ความลับแห่งจินเหลียน 224 หน้าใหญ่ใช้ได้

ตอนที่ 224 หน้าใหญ่ใช้ได้

 

 

 

ซีเหมินจินไม่เพียงแต่ฝืนยิ้มออกมา เป้าหมายของเลี่ยวก่วงอาจเป็นเพราะตามหาหินปิดฟ้า ส่วนเป้าหมายของสวี่อี้หรานนั้นก็เพื่อตามหาหินปิดฟ้ามาช่วยแก้พิษของเขา

 

 

แต่เดิมการเดิมพันหินกับยาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่อยู่ๆ ก็มีคนฉลาดปราดเปรื่องนำทั้งสองอย่างมารวมกันได้

 

 

แม้ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้ว่าตอนนั้นจะเป็นใครที่คิดตำรับยาแปลกประหลาดนี้ออกมา แต่ต้องยอมรับเลยว่าเขาก็มีพรสวรรค์มาก

 

 

ในขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น จ่านป๋ายก็ถืออาหารเช้าเข้ามา สวี่อี้หรานนั้นไม่รู้จักว่าความเกรงใจเป็นอย่างไร เขาก็รีบหยิบปาท่องโก๋กัดเข้าไปคำหนึ่ง และก็ไม่ลืมที่จะยกยอปอปั้นพ่อครัวของตระกูลเขา “นี่ต่างหากที่เรียกว่าปาท่องโก๋สูตรดั้งเดิม ปกติได้กินปาท่องโก๋ที่บ้านยังต้องใส่นู้นใส่นี่ นั่นก็ยังเรียกว่าปาท่องโก๋อย่างนั้นเหรอ? พ่อครัวตระกูลผมน่าจะออกจากบ้านไปให้หมด!”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วอยากจะหัวเราะออกมา และพยายามเดาว่าปาท่องโก๋ของตระกูลพวกเขาเป็นอย่างไร ถึงทำให้สวี่อี้หรานหัวเสียถึงขนาดนี้?

 

 

“ไม่ใช่ว่าคุณพักอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ตลอดอย่างนั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

“อย่าพูดถึงเลย!” สวี่อี้หรานคว้าน้ำเต้าหู้มาและกรอกเข้าใส่ปากอึกใหญ่รวดเดียวถึงพูดออกมาว่า “ตาแก่ที่บ้านผมบอกว่าอยากจะกระชับความสัมพันธ์ เขาเลยยอมทิ้งงานการที่ยิ่งใหญ่เพื่อจับผมกลับไปสั่งสอน!”

 

 

“ความสุขอยู่ใกล้ตัวแต่กลับไม่รู้สึก” จ่านป๋ายนำหลอดเสียบเข้าไปในแก้วน้ำเต้าหู้และยื่นไปให้  ซีเหมินจินเหลียน พร้อมแค่นเสียงพูดว่า “ผมว่าหาคนมาคอยสั่งสอน ยังไม่มีใครสนใจเลย!”

 

 

“ให้จินเหลียนสั่งสอนคุณสิ!” สวี่อี้หรานบีบคิ้วหลิ่วตาพูด “หรือคุณก็มีความชอบแปลกๆ เหมือนกับพี่ใหญ่ของคุณหรือไง ที่พอไม่ถูกตีแล้วจะรู้สึกขาดอะไรไปบางอย่าง? ใช่สิ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมก็มีเรื่องตลกสุดๆ จะบอกพวกคุณ”

 

 

 ซีเหมินจินเหลียนเพิ่งได้ดื่มน้ำเต้าหู้ ได้ยินจึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เรื่องตลกสุดๆ อะไร?”

 

 

 “ก็จ่านมู่ฮวาไง!” สวี่อี้หรานกัดปาท่องโก๋พร้อมพูดไปด้วย ทำให้คำพูดของเขาไม่ชัดเจน “พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าช่วงนี้เขาทำอะไรอยู่?”

 

 

“เขาก็คงยุ่งกับการถ่ายหนังสิ?” จ่านป๋ายขมวดคิ้วพูด “ไม่อย่างนั้นเขายังจะทำอะไรได้อีก”

 

 

“ใช่ เพราะต้องถ่ายหนังเขาเลยใช้นามของนักแสดงหญิงที่รวบรวมมา ดึงดูดเด็กนักเรียนผู้หญิงมากมายมาสมัคร” สวี่อี้หรานพูด

 

 

ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถามขึ้น “เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ หนังนั่นพวกเราเป็นคนลงทุน จะให้เขามาเล่นจนเสียเรื่องไม่ได้นะ” มันเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่วัฒนธรรมหยกของเมืองจีน เพื่อตีตลาดสู่ต่างประเทศ เขาจะมาทำเล่นๆ ไม่ได้

 

 

“วางใจได้ หนังไม่มีปัญหาอะไรหรอก” สวี่อี้หรานซดน้ำเต้าหู้เข้าปากอีกครั้งและยิ้มออกมา “เขาคงใช้โอกาสนี้ตามหาคนที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกับ…” พูดจบเขาก็หันไปมองซีเหมินจินเหลียน

 

 

“หาคนที่รูปลักษณ์คล้ายกับฉัน?” ซีเหมินจินเหลียนชี้มาทางจมูกของตัวเอง

 

 

“อืม!” สวี่อี้หรานพยักหน้าพูด

 

 

“เขาก็บ้าไปแล้วเหรอ?” จ่านป๋ายพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “จะหาผู้หญิงพวกนั้นไปทำอะไรกัน”

 

 

“เขาชอบการถูกกระทำชำเราน่ะสิ!” สวี่อี้หรานพูด “ตอนแรกผมก็ไม่รู้ต้นตอหรอก กลัวว่าเขาจะมีเป้าหมายอื่น แค่เอะใจเฉยๆ แต่หลังจากนั้นก็รู้ว่าเขาตามหาผู้หญิงพวกนั้นและใช้เงินเชิญผู้หญิงพวกนั้นให้ช่วยถือแส้มาฟาดเขา…”

 

 

เห็นสวี่อี้หรานหัวเราะคิกคักออกมาแล้ว จ่านป๋ายและซีเหมินจินเหลียนก็ได้แต่มองหน้ากัน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? ยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ คิดไม่ถึงว่ามีคนไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ชอบถูกคนถือแส้มาฟาดด้วย?

 

 

“คุณกินเสร็จหรือยัง ถ้ากินเสร็จก็ออกไปได้แล้ว!” จ่านป๋ายไล่แขกอย่างไม่เกรงใจ

 

 

“หืม! ต้องโหดขนาดนี้ด้วยเหรอไง?” สวี่อี้หรานหยิบกระดาษทิชชู่มาแผ่นหนึ่งและหันไปคุยกับซีเหมินจินเหลียนว่า “ตอนกลางคืนผมจะมาหาคุณนะ” พูดจบก็ไม่รอให้เสี่ยวป๋ายพูดรีบวิ่งออกไปก่อน

 

 

“ตอนกลางคืนเขาจะมาหาคุณอีกทำไมครับ” จ่านป๋ายถาม

 

 

“เรื่องของลุงงูค่อนข้างจะยุ่งยากขึ้นมาบ้างแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูด “พวกเรารู้ทั้งรู้ว่าศพทั้งสองร่างที่อยู่ในกองไฟไม่ใช่ลุงงู ถึงตำรวจยศธรรมดาจะละเลยไป แต่เรื่องนี้คงปิดบังเลี่ยวก่วงคนนั้นไม่ได้แน่! ลุงงูน่าจะต้องหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักที่ แต่ไม่น่าจะออกไปจากเจียหยาง หากเลี่ยวก่วงเจอเขา เขาก็อันตรายมาก…เพราะอย่างนั้นพวกเราต้องตามเขาให้ทันเวลา จากนั้นก็หาวิธีส่งเขาไปต่างประเทศ”

 

 

“เรื่องที่คุณกังวล ผมก็คิดอยู่เหมือนกัน ไม่เป็นไรครับ ผมให้เพื่อนคนหนึ่งในเจียหยางช่วยตามหาแล้ว อีกทั้งทางด้านสถานีตำรวจนั้นก็ใช้เงินไปจัดการแล้ว ขอแค่เลี่ยวก่วงมีความเคลื่อนไหวใดๆ พวกเราก็จะรู้ได้ทั้งหมด เป้าหมายของเขาน่าจะเพื่อตามหาหินปิดฟ้าเหมือนกัน?” จ่านป๋ายพูด

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ตอนนั้นเขามาหาฉันเพื่ออยากร่วมมือกัน แต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว ฉันเกลียดพวกคนในกลุ่มราชการ จะว่าดีๆ ก็มีอยู่หรอก แต่ที่ไม่ดีก็คือเมื่อหมดผลประโยชน์แล้วตัดทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย”

 

 

“ผมก็เกลียด” จ่านป๋ายยิ้ม “คุณวางใจเถอะ ลุงงูต้องไม่เป็นอะไร”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเป็นกังวลจนกลัดกลุ้มไปหมด ลุงงูคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ถึงพวกเขาอยากจะตามหาเขาอย่างไรมันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย

 

 

ไม่พูดถึงเรื่องลุงงู เรื่องของชายชราขายสินค้าจังเถี่ยฮั่นแกล้งเป็นตายและยังกล้ามาขายหินหยกดิบบนถนนหยกอีก เขาต้องมีที่พึ่งพิงอาศัย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่โง่หรอก?

 

 

“เมื่อสักครู่ตอนที่ผมเข้ามา ผมเจอเจียหยวนฮวาพอดี” จ่านป๋ายพูดอีกครั้ง “เขาถามว่าหลังเที่ยงคุณว่างไปดูสินค้าจำนวนหนึ่งหรือเปล่า”

 

 

 “ออ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็สนใจขึ้นมาทันใดและรีบพูด “สินค้าเป็นยังไง?”

 

 

“เขาไม่ได้บอก บอกแค่ว่าหากคุณว่าง ตอนบ่ายสามโมงก็ให้ไปพร้อมกัน” จ่านป๋ายพูด

 

 

“ว่างสิ ถึงไม่ว่างฉันก็จะไป!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น ตอนนี้เบาะแสของลุงงูยังไม่ชัดเจน เธออยู่แต่ในโรงแรมก็ไม่มีอะไรทำ ได้ออกไปดูสินค้าข้างนอกแน่นอนว่าต้องดีที่สุด ไม่แน่อาจจะเลือกได้สินค้าชนิดดีก็ได้

 

 

ตื่นตั้งแต่เช้า บวกกับเมื่อคืนนอนหลับไม่เพียงพอ หลังจากซีเหมินจินเหลียนกินข้าวเช้าเสร็จก็รู้สึกหาวหวอด รีบเข้าห้องนอนพักผ่อน ตอนบ่ายยังต้องไปดูสินค้า ต้องทำสมองให้มีชีวิตชีวาเข้าไว้

 

 

จ่านป๋ายก็กลับห้องไปพักผ่อนและจัดการเรื่องหลายๆ อย่าง ตอนเที่ยงอยู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและรีบหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น

 

 

หรือว่าใครโทรผิด?  จ่านป๋ายคิด ก่อนจะกดปุ่มรับสาย

 

 

ในโทรศัพท์มีเสียงแปลกประหลาดแหบแห้งดังขึ้น พอฟังแล้วขนลุกชันไปทั้งตัวอย่างอดไม่ได้ แต่ไม่ทันได้มีใครพูดอะไร จ่านป๋ายก็ขมวดคิ้วกระแอมลำคอถามขึ้น “ใครครับ?”

 

 

พักหนึ่งในโทรศัพท์เป็นผู้ชายเสียงเคร่งขรึมส่งผ่านมา “จ่านป๋าย?”

 

 

นอกจากซีเหมินจินเหลียน ก็ไม่มีใครเรียกเขาว่าจ่านป๋ายหรือเสี่ยวป๋ายแล้ว จ่านป๋ายใช้มือกำโทรศัพท์แน่นและขมวดคิ้วถามอีกครั้ง “คุณเป็นใคร?”

 

 

“บอกจินเหลียนให้หน่อยว่าฉันสบายดี ไม่ต้องตามหาฉัน!” ในโทรศัพท์มีเสียงทุ้มต้ำของผู้ชายส่งผ่านเข้ามา แต่สุดท้ายจ่านป๋ายก็ฟังออกแล้วว่าเสียงของคนคนนั้นเป็นใคร

 

 

“ลุงงูหรือครับ?” จ่านป๋ายถาม

 

 

“ใช่ ฉันเอง!” ลุงงูพูดเบาๆ “บอกจินเหลียนว่าไม่ต้องตามหาฉัน และไม่ต้องเป็นห่วงว่าตำรวจพวกนั้นจะหาฉันเจอ ฉันปลอดภัยดี! ให้เธอจำคำพูดฉันไว้ก็พอ!”

 

 

“ทำไมคุณถึงไม่โทรไปบอกเธอเองล่ะครับ?” จ่านป๋ายพูด “เธอเป็นห่วงคุณมาก”

 

 

“ไม่ต้องหรอก…ฝากคุณบอกก็เหมือนกัน!” ลุงงูพูดจบก็วางสายเป็นที่เรียบร้อย

 

 

“ฮัลโหล…” จู่ๆ จ่านป๋ายก็คิดอะไรขึ้นได้รีบโทรกลับไป แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดหายไปแล้ว เขารีบกดเลขและโทรกลับไปอีกครั้ง แต่เสียงในโทรศัพท์ก็เป็นเสียงข้อความอัตโนมัติว่า [เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…]

 

 

จ่านป๋ายรีบเปิดโน้ตบุ๊กที่นำติดตัวมา เปิดเครื่องและกรอกเบอร์เมื่อสักครู่ลงไปในระบบเพื่อค้นหา ลุงงูไม่ให้หาก็อีกเรื่องหนึ่ง หาเขาไม่เจอก็เป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจเอง

 

 

แต่สิ่งที่เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก ครั้งนี้ราวกับวัวโคลนเข้าทะเล ไร้ซึ่งข้อมูลใดๆ เขาไม่เหลือเบาะแสและตัดขาดหายไป…

 

 

เวลาบ่ายสองโมง จ่านป๋ายบอกข้อความที่ลุงงูโทรมาหาเขาให้ซีเหมินจินเหลียนฟังอย่างตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันเขาก็บอกกับเธอว่า เป็นเพราะเธอดูห่วงใยลุงงูมาก เขาจึงเคยติดตั้งเครื่องติดตามตัวบนตัวลุงงู แต่ตอนนี้เบาะแสทั้งหมดถูกตัดขาดจนหมดสิ้นแล้ว ลุงงูกับชายชราขายสินค้าเหมือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

เดิมทีคิดว่าซีเหมินจินเหลียนน่าจะตกใจและกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก แต่เหนือจากที่เขาคาดคิดไว้ ซีเหมินจินเหลียนเพียงพูดง่ายๆ ออกมาแค่ประโยคเดียว “ลุงงูเป็นคนแปลก ขอแค่เขาปลอดภัยดี เรื่องที่เหลือก็ไม่สำคัญแล้ว”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ฟังคำพูดของจ่านป๋าย เธอก็ได้วางใจลง ลุงงูก็คือลุงงู ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้เสมอ เธอยังต้องเป็นห่วงอะไรอีก?

 

 

เวลาบ่ายสามโมง เจียหยวนฮวาเคาะประตูตรงตามเวลาที่นัดหมายซีเหมินจินเหลียนมาดูสินค้า

 

 

บนรถซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ผู้อาวุโสเจีย ครั้งนี้บ้านไหนขายหินหยกอีกหรือคะ”

 

 

“ไม่ใช่ว่าบ้านใครที่ขายหินหยกหรอก” เจียหยวนฮวายิ้ม “พวกมันคือสินค้าชั้นดีที่พึ่งขนกลับมาจากพม่า จำนวนเยอะพอสมควรแถมราคายังประหยัดมาก”

 

 

เห็นใบหน้าซีเหมินจินเหลียนที่เต็มไปด้วยความสงสัยแล้ว เจียหยวนฮวาก็พูดขึ้นว่า “คุณก็รู้ว่าเดิมพันหินนั้นได้กำไรมาในพริบตา เพราะอย่างนั้นรัฐบาลพม่าก็ไม่ได้โง่ ควบคุมการขนส่งหินหยกเข้าออกอย่างเข้มงวด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ยังมีคนไม่เกรงกลัวความตาย กล้าที่จะฝ่ากองไฟขนย้ายหินหยกมา เช่นของในวันนี้ แต่สินค้าดีพวกนี้ที่ขนเข้ามาผสมปนเปไปด้วยดีและไม่ดี ในนั้นส่วนใหญ่เป็นหินก่อสร้าง ทดสอบสายตาคนเหลือเกิน”

 

 

“หินหยกดิบแบบนี้จะมาจากไหนก็ช่าง แต่เกรงว่าซื้อไม่ได้ใช่ไหม?” จ่านป๋ายถามอย่างสงสัย

 

 

 “แน่นอนอยู่แล้ว!” เจียหยวนฮวาพูด “เพราะไม่ถูกกฎหมาย เลยต้องลับๆ ล่อๆ ไม่มีคนสนิทคอยแนะนำ แม้แต่ประตูก็ไม่มีทางได้สัมผัส”

 

 

“ที่นี่เหรอ?” จ่านป๋ายรู้สึกแปลกใจที่เจียหยวนฮวาจอดรถอยู่ใกล้ๆ กับประตูคลังสินค้าของถนนหยก ยิ้มและพูด “คนคนนี้ก็หน้าใหญ่พอสมควรเหมือนกัน”

 

 

เพราะซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายไม่รู้เส้นทาง พวกเขาจึงให้เจียหยวนฮวาขับรถให้ เจียหยวนฮวาจอดรถเสร็จสรรพและเปิดประตูรถลงมา “ที่นี่คือเจียหยาง ไม่ใช่พม่า ชาวพม่าเหล่านั้นกล้ามาหาเรื่องถึงที่นี่เลยหรือ?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายได้ยินแล้วยิ้มออกมา ความจริงธุรกิจหินหยกที่พม่า ในเมื่อเป็นคนเชื้อสายจีนเสียเป็นส่วนมาก ถึงแม้ชาวพม่าจะรู้วิธีฉ้อโกงแต่ก็ไม่มีความสามารถ

 

 

 

ความลับแห่งจินเหลียน

ความลับแห่งจินเหลียน

Score 10
Status: Completed

ส่วนที่ 1 ตอนที่ 1 – 29 อ่านนิยาย
ส่วนที่ 2 ตอนที่ 1 – 30 อ่านนิยาย
ส่วนที่ 3 ตอนที่ 1 – 33 อ่านนิยาย


ซีเหมินจินเหลียน หญิงสาวจากครอบครัวชนบทที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น เธอดิ้นรนส่งเสียตัวเองจนเรียนจบ กระทั่งได้เข้ามาทำงานในนครเซี่ยงไฮ้ เมืองที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ แต่ความจริงกลับไม่เป็นดั่งฝันที่วาดไว้ เมื่อเธอถูกแฟนหนุ่มที่ตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหักหลังอย่างไม่ไยดี

แต่แล้ว…ในคืนที่เธอไม่เหลืออะไรแม้แต่ชายคนรัก ซีเหมินจินเหลียนได้รับความสามารถพิเศษที่เธอเองก็ไม่อาจคาดคิด… ‘ความสามารถในการมองทะลุสิ่งของ’ พร้อมกับลายดอกบัวสีทองที่ปรากฏอยู่บนหลังมือ ได้นำพาให้ซีเหมินจินเหลียนที่ไม่มีอะไรติดตัวเข้าสู่วงการ ‘นักพนันหยก’ จนได้กลายเป็น ‘เจ้าหญิงแห่งวงการหยก’ ภายในชั่วข้ามคืน…

Options

not work with dark mode
Reset