จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็พลันนึกถึงปัญหาครั้งนั้นที่สวี่อี้หรานพูดขึ้นมา เขาบอกว่าดวงชีวิตของหยกราชางูแข็งแกร่งมาก หากอยากเจียระไนออกมาก็มีความเป็นไปได้สองอย่าง…อย่างแรก ราชางูที่มีชีวิตอยู่ในหยกตั้งนาน หากเจียระไนออกมาแล้ว เมื่อสัมผัสเข้ากับอากาศ อาจจะไม่ทันได้มีเวลาให้ปรับตัวก็คงตายไปในที่สุด
อย่างที่สองก็คือ ราชางูถูกขังอยู่ในหยกตั้งหลายปีขนาดนี้ แต่ยังไม่ตาย เมื่อถึงเวลาเจียระไนหินออกมา มันก็ยังสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือหากสิ่งมีชีวิตนี้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด สำหรับมนุษย์ก็เท่ากับว่ารอภัยพิบัติได้เลย…เพราะสัญชาตญาณของมนุษย์อ่อนแอเหลือเกิน
และสิ่งที่เหมือนกับไข่งูก็คือราชาหยก มันมีแหล่งที่มาเดียวกันเหมือนกับราชางูอย่างไม่ต้องสงสัย ซีเหมินจินเหลียนเคยคิดว่ามันเป็นไข่ที่มาจากราชางูหรือเปล่า?
งูมีอายุขัยที่แข็งแกร่ง แถมชนิดหลากหลาย แต่ก็ไม่แน่ว่าจะมีชีวิตอยู่เป็นร้อยล้านปี นอกจากนี้หมอมองโกลก็บอกไว้ว่าหยกราชางูกับมนุษย์มีชีพจรคล้ายคลึงกัน
“หมอมองโกล คุณจะลองไหม” ซีเหมินจินเหลียนสื่อไปทางหินหยกลายน้ำ
“ลองอะไรเหรอครับ” จ่านป๋ายถามอย่างไม่เข้าใจ
“ลองดูว่าหินหยกข้างในนี้มีอะไร!” ซีเหมินจินเหลียนอธิบาย
“เมื่อวานตอนที่ผมเห็นก็รู้สึกได้ว่ามันน่าจะผิดปกติ!” หมอมองโกลขมวดคิ้วพูด “คุณซีเหมิน หินลายน้ำนั้นน่าจะเหมือนกับหยกราชางูที่มีสิ่งมีชีวิตบางอย่าง แต่ปัญหาก็คือ…ข้างในหยกพวกนี้ทำไมถึงมีสิ่งมีชีวิตด้วย? คุณไม่เคยคิดมาก่อนเหรอ”
“ฉันเองก็เคยคิด…” ซีเหมินจินเหลียนเอียงหัวพูด “หลายร้อยปีมานี้ เปลือกโลกขยับตัว บางทีอาจจะเกิดจากภูเขาไฟระเบิดทำให้แผ่นดินไหว…ยังไงมันก็มีสาเหตุมาจากธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เปลือกโลกแยกจากกัน สิ่งมีชีวิตที่เดิมทีอาศัยอยู่บนพื้นโลกก็ไม่ทันได้หลบหนี รับโศกนาฏกรรมทับถมอยู่ล่างพื้นดิน จากนั้นด้วยการก่อตัวกำเนิดของหยกเลยกลายเป็นเช่นนี้” พูดพลางเธอก็ผายมือยิ้ม หากจะเจียระไนค่อนข้างจะต้องระวัง แถมยังต้องจัดการให้เป็นทางการและถูกหลักวิทยาศาสตร์
“แต่…” จ่านป๋ายมองซีเหมินจินเหลียน ลังเลว่าจะพูดดีไหม
ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาใส่เขาแล้วพูดขึ้นว่า “คุณอยากพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยเถอะ จะมาพูดร่ายพร่ำเพรื่อเหมือนตาแก่ๆ เพื่ออะไรกัน?”
“ผมกลัวว่าถ้าผมพูดไปแล้วคุณอาจจะไม่ดีใจ” จ่านป๋ายเดินไปและนั่งบนหยกสีแดงด้วยกันกับเธอ “จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนี้ แร่ธาตุทั้งหมดเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกอย่างช้าๆ หากมองในมุมมองของทฤษฎีก็ไม่น่ามีการดำรงอยู่ของหยกแล้ว”
“ใช่ๆๆ!” สวี่อี้หรานเห็นพ้องกับความคิดของจ่านป๋ายและพยักหน้าพูด “สองวันมานี้ผมลองคิดดูแล้ว มีบางอย่างที่มีความเป็นไปได้”
“อืม อะไรที่เป็นไปได้?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“แช่แข็ง!” สวี่อี้หรานส่ายหน้าครุ่นคิดไปมา เรียบเรียงถ้อยคำพูด “จะพูดยังไงดีล่ะ ตอนนั้นเปลือกโลกอาจจะมีสิ่งมีชีวิตกำลังใช้ชีวิตกันอยู่ อย่างเช่นงูตัวนี้…” ในขณะที่พูดเขาก็ชี้ไปที่หยกราชางู
หยกราชางูเบิกดวงตามองไปที่สวี่อี้หรานที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างใสซื่อ
“ตอนนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่างูตัวนี้น่าจะกำลังฟักไข่งูอยู่ และในเวลานั้นอุณหภูมิของโลกก็ลดลงถึงขั้นติดลบไปหลายองศา เลยทำให้งูที่กำลังฟักไข่ลูกงูถูกแช่แข็งทั้งหมด จากนั้นก็ก่อกำเนิดขึ้นมาเป็นหยก!” สวี่อี้หรานพูด
“เหลวไหล!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า
“ผมเหลวไหลยังไง?” สวี่อี้หรานปากจู๋แสดงความไม่พอใจ
“พวกเราไม่สามารถสร้างหยกแบบนี้ได้ในความเป็นจริง สิ่งที่คุณพูดเมื่อสักครู่สามารถลองทำตามได้ เอาอย่างนี้ไหม พวกเราลองหาสัตว์สักอย่างมาแช่แข็ง แล้วหลังจากนั้นให้คุณลองสำรวจดูว่าสัตว์พวกนี้ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “หากอยากใช้งูที่ยังไม่ตายมาทดลอง มันก็เป็นเรื่องง่าย!”
จ่านป๋ายคิดไปมาพร้อมส่ายหน้าพูด “อย่าใช้งูเลย พวกคุณไม่รู้สึกว่ามันน่าขยะแขยงเหรอ? งูตัวอื่นไม่ได้สวยเหมือนงูตัวนี้นะ”
“ผมได้ยินมาว่ามีปลาในเขตร้อนพันธุ์หนึ่งที่อายุขัยแข็งแรงมาก!” สวี่อี้หรานพูด “ผมก็อยากทดลองอยู่เหมือนกัน หากคุณไม่พูดขึ้นมา ผมก็คงคิดไม่ออก!”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “พรุ่งนี้ฉันจะไปซื้อปลาเขตร้อนมา แล้วนำไปใส่ในแท็งก์น้ำทำให้แข็งตัว จากนั้นใช้วิธีแปลกประหลาดของคุณมาจับชีพจรว่าปลาพวกนี้ยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
สวี่อี้หรานพยักหน้าพูด “วิธีนี้ใช้ได้เลย จากนั้นก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าสิ่งมีชีวิตพวกนี้ผิดปกติหรือสัตว์ที่ถูกแช่แข็งหลังจากนั้น ความจริงแล้วสามารถเอาตัวรอดเพื่อรักษาชีวิตได้”
จ่านป๋ายก็รู้สึกตื่นเต้นตามๆ กัน “พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อแล้วกัน”
“พรุ่งนี้พวกคุณว่างตอนไหน” สวี่อี้หรานพูด “ผมจะได้มา แล้วก็พวกคุณมีเตรียมอุปกรณ์แช่แข็งแล้วใช่ไหม”
“ถ้าไม่มี ค่อยไปซื้อก็ได้!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องหรอก พรุ่งนี้พวกคุณก็มาที่บ้านผมก็ได้” สวี่อี้หรานพูด “ผมก็อยู่ในย่านหลานกุ้ย สักบ่ายสองแล้วกันนะ หากสามารถยืนยันได้จริงๆ ว่าการแช่แข็งสามารถรักษาสภาพให้สัตว์มีชีวิตได้ นี่จะเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย”
“คุณอาจจะคว้ารางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เลยก็ได้นะ!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้ม
“ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น!” สวี่อี้หรานส่ายหน้าพูด “ผมแค่อยากรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่ เหมืองหยกจะมาจากการแข็งตัวเหรอ แต่ไม่ได้เกิดจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกอย่างช้าๆ จนกลายเป็นเหมืองหยก? หรือจะมีเทพธิดาหนี่วาฝึกหินปิดฟ้าอยู่จริงๆ?”
“ใครจะไปรู้?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูดยิ้มฝืน ในใจของเธอ เธอยอมรับว่าหยกมาจากการที่เทพธิดาหนี่วาฝึกหินและหลงเหลือไว้ แต่หลักการพูดนี้มันก็เป็นเรื่องที่ไร้สาระ สัญชาตญาณเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่า จึงพยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบาย… น่าจะตั้งแต่ตอนเป็นเด็กที่เธอเป็นโรคถูกทฤษฎีทางไสยศาสตร์มาเบี่ยงเบน
“นี่ก็ดึกแล้ว คุณซีเหมิน ผมคงไม่รบกวนคุณแล้ว แต่…ผ่านไปอีกหลายวันผมค่อยมาดูใหม่ได้ไหม?” พูดพลางเขาก็ชี้ไปที่หินหยกลายน้ำก้อนนั้น
“ไม่มีปัญหา!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ยินดีเสมอ”
จ่านป๋ายเดินไปส่งสวี่อี้หรานออกไป เสร็จแล้วเดินกลับเข้ามาในบ้านปิดประตูลง มองไปทางซีเหมินจินเหลียนที่ยังนั่งอยู่บนหยกสีเลือด ดูหยกราชางูอย่างเลื่อนลอย อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำออกมาว่า “จินเหลียน คุณไม่ควรให้เขาเข้ามาที่ห้องใต้ดินนะ…ความโลภของมนุษย์ไม่เคยพอ แม้ว่าตระกูลสวี่จะร่ำรวย แต่ใครจะไปรู้หากเขาเห็นหยกมากมายขนาดนี้แล้วล่ะก็ จะไม่มีความคิดชั่วร้ายอยู่ในใจ? ระวังใจที่จะทำร้ายคน แต่ก็ควรระวังคนที่จะมาทำร้ายใจด้วย!”
“เขาไม่เหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “เขาทำให้ฉันรู้สึกถึงความพิเศษบางอย่าง”
จ่านป๋ายสับสน มองเธอด้วยความไม่เข้าใจ ซีเหมินจินเหลียนเอียงศีรษะพยายามรวบรวมถ้อยคำอยู่นาน “ความรู้สึกนี้แปลกมาก คงยากที่คุณจะเข้าใจ แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ตรงหน้าฉัน แต่ฉันก็รู้สึกว่าเขาและพวกเราไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน…”
“คุณเจอผีเข้าแล้วเหรอ?” จ่านป๋ายพูดไร้เรี่ยวแรง
“คุณต่างหากที่เจอผี!” ซีเหมินจินเหลียนหมดปัญญาจะพูด
“สิ่งที่เหมือนกันย่อมอยู่ด้วยกันได้ หากผิดแปลกจะตีห่างทันที!” จ่านป๋ายพูด “เขาก็บอกว่าคุณไม่เหมือนมนุษย์ ตอนนี้คุณก็พูดแบบนี้?”
“แล้วคุณที่มาพักด้วยกันกับคนที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างฉัน เป็นอะไรล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถลึงตาใส่เขา เพียงแต่สายตาของเธอไม่ได้มีความดุดันเลยสักนิด
จ่านป๋ายยิ้มแย้มออกมา ก่อนจะรีบย้ายหยกราชางูใส่ไว้ในตู้เซฟข้างใน หยกอื่นก็ช่างมันเถอะ แต่หยกสามก้อนนี้ต้องใส่ตู้เซฟล็อกป้องกันอย่างแน่นหนา ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่วางใจ
ซีเหมินจินเหลียนเอื้อมมือไปแตะหินลายน้ำ ครั้งแรกที่เธอเห็นหินลายน้ำก็ตกตะลึงอยู่ตลอดจนถึงตอนนี้ คนอื่นอาจจะมองไม่ออกว่าภายในลายน้ำนั้นซ่อนอะไรไว้อยู่ที่เหมือนจะเป็นสีขาวแต่ไม่ขาว สีดำหรือไม่ดำ แต่จากการมองของเธอสามารถมองออกได้อย่างชัดเจน
เพราะว่ามองออกได้อย่างชัดเจน เธอจึงยากที่จะเชื่อ หรือว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ? แต่ความบังเอิญนี้ก็ยากเกินกว่าจะให้ใครเชื่อได้ จากการสำรวจของเธอ ขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตเธอก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้ แต่หากไม่ใช่ เธอก็มองออกได้อย่างชัดเจน
ลายน้ำพวกนั้นเป็นของเหลวก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้ลายน้ำพวกนี้ไหลตลอดคืออะไร? สิ่งที่อยู่ตรงกลางราวกับกำลังหายใจอยู่ ในระหว่างที่สูดลมหายใจเข้าออก ลายน้ำก็เหมือนหมุนวนเป็นรอบ บวกกับการหักเหของแสงและสะท้อนของหยก มองด้วยตาเปล่าเลยไม่สามารถมองได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงกลางนั้นเป็นอะไร
สิ่งมีชีวิตนั้น ทำไมถึงต้องมีรูปร่างลักษณะที่แปลกประหลาดด้วย
ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่หินลายน้ำด้วยสติที่ล่องลอย
“จินเหลียน…คุณเป็นอะไรไป?” จ่านป๋ายย่อตัวนั่งยองๆ ข้างๆ เธอ
“เสี่ยวป๋าย คุณรู้หรือเปล่าว่าตรงกลางนั้นคืออะไร” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ผมดูไม่ออกหรอกครับ” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด “ลายน้ำนี้ มองนานๆ ก็ทำให้ตาลาย ส่วนของที่อยู่ตรงกลางก็ไม่ได้ใหญ่มาก ยากที่จะแยกออกได้จริงๆ”
“แต่ฉันรู้!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน “สายตาของฉันย่อมดีกว่าคนอื่น ดังนั้น…ฉันเลยพอดูออกบ้าง”
“อ้อ?” จ่านป๋ายแปลกใจ คนที่เดิมพันหินส่วนใหญ่ต่างมีดวงตาที่เฉียบคม ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างนี้เขาเลยเชื่อ
ซีเหมินจินเหลียนคว้ามือเขาและวาดรูปตรงกลางฝ่ามือ “ข้างในเป็นแบบนี้ และที่สวี่อี้หรานหมอมองโกลคนนั้นพูดก็ไม่ผิด ของที่อยู่ตรงกลางน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต และที่สำคัญก็คือ…มันยังมีชีวิต”
“นี่คืออะไรกันแน่?” จ่านป๋ายงงงัน ในมือที่ซีเหมินจินเหลียนวาดรูปให้เขา เป็นลวดลายภาพหยินหยาง…
“ฉันก็สงสัยมาก สงสัยจนอยากจะเอามันมาผ่าออกมาให้เห็นเต็มตา!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
จ่านป๋ายมองเธอด้วยความแปลกใจและถามขึ้น “จินเหลียน คุณพูดจริงเหรอ?”
“การที่ฉันต้องการไปที่พม่าด้วยตัวเอง ประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่การซื้อหยกหรอก ฉันอยากไปดู…ว่าที่นั่นมีอะไรมหัศจรรย์กันแน่” ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจลึกและผ่อนลง “หากมันจำเป็น ฉันก็จะตัดออกมาดู” เธอพูดพลางชี้ไปที่หินลายน้ำ