ในระหว่างที่ซีเหมินจินเหลียนกำลังพูดอยู่นั้น ก็อดมองไปที่กองทั้งสองข้างถนนที่ดูสูงราวกับภูเขาขยะไม่ได้ โชคดีที่ช่วงนี้เป็นฤดูร้อน ไม่อย่างนั้นกลิ่นเหม็นตุๆ นี่คงได้สูดดมกันเต็มปอด
แต่เดิมที่แห่งนี้ก็เป็นที่พักอาศัยเก่าของผู้อาวุโสหู ไม่มีเงินยังว่าไปอย่าง แต่นี่มีเงินไม่ใช่ธรรมดา คนคนนี้หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
ซีเหมินจินเหลียนคิดได้เท่านี้จึงส่ายหน้าออกมาเบาๆ เขาก็แปลกคนเสียจริง ใช้ตรรกะทั่วไปตัดสินอะไรไม่ได้เลย
“จินเหลียน น่าจะเป็นบ้านข้างหน้านี้ล่ะ คุณดูไฟสว่างนั่นสิ!” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้ามองตามไป ที่แห่งนี้ก็เหมือนซากสนามรบที่ผ่านศึกมาแล้ว ผนังกำแพงรอบๆ วาดรูปเส้นวงกลม ข้างในมีการเล่นเขียนอักษร…น่าจะเป็นเพราะพื้นที่ส่วนบุคคล รัฐบาลเลยไม่ได้สนใจ มีคนพักอยู่ที่นี่เลยไม่มีอำนาจไปขอร้องให้พวกเขาย้ายออก
เช่นเดียวกับบ้านของหนิงชุ่ยฉิน สภาพดูเหมือนยังพอดูได้ แม้ว่าบ้านจะดูเก่าคร่ำครึไปหน่อยแล้ว แต่ข้อดีตรงข้างในบ้านมีปลูกต้นไม้หลากหลายพันธุ์ แต่บ้านหลังนี้นี่สิ ประตูไม้ผุกร่อน บานหน้าต่างเก่ามีแสงจากตะเกียงสีเหลืองเล็ดลอดออกมา กวัดแกว่งไปมาในที่มืด
จ่านป๋ายยกมือขึ้นแล้วพยักหน้า ส่องไฟฉายดูที่บ้านเลขที่ เมื่อแน่ใจแล้วจึงเดินหน้าต่อ เอื้อมมือไปเคาะประตูสองสามครั้ง
“ใคร?” เสียงแหบแห้งของชายชราตะโกนถามมาจากข้างใน
“ผมเองครับ จ่านป๋าย ผมมาดูสินค้า!” จ่านป๋ายตะเบ็งเสียงตอบกลับไป
“คุณรอเดี๋ยว!” ชายชราส่งเสียงดังตอบ
จ่านป๋ายรับคำและรออยู่หน้าประตูพร้อมกับซีเหมินจินเหลียน ใช้เวลาประมาณห้าถึงหกนาที ซีเหมินจินเหลียนก็บ่นพึมพำออกมา พวกเขามาซื้อหินหยกนะ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังทำความผิดอะไรอยู่? บรรยากาศแบบนี้ก็ชวนให้รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา
ชายชราผู้นี้จะลึกลับเกินไปแล้ว พักอยู่สถานที่แบบนี้ยังพอว่า แต่นี่กลับนัดมาดูสินค้ากลางดึกกลางดื่นอีก เท่าที่พวกเขารู้มา คนที่ทำธุรกิจหยกส่วนใหญ่ในเจียหยาง เกรงว่าคงมีแค่ไม่กี่คนที่ยากจนข้นแค้นจนถึงขั้นซื้อบ้านย้ายออกไปไม่ได้
แต่ดูจากที่ชายชราท่านนั้นขายหินหยกเมื่อวาน กลยุทธ์ในการขายก็มีไม่น้อยเลย ไม่มีทางที่จะขายได้ไม่ดี บวกกับช่วงอายุวัยอย่างเขาแล้ว คงไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนเด็กหนุ่มสาว ขยับนิดหน่อยก็หว่านเงินเดิมพันหลักล้านหลักสิบล้านทุ่มเทเดิมพันทั้งชีวิต เพื่อทำธุรกิจอย่างมั่นคง
ครืด ในที่สุดชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางการรอคอยของซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋าย เขาเปิดประตูออกมา
“โอ้ เชิญคุณจ่านข้างในก่อนครับ” ชายชราถือตะเกียงไฟโบราณ ไม่รู้ว่าเขาไปเอามาจากที่ไหน
ซีเหมินจินเหลียนมองแล้วรู้สึกอดไม่ได้จนหลุดหัวเราะออกมา สถานที่แห่งนี้ทรุดโทรมก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีน้ำไม่มีไฟ ชายชราท่านนี้ก็จะแปลกเกินไปแล้ว
“ไม่มีทางเลือกน่ะ!” ชายชราอมยิ้มอย่างขออภัย “บ้านนี้พวกผมก็เช่ามา เดิมทีจะถูกรื้อแล้ว เพราะสายไฟตัดขาดจนหมด และพวกผมไม่ได้คิดจะพักอยู่นาน ทั้งสองท่านเชิญเข้ามาดูก่อนเถอะ ระวังหน่อยนะ!” เขาพูดพลางและส่งเสียงเตือนให้ซีเหมินจินเหลียนระวัง เพราะเห็นว่าเธอสวมใส่รองเท้าส้นสูงอยู่
ซีเหมินจินเหลียนก้าวเท้าย่างกรายเข้ามา ถึงได้เข้าใจว่าทำไมชายชราถึงบอกให้เธอระวัง พื้นของห้องนี้แต่เดิมเป็นพื้นคอนกรีต แต่ตอนนี้มันเป็นหลุมบ่อไม่สม่ำเสมอ ดูแล้วล้าหลังจริงๆ
“คุณสองคนตามผมมาครับ” ชายชราพูดพลางนำทางให้ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายเดินตามไปด้านหลัง
ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่จ่านป๋ายก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ชายชราท่านนี้จนจริงหรือว่าแกล้งจนกันแน่? ข้างในของห้องด้านหน้าทางตะวันออกน่าจะมีคนอยู่ พวกเขาแอบได้ยินเสียงคนกระแอมไอ ฟังจากเสียงแล้วอายุน่าจะไม่น้อยเลย และน่าจะเป็นวัยชรา
หินหยกดิบถูกวางไว้ในห้องด้านหลังทางทิศตะวันตก ชายชราผลักประตูแขวนตะเกียงไฟไว้ข้างผนัง ซีเหมินจินเหลียนอาศัยแสงไฟของตะเกียงมองเข้าไป เห็นแค่ในห้องที่ไม่ได้ใหญ่ใกล้กับกำแพงมีหินหยกก้อนใหญ่ราวๆ ครึ่งตันวางไว้อยู่ เพราะแสงสลัวทำให้เธอมองผิวหินไม่ชัดเจนว่าเป็นสีอะไรกันแน่
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญก็คือข้างหน้าหินหยกก้อนใหญ่มีกลิ่นหอมของกำยาน…กลิ่นไม้จันทน์หอมดั้งเดิมคอยส่งกลิ่นตลบอบอวล
ปัจจุบันไม้จันทน์ที่ขายตามตลาด เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เป็นของปลอม ข้อนี้ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายรู้ดี ดังนั้นอยากซื้อหาไม้จันทน์ดีๆ สักหน่อยก็ไม่ใช่หาได้ทั่วๆ ไป ไม้จันทน์ชั้นดีราคาไม่ต่ำเลย
ชายชราทรมานตัวเองให้ลำบาก แต่กับหินหยกเขากลับเคารพบูชาเป็นอย่างดี คิดไม่ถึงว่าจะจุดธูปบูชาขนาดนี้
จุดธูปบูชาหิน? ซีเหมินจินเหลียนเห็นแค่ผู้อาวุโสหูที่มีประเพณีแบบนี้ หรือว่าชายชราท่านนี้กับผู้อาวุโสหูจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน?
ข้างๆ มีหินหยกดิบก้อนเล็กๆ วางกองสะเปะสะปะ ขนาดใหญ่ที่สุดก็มีขนาดเท่ากับอ่างล้างหน้า เล็กที่สุดก็มีขนาดเท่ากับไข่ไก่ คุณภาพดีร้ายผสมปนกัน ดูแล้วรกรุงรังไปหมด
“หากพวกคุณซื้อหินหยกใหญ่ก้อนนั้น ที่เหลือทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นของแถม!” ชายชราชี้ไปที่หินหยกดิบที่วางเกะกะอยู่บนพื้น
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ในบรรดาหินหยกดิบ ไม่เคยพูดถึงเรื่องของแถม แม้บางครั้งจะมีต่อรองราคากันบ้างจนทำให้เธอถือโอกาสขอของแถมสักก้อน แต่สำหรับผู้ขายเขาคงไม่ยอมแถมให้แน่ เพราะหินหยกหนึ่งก้อนก่อนที่จะตัดออกมา ใครจะไปรู้ว่าข้างในจะเป็นหินเปล่าหรือหยกงาม
หากหินแถมที่ดูไม่สะดุดตา ข้างในเปิดมาเป็นหยกงามมูลค่าราคามหาศาล เกรงว่าคนส่วนมากคงได้กลัดกลุ้มใจจนแทบอยากกระอักเลือด
เพราะอย่างนั้นส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่คนซื้อเป็นคนเรียกร้องเอง และผู้ขายรู้สึกว่าไม่ได้สูญเสียผลกำไรถึงค่อยยินยอมแถมหิน
แน่นอนว่างานประมูลหยกในพม่าไม่เหมือนกัน…ซีเหมินจินเหลียนเคยได้ยินว่า งานประมูลหยกในพม่าล้วนแต่เป็นหินหยกลักษณะดี ราคาสูงได้มาตรฐาน จากนั้นบวกกับหินก่อสร้างกองใหญ่ยัดให้กับคุณ
นี่น่าจะเป็นจุดเด่นของรัฐบาลพม่าสำหรับหินหยก
ซีเหมินจินเหลียนคิดแบบนี้แล้วพอเข้าใจได้ น่าจะเป็นเพราะว่าชายชราคนนี้ซื้อหินหยกดิบก้อนใหญ่เข้า และแถมหินก่อสร้างกองนี้มาด้วย?
เธอคิดอยู่ในใจและถือไฟฉายขึ้นมาส่อง ไม่นานดวงตาก็แข็งทื่อ เธอโง่หรือว่าชายชราท่านนี้โง่กันแน่? หินหยกลักษณะดีแบบนี้น่ะหรือเป็นของแถม?
เธอไม่ได้ดูอย่างละเอียด แต่ในกองหินของแถมนั่นมีเนื้อหยกเปลือยออกมาขนาดเท่าฝ่ามือ เนื้ออิ่มน้ำชุ่มชื่น สีสะอาดบริสุทธิ์ แม้จะไม่ใช่สีเขียวสด แต่ก็เป็นสีเขียวถั่วที่คนชื่นชอบ และถ้าเธอไม่ได้ดูผิดน่าจะเป็นชนิดเนื้อน้ำแข็ง…แค่หินหยกก้อนหนึ่ง หากขายแยกเดี่ยวอย่างน้อยก็ได้ราคาหลายแสนแล้ว?
และหินหยกดิบหลายก้อนที่อยู่แถวนั้น ก็มีจุดหยกและเส้นลายหยกลักษณะดีมาก!