ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น น้องชายคุณจางก็ตัดผิวหินส่วนหนึ่งออกมาแล้ว เพียงแต่ต่างจากที่เขาคิดไว้ทุกประการ ในส่วนเนื้อหยกที่เปลือยออกมาทั้งสองฝั่งนั้น ผลสุดท้ายกลับเป็นแค่หินสีขาว สีเขียวขจีที่ลอยอยู่บนหินดูบอบบางดั่งคนไร้เรี่ยวแรง
น้องชายคุณจางใช้น้ำสะอาดถูไปบริเวณส่วนที่ลงมีดเปิดปากหิน ทันใดนั้นสายตาของเขาก็มองไปที่ร่องรอยแปลกๆ เพียงไม่นานภายในหัวของเขาก็มีเสียงเปรี้ยงดังขึ้นราวกับฟ้าผ่า หรือว่า…หินหยกดิบก้อนนี้จะมีคนย้อมแมวเข้าให้แล้ว เป็นของปลอมอย่างนั้นเหรอ?
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เขาอุตส่าห์จ่ายเงินซื้อหินหยกมาตั้งแปดแสน ก็เพื่อจะได้สินค้าปลอมหรอกหรือ?
หากแค่แพ้เดิมพันหินมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ซื้อสินค้าปลอมแล้วทำให้เดิมพันแพ้ แบบนี้มันดูไม่ยุติธรรมเกินไป
ตอนที่คุณจางเริ่มเจียรหินออกมา ผู้ชมทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาดู เวลานี้ยังคงเป็นคุณหวงท่านนั้น หางตาของเขาพบว่าเป็นหินสีขาว และบนนั้นยังมีร่องรอยของการลงมีด
“น้องจาง ลองดูนี่…” เห็นได้ชัดว่าคุณหวงค่อนข้างสนิทสนมกับคุณจาง ไม่อย่างนั้นเมื่อสักครู่เขาคงไม่ตัดหน้าไปแย่งดูสินค้าก่อนแน่
“ไอ้เลวเอ๊ย!” คุณจางสบถด่าออกมาอย่างหยาบคาย “ครั้งหน้าอย่าให้ฉันไปพม่านะ ฉันจะไปพังร้านบ้านั่นให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลย!” ในระหว่างที่พูดนั้น เขาก็ลุกยืนขึ้นและควานหยิบบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อโยนไปให้ผู้ชมที่มุงดูอยู่รอบๆ
ผู้ชมเริ่มพากันพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ซีเหมินจินเหลียนถอยหลังไปหลายก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นควันฉุน ส่วนเจียหยวนฮวาก็นำบุหรี่มาทัดหูแทนและถอยหลังออกมาเล็กน้อย ฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เขาก็ถูกต้มจนเปื่อยแล้ว แพ้เดิมพันหินมีมากก็จริงอยู่ แต่กรณีแบบนี้มัน…ไม่ยุติธรรม! แต่ว่าสุดท้ายมัน…”
เมื่อพูดถึงเท่านี้ ราชาเดิมพันหินท่านนี้ก็ยั้งปากไว้ เปลี่ยนเป็นยิ้มแหะๆ แทน
ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจความหมายของเขา จึงได้แต่ยิ้ม “คุณเจียไม่ต้องกังวลเรื่องฉันหรอกค่ะ ยังไงพวกเขาก็ไม่ได้ยิน ฉันเข้าใจความหมายของคุณดี ขอแค่คิดละเอียดรอบคอบสักหน่อย ปลอมก็ปลอมเถอะ เมื่อสักครู่คุณบอกเองว่าส่วนที่โปะทับ ผิวของมันต่างกันเล็กน้อยใช่ไหมคะ?”
เจียหยวนฮวายิ้มแย้มพร้อมพยักหน้าพูด “ใช่แล้ว เรื่องนี้ผู้หญิงแบบพวกคุณมีพรสวรรค์ ผู้ชายอย่างผมเลินเล่อเกินไป”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอ่อน ในใจแอบพูดว่า ถ้าคุณรู้ว่าหินหยกก้อนนั้นถูกตัดด้วยมีดอยู่หลายครั้ง คุณคงยิ้มไม่ออกแน่! คนขายสินค้าให้เขานี่สมควรตายจริงๆ ในใจเธอแอบเป็นกังวล ไปพม่าครั้งนี้ต้องระวังหน่อยแล้ว อย่าได้ถูกคนขายของขุดหลุมกับดักในพม่าเชียว
ผู้ชมรับบุหรี่มาคนละมวน ส่วนน้องชายคุณจางก็ไม่ได้ทระนงตัวเหมือนเมื่อครู่ เริ่มปรึกษาหารือกับคุณหวงและเจียงเจิ้นว่าจะเจียระไนหินอย่างไรดี แสดงถึงเขากับเจียงเจิ้นคนนั้นรวมถึงคุณหวงมีความสัมพันธ์อันดี ส่วนคนอื่นๆไม่ได้พูดแทรก ได้แต่มองดูสถานการณ์ตรงหน้า
สุดท้ายเมื่อผ่านการปรึกษาของทั้งสามท่าน บทสรุปที่ได้ก็คือ…เขาจะเริ่มลงมีดตัดจากสีเขียวที่เผยให้เห็นก่อน
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็แทบไม่ทันได้ถอนหายใจ พ่อค้าที่ขายของปลอมนี่สมควรตายจริงๆ พรสวรรค์ชัดๆ! จากที่มองคุณจางเรียกหาลูกน้องสองคนในร้านให้นำหินหยกย้ายไปวางบนเครื่องเจียระไน จัดวางตำแหน่งให้ดีพร้อมวาดเส้น…ส่วนที่ลากเส้นก็คือส่วนที่มีดลงตัด และเป็นส่วนที่โปะทับพอดิบพอดี…
เจ้าของสินค้าคนก่อนแม้ว่าจะปลอมแปลงจริง แต่เงินที่ได้มาจากครั้งนี้คงไม่ได้ง่าย
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขมขื่นอยู่ในใจ คุณจางเจียรหินแบบนี้ แปดในสิบไม่มีทางได้เจอหยกเนื้อน้ำแข็งสีเขียวมรกตที่ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือข้างในแน่ น่าเสียดาย!
“จินเหลียน” เวลานี้จ่านป๋ายก็เดินเข้ามาจากข้างนอก เมื่อมองเห็นเจียหยวนฮวาก็แค่พยักหน้ายิ้มน้อยๆ ถือว่าเป็นการทักทาย
“เป็นยังไงบ้าง” ซีเหมินจินเหลียนลากเขาถอยหลังมากี่ก้าวแล้วกระซิบถาม
“วางใจได้ครับ ผมหาบริษัทขนส่งของได้แล้ว ข้ามคืนนี้คงถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ ผมตระเตรียมคนทางเซี่ยงไฮ้ให้มารับของไว้ล่วงหน้าแล้วด้วย คุณสบายใจเถอะ” จ่านป๋ายกระซิบพูด ในระหว่างที่พูดก็ถามอย่างสงสัย “ลักษณะของหินก้อนนั้นดีจริงเหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนจูงมือเขาและดึงมือเขามาเขียนตัวอักษรสองตัวบนฝ่ามือ จ่านป๋ายมึนงง…ของดี!
สำหรับสิ่งที่ซีเหมินจินเหลียนพูดออกมาจากปากว่าเป็นหยกชั้นดี มันจะเป็นอย่างไรกัน? จู่ๆ จ่านป๋ายก็อยากรู้ขึ้นมา แต่เขารู้ว่าถึงเขาจะถาม แต่ซีเหมินจินเหลียนก็คงไม่มีทางบอก เธอบอกกับเขาว่าเป็นของชั้นดีสองคำนี้ได้ มันก็ทำให้เขามีความมั่นใจยิ่งขึ้น
“คุณจะร้อนใจไปทำไมกัน?” ซีเหมินจินเหลียนมองสีหน้าของเขาแล้วยิ้มบาง “คุณมีโอกาสได้เจียรหินแน่”
“ห้องใต้ดินของพวกเราก็เล็กเกินไปแล้ว” จ่านป๋ายถอนหายใจ “วางหินก้อนใหญ่ไป เกรงว่าคงต้องคับแคบแน่”
“ฉันก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเอาไปไว้ที่อื่นฉันก็ไม่วางใจ” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว
“หลังจากพวกเรากลับไปแล้วค่อยคิดหาวิธีกันเถอะครับ” จ่านป๋ายพูด “ที่อื่นก็ไม่น่าไว้ใจจริงๆ” ภายใต้ผลประโยชน์ แม้ว่าเรื่องอะไรมนุษย์เราก็ทำได้หมด แล้วนี่ห้องใต้ดินของซีเหมินจินเหลียนที่มีหยกมูลค่ามหาศาลล่ะ
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันนั้น น้องชายคุณจางก็จับด้ามจับของเครื่องเจียระไนหิน ใบมีดและหินที่ถูกเจียส่งเสียงดังกระทบกัน ตอนนี้ในที่สุดก็หยุดลงแล้ว หัวใจของทุกคนเต้นระรัว ถึงรู้แก่ใจว่าหินหยกก้อนนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะเผยสีเขียวออกมา แต่การเดิมพันก็ยังคงเป็นจิตใจของนักเดิมพัน
แม้รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังหวังว่าจะเผยเส้นสีเขียวเล็กๆ ก็ยังดี เพื่อปลอบประโลมจิตใจที่ห่อเ**่ยว แต่ความหวังของทุกคนก็พลันหายสิ้น เพราะส่วนที่ตัดออกมาก็ยังเป็นหินกระแทกสายตาอยู่ใต้แสงไฟ
“ชิบ!” น้องชายคุณจางสบถด่า
ผลแบบนี้ แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะถูหินต่อ แต่เริ่มคิดว่าจะเริ่มตัดจากตรงไหนต่อ ถึงจะเป็นแบบนี้เขาก็ยังอยากจะนำหินหยกก้อนนี้ตัดออกมาให้หมด รู้แล้วรู้รอดกันไป
สุดท้ายก็ได้หารือกับเจียงเจิ้นและคุณหวงอีกรอบ ทั้งสามก็ตัดสินใจตัดจากตรงกลาง
ซีเหมินจินเหลียนเห็นพวกเขาจัดวางตำแหน่งบนเครื่องเจียระไน อีกทั้งยังวาดเส้นดิบดี มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ทุกอย่างเป็นตามที่เจ้าของคนเดิมคาดการณ์ไว้ หากคุณจางตัดไปครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องลงมีดซ้ำกับตำแหน่งของผู้เจียระไนหินคนก่อนในตอนนั้นแน่ เกรงว่าเมื่อคุณจางเจียรออกมาแล้ว สีหน้าคงไม่สู้ดีกว่านี้
“จินเหลียน เป็นอะไรครับ” จ่านป๋ายเห็นสีหน้าของเธอดูแปลกๆ จึงกระซิบถาม
“ไม่มีอะไร” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
ในเมื่อเธอไม่พูดอะไร จ่านป๋ายก็ไม่กล้าถามให้มากความ เพราะขอแค่เธอไม่เป็นอันตราย เรื่องทุกอย่างก็ดีหมด
เจียหยวนฮวาหันหน้ามา เมื่อเห็นพวกเขาทั้งคู่แล้วยิ้มให้ ซีเหมินจินเหลียนจึงนึกถึงคำพูดทั้งหมดของเจียหยวนฮวาเมื่อสักครู่ เลยรีบบอกเรื่องทั้งหมดกับจ่านป๋าย เมื่อเขาได้ยินแล้วก็ดีใจไม่น้อย ไปพม่าครั้งนี้ถ้าหาคนที่สนิทไว้ใจได้ แน่นอนมันก็เป็นเรื่องที่ดี เจียหยวนฮวาอยู่เจียหยาง เถิงชง พม่ารวมถึงที่อื่นๆ แน่นอนประสบการณ์เดิมพันหินคงต้องโชกโชนมาก
“นี่กี่โมงแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ยังไม่ดึกครับ เพิ่งจะสามทุ่มครึ่ง” จ่านป๋ายมองนาฬิกาและพูด “หากพวกเขาไม่ได้เจียรหินเหมือนเต่าคลาน พวกเราดูเสร็จแล้วก็ค่อยไปดูสินค้ากันก็ได้”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า
เจียหยวนฮวาได้ยินที่ทั้งคู่พูดคุยกัน ก็หันมายิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “อะไรกัน ดึกดื่นป่านนี้ยังมีนัดดูสินค้ากันอีกเหรอ?”
จ่านป๋ายพยักหน้า เจียหยวนฮวาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมถึงนัดดึกแบบนี้ล่ะ”
จ่านป๋ายนิ่งไปอยู่นานสุดท้ายก็พูดขึ้นว่า “ฝ่ายนั้นเขาเรียกร้องมาครับ”
“โอ้?” เจียหยวนฮวาได้แต่ขมวดคิ้วถาม “ทำไมล่ะ” แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาการเดิมพันหินจะมีพูดถึงการดูสินค้าในเวลากลางคืนบ้าง ไปจนถึงขั้นใช้ตะเกียงน้ำมันส่องสินค้าบ้าง บางที่ก็ตั้งใจสร้างบรรยากาศให้ดูเหมือนลึกลับ แต่เดี๋ยวนี้เวลาดูสินค้าก็น้อยครั้งนักที่จะนัดตอนกลางคืน หรือว่านี่เป็นแบบทดสอบทางสายตา
อีกทั้งนัดมาดูสินค้าเที่ยงคืนแบบนี้ ก็ยิ่งไม่เคยมีเข้าไปใหญ่
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฝ่ายตรงข้ามเขาบอกมาแบบนี้” จ่านป๋ายขมวดคิ้วอธิบาย
“ระวังด้วยแล้วกัน” เจียหยวนฮวาพูดกำชับอย่างระมัดระวัง
เสียงเคลื่อนไหวของใบมีดหยุดลงอีกครั้ง เจียหยวนฮวาหันหน้าไปดู เห็นว่าบนเครื่องเจียระไนมีหินถูกแบ่งเป็นสองก้อน คุณจางเดินนำและแยกหินหยกสองก้อนนั้นออกจากกัน เนื้อที่ตัดออกมาไม่ได้ทำให้ผู้คนประหลาดใจเลยสักนิด เพราะมันยังคงเป็นหินสองก้อนอยู่เหมือนเดิม…
“พี่เจียง พี่ดูชิ้นนี้…” น้องจางสีหน้าหด ฝืนยิ้มออกมา “ทางพี่รับซื้อไหม?”
แม้ความสัมพันธ์ของเจียงเจิ้นกับน้องชายของเขาจะดีมากแค่ไหน แต่คนทำธุรกิจก็คือคนทำธุรกิจ เมื่อมีปัญหาที่กระทบถึงผลประโยชน์ ใครๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้น ถึงเรียกพี่อย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
“รับน่ะรับ แต่น้องจาง ฉันเป็นพี่ก็ขอพูดความจริงหน่อยเถอะนะ ถ้าหินของนายไม่ได้ถูกปลอมแปลงมา แต่มาจากธรรมชาติ ดูจากลักษณะที่เผยให้เห็นอย่างน้อยก็คงมีมูลค่าสักหลายหมื่นบ้าง แต่ตอนนี้…” พูดจบเจียงเจิ้นก็ส่ายหน้าถอนหายใจ
น้องชายคุณจางได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้ามองนักธุรกิจหยกคนอื่นๆ ที่มาดูเขาเจียรหิน “ทุกท่านไม่มีใครต้องการเลยเหรอครับ?”
ทุกคนเงียบไม่พูดจา ซีเหมินจินเหลียนแบบหยิกมือจ่านป๋ายเบาๆ จ่านป๋ายเองก็นิ่งอึ้งไป เห็นชัดๆ ว่าเป็นของปลอมแล้วเธอจะเอาไปทำอะไรกัน?
แต่ในเมื่อซีเหมินจินเหลียนต้องการที่จะซื้อ เขาเองก็ไม่มีอะไรต้องพูด
“คุณจางครับ คุณคิดจะขายเท่าไหร่เหรอ?” จ่านป๋ายเอ่ยถามเสียงดัง “ผมเห็นว่าคุณเจียรหินก็เลยรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา ถ้าราคาไม่แพงมากก็ไม่สู้ส่งต่อมาให้ผมตัดเล่นๆ เป็นอย่างไรครับ?”
เจียงเจิ้นรู้สึกเสียใจขึ้นทันใด แต่เพราะว่าเมื่อสักครู่ตัวเองเป็นคนพูดต่อหน้าผู้ชมเอง เขาเลยไม่กล้าจะเบ่งราคา ไม่อย่างนั้นนักธุรกิจหยกพวกนี้ รวมไปถึงราชานักเดิมพันหินอย่างเจียหยวนฮวาคงได้ดูถูกตนแน่
สำหรับพ่อค้าคนหนึ่ง คำยกย่องสรรเสริญถือเป็นสิ่งสำคัญ
คุณจางได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งอยู่นาน จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้จักซีเหมินจินเหลียน เมื่อสักครู่เจียหยวนฮวาเคยแนะนำแล้ว บอกแค่ว่าเป็นลูกศิษย์ลูกหาของพวกเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
หญิงสาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าคงไม่ทำให้นักค้าหยกคนอื่นๆ สนใจได้ ดังนั้นเลยไม่มีใครสนใจ
“สองหมื่นครับ” คุณจางชี้ไปที่หินหยกดิบที่ถูกตัดเป็นสองฝั่งและฝืนยิ้มออกมา “หมื่นหยวนต่อหนึ่งก้อน อย่างน้อยๆ มันก็มีขนาดใหญ่นะครับ! ไม่รวมอันนี้!” พูดจบ เขาก็หยิบก้อนที่เป็นของปลอมที่นำมาแปะทับขึ้นมา ก้อนนั้นมีสีมรกตนิดหน่อย หากจะนำไปทำอะไรก็คงได้แค่จี้เล็กๆ สองชิ้น ไม่น่ามีปัญหา ขายด้วยราคาตามตลาดก็ยังพอได้