นักประเมินราคาจางส่ายศีรษะพูด “ไม่รู้เหมือนกันครับ ดูแล้วเหมือนจะเป็นของจริงเลยนะครับ”
ซีเหมินจินเหลียนแอบพูดอยู่ในใจ พูดอะไรแปลกๆ…เดิมทีนี่ก็เป็นของจริงนะ?
“เหล่าจาง คุณลองดูบนหัวของงูตัวนี้สิ…” จู่ๆ นักประเมินราคาหวังก็เรียกเขาขึ้นราวกับค้นพบผืนแผ่นดินจีนใหม่
“บนหัวมีอะไรเหรอครับ” นักประเมินราคาจางขมวดคิ้ว “หงอนงูไม่ใช่ว่าจะไม่มี ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณกาล ใครจะไปรู้ว่างูยุคนั้นจะเป็นแบบนี้กันทั้งหมดหรือเปล่า?”
“แต่…ทำไมหงอนของมันถึง ดูเหมือนกับดอกบัวสีทองล่ะ?” นักประเมินราคาหวังเบิกตากว้างจ้องมองไปที่งูพร้อมพูด
ซีเหมินจินเหลียนมุ่นหัวคิ้ว เธอใช้แว่นขยายขนาดใหญ่สังเกตอยู่หลายครั้ง หงอนสีทองบริเวณหัวของงูก็คือดอกบัวที่กำลังเบ่งบานจริงๆ ที่ไม่มีเหตุผลไปกว่านั้นก็คือถ้าหากมองอย่างละเอียดมากกว่านั้น ลวดลายของดอกบัวนั้นเหมือนกับดอกบัวบนหลังมือของเธอไม่มีผิด
โดยที่ไม่รู้ตัว ซีเหมินจินเหลียนก็พลันคิดถึงสิ่งที่สวี่อี้หรานพูดขึ้นมา…ชีพจรของหยกราชางูกับของเธอคล้ายกันมาก ชีพจรของเธอแปลกประหลาดไม่เหมือนกับคนปกติ
นี่เธอก็คิดไปถึงไหนแล้ว? ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าจัวเองในใจ ถ้าคิดแบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอเป็นญาติห่างๆ ของหยกราชางูหรืออย่างไรกัน?
“เหล่าหวัง ถ้าคุณไม่พูดขึ้นมา ผมก็ดูไม่ออกเลยนะ!” ประธานสวี่ตื่นเต้นยกใหญ่หยิบแว่นขยายขึ้นมาตรวจสอบหยกราชางูอย่างถี่ยิบ ไม่นานสายตาของเขาก็ตกไปอยู่ที่หลังมือของซีเหมินจินเหลียน เมื่อสักครู่ตอนที่ซีเหมินจินเหลียนดูหยกอยู่ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าที่หลังมือของเธอมีลายสักดอกบัวสีทองอยู่หนึ่งดอก
ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจสักนิดเดียว มีผู้หญิงมากมายที่ชอบตามแฟชั่น ชอบสักลายนู้นลายนี้ อย่างลายดอกไม้ต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงชอบอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่หงอนบนหยกราชางูตอนนี้กลับเป็นดอกบัวสีทอง นี่มันก็ค่อนข้างแปลกอยู่บ้าง
“คุณซีเหมิน นี่คงไม่ใช่ของทำขึ้นมาใช่ไหมครับ?” ประธานเซี่ยขมวดคิ้ว “ดูเหมือนไม่ใช่ของจริงเลย”
“ถ้าประธานเซี่ยว่างก็ลองเลียนแบบสักก้อนสิครับ รับรองว่าผมจะซื้อด้วยราคาสูงๆ เลย” ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ตอบคำถาม แต่เป็นจ่านมู่ฮวาที่พูดอย่างเยือกเย็น
“คุณชายจ่านอย่าเพิ่มเข้าใจผมผิดนะครับ” ประธานเซี่ยรีบแก้ต่าง “เพียงแต่ตอนนี้ผมคิดยังไงก็คิดไม่ออก…ถ้าหากผมดูไม่ผิดแล้ว ที่หลังมือของคุณซีเหมินก็มีรอยสักลายดอกบัวสีทองแบบนี้เหมือนกันใช่ไหมครับ? และหงอนบนหัวงูก็มีลวดลายเหมือนรอยสักหลังมือของคุณซีเหมินด้วย?”
เมื่อพูดออกมาอย่างนี้ สายตาอาฆาตของจ่านป๋ายก็เผยออกมาแต่กลับไม่มีใครได้เห็น เพราะมันถูกบดบังด้วยผมของเขาเนื่องจากเขากำลังก้มเจียระไนหินอยู่ คนคนนี้ก็ชักจะปากมากเกินไปหน่อยแล้ว!
รอยสักหลังมือของซีเหมินจินเหลียนกับหงอนของหยกราชางูเหมือนกัน เขาก็รู้ตั้งแต่ต้นตอนแรกที่เขาพูดจาหยอกล้อ ตอนนั้นก็ยังถูกเธอว่าไม่หยุด
ส่วนสวี่อี้หรานกับจ่านมู่ฮวาสองคนที่เคยเห็นหยกราชางูเหมือนกัน แน่นอนย่อมรู้เรื่องนี้…เพียงแต่พวกเขาก็ฉลาดที่จะเลือกไม่ถามให้มากความ และไม่ได้ดึงดันซักถามต่อไป เพราะอย่างไรดอกบัวก็ดูเหมือนๆ กันไปหมด ซีเหมินจินเหลียนสักลายดอกบัวบนหลังมือของเธอ และงูตัวนั้นที่มีดอกบัวอยู่บนหัวไม่ยอมไปไหน มันเกี่ยวอะไรกับพวกเขา?
“ดอกบัวก็คล้ายๆ กันหมดนั่นละครับ ก็ไม่เห็นว่าจะเหมือนอะไรกันมากขนาดนั้น” สวี่อี้หรานรับช่วงพูดต่อ “หรือว่าคุณเคยเห็นดอกบัวที่ไหนเหมือนดอกโบตั๋นเหรอ?”
ประธานเซี่ยได้ยินเช่นนั้นได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ มีปากเสียงกับคุณชายพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย
“ไอหยา…” จู่ๆ นักประเมินราคาจางก็ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ ถอยหลังออกไปก้าวใหญ่
“เป็นอะไรไป?” นักประเมินราคาหวังถาม
“มัน…มันขยับตัว เหมือนมีชีวิต” นักประเมินราคาจางพูดขึ้นอย่างร้อนรน เมื่อกี้ดวงตากลมโตของหยกราชางูเหมือนกำลังกะพริบตาอยู่
เขาตั้งสติ และมองไปที่หยกราชางูอีกครั้ง ยังคงเป็นท่าเดิม ลำตัวส่ายไปมาเหมือนแผ่แม่เบี้ย ภายใต้ดวงตาข้างในสื่อให้เห็นความไร้เดียงสาทำตัวไม่ถูก!
“คุณอย่าพูดให้ตกใจสิ ผมว่ามันก็เหมือนกับอำพัน เวลาก่อตัวมีงูตัวนี้เลื้อยผ่านมาพอดีจึงทำให้ถูกสต๊าฟไว้อยู่ด้านใน” ประธานเซี่ยพูด
“ไม่รู้ว่าหยกก้อนนี้ก่อตัวอย่างไรถึงได้สวยขนาดนี้!” นักประเมินราคาจางพูดจากใจ
“ผมก็แค่สงสัยว่าถ้าหากงูตัวนี้เป็นแค่งูธรรมดาตัวหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องมีลักษณะเหมือนงูทั่วไปตัวอื่นๆ แต่ทำไม…พวกคุณดูที่ผิวส่วนหัวของมันสิ ดูเหมือนกับผิวของมนุษย์เลย” นักประเมินราคาหวังพูด
ซีเหมินจินเหลียนมองดูพวกเขาถกเถียงกันอยู่ตลอด ประเด็นนี้ไม่รู้ว่าเธอคิดตั้งกี่รอบแล้ว และจากปากของสวี่อี้หรานเอง เธอก็ยืนยันได้ว่างูตัวนั้นในหยกราชางูยังมีชีวิตอยู่ ยังจับชีพจรได้ และชีพจรยังเป็นประเภทเดียวกับมนุษย์ ไหนจะมีส่วนคล้ายเธออย่างประหลาด
เมื่อนั่งเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกเบื่อ เธอเริ่มไล่มาสำรวจลายปักดอกไม้บนกระโปรงของเธอ ลวดลายในการปักช่างแตกต่างกับการปักครอสติสที่นิยมในตลาดปัจจุบันนี้โดยสิ้นเชิง ประณีตและสวยงาม ควบคู่ไปกับผ้าไหมที่มันเลื่อม พลิ้วไหวเหมือนมีชีวิตชีวา
“ผมว่าเด็กสมัยนี้ คงไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับการเจียระไนเลยสักนิดสินะครับ?” นักประเมินราคาหวังสังเกตการณ์หยกราชางูกับราชาหยกไปรอบหนึ่งแล้ว ไหนจะมองไปที่หินหยกสีแดงน้ำเงินก้อนนั้นไปอีกไม่รู้กี่ครั้ง แต่จ่านป๋ายยังคงเจียระไนหินอย่างเชื่องช้า ทำให้ตอนนั้นรู้สึกทนดูไม่ไหว
“คุณก็ตัดๆ ลงไปเถอะ เพราะอย่างไรหินหยกก้อนนี้ก็ตัดซะจนเป็นแบบนี้แล้ว!” นักประเมินราคาจางพูดแทรกขึ้น
พวกเขาไม่รู้สถานะของจ่านป๋าย แต่เมื่อเห็นเขาตามซีเหมินจินเหลียนอยู่ข้างกาย เลยคิดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเจียระไนหินที่ซีเหมินจินเหลียนพามา จึงไม่ได้อยู่ในสายตาตั้งแต่แรก
“ทั้งสองท่านอย่าเอาแต่ยืนพูดได้ไหมครับ?” จ่านป๋ายเงยหน้าขึ้นจดจ้องไปที่ดวงตาของพวกเขาอย่างเย็นชา “ถ้าไม่มีอะไรทำก็ไปนั่งเฉยๆ เถอะ ถ้าผมตัดพลาดไป กลับบ้านเอาไปขายให้ภรรยาของพวกท่าน ยังไม่มีปัญญาชดใช้เลย!”
“คุณ…คุณว่าไงนะ?” นักประเมินราคาหวังชูคอขึ้น ส่วนนักประเมินราคาจางก็ถูกปั่นหัวจนโกรธไม่แพ้กัน
“ผมไม่ได้บอกให้คุณพูดกับผมสักหน่อย!” จ่านป๋ายเจียระไนหินต่อ
“ทั้งสองท่านเชิญนั่งก่อนเถอะครับ รออีกสักพักก็คงจะเห็นกันแล้ว” สวี่เซวียนหยวนที่ไม่ได้พูดจาอยู่นานได้โอกาสพูดขึ้น “ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ เจียระไนไป”
“เหอะ!” นักประเมินราคาหวังแค่นเสียงเหอะใส่ “ตอนที่ผมเดิมพันและเจียระไนหิน ตอนนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าคุณอยู่ที่ไหน? เด็กอย่างคุณจะมาเดิมพันเองเหรอ?”
“เอาอย่างนี้ไหมล่ะครับ พวกเราไม่สู้มาเดิมพันกันสักตา?” จ่านป๋ายขมวดคิ้ว เขาทนกับนักประเมินราคาที่ชอบอ้างแต่ความอาวุโสดูถูกคนอื่นไม่ไหวแล้ว เริ่มจากการพูดพล่ามวิเคราะห์หยกราชางูสุ่มสี่สุ่มห้า ไหนจะตอนนี้ที่มาตำหนิความเฉื่อยช้าในการเจียระไนหินของเขาอีก? ความเร็วของเขาช้า แต่ประธานยังไม่เห็นว่าอะไร ทำไมพวกเขาสองคนที่เป็นถึงคณะกรรมการถึงพูดจาเหลวไหลได้?
ยิ่งไปกว่านั้น สายการเดิมพันก็พึงปฏิบัติตามกฎมาตลอด ไม่ว่าจะเจียระไนอย่างไรคนอื่นก็ห้ามมาพูดแทรก
“เดิมพันก็เดิมพันสิ ผมกลัวคุณที่ไหนกัน?” นักประเมินราคาหวังพูดเอะอะโวยวาย
สวี่เซวียนหยวนทำได้แค่ยิ้มไม่เอ่ยปาก นักประเมินราคาสองท่านนี้พอรู้เรื่องหยกบ้าง แต่รู้แค่หยกที่มีขายทั่วไปเป็นที่นิยมในตลาดเท่านั้น เพราะหยกชั้นดีพวกนั้น ไม่ใช่แค่อยากจะเจอแล้วได้เจอ เกรงว่าพวกเขาคงไม่แม้แต่จะเคยได้ยินมาก่อน เช่นเรื่องตอนนั้นตระกูลพวกเขาสะสมหยกน้ำงามนับพันปีอยู่ก้อนหนึ่ง
ของแบบนี้บางครั้งก็เป็นของหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ คนทั่วไปอาจจะไม่เคยมีโอกาสแม้แต่จะได้ยิน นัดเดิมพันครั้งนี้เพื่อความยุติธรรม อวิ๋นอวิ้นจึงเชิญพวกเขามา เพราะอวิ๋นอวิ้นคงกังวลว่าตระกูลสวี่ของพวกเขากับตระกูลจ่านจะใช้อำนาจรังแกคนสินะ?
คิดได้เท่านี้สวี่เซวียนหยวนทำได้แค่ยิ้ม หากซีเหมินจินเหลียนแพ้จริงๆ แต่ขอแค่สวี่อี้หรานชอบ รังแกคนก็รังแกสักครั้งแล้วกัน! เรื่องฉ้อโกงเพื่อผลประโยชน์ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำ
ก็แค่นักประเมินราคาสองคนรวมกับประธานอะไรนี่? จะส่งผลอะไรมากมาย เอาเถอะ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกันข้างนอก แต่เขาเชื่อว่าเขาก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
แน่นอนซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายไม่รู้ว่าสวี่เซวียนหยวนวางแผนจะใช้อำนาจ แต่ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ร้อนใจเลยสักนิด รอจ่านป๋ายเจียระไนหินอย่างเงียบๆ ตามเวลา…
อวิ๋นอวิ้นก็ไม่กระวนกระวายใจ เธอไม่เชื่อว่าซีเหมินจินเหลียนจะเจียระไนออกมาเป็นหินหยกที่สามารถชนะเธอได้ เธอยอมรับ ในมือของซีเหมินจินเหลียนเป็นของดี แต่…เธอไม่เชื่อว่าจะเจียระไนออกมาเป็นหยกสี่สีสีสันสดใสอะไรออกมาได้อีกครั้ง หยกแสงระยิบระยับเหรอ?
เมื่อคิดถึงหินหยกอีกาดำของเธอครั้งนั้น มุมปากของอวิ๋นอวิ้นกระตุกขึ้นเล็กน้อย ครั้งนั้นตัวเธอเองก็แพ้อย่างย่อยยับ
“คุณอยากจะเดิมพันอะไร” นักประเมินราคาหวังมองไปทั่ว
“อืม ดูเหมือนคุณจะสนใจหินหยกของคุณนายอวิ๋นใช่ไหมครับ?” จ่านป๋ายยิ้ม
“แน่นอน” นักประเมินราคาหวังพยักหน้าพูด “นี่ก็เห็นอยู่แล้ว!” ในสายตาของเขาเป็นเรื่องที่ชัดเจน เขาไม่เชื่อว่าหินหยกที่ตัดออกมาอย่างอัปลักษณ์ของซีเหมินจินเหลียนจะสามารถเจียระไนออกมาเป็นหยกได้
“หินหยกของคุณซีเหมินยังไม่ได้เจียระไนออกมา พวกเราก็เดิมพันของเธอเถอะ วางเงินเดิมพันสิบล้าน!” จ่านป๋ายยิ้ม “เดิมพันกันเล่นๆ ผมไม่อยากทำตามคุณผู้หญิงของผม ไม่เดิมพันทรัพย์สิน!” พูดจบเขาก็เจตนามองไปทางซีเหมินจินเหลียนพร้อมยิ้มร่า
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขมขื่น จ่านป๋ายไม่ใช่ลูกน้องของเธอ ทำไมถึงต้องพูดอะไรทำอะไรที่ดูถูกตัวเองด้วย?
“ให้คุณมีเงินสิบล้านก่อนแล้วค่อยมาพูดเถอะ!” นักประเมินราคาหวังเริ่มเหงื่อแตกพลั่กพูดจาบุ่มบ่าม สิบล้านเหรอ? แค่เล่นๆ ไม่เดิมพันทรัพย์สิน ถ้าเดิมพันทรัพย์สินจะเท่าไหร่กัน?
“ตระกูลจ่านของพวกเรา ไม่ได้ยากจนถึงขนาดไม่มีเงินแม้แต่สิบล้านหรอกนะครับ!” จ่านมู่ฮวายิ้มเยือกเย็น “คุณหวังดูถูกกันเกินไปแล้ว”
ซีเหมินจินเหลียนไม่พูดอะไร ควักเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋าบรรจงเขียนเสร็จสรรพ จากนั้นปั้มตราอย่างเรียบร้อยส่งไปให้จ่านป๋าย “นี่สิบล้าน!”
นักประเมินราคาหวังเหงื่อตกอีกครั้ง เวลานี้จะให้เขาไปเอาเงินสิบล้านมาจากไหน ถึงขายทรัพย์สินในบ้านไปจนหมดก็คงมีไม่ถึงสิบล้าน?
แต่เหนือความคาดหมายของทุกคน อวิ๋นอวิ้นควักเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋าแล้วเขียนส่งไปให้นักประเมินราคาหวัง “ในเมื่อคุณหวังมั่นใจในหินหยกของฉัน ฉันก็รู้สึกซาบซึ้งมาก ในเมื่อคุณจ่านมีความปรารถนา ก็มาเล่นกันเล่นๆ เถอะ! คุณวางใจได้ ถ้าแพ้ฉันรับผิดชอบเอง!”
เช็กเงินสดสองใบถูกวางไว้ตรงกลางโต๊ะ จ่านป๋ายเริ่มเจียระไนหินอีกครั้ง ส่วนซีเหมินจินเหลียนเอาแต่พินิจพิเคราะห์กระโปรงปักทอของเธอต่อไป อวิ๋นอวิ้นหยิบโทรศัพท์มือถือมาเล่นเกมตัวต่อบล็อก ความสามารถในการเดิมพันหินของเธอไม่เลว แต่ทักษะในการเล่นเกมของเธอห่วยแตกมาก ทุกคนได้ยินเสียงตูมตามในมือถือของเธอ และมีเสียงดังออกมาจากโทรศัพท์เป็นระยะๆ ว่า [คุณตายแล้ว คุณตายแล้ว]