ขาดเพียงแค่หนึ่งล้าน แต่ถูกคนอื่นแย่งซื้อไป? ซีเหมินจินเหลียนนั่งไร้เรี่ยวแรงสติเลื่อนลอยอยู่บนเก้าอี้ นั่นเป็นหยกชนิดแก้วสีผสม ไม่เพียงแต่สีสันเข้มสด ความโปร่งแสงยังเต็มเปี่ยม แถมยังเป็นหยกชนิดเก่าแก่โบราณ ความสวยงามไม่ต้องพูดถึง…
อะไรจะบังเอิญขนาดนี้? เธอประมูลไปยี่สิบล้าน แต่คนอื่นประมูลสูงกว่าเธอแค่หนึ่งล้านแล้วได้หยกไป? ถ้าสูงกว่าสักห้าหกล้าน เธอถึงจะยอมรับหน่อย
หรือว่าคนที่แย่งซื้อไปจะรู้ราคาประมูลของเธอ? เป็นไปไม่ได้?! นอกจากจ่านป๋ายแล้วก็ไม่มีใครรู้ราคาที่เธอตั้งประมูลไป
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกไม่สบายใจถกแขนเสื้อขึ้นมา รอคอยให้หมายเลขประมูลแต่ละรายการค่อยๆ เลื่อนผ่านไป นอกจากรายการนี้ ยังมีอีกรายการหนึ่งนั่นก็คือหยกชนิดน้ำแข็งสีเขียว และเธอก็ได้ไป
แต่ว่าสิ่งที่เธอให้ความสนใจมากกลับไม่ใช่หยกชนิดน้ำแข็งสีเขียวนี้ แต่เป็นหยกฮกลกซิ่วก้อนนั้น
ถ้าหากหยกฮกลกซิ่วก้อนนั้นถูกคนแย่งไปด้วยราคาที่สูงกว่ากันไม่มาก เธอจะต้องเจ็บช้ำระกำใจ ร้องไห้ออกมาอย่างไร้น้ำตาแน่ เธอจำได้ว่าหมายเลขของมันคือสามร้อยหก
รอคอยให้หน้าจอเริ่มเปลี่ยนเป็นเลขสามร้อย หัวใจของซีเหมินจินเหลียนก็เต้นแรงออกมาราวกับเสียงกลองชุดที่กำลังตีอย่างบ้าคลั่ง จ่านป๋ายจับมือเธอด้วยความตื่นเต้น เขารับรู้ได้ว่ามือของเธอสั่นน้อยๆ…
“จินเหลียน คุณผ่อนคลายลงหน่อยครับ” จ่านป๋ายไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไรดี
“ฉัน…ฉัน…” ซีเหมินจินเหลียนตะกุกตะกักพูดออกมา ผ่อนคลายหรือ? เวลานี้ใครจะไปผ่อนคลายลงได้ รู้ทั้งรู้ว่ากังวลไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมา แต่เธอก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ หัวใจเต้นตึกตักๆ ใบหน้ามีเลือดฝาดแดงระเรื่อ ราวกับว่าถูกแต่งแต้มด้วยสีสัน
หน้าจอแสดงเลขสามร้อยหกขึ้นมา ซีเหมินจินเหลียนมองเห็นอย่างชัดเจน เก้าสิบเอ็ดล้าน…
ชั่วขณะนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนสมองแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายอ่อนยวบนั่งอยู่บนเก้าอี้ ทั้งร่างไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับสักนิด
“ทำไม…ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้?” ซีเหมินจินเหลียนหันไปถามจ่านป๋าย ทำไมหินหยกที่เธอสนใจทั้งสองชิ้น กลับมีคนให้ราคาสูงกว่าเธอแค่หนึ่งล้าน แล้วแย่งไปได้สำเร็จ?
“จินเหลียน ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร หินหยกพวกนั้นอาจจะเป็นหินก็ได้ คนที่ซื้อไปอาจจะขาดทุน” จ่านป๋ายประคองไหล่เธอแล้วปลอบโยน
แต่ปัญหาก็คือลักษณะของหินหยกทั้งสองชิ้นไม่ใช่หินแน่ๆ สิ่งที่ทำให้เธอคับข้องใจขึ้นก็คือ ทำไมต้องเป็นหินหยกทั้งสองชิ้นนั้นด้วย แถมราคายังสูงกว่าแค่หนึ่งล้านก็แย่งไปได้แล้ว?
นอกเสียแต่ว่า มีคนรู้ราคาประมูลของเธอ?
แต่จะเป็นใคร เพราะนอกจากจ่านป๋ายก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้?
“จินเหลียน คุณคงไม่ได้สงสัยผมหรอกนะครับ” จ่านป๋ายสีหน้าไม่สู้ดีนัก เรื่องแบบนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามให้ราคาที่สูงกว่าซีเหมินจินเหลียนสักหน่อย ยังพอจะเข้าใจได้
การเดิมพันหินมีแต่ความเสี่ยง หรือจะมีคนที่สายตาเฉียบคมเห็นหินหยกสองก้อนนั้นคุ้มค่าที่จะเดิมพัน เลยจ่ายไปด้วยราคาสูงเพื่อแย่งยิง แต่เห็นชัดๆ ว่าราคาของฝ่ายตรงข้ามสูงกว่าเธอแค่เล็กน้อย เหมือนกับเอาอะไรมาฟาดหน้าเธออย่างจัง เขารู้อย่างดีว่าซีเหมินจินเหลียนกำลังเสียใจ
แต่หมายเลขที่ซีเหมินจินเหลียนจะประมูลก็มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ แถมราคาประมูลก็เป็นเขาที่ช่วยเธอตั้งขึ้นมา
ถ้าเปลี่ยนเป็นเขา เขาก็น่าจะสงสัยเธอเหมือนกัน ถ้าไม่รู้ความเป็นมาของเรื่องนี้ เธอเกรงว่าจะต้องค้างคาใจไปตลอดชีวิตแน่ ความพยายามที่ผ่านมาในช่วงนี้สูญแรงไปเปล่าๆ ใครกันที่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้?
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ซีเหมินจินเหลียนพึมพำออกมา “เสี่ยวป๋าย ฉันเชื่อคุณนะ แต่ว่าเรื่องในวันนี้มันน่าสงสัยมาก ถ้าฝ่ายตรงข้ามตั้งราคาสูงกว่านี้อีกสักหน่อย ฉันก็อาจจะยอมรับได้…”
“ผมรู้ครับ” จ่านป๋ายลูบไหล่เธออย่างอ่อนโยนแล้วพูด “ผมจะลองสืบดูว่าใครกันแน่ที่เป็นคนชนะประมูลหยกทั้งสองชิ้นไป”
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอคอยขัดขวางจ่านป๋ายไม่ให้ใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องในการสืบค้นประวัติของคนอื่น แต่ว่าครั้งนี้เธอกลับอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้กันแน่
งานประมูลที่เจียหยางได้สิ้นสุดลงแล้ว สำหรับใครที่ชนะการประมูลหยกที่ตัวเองหมายปอง ย่อมจะเดินฉีกยิ้มออกมาแทบไม่หุบ แน่นอนย่อมมีคนที่หน้าหมองหม่นน้ำตาตก กลับบ้านมือเปล่าด้วยสติเลื่อนลอย
ซีเหมินจินเหลียนชนะการประมูลหยกชนิดแก้วสีน้ำเงินไปหนึ่งชิ้น ชนิดน้ำแข็งสีเขียวหนึ่งชิ้น ส่วนหยกชนิดน้ำแข็งชิ้นอื่นๆ โดนคนอื่นแย่งไปด้วยราคาที่สูงกว่า แต่หยกสองชิ้นที่เธอต้องตาต้องใจ ชิ้นหนึ่งเป็นสีผสม อีกชิ้นเป็นฮกลกซิ่วนั้นกลับเกิดเหตุการณ์น่าสงสัยถูกคนแย่งชิงไปด้วยราคาที่สูงกว่าเพียงเล็กน้อย
เมื่อจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว จ่านป๋ายก็จ้างรถมาหนึ่งคัน หินหยกทั้งสองชิ้น หยกสีน้ำเงินมีน้ำหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ส่วนหยกชนิดน้ำแข็งสีเขียวหนักประมาณสามสิบกิโลกรัม น้ำหนักของทั้งคู่ไม่ถือว่าน้อย แม้เป็นหยกชนิดน้ำแข็งสีหญ้าเขียวนั้นก็ยังโดนคนแย่งไป
ระหว่างทางจากงานประมูลกลับไปโรงแรม ซีเหมินจินเหลียนได้แต่คิดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา จะว่าไปก็โทษใครไม่ได้ ต้องโทษที่ประสบการณ์ตัวเองมีไม่มากพอ ไม่เข้มงวดเวลาทำอะไร
เมื่อเทียบกับประธานบริษัทอัญมณียกใหญ่อื่นๆ เธอก็เป็นแค่เด็กน้อยในรังเท่านั้น ครั้งหน้าจะต้องไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อีก
ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ โชคดีที่ครั้งนี้เธอยังซื้อหยกสีน้ำเงินไว้ในครอบครองได้ ไม่อย่างนั้นต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ๆ
เมื่อกลับถึงโรงแรม จ่านป๋ายเตรียมตัวจัดการนำหินหยกทั้งสองชิ้นไปเก็บไว้ในตู้นิรภัยของโรงแรม ซีเหมินจินเหลียนนั่งรออยู่ที่ห้องโถง เตรียมตัวขึ้นไปข้างบนด้วยกัน พรุ่งนี้ค่อยทำเรื่องขนส่งของ งานประมูลที่เจียหยางสิ้นสุดลงแล้ว เธอใช้เงินไปไม่น้อยเลย ควรจะเตรียมตัวกลับได้แล้ว
เธอคิดจะกลับที่บ้านเกิดเธอสักครั้ง ก่อนจะตรงกลับไปที่เซี่ยงไฮ้ ตอนนี้เธออยากกลับไปใจจะขาด อยากจะตัดหินที่ซื้อช่วงนี้ให้หมด
ถึงครั้งนี้จะพลาดโอกาสของหยกสีผสมและหยกฮกลกซิ่วไป แต่เธอก็ยังมีของดีๆ อยู่ในมือ คิดเช่นนี้แล้วอารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมา
จู่ๆ ในเวลานี้ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา ซีเหมินจินเหลียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คิดไม่ถึงว่าปลายสายเป็นผู้อาวุโสเจี่ยราชาแห่งนักเดิมพัน
เธอกดรับไปตามสัญชาตญาณ พลันมีเสียงของปลายสายดังเข้ามา “คุณซีเหมิน?”
“สวัสดีค่ะผู้อาวุโสเจี่ย!” ซีเหมินจินเหลียนตอบรับ
“งานประมูลวันนี้ชนะไปเยอะไหมครับ” ผู้อาวุโสเจี่ยถามด้วยเสียงเจือหัวเราะ
“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ราคาประมูลหยกในงานครั้งนี้ เกินความจริงไปเยอะเลย สิ่งที่ฉันสนใจก็ถูกคนอื่นแย่งไปหมด”
“ฮะๆ งานประมูลหยกก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น” ผู้อาวุโสเจี่ยปลอบ “คุณประมูลมาได้กี่ชิ้นหรือ”
“สองชิ้นค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเจื่อน ก่อนพูดออกไป “แล้วทางคุณละคะ” ตอนนั้นในงานประมูลเธอแทบที่จะไม่เห็นหน้าของผู้อาวุโสเจี่ยเลย แต่เธอรู้ว่าราชาแห่งนักเดิมพันย่อมป้องกันคนที่จะสืบเสาะข้อมูลตลอดเวลา เลยจำเป็นต้องปิดบังตัวตน เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ
“เฮ้อ..?” พูดถึงเรื่องนี้ ผู้อาวุโสเจี่ยถอนหายใจออกมายกใหญ่แล้วพูดว่า “คุณซีเหมิน ทางผมมีของดีอยู่สองชิ้น คุณสนใจจะเข้ามาดูหรือเปล่าครับ”
“คะ?” ซีเหมินจินเหลียนมึนงง ผู้อาวุโสเจี่ยตั้งใจโทรหาเธอ ไม่ได้เป็นเพราะว่าโทรมาพูดปลอบใจที่แพ้การประมูล แต่ประเด็นอยู่ที่ประโยคสุดท้าย
แต่ว่า เขาเป็นราชาแห่งการเดิมพันหินไม่ใช่หรอกเหรอ? ถ้ามีสินค้าดี แล้วทำไมถึงไม่ตัดขายเองล่ะ
เนื่องจากซีเหมินจินเหลียนจิตใจบอบช้ำกับหยกทั้งสองชิ้นที่ถูกแย่งไป ภายในใจของเธอก็อยากจะหาสินค้าใหม่เข้ามาเติมเต็ม “แน่นอนค่ะ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเจี่ยอยู่ที่ไหนคะ”
“โรงงานแปรรูปหยก ที่คุณมาครั้งก่อนครับ” ผู้อาวุโสเจี่ยพูด “ตอนนี้คุณสะดวกที่จะมาไหม?”
“อืม เดี๋ยวฉันเรียกรถไปค่ะ คุณรอสักครู่นะคะ”
หลังจากที่วางสายเธอก็สติหลุดไปชั่วขณะ เมื่อเห็นจ่านป๋ายจัดการเรื่องเสร็จแล้วเดินเข้ามาหาเธอ ซีเหมินจินเหลียนเรียกเขาให้มากับเธอ
“จินเหลียน พวกเรากำลังจะไปไหนกันครับ”
“ไปโรงงานแปรรูปหยก” ซีเหมินจินเหลียนพูด ตอนนี้พวกเข้าอยู่หน้าประตูโรงแรมเรียกรถแท็กซี่ไปที่โรงงานแปรรูป
เมื่อเข้าไปนั่งในรถเป็นที่เรียบร้อย จ่านป๋ายจึงถามขึ้นว่า “ไปโรงงานแปรรูปหยกทำไมกันครับ”
“ราชาแห่งการเดิมพันหยกคนนั้นโทรมาหาฉัน บอกว่ามีสินค้าดี” ซีเหมินจินเหลียนเล่าเรื่องที่เธอคุยกับผู้อาวุโสเจี่ยให้จ่านป๋ายฟัง
“คุณก็ยุ่งมาทั้งวันแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอครับ”
“เหนื่อยสิ!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าหงึกหงัก ร่างกายอ่อนล้ายังเป็นเรื่องเล็ก แต่ตอนนี้เธอไม่สบายใจมากกว่า เพราะฉะนั้นเธอยิ่งคาดหวังว่าหินหยกของฝั่งผู้อาวุโสเจี่ยจะสามารถทำให้เธอคาดไม่ถึง ทำให้เธอซ่อมแซมส่วนที่ขาดหายไป
แต่ว่าดูจากท่าทางของผู้อาวุโสเจี่ยแล้ว เขาคงจะไม่เรียกแค่เธอมาดูสินค้าคนเดียวหรอก? ถ้าเป็นสินค้าที่ดีจริงๆ เขาคงอยากจะได้ประโยชน์สูงสุดไม่ใช่เหรอ
จิตใจคิดวกวนไปมา เพียงไม่นานรถก็ได้ขับมาจอดที่หน้าโรงงานแปรรูปหยก จ่านป๋ายจ่ายเงินค่ารถ จากนั้นทั้งคู่ลงรถมา หน้าประตูของโรงงานไม่มีใครยืนอยู่เลย พวกเขาทั้งสองจึงเดินเข้าไปอย่างสงสัย
ข้างใน ผู้อาวุโสเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มต้อนรับพวกเขา
“คุณซีเหมิน เชิญเข้ามาข้างในครับ” ผู้อาวุโสเจี่ยยิ้มทักทาย
“สวัสดีค่ะผู้อาวุโสเจี่ย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มทักทายตอบกลับไป พลางกวาดสายตาไปทั่วโรงงาน โรงงานแปรรูปหยกเหมือนกับครั้งที่แล้วไม่มีผิด ที่มุมของห้องกองไปด้วยหินหยก แต่ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าสินค้าที่ดีไม่ได้อยู่ภายในกองนั้นแน่ แต่ต้องระมัดระวังเก็บไว้ในโกดังเป็นอย่างดี
“คุณซีเหมินจินเหลียนมาเร็วเหมือนกันนี่”
“ฉันได้ยินผู้อาวุโสเจี่ยบอกว่ามีสินค้าดี ก็เลยรีบมาเลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนี้ คนแก่อย่างผมก็ไม่พูดจาให้มากความแล้ว ตามผมมาเลยครับ!” ผู้อาวุโสเจี่ยพูดไปพลางพาทั้งสองคนไปที่โกดังด้านหลัง ตรงกลางของโกดังวางหยกไว้อยู่สองชิ้น ในนั้นชิ้นหนึ่งมีน้ำหนักสักประมาณห้าหกร้อยกิโลกรัม ส่วนอีกชิ้นหนึ่งใหญ่กว่า น่าจะหนักประมาณหนึ่งตัน วางไว้อยู่ตรงกลางห้องให้เห็นชัดขึ้น
“สองชิ้นนี้เหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนมึนงงเมื่อเห็นหินหยกทั้งสองชิ้นนี้ ชั่วพริบตาเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา…