เวลากลางคืนห้าทุ่มครึ่ง สวี่อี้หรานนั่งสัปหงกมองไปทางซีเหมินจินเหลียนที่กำลังศึกษาลายปักทอบนกระโปรงของเธออย่างขะมักเขม้น ในเวลานั้นเขาก็รีบลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอพร้อมถาม “เราจะกินมื้อดึกอะไรกันดี”
ซีเหมินจินเหลียนเจอคำถามนี้ของเขาเข้าไป จนต้องเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนฝาผนัง เธอรู้สึกหิวเหมือนกันจึงรีบถามกลับไป “มีอะไรอร่อยๆ ไหม”
สวี่อี้หรานเปลี่ยนชี้นิ้วพูด “มีอาหารขึ้นชื่อของเจียงซูมากมายเลย หรือไม่ก็เป็นสลัดผลไม้ ปิ้งย่าง ของหวานสไตล์ตะวันตก ยังมีสเต็กเนื้อ สเต็กปลาด้วยนะ…คุณอยากกินอะไร เมื่อวานผมเพิ่งรู้ว่าคุณชอบกินของพวกนี้ เลยให้เชฟเตรียมไว้หมดแล้ว”
“อาหารเจียงซูแล้วกัน มาหยางโจวตั้งหลายวันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้กินอาหารขึ้นชื่อของเจียงซูเลย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“อี้หราน ลูกก็ไปกำชับในครัวสักหน่อยเถอะ” สวี่เซวียนหยวนพูด “อย่าทำให้รสชาติถูกปากแค่คนเดียว เตรียมไว้ให้หมด บางคนอาจไม่ชอบทานของหวาน จริงสิ หากคุณซีเหมินชอบทานอาหารเจียงซู แกก็ให้พ่อครัวจากซูโจวคนนั้นทำของหวานมาส่งด้วยนะ ฉันว่าตีสองตีสามคืนนี้ก็ยังหาผู้ชนะไม่ได้หรอก ทุกคนคงหิวกันหมดแล้ว”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไปจัดการก่อนแล้วกัน” สวี่อี้หรานพูดจบก็เดินออกไปข้างนอก
ซีเหมินจินเหลียนนั่งเอนตัวพิงเก้าอี้ต่อไป เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหันมาสนใจลายปักทอต่อ
“คุณซีเหมินชอบการปักทอผ้าเหรอครับ” จู่ๆ สวี่เซวียนหยวนก็ถามขึ้น
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นใบหน้าค่อยๆ แดงระเรื่อ พยักหน้าพูด “ใช่แล้วค่ะ การปักผ้าเป็นงานที่ต้องใช้ความประณีต สวยมากเลยค่ะ”
“กระโปรงบนตัวของคุณซีเหมินฝีมือก็ถือว่าดีมากนะครับ แต่ผ้าปักที่ขายตามตลาดเดี๋ยวนี้ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดอะไร โดยเฉพาะการใช้เครื่องจักรในการเย็บปัก ลวดลายเก่าไม่ต้องพูดถึงเลย ฝีมือหยาบไร้ความละเอียดอ่อน” สวี่เซวียนหยวนพูด “ตระกูลของเรามีแม่บ้านผู้หญิงที่ช่ำชองการเย็บปักถักร้อยแบบดั้งเดิมอยู่หลายคน หากวันไหนคุณซีเหมินว่าง ก็สามารถมาเที่ยวชมที่ตงไห่ได้นะครับ”
“ในอนาคตหากมีโอกาส ฉันคงต้องขอรบกวนคุณสวี่แล้วล่ะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนค้อมตัวลงน้อยๆ ก่อนพูดขึ้นยิ้มๆ
“ผ้าถักทอของตระกูลอวิ๋นเราก็เป็นงานฝีมือเหมือนกัน ไม่ได้ใช่แรงงานเครื่องจักรอย่างแน่นอน” อวิ๋นอวิ้นจ้องมองไปทางซีเหมินจินเหลียนและยิ้มบางๆ
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาอย่างใจกว้าง “ครั้งก่อนมีคนรู้จักแนะนำ ฉันถึงเพิ่งรู้ว่าตระกูลอวิ๋นมีร้านอย่างนี้กับเขาด้วย เพราะตั้งแต่เด็กชอบการปักทอที่ประณีต ฉันเลยกลายเป็นลูกค้าประจำไปแล้วค่ะ”
อวิ๋นอวิ้นพยักหน้า “ร้านของตระกูลอวิ๋น เริ่มแรกทำเพราะความชอบของฉัน เลยประกาศรับสมัครแรงงานผู้หญิงที่เย็บปักเป็นมาเล่นๆ เท่านั้น จากนั้นถึงลงตัวมาเป็นธุรกิจ” พูดถึงเท่านี้เธอก็ผ่อนลมหายใจออกมา
ตอนนั้นเธอยังเด็กไม่รู้ประสีประสา แถมไม่ได้ชอบลายปักเย็บแบบดั้งเดิมพวกนี้ แต่คนคนนั้นชอบ บอกว่าผู้หญิงสวมใส่กระโปรงผ้าไหมถักทอมันดูพลิ้วไหว เลยให้ช่างฝีมือช่วยทำลวดลายวิจิตรต่างๆ ราวกับภาพจินตนาการที่ไม่มีจริง!
แต่ไม่ว่าเธอจะสวมใส่เสื้อถักทออย่างไร เขาก็ไม่ชายตามองเธอเลยสักนิด ในใจของเขาแต่ไหนแต่ไรก็มีแต่คนคนนั้นอยู่ในหัวใจ
สายตาทอดไปมองบนเรือนร่างของซีเหมินจินเหลียน เธอก็สวยจริงๆ สวยราวกับเทพธิดาในตำนาน…
อวิ๋นอวิ้นเริ่มเล่นเกมในมือถือของเธออีกครั้ง ในโทรศัพท์เพียงแต่ส่งเสียง [คุณตายแล้ว คุณตายแล้ว] ยังคอยตามหลอกหลอนให้ทุกคนไม่รู้จะยินดียินร้ายอย่างไรต่อไปดี
จ่านมู่ฮวาเห็นซีเหมินจินเหลียนกำลังเบื่อจึงใช้โอกาสนี้หันไปคุยกับเธอ “ตระกูลของพวกเราก็มีร้านเย็บปักถักร้อยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น ว่างเมื่อไหร่ค่อยไปดูกันไหม?”
“ฉันไม่เห็นเคยได้ยินคุณพูดถึงเรื่องนี้เลย?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“เอ่อ…ผมไม่รู้ว่าคุณจะชอบนี่นา” จ่านมู่ฮวาทำหน้าตาน่าสงสาร “คุณจะกลับเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อไหร่” ใครจะให้เธออยู่เมืองหยางโจวต่อไปตลอดกัน สวี่เซวียนหยวนนั่น…ก็เป็นตาแก่เจ้าเล่ห์ชัดๆ! สวี่อี้หรานเป็นแค่ลูกเป็ดหัวทึบ จีบผู้หญิงไม่เป็น แต่สวี่เซวียนหยวนนั้นไม่เหมือนกัน เขารู้ดีว่าควรทำอย่างไร
ผู้หญิงทั่วไป แน่นอนว่าเครื่องประดับอัญมณีคือสิ่งที่พวกเธอชอบที่สุด แต่สำหรับซีเหมินจินเหลียนแล้ว เธอมีบริษัทอัญมณีเป็นของตัวเอง ในบ้านเก็บสะสมหยกชั้นดีทั้งนั้น อัญมณีธรรมดาคงยากที่จะทำให้เธอประทับใจได้ แต่…เธอกลับชอบผ้าปักทอ? ตัวเองจะยอมปล่อยโอกาสดีๆ เช่นนี้ให้หลุดลอยไปได้อย่างไร?
จริงๆ เลย ทั้งที่รู้ว่าเธอชอบสิ่งก่อสร้างสไตล์หยวนหลิน ชอบงานปักทอ ชอบของเล่นโบราณ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาอกเอาใจเธออย่างไร? สมน้ำหน้าตัวเองจริงๆ!
“รอให้เรื่องทางนี้เสร็จแล้ว ฉันว่าจะไปเที่ยวซูโจวสักหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“หา? คุณจะไปทำอะไรที่ซูโจว” จ่านมู่ฮวาพูด
“ไปเที่ยว” ซีเหมินจินเหลียนตอบง่ายๆ
“ถ้างั้นผมไปกับคุณก็แล้วกัน!” จ่านมู่ฮวารีบพูดขึ้น “พอดีเลย ผมก็มีธุระต้องไปจัดการธุรกิจที่ซูโจวเหมือนกัน”
“ฉันไม่เห็นรู้ว่าตระกูลของเราจะมีธุรกิจอะไรที่ซูโจวด้วย?” จ่านป๋ายเงยหน้าขึ้นพูด เมื่อวานเขากับซีเหมินจินเหลียนก็ตกลงกันไว้แล้ว รอให้เรื่องที่หยางโจวเสร็จ พวกเขาจะไปเที่ยวที่ซูโจวสักสองวัน ขับรถไปเองแค่พวกเขาสองคน
เวลานี้ เขาก็ไม่อยากจะมีก้างขวางคอเพิ่มขึ้น
“ฉันเตรียมตัวจะไปลงทุนธุรกิจเย็บปัก แกจะทำไม?” จ่านมู่ฮวายั่วยุ “ไปไม่ได้เหรอ?”
“ไปได้สิ นายก็ไปลงทุนของนาย ส่วนพวกเราก็จะไปเที่ยว นายก็อย่ามาเกาะแกะแล้วกัน!” จ่านป๋ายออกแรงในการเจียระไนหิน ผิวของหินก้อนนี้หนาใช้ได้ ราวกับหน้าด้านๆ ของจ่านมู่ฮวาไม่มีผิด ไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยเจียระไนหน้าด้านๆ ของเขาให้บางลงสักชั้นได้ไหมนะ?
“เจียระไนหินของแกต่อไปสิ ฉันไม่ได้พูดกับแกสักหน่อย!” จ่านมู่ฮวาแค่นเสียงใส่
“ลูกชายของกระผมก็อยากไปผ่อนคลายที่ซูโจวเหมือนกัน หากคุณซีเหมินอยากไป ไปด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอครับ ไปกันหลายคนคงสนุกน่าดู!” สวี่เซวียนหยวนพูด
ซีเหมินจินเหลียนมึนงง นี่สวี่เซวียนหยวนต้องการจะทำอะไรกันแน่?
[คุณตายแล้ว…] เวลานี้ โทรศัพท์ของอวิ๋นอวิ้นส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ลากเสียงยืดยาว จนทำให้อวิ๋นอวิ้นต้องกุมโทรศัพท์สบถในใจ
ประธานสวี่มองไปที่นักประเมินราคาที่อยู่ข้างกายทั้งสองท่าน ก็ได้แต่ส่ายหน้า คนพวกนี้…เข้าใจยากจริงๆ
เมื่อรอให้คนรับใช้ภายในบ้านตระกูลสวี่เสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะจนเสร็จเรียบร้อย ซีเหมินจินเหลียนก็ได้โบกมือลากับการค้นคว้าลายปักทอบนตัวเธอ ส่วนอวิ้นอวิ๋นในเวลานี้ค่อยๆ ลิ้มลองเค้กดอกกุหลาบไปทีละคำ
“เสี่ยวป๋ายๆ คุณมากินของหวานก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยไปเจียระไนต่อ ฉันไม่รีบ” ซีเหมินจินเหลียนพูดกับจ่านป๋าย
อวิ๋นอวิ้นมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน เด็กคนนี้ตั้งใจจะถ่วงเวลาอย่างนั้นหรือ? แต่ในเมื่อเธอไม่รีบร้อน แล้วตนจะรีบร้อนไปทำไม เธอทำได้แค่อดทนรออย่างใจเย็นเท่านั้น
“หวังว่าจะไม่เป็นของไร้ค่านะคะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงเสียเวลารอเปล่าๆ” อวิ๋นอวิ้นพูด
ซีเหมินจินเหลียนถามกลับว่า “คุณคิดว่าฉันจะนำของไร้ค่ามาเดิมพันกับคุณเหรอคะ? หรือคุณคิดว่าฉันโง่พอที่จะยอมปล่อยหยกราชางูออกไปจากมือ?
สำหรับคำถามนี้ อวิ๋นอวิ้นทำได้แค่ยิ้มออกมา แม้จะแพ้ราชาหยกแล้วอย่างไร? สำหรับซีเหมินจินเหลียนก็เหมือนกัน ถึงเธอจะแพ้หยกราชางูก็ไม่ต่างเหมือนกัน…การเดิมพัน บางครั้งก็แค่กระบวนการของความตื่นเต้น ตอนที่เธอมีข้อมูลที่แม่นยำ เธอก็เตรียมตัวที่จะแพ้แล้ว
ปล่อยมือ เธอถึงสามารถครอบครองของได้มากขึ้นเรื่อยๆ!
เวลาตีสามห้านาที ผู้คนเริ่มพากันสัปหงกหาวหวอดออกมาตามๆ กัน ในที่สุดจ่านป๋ายก็เจียระไนหินหยกอัปลักษณ์ของซีเหมินจินเหลียนเสร็จทั้งก้อน
หยกก้อนนี้ขนาดไม่ใหญ่ มีขนาดเท่ากำปั้นมือ ไม่มีสีโปร่งใส เป็นชนิดเนื้อแก้วโดยไม่ต้องพูดถึง
จ่านป๋ายนำหินหยกที่เจียระไนจนเสร็จชะล้างผิวหินสีเทาออกด้วยน้ำเปล่า สายตาตกไปอยู่ที่ตำแหน่งตรงกลางของหยก นี่มันคืออะไรกันแน่?
นี่เป็นหยกที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกับหยกราชางูกับราชาหยก ภายในหยกราวกับกักขังสิ่งมีชีวิตไว้อยู่ แต่ปัญหาก็คือมันคืออะไร?
นำหินหยกชะล้างด้วยน้ำสะอาดเสร็จเรียบร้อย จ่านป๋ายก็นำมันไปวางไว้ตรงกลางโต๊ะ ทำให้ผู้คนที่เดิมทีพากันสัปหงกในตอนนี้ได้สติคืนกลับมา ไม่นานสายตาของทุกคนตกไปอยู่ที่หินหยกก้อนนี้
หินหยกก้อนนี้ไม่ได้มีสีสันสดใสเหมือนของอวิ๋นอวิ้นก้อนนั้น จนอาจพูดได้ว่าหินหยกก้อนนี้เมื่อเทียบกับหยกส่วนมากแล้ว มันก็ดูจืดชืดมาก
ชนิดเนื้อแก้วไร้สี เนื้อผิวชุ่มฉ่ำมันวาว ความโปร่งใสระดับสูง ราวกับคริสตัลเนื้อบริสุทธิ์ก็ไม่ปาน เนื้อแก้วไร้สีเป็นกระแสในกี่ปีที่ผ่านมานี้ เมื่อก่อนเนื้อแก้วไร้สีไม่เป็นที่สนใจ วางทิ้งตามพื้นยังไม่มีคนเก็บ
แต่หินหยกชนิดแก้วไร้สีที่ดูธรรมดาไม่ได้แตกต่างจากก้อนอื่นนี้ ตรงกลางกลับมีร่องรอยของลายน้ำราวกับกำลังไหลผ่านทีละชั้น…
หยกทั้งก้อนเหมือนกำลังขยับอยู่ เพราะว่าแบบนี้ตำแหน่งตรงกลางของหยกน่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครดูออก
เรื่องถัดมาก็คือการตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะในค่ำคืนนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างโต้เถียงกัน
นักประเมินราคาทั้งสองคนคิดว่าหินหยกของอวิ๋นอวิ้นมีสีสันสดใส อีกทั้งยังเป็นเนื้อแก้วโบราณ แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ชนะ
แต่ประธานเซี่ยกลับคิดว่า หินหยกของซีเหมินจินเหลียนซ่อนความลับเงื่อนงำอะไรบางอย่างไว้ และยังเป็นหินมหัศจรรย์ที่ไม่มีในปัจจุบันนี้ เลยให้เธอเป็นผู้ชนะ
สวี่เซวียนหยวนกับจ่านมู่ฮวาไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกเขาสังเกตหินหยกทั้งสองก้อนอยู่นาน…หินหยกของซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่เป็นหินมหัศจรรย์ ไม่สามารถนำมาทำเป็นของประดับอะไรอื่นๆ ได้
จนกระทั่งทั้งสองคนมีความเคลือบแคลงอยู่ในใจว่า สิ่งนี้ก็เรียกว่าหยกด้วยหรือ?
หินหยกของอวิ๋นอวิ้นก้อนนั้นสวยมาก สีสันสดใส ไม่ว่าจะนำไปทำเป็นเครื่องประดับหรือของตกแต่งต่างเป็นของสะสมชั้นดีทั้งนั้น
แม้ว่าในใจของทั้งสองต่างโอนเอียงไปทางซีเหมินจินเหลียน แต่อย่างไรต้องยึดตามความยุติธรรม ทั้งคู่เลยไม่ได้พูดอะไรออกมา
สวี่อี้หรานมองไปที่หินหยกก้อนนั้นด้วยความงงงัน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ประธานเซี่ยคนเดียวคงไม่มีทางชนะนักประเมินราคาสองคนนั้นแน่
ซีเหมินจินเหลียนกลับไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ เธอเชื่อมั่นในตัวเอง ถึงแพ้แล้วอย่างไร? เพราะยังไงเธอก็คิดว่าเธอไม่มีทางแพ้
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วมองไปทางอวิ๋นอวิ้น อวิ๋นอวิ้นพูดขึ้นว่า “ฉันแพ้แล้ว”
ซีเหมินจินเหลียนยกมุมปากอย่างได้ใจ เนื้อแท้ของหินหยกก้อนนี้น่าจะเป็นประเภทเดียวกับหยกราชางูกับราชาหยก นี่ไม่ใช่หยกธรรมดา แต่เป็นหยกเหนือหยก ไม่มีอะไรเทียบเทียมได้
“คุณนายอวิ๋น ทำไมคุณถึงแพ้ล่ะครับ?” นักประเมินราคาหวังรีบร้อนใจพูด “หินหยกของคุณ สวยตราตรึงจนลืมไม่ลง อีกทั้งสีสันสดใส แต่หินหยกของคุณซีเหมิน มันก็แค่เนื้อแก้วไร้สี…”