ซีเหมินจินเหลียนพึมพำในใจ หินหยกก้อนไม่ใหญ่นำมาทำเป็นเครื่องประดับไม่ได้ และหากใช้หินหยกนี้ทำเครื่องประดับ สีของมันก็เข้มเกินไป เกรงว่าคงไม่มีคนชอบเท่าไหร่ แต่ถ้านำมาทำเป็นของตกแต่งล่ะ?
ในขณะนั้นเองเธอก็เผชิญหน้ามองหินก้อนเต้าหู้สี่เหลี่ยมอย่างตกตะลึง! ทั้งๆ ที่มีสีสันธรรมดาแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ดูมีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้ นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน หยกแบบนี้ถือว่าเป็นสมบัติชั้นดีหรือเปล่า?
สีที่เข้มกว่าเล็กน้อยนั้นไม่ได้ขายดีที่สุด แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมสีแบบนี้ถึงได้แผ่รังสีความอึดอัดได้มากมายขนาดนี้กัน?
ซื้อกลับไปตัด…สำรวจดูหน่อยดีกว่า! ซีเหมินจินเหลียนแอบพูดในใจ
“จินเหลียน คุณกำลังเหม่ออะไรอยู่ครับ?” จ่านป๋ายพูด “ผมเรียกคุณตั้งสองครั้งแล้ว คุณไม่ได้ยินเหรอ?”
“ฉันชอบหินเต้าหู้ก้อนนี้” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เพราะอย่างนั้นฉันจะซื้อ!”
“ผิวหินของมันยังไม่มีเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าดีร้าย?” จ่านป๋ายกลัดกลุ้มพร้อมถามขึ้น “ถ้าเดิมพันแพ้จะทำยังไง”
“แพ้ก็แพ้สิ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “มีใครที่เดิมพันหินแล้วไม่แพ้บ้าง? ไม่ใช่ว่าฉันก็เคยแพ้เดิมพันมาก่อนเหรอ?”
“ก็ใช่ครับ!” จ่านป๋ายยิ้ม “เมื่อกี้ผมก็เห็นหินก้อนหนึ่งอัปลักษณ์มาก และน่าสนใจมากเหมือนกัน คุณลองมาดูสิ!”
“หือ?” ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้งไป หินหยกที่อัปลักษณ์และน่าสนใจในก้อนเดียวนี่นะ?
“คุณมาดูเถอะ!” จ่านป๋ายพูดพลางและเรียกให้เธอมาหา
ซีเหมินจินเหลียนสงสัยและเดินตามจ่านป๋ายไป เมื่อมองไปตามทิศทางมือที่จ่านป๋ายชี้แล้ว เพียงแค่แวบเดียวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา หินหยกก้อนนี้ก็น่าเกลียดและน่าสนใจจริงๆ ด้วย
“ตลกไหมครับ?” จ่านป๋ายพูด “ผมไม่รู้เลยว่านี่เป็นหินที่คนสร้างขึ้นมาหรือเปล่า”
“คนสร้างขึ้นเหรอ? ทำอะไรไม่ทำ แต่มาทำเป็นก้อนอุจจาระเนี่ยนะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มมีเลศนัย หินหยกผิวสีเหลืองแกมน้ำตาล พื้นผิวหยาบกระด้าง ฐานแบนกลม จากนั้นมีลวดลายเกลียววนขดขึ้นไป หากวางไว้ตามพื้น ด้วยเพราะตัวของมันเป็นสีเหลืองแกมน้ำตาล จึงทำให้ดูแล้วเหมือนมีคนไม่ใส่ใจสุขอนามัยแล้วปล่อยเรี่ยราดอย่างไรอย่างนั้น…
ไม่น่าล่ะจ่านป๋ายถึงได้หัวเราะก๊ากขนาดนั้น มันก็ทั้งอัปลักษณ์และน่าสนใจจริงๆ
“น่าสนใจดีใช่ไหมครับ?” จ่านป๋ายยิ้ม “เมื่อกี้ผมเกือบจะเหยียบมันเข้าแล้ว ในใจร้องโหวกเหวกใหญ่…แย่แล้ว เหยียบอึเข้าแล้ว แต่พอคิดไปคิดมาก็นึกได้ว่าที่แบบนี้จะมีอึมาจากไหนกัน”
แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะพยายามอดทนอดกลั้น แต่ใบหน้าก็แย้มยิ้มออกมาหนักขึ้นเรื่อยๆ หากไม่สนใจว่าคุณหลี่กับเจียหยวนฮวาอาจจะแอบมองพวกเขาผ่านทางประตูกระจกอยู่ เธอก็อยากจะระเบิดเสียงหัวเราะให้ดังลั่นเลย
“ถ้าคุณชอบมัน ก็ซื้อกลับไปก็ได้นี่!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“เอ่อ คุณลองดูก่อนเถอะว่ามันเป็นหินหรือเปล่า” จ่านป๋ายพูด “ผมไม่ค่อยชอบหินเท่าไหร่ ถ้าเป็นหยกก้อนอุจจาระก็โอเค!”
“คุณกำลังดูถูกหยกอยู่นะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างหมดอารมณ์ “ฉันไม่ดูหรอก ของแบบนี้ดูแล้วอึดอัดไงชอบกล!”
“ดูเถอะครับ” จ่านป๋ายตามตื้อขอร้องเธอ “สนุกดีนะ”
“ฉันไม่จับอุจจาระ!” ไม่ว่าจะพูดอย่างไรซีเหมินจินเหลียนก็ไม่ยอมดู
จ่านป๋ายหัวเราะออกมาในทันใด “จินเหลียน ความจริงพวกเราก็คิดมากไป…นี่ คุณลองคิดดูสิ ถ้าไม่มองว่ามันเป็นอุจจาระ มันจะเหมือนอะไรครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งงันไป ไม่มองว่าเป็นอุจจาระเหรอ? แล้วจะเป็นอะไรได้ ตอนนั้นเธอจึงเดินเวียนรอบหินหยกก้อนนั้นและส่ายหน้าพูด “ฉันยิ่งดูก็ว่ายิ่งเหมือน ตอนที่คุณไม่พูดออกมาก็ช่างเถอะ แต่พอคุณพูดออกมาเท่านั้นแหละ ฉันก็เหมือนได้กลิ่นเหม็นลอยมาเลย”
จ่านป๋ายเข้าใกล้ใบหูเธอและกระซิบพูดขึ้นว่า “คุณไม่คิดว่ามันเหมือนงูที่นอนขดตัวอยู่เหรอครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนตกตะลึง และมองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง นี่ก็เหมือนอยู่นิดหน่อย แต่เธอมองอย่างไรมันก็ยังเหมือนก้อนอุจจาระมากกว่าไม่ใช่เหรอ? แต่จ่านป๋ายพูดแบบนี้แล้ว ถ้าเธอไม่ดูก็ไม่รู้จะพูดยังไง ตอนนั้นเลยพยายามไม่หัวเราะและเดินไปทางจ่านป๋าย นั่งยองๆ ลงบนพื้นและสำรวจผิวอย่างละเอียด
ผิวหินหยกก้อนนี้ต้องเป็นพวกไม่มีความโดดเด่นในตัว อย่าพูดถึงจุดหยกเส้นลายหยกเลย แม้แต่ผิวก็ยังหยาบกระด้าง
“ดูแล้วเหมือนอุจจาระของยักษ์” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะออกมาและยื่นมือออกไปสัมผัส อีกทั้งยังขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หินหยกก้อนนี้ดูจากเม็ดหินที่หยาบกระด้างแล้ว แต่เมื่อสัมผัสกับมือมันไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้…อย่างน้อยมันก็ไม่ได้หยาบถึงขั้นที่เธอคาดการณ์
มือขวาแตะลงไปด้านบน ผิวสีเหลืองแกมน้ำตาลค่อยๆ เลือนหายไป ข้างในเป็นหินสีขาว ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ บนโลกใบนี้จะมีหินเหลือๆ ที่ไม่มีใครเอาตกหล่นให้เก็บได้อีกเหรอ เธออาศัยความสามารถในการมองทะลุผ่านถึงได้เจอหยกดีๆ นับไม่ถ้วน ไม่อย่างนั้นอาศัยแค่โชคชะตากับสายตาในการเดิมพันหินเท่านี้ จะเดิมพันจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
แต่คิดไปไม่ถึงเท่าไหร่ ซีเหมินจินเหลียนก็จำต้องขมวดคิ้วเป็นปม หินสีขาวค่อยๆ เลือนหายไปจากดวงตาของเธอ ในตาที่ลุ่มลึกไม่มีสีใดๆ เกิดขึ้น ชนิดเนื้อน้ำแข็ง? ดูเหมือนจะใช่ แต่คงไม่ถึงขั้นเนื้อน้ำแข็งหรอก ความโปร่งใสไม่ได้ดีเยี่ยม แถมยังขุ่นเล็กน้อย ข้อดีของมันข้อเดียวคือชุ่มชื้นสม่ำเสมอกัน
สิ่งที่ทำให้เธอตกใจก็คือในเนื้อน้ำแข็งกลับมีสีแดงเข้มเหมือนกับเส้นผมแต้มอยู่ด้านบน ล้อมรอบอยู่ในนั้น มองแล้วเหมือนเป็นเกล็ดเลือด
ของแบบนี้ถ้าไม่นำมาเจียระไนเป็นเครื่องประดับก็มีที่ขายแน่ๆ
“จินเหลียนเป็นไงบ้าง” จ่านป๋ายเห็นเธอลุกขึ้นยืนเขาจึงรีบซักถาม
“อืม สิ่งที่คุณต้องตาไม่ได้แย่ ซื้อเถอะ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
จ่านป๋ายได้ยินประโยคนี้ก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่าในเมื่อซีเหมินจินเหลียนพูดจาดี แสดงว่าไม่น่าจะแพ้เดิมพัน อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่เคยเห็นเธอแพ้เดิมพันมาก่อน
“คุณจะดูสินค้าอื่นอีกไหมครับ” จ่านป๋ายถาม
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เธอตัดสินใจที่จะซื้อหินหยกชนิดรองจากเนื้อน้ำแข็งกลับไปแล้วลงแรงฝีมือทำเป็นเครื่องประดับสักหน่อย ธุรกิจหยกปลายปีนี้ต้องทะยานสูงขึ้นแน่ ถึงเวลานั้นค่อยแถมเป็นของแถม ซื้อหินหยกชั้นดีแถมเครื่องประดับที่สามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้ แถมเกรดเครื่องประดับหยกเนื้อน้ำแข็งนี้เอาออกไปขายตลาดที่ไหนก็ไม่ต้องทุกข์ใจ
บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่คือเส้นทางของสินค้าชั้นดี เพราะฉะนั้นถึงจะเป็นของแถม แต่ระดับก็ไม่อาจต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้ เพราะสินค้าในร้านของเธอราคาหลักล้าน ไปจนถึงตัวเลขหลักสิบล้านร้อยล้าน ของแถมต้องไม่ใช่ของราคาต่ำเกินไป
หินหยกในโกดังของเหล่าหลี่มีไม่น้อย แต่ซีเหมินจินเหลียนเลือกดูอย่างละเอียด จากนั้นก็หยิบก้อนหนึ่งออกมาเพื่อง่ายแก่การต่อรองราคากับเหล่าหลี่ เวลานี้เหล่าหลี่รับสายด่วนและรีบร้อนเดินออกไป ไม่นานพาชายหญิงคู่หนึ่งเข้ามา…ซึ่งพวกเขาก็คืออวิ๋นเจียกับฉินเฮ่า!