่างพวกคุณก็ไม่ได้ทำอะไรผิด หินหยกนั้นก็เป็นของพวกคุณ พวกคุณอยากจะขายให้ใครก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องขอโทษ”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า แม้ขณะที่สัมผัสหินหยกก้อนนั้นเธอจะรู้สึกถึงความผิดปกติ เหมือนดั่งเห็นญาติที่ไม่เคยพบเจอมาเนิ่นนาน แต่เธอก็พยายามควบคุมอารมณ์และตั้งสติของตนเอง โดยไม่ใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่านเพื่อดูหิน ไม่อย่างนั้นเธอก็กลัวว่าถ้าเธอดูแล้ว หินหยกก้อนนั้นเกิดมีลักษณะดีจริง ถ้าหากมันเหมือนผิวสีดำอีกาที่เคยเก็บมาจากร้านเถ้าแก่โจวที่ข้างในมีสี่สีคอยส่องแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์…เธอก็เริ่มสงสัยแล้วว่า เธอยังจะมีความคิดแบบนี้อยู่หรือเปล่า?
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม แต่เธอก็ไม่อาจรับของจากสองแม่ลูกตระกูลหนิงมาอย่างไม่มีเหตุผลได้
“แม่ของฉันบอกว่า ของสิ่งนี้เดิมทีก็เป็นของคุณ!” หนิงชุ่ยฉินยิ้มกล้ำกลืน “เพราะของสิ่งนี้ตอนแรกก็เป็นของครอบครัวเรา เป็นของที่อาหลี่ซานทิ้งไว้ เพราะอย่างนั้น…”
“แล้วมันจะเป็นของฉันได้ยังไงกัน?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มและส่ายหน้าพูด
“แม่ฉันไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่บอกว่าของสิ่งนี้เป็นของคุณ ให้ฉันมามอบให้คุณด้วยตัวเอง!” หนิงชุ่ยฉินพูด “คุณจะไม่รับไว้ไม่ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นฉันกลับไปต้องโดนแม่ด่าว่าไม่ได้เรื่องแน่ อีกอย่างหากเป็นเรื่องที่แม่ตัดสินใจแล้ว ต่อให้นำวัวเก้าตัวมาฉุด ก็ฉุดแม่ไม่ได้หรอก ถึงตอนนี้คุณจะไม่รับ แต่ในอนาคตแม่ฉันต้องไปหาคุณถึงเซี่ยงไฮ้แน่!”
“คุณป้าหนิงก็เกรงใจเกินไปแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนฝืนยิ้มออกมา
พูดจบเธอก็หันตัวเดินเข้าไปในห้อง เขียนเช็คเงินสดใบหนึ่งยื่นไปให้หนิงชุ่ยฉิน “ในเมื่อคุณป้าเกรงใจขนาดนี้ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ เงินก้อนนี้พวกคุณก็เอาไปซื้อบ้านแล้วย้ายออกไปแล้วกัน!”
“ฉันรับเงินจากคุณไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นแม่คงได้ตีฉันตาย!” หนิงชุ่ยฉินส่ายหน้าติดๆ กัน
“ถ้าเธอไม่รับ ฉันก็รับของจากเธอไม่ได้” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“เอ่อ…” ความจริงหนิงชุ่ยฉินก็หัวใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นว่าเช็คเงินสดใบนั้นเขียนจำนวนเงินไว้ว่าสองล้าน ไม่เพียงแต่เพียงพอให้เธอไปซื้อบ้าน แต่ยังช่วยให้ชีวิตพวกเธอต่อจากนี้สุขสบายขึ้นมาก ในอนาคตเธอจะได้หาคนดีๆ มาแต่งงานได้แล้ว
“เสี่ยวป๋าย นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณหนิงกลับบ้านคนเดียวก็อันตรายเกินไป รบกวนคุณไปส่งเธอหน่อยแล้วกันนะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดจบก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หนิงชุ่ยฉินได้ปฏิเสธ ยิ้มให้และระหว่างที่พูดก็ส่งสัญญาณผ่านสายตาไปให้จ่านป๋าย
“จริงครับ” จ่านป๋ายพูด “คุณหนิงยังสาวยังสวย เดินตามถนนกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ก็อันตรายเกินไป” เมื่อพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน ผายมือเป็นการเชื้อเชิญ จากนั้นก็ยิ้มตอบแสดงว่ารับรู้เจตนาของซีเหมินจินเหลียน
หยิงชุ่ยฉินมองซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดขึ้นว่า “คุณซีเหมิน คุณเป็นคนดีจริงๆ”
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา คนดีเหรอ? แม้ว่าเมื่อก่อนเธอจะพยายามที่จะเป็นคนดีมาตลอด แต่เธอรู้ว่าเมื่อความสามารถพิเศษของเธอปรากฏขึ้น เธอก็ไม่ใช่คนดีอีกต่อไปแล้ว
ยุคนี้ การเป็นคนดีก็เทียบกับการมีเงินไม่ได้แล้ว!
สายตาเห็นหนิงชุ่ยฉินเดินจากไปแล้ว เมื่อถูกมารบกวนแบบนี้ ซีเหมินจินเหลียนก็นอนต่อไปไม่หลับ ตอนนั้นเลยกลิ้งไปมาอยู่บนโซฟาและถือหินหยกก้อนสีขาวหิมะเริ่มทำการสำรวจดู
นอกจากผิวหินจะดูดีแล้ว ส่วนที่เหลือหินหยกก้อนนี้ก็ไม่มีอะไรโดดเด่น ซีเหมินจินเหลียนพยายามครุ่นคิดถึงข้อมูลเดิมพันหินทั้งหมดที่เคยมีอยู่ในคลังสมอง เหมือนเธอจะไม่เคยได้ยินว่ามีแหล่งกำเนิดที่ไหนมีหินหยกสีขาวหิมะ? ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยเจอมาก่อน
“ของปลอมเหรอ?”
หากเปลี่ยนเป็นสถานที่อื่น ซีเหมินจินเหลียนคงได้สงสัยอยู่บ้าง แต่ระหว่างที่หนิงชุ่ยฉินยื่นหินหยกที่ถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ ก้อนนั้นมาให้เธอ เธอก็เหมือนมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง เธอรู้ว่าหินหยกก้อนนี้ไม่ใช่ของปลอม
อีกทั้งเธอยังรู้สึกเหมือนกับญาติที่ห่างหายกันไปนานแสนนานและได้กลับมาพบกันใหม่
มือจับหินหยกสีขาวก้อนนั้นไว้ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกถึงความร้อนที่ไหลผ่านมาในฝ่ามือ เธอกุมหินหยกก้อนนั้นเอาไว้ จากนั้นผิวสีขาวหิมะค่อยๆ หายไปในดวงตาเธอ
สีมหัศจรรย์สะท้อนเข้ามาในใจ!
ใช่แล้ว นี่เป็นสีมหัศจรรย์ สีที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนพูดไม่ออกว่าเป็นสีอะไรกันแน่ แต่ในเวลาเดียวกันก็ให้ความรู้สึกสงบสุข…
หากบอกว่ามันเป็นสีเหลือง แต่มันก็มีสีฟ้าเขียวอยู่ในนั้น บอกว่ามันเป็นสีฟ้าเขียว แต่ในสีฟ้าเขียวก็มีแสงสีแดงเป็นเกล็ดๆ…
สีแบบนี้ก็แปลกจนไม่รู้จะแปลกอย่างไรแล้ว แต่เพราะว่าเนื้อหยกมีเอกลักษณ์เป็นพิเศษในตัวมัน ความชุ่มชื้นสดใสนี้ทำให้สีสันแปลกประหลาดพวกนี้รวมตัวกันได้กลมกลืน นี่ไม่ใช่หลากสี และไม่ใช้สีรุ้งที่ลุงงูบอก นี่น่าจะเป็นสีผสมตามธรรมชาติ
ซีเหมินจินเหลียนแค่นยิ้มออกมา ของสิ่งนี้คือสีอะไรกันแน่? หากจะพูดให้ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นสีเขียวฟ้า เหมือนกับสีของท้องฟ้าในยามเช้า แสงตะวันในยามเช้า ท้องฟ้าภายใต้แสงตะวัน สีฟ้าเขียวไม่เหมือนกับสีน้ำเงินเปล่งปลั่ง
สำหรับพื้นผิวของหยกก้อนนี้ แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะเห็นสีของหินหยกมามาก ความแวววาวนี้ไม่ต้องพูดถึง ความโปร่งใสเนียนลื่นนี้ต้องเป็นเนื้อแก้วแน่ แต่ไม่รู้ว่ามาจากแหล่งกำเนิดไหน
ขนาดไม่ใหญ่ แม้ผิวข้างนอกจะมีขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ แต่ข้างในก็มีสีมหัศจรรย์ ขนาดแค่ประมาณหนึ่งเซนติเมตร รูปทรงรีเอาวัตถุดิบออกมาทำได้มากสุดก็แค่จี้
แสงสะท้อนดวงอาทิตย์!
ไม่รู้ทำไม ในใจซีเหมินจินเหลียนถึงมีคำคำหนึ่งแวบขึ้นมา
ไม่รู้ว่าหลี่ซานคนที่หนิงชุ่ยฉินพูดถึงนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทำไมถึงได้ทิ้งของมีค่าแบบนี้ไว้? อีกทั้งยังได้ยินว่าหลี่ซานคนนั้นเหมือนจะข้องเกี่ยวกับอวิ๋นอวิ้นด้วย? ตอนนั้นก็เป็นเพราะเขาที่ทำให้อวิ๋นอวิ้นไม่คิดหน้าคิดหลัง ซื้อตัวพ่อของหนิงชุ่ยฉินให้มาฉ้อโกงเดิมพันหินถึงได้ชนะไป ถือว่าเป็นคนที่โดดเด่นมีความสามารถในสายนี้จริงๆ
แต่ไม่รู้ทำไมหนิงชุ่ยฉินถึงพูดว่าคนคนนี้มีความข้องเกี่ยวกับเธอล่ะ?
จ่านป๋ายไปส่งหนิงชุ่ยฉินกลับบ้าน หวังว่าเมื่อเขากลับมาแล้วจะสามารถให้คำตอบกับเธอได้!
ครั้งก่อนจ่านป๋ายเคยติดตั้งเครื่องดักฟังจึงแอบได้ยินหนิงชุ่ยฉินสองแม่ลูกพูดคุยกัน ถึงทำให้ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าหลี่ซานคนนี้รู้จักอวิ๋นอวิ้นมาหลายปีแล้ว และเคยใช้วิธีน่ารังเกียจมาก่อน
ไม่ทันได้รู้ตัว ซีเหมินจินเหลียนก็เริ่มคิดถึงคนที่ชื่อหลี่ซานขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร ตอนนั้นพวกเขา กผ้เดิมพันชีวิตกันสินะ…
ไม่ใช่ทุกคนที่เหมือนกับเธอ ที่ชนะแล้วไม่ชอบของเปื้อนคาวเลือด เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็นึกถึงเรื่องวันก่อนขึ้นมาได้ วันที่คุณนายซูยังติดค้างดวงตาแสนสวยคู่หนึ่งไว้กับเธอ