ซีเหมินจินเหลียนแอบพึมพำในใจไม่ได้ ชายชราคนนี้ก็บ้าไปแล้วหรือเปล่า? มีคำพูดที่เขามักจะพูดกันว่า เรื่องผิดปกติจำต้องมีสิ่งผิดแปลกอยู่ในนั้น หากชายชราท่านนี้ไม่มีสมองก็ว่าไปอย่าง แต่เมื่อวานหลังจากที่พวกเขาชนะเดิมพัน ชายชรผู้นี้ก็รีบขึ้นราคาทันที เขาที่ฉลาดปราดเปรื่องขนาดนั้น ก็ไม่มีทางเป็นคนไม่รู้ประสีประสาได้
“ผู้อาวุโส คุณแน่ใจหรือคะว่าจะให้หินพวกนี้เป็นของแถม?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม
“ถูกแล้ว” ชายชราพยักหน้ายืนกรานหนักแน่น “ในนี้มีหินหยกดิบทั้งหมดยี่สิบสามก้อน รวมก้อนใหญ่ก็ยี่สิบสี่ก้อนพอดี ขอแค่พวกคุณซื้อก้อนใหญ่ไป ก้อนเล็กทั้งหมดก็เป็นของแถม ถึงพวกคุณจะตัดออกมาเป็นสีเขียวจักรพรรดิเสียตอนนี้ ผมก็ไม่มีทางเสียใจแน่นอน”
“ยี่สิบสี่ก้อน?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วอีกครั้ง นี่ก็ไม่ใช่ตัวเลขมงคลเลย นักเดิมพันส่วนใหญ่ พอนำตัวเองเข้ามาถึงคำว่าเดิมพัน ไม่ว่าอย่างไรก็คำนึงถึงเรื่องโชคลาภทั้งนั้น พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งไม่เป็นมงคล
ถึงแม้ซีเหมินจินเหลียนจะไม่เคยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์พวกนี้ เพราะเธอมักจะขี้โกงเวลาเดิมพันหิน แต่เธอก็ไม่ขัดถ้าคนอื่นจะหลีกเลี่ยงในข้อห้ามนี้?
“เกือบลืมไปเลย!” ชายชราตบหัวตัวเองและพูดขึ้น “หินหยกก้อนใหญ่นั้น พวกเราขายในราคาสามสิบล้าน ถ้าพวกคุณรับราคานี้ได้ก็ดูสินค้าตามสบาย ถ้าไม่พวกเราก็ขอปฏิเสธเรื่องต่อรองราคา”
สามสิบล้าน? ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง นี่ก็ไม่ใช่ตัวเลขจำนวนน้อยเลย!
“ท่านผู้อาวุโส ที่บ้านคุณไม่มีไฟฟ้าเหรอครับ?” จ่านป๋ายมองโคมไฟที่มีเพียงแสงสลัว เหมือนเทียนที่ลอยอยู่ในสายลมแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ “แสงไฟแบบนี้จะให้เราดูสินค้ายังไง?”
ปากก็พูดไปเช่นนั้น แต่ในใจกลับพลันคิดถึงผู้อาวุโสหูท่านนั้นอย่างไม่รู้ตัว ตอนแรกที่ผู้อาวุโสหูให้ ซีเหมินจินเหลียนดูสินค้าก็เป็นเช่นนี้ ทั้งๆ ที่มีหลอดไฟแท้ๆ แต่จงใจใช้เทียน ดูเหมือนนักเดิมพันหินพวกนี้น่าจะเพี้ยนกันไปหมดแล้ว?
“ที่นี่ก็ไม่มีไฟจริงๆ!” ชายชราถอนหายใจออกมา “ผมบอกไปแล้วว่าผมเช่าบ้านที่นี่อยู่ และเตรียมที่จะรื้อแล้ว บ้านแถวนี้ก็ถูกตัดสายไฟจนหมด…”
“ถ้าฉันดูแล้วไม่ซื้อ ได้ใช่ไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“แน่นอน!” ชายชราพยักหน้าพูด “ผมไม่ได้บังคับให้คุณซื้อ ถ้าคุณดูแล้วชอบก็จ่ายมาสามสิบล้าน แต่ถ้าไม่ชอบ…ก็แยกย้ายกันไป พวกเราจะได้หาลูกค้ารายอื่นต่อ”
“ดีค่ะ ยุติธรรมดี!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า
“เจ้าหญิงหยกก็คือเจ้าหญิงหยก ตรงไปตรงมาดี!” ชายชรายิ้มและเหลือบมองไปที่จ่านป๋าย จากนั้นก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมพูดขึ้นว่า “พวกคุณเชิญดูสินค้ากันตามสบาย ผมจะไปต้มซุปสักหน่อย…”
“ได้ค่ะ คุณไปทำธุระเถอะ!” ซีเหมินจินเหลียนอมยิ้มตอบรับ ในใจสงสัยไม่หยุด ต้มซุป? นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วยังต้มซุปอยู่อีกเหรอ?
จ่านป๋ายรีบหยิบไฟฉายส่งไปให้ซีเหมินจินเหลียนและยิ้มเจื่อนออกมา “ผมจะรออยู่ที่หน้าประตูนะ คุณค่อยๆ ดูเถอะ ตั้งสามสิบล้านเชียว…”
“โอเค!” ซีเหมินจินเหลียนผงกศีรษะ จ่านป๋ายจึงถอยหลังและยืนอยู่หน้าประตู หันตัวไปทางด้านนอกและตรงข้ามของโกดังก็คือห้องครัว ชายชราคนนี้ไม่ได้พูดปด เขาวุ่นอยู่ในห้องครัวจริงๆ ดูเหมือนกำลังต้มอะไรสักอย่าง แต่เตาถ่านนั่นก็ไม่ใช่ว่าเห็นได้ทั่วไป ดูแล้วไม่คล้ายว่าเขากำลังต้มซุปอยู่
ซีเหมินจินเหลียนเดินอ้อมกำยานและยืนอยู่ตรงหน้าหินหยกก้อนใหญ่อย่างเงียบๆ ผิวสีเทาขาวดูไม่น่าสะดุดตาเลยสักนิด ไม่มีจุดหยกและเส้นลายหยก แนวโน้มลวดลายหนึ่งเดียวของหินส่อให้เห็นถึงความผิดปกติ
ซีเหมินจินเหลียนเดิมพันหินมาก็เยอะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นร่องรอยของผิวหินหยกที่แปลกประหลาด แม้เธอรู้ว่าเดิมพันหินจะมีการพูดถึงเดิมพันลวดลายหิน แต่พูดมาถึงตอนนี้คนที่รู้เรื่องพวกนี้ก็มีน้อยมากแล้ว คนส่วนใหญ่อาศัยดูแค่จุดหยกกับเส้นลายหยก เดิมพันสี เดิมพันชนิด เดิมพันรอยแตก เดิมพันรอยเกลื้อน…
และลวดลายความเป็นไปได้ของหินหยกก้อนนี้ลักษณะพิลึก มันเป็นดั่งลายน้ำวนหมุนจากภายนอกเข้าไปข้างใน…
ปิดไฟฉายแสงเจิดจ้าในมือ ซีเหมินจินเหลียนก็ปิดเปลือกตาลงแน่น ค่อยๆ นับเลขจากหนึ่งถึงร้อยและลืมตาขึ้น มองไปที่หินหยกก้อนสีเทาขาว…ไม่มีแหล่งกำเนิดแสงรั่วไหลออกมา!
ในใจซีเหมินจินเหลียนค่อนข้างผิดหวัง เดิมพันแสง…นี่เป็นวิธีเดิมพันหินที่มีมานานชนิดหนึ่ง ทดสอบสายตาว่าสามารถเห็นข้างในหินหยกได้หรือเปล่า สิ่งที่ซ่อนเร้นผ่านผิวหิน ทั่วทุกบริเวณผิวหินมีแสงเรืองรองอ่อนๆ การวาวแสงแบบนี้มีแค่ในแสงเทียน แสงยามพบค่ำ หรือไม่ก็แสงแรกในตอนเช้าถึงมีโอกาสได้เห็น
ซีเหมินจินเหลียนมั่นใจว่าสายตาของเธอดีมาก อาจเป็นเพราะดวงตาแสนดีคู่นี้เมื่อยังเป็นเด็กชอบปีนขึ้นไปบนภูเขาเพื่อดูดวงดาว
เอื้อมมือไปแตะด้านบน ยังดีที่ผิวสีเทาขาวมีเม็ดทรายที่ละเอียดกับเค้าบ้าง
ดูไปตรงๆ นี่แหละ! ซีเหมินจินเหลียนฝืนยิ้มออกมา หากไม่อาศัยพลังมองทะลุผ่านในการโกง เธอก็ไม่รู้จะเดิมพันหินอย่างไร ดูมาตั้งเยอะแต่ไม่เห็นมีวี่แววจะดูออก
แต่ในเวลานี้ จมูกของเธอกลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นฉุนแปลกประหลาด กลิ่นแรงจนทำให้ปวดหัวมึนงงไปหมด
จ่านป๋ายที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ได้กลิ่นเหม็นนี้เช่นกัน
“เสี่ยวป๋าย กลิ่นอะไรน่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนเก็บมือและถามจ่านป๋ายที่ยืนอยู่ข้างนอก
“ไม่รู้ว่าชายชราคนนั้นต้มอะไรในห้องครัว เหม็นชะมัดเลย!” จ่านป๋ายขมวดคิ้ว เมื่อสักครู่เขาหันหลังให้เธอ และหันหน้าไปทางห้องครัว ชายชราท่านนั้นหันหลังให้เขาและง่วนอยู่กับการพัดเตาถ่านในห้องครัว ดูเหมือนจะต้มอะไรสักอย่าง
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้น “เมื่อสักครู่เขาบอกว่าจะต้มซุปไม่ใช่เหรอ ซุปอะไรกันเนี่ย? ทำไมฉันได้กลิ่นเหมือน…” พูดถึงเท่านี้เธอก็ยั้งปากไม่พูดต่อ
“เหมือนอะไรครับ?” จ่านป๋ายถามด้วยความสงสัย
“กลิ่นสาบงู!” ซีเหมินจินพูด “คุณลองไปดูในห้องครัวเถอะ ฉันจะสำรวจหินหยกก้อนนี้สักหน่อย”
“โอเค คุณระวังตัวด้วยนะ” จ่านป๋ายกระซิบพูด “ผมว่าชายชราคนนี้ดูแปลกๆ ยังไงชอบกล”
“อืม!” ซีเหมินจินเหลียนตอบรับ
จ่านป๋ายเดินไปทางห้องครัวและยืนอยู่หน้าประตู เขาเกือบจะร้องตะโกนออกมาในตอนนั้น ในห้องครัวมีกรงลวดหนาแน่นทุกที่และมองผ่านตะเกียงน้ำมันสีเหลือง ภายในกรงลวดมีงูพิษหลากสีสันม้วนตัวพันกันไปมา…
ในมือของชายชรากำลังบีบคองูพิษตัวหนึ่งอยู่ ลิ้นของงูตัวนั้นแลบออกมา บนลิ้นแฉกมีของเหลวไหลลงไปในหม้อต้ม
บนเตาไม่ได้ต้มซุป แต่เป็นการต้มยา!
กลิ่นเหม็นสาบที่ส่งกลิ่นโชยนี่ก็ออกมาจากหม้อต้มยาจริงๆ ชายชราท่านนี้กำลังรีดพิษงูอยู่? จ่านป๋ายตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่รู้ตัว
“คะ…คุณกำลังทำอะไร?” จ่านป๋ายน้ำเสียงแหบแห้ง รู้สึกเหมือนอากาศไม่เพียงพอ
“พ่อหนุ่ม คุณก็มาซื้อสินค้าเป็นเพื่อนเจ้าหญิงหยก ไม่ได้มายุ่งเรื่องส่วนตัวของคนแก่อย่างฉันไม่ใช่หรือ?” ชายชราตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“แต่ว่าคุณ?” จ่านป๋ายอยากจะพูด “สิ่่งที่คุณทำ มันดูอำมหิตเกินไป!” แต่ย้อนคิดดูแล้วตนเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร หลายปีมานี้เขาเห็นของแปลกมาก็เยอะ นี่ยังไม่เยอะพออีกเหรอ? ตอนนั้นภาพลักษณ์ของเจ้าหญิงหยกอย่างคุณซีเหมินจินเหลียนผู้ยิ่งใหญ่…เวียนไปด้วยภาพของงูที่อยู่ในห้องนอนเธอ และมีดเล่มนั้น…
ทุกครั้งเวลาที่คิดถึงซีเหมินจินเหลียนนำมีดหั่นผลไม้ไปใช้ จ่านป๋ายก็รู้สึกเสียววาบ นั่นต้องใช้ความแม่นยำ ความแรงและความเร็วระดับไหนกัน… ถ้าสูญเสียการควบคุมคงไม่ได้ผลลัพธ์เช่นนั้นแน่
หากตอนนั้นมีดที่ปักไม่ใช่งู แต่เป็นคน…เกรงว่าคนคนนั้นคงหลบหลีกไม่พ้นเช่นกัน
นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปสอบถามอะไร คนเขายินดีที่จะต้มงูพิษกลางค่ำกลางคืน อย่างไรก็ไม่ได้ให้เขากินสักหน่อย? หน้าที่ของเขาขอแค่ดูแลซีเหมินจินเหลียนให้ดี
เมื่อคิดได้เท่านี้ เขาก็เลยก้าวถอยหลังออกมาและมุ่งหน้าไปห้องเก็บหินหยก ในใจแอบสงสัยไม่หยุด…ชายชราผู้นี้ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่จะมาซื้อจริง และเขาก็รู้ตัวตนของซีเหมินจินเหลียนตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ว่าก่อนหน้านี้ เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้…
“จินเหลียน เป็นยังไงบ้างครับ” จ่านป๋ายเห็นซีเหมินจินเหลียนยืนอยู่ในโกดังและมองหินหยกด้วยสติเลื่อนลอยไม่พูดไม่จา
“สามสิบล้าน ฉันเอา!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ชายชราคนนั้นทำอะไรกัน? มันเหม็นมากเลย!” ระหว่างที่พูดเธอก็พยายามปิดจมูกไปด้วย
“ช่างเถอะ เราอย่าไปพูดถึงเลยครับ รอเรียกเขามาจัดการเรื่องเงินแล้วไปกันเถอะ” จ่านป๋ายขมวดคิ้ว ในเมื่อซีเหมินจินเหลียนบอกว่าเธอต้องการมันในราคาสามสิบล้าน เขาก็ไม่ได้โง่ที่จะไปถามพร่ำเพรื่อว่าหินหยกก้อนนี้ลักษณะเป็นอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นถึงเธอจะแพ้เดิมพันสักครั้ง แค่สามสิบล้านเธอก็ไม่ล้มละลาย
“ชายชราคนนี้ทำอะไรกันแน่?” ซีเหมินจินเหลียนถาม “ท่าทางดูลับๆ ล่อๆ?”
“มันก็น่าสะอิดสะเอียนมาก!” จ่านป๋ายส่ายศีรษะพูด “ผมไม่พูดดีกว่า…”
และในเวลานี้กลิ่นที่เดิมทีฉุนกระแทกจมูกก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย สิ่งที่มาแทนที่เป็นกลิ่นหอมของยา
หากลองตั้งใจดมดีๆ ท่ามกลางกลิ่นของยาข้างในยังมีกลิ่นเหม็นสาบแฝงอยู่ในนั้น
สีหน้าของซีเหมินจินเหลียนพลันถอดสีภายใต้แสงไฟที่มืดสลัว เพียงไม่นานเธอก็จ้ำอ้าวก้าวใหญ่ออกไป ในเวลานี้ชายชราที่ขายสินค้าก็ถือชามเซรามิคเก่าๆ เข้ามา ในนั้นใส่ยาไว้เต็มถ้วยเดินไปทางห้องฝั่งตะวันออก
ซีเหมินจินเหลียนเห็นชายชราผู้นั้นและได้ขวางทางเขาเอาไว้ ชายชราเห็นเธอจึงพูดขึ้นว่า “ผมขอดูแลคนป่วยก่อน คุณซีเหมินรอสักครู่ แค่ไม่กี่นาที”
“โอเคค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนหันข้างเปิดทางให้เขา ชายชราถือยาเดินเข้าไปในห้องทิศตะวันออก เดินเข้าไปในห้องและปิดประตูลงสนิทอีกครั้ง
ซีเหมินจินเหลียนเคลือบแคลงใจจึงเดินไปหน้าประตูห้อง จ่านป๋ายเห็นสีหน้าของเธอผิดปกติไป จึงรีบเดินตามเข้ามา
ในห้องมีแค่เสียงคนพูดคุยกันเบาๆ และตามไปด้วยเสียงไอค่อกแค่ก…ในใจของจ่านป๋ายคิดว่าชายชราท่านนั้นพูดไม่ผิด ข้างในห้องมีคนป่วยจริงๆ…
ซีเหมินจินเหลียนยืนอยู่หน้าประตู สองมือกำเข้าหากันแน่น แต่สีหน้าซีดเซียวจนดูไม่ได้ ทันใดนั้นเธอก็ทำเรื่องเรื่องหนึ่งที่จ่านป๋ายคาดไม่ถึง…
เสียงดังโครม ซีเหมินจินเหลียนกัดริมฝีปากตัวเอง แรงถีบที่รุนแรง ทำให้ประตูไม้ที่ผุพังถูกเปิดออก…