“หยกมีชีวิต?” ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้งไป ยังมีหยกที่มีชีวิตด้วยหรือ? แต่ในเมื่อข้างในหยกราชางูยังมีงูที่มีชีวิตตัวนั้นอยู่ได้ สิ่งนั้น…นับเป็นหยกมีชีวิตหรือเปล่า?
เมื่อคิดได้อย่างนี้ซีเหมินจินเหลียนก็พลันคิดถึงหินหยกพวกนั้นที่อวิ๋นอวิ้นพ่ายแพ้ต่อเธอในคืนนี้ หยกก้อนใหญ่สุดถูกตัดออกจากตรงกลางเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นสีเขียวเปลือกหนา และไม่ได้เผยสีเขียวออกมา แต่อวิ๋นอวิ้นกลับไม่รู้ว่าหยกก้อนนั้นมีจุดเล็กๆ ที่ไม่เหมือนกับหยกธรรมดาอยู่?
ข้างในนั้นเป็นอะไร? ภายใต้การควบคุมดวงตาของซีเหมินจินเหลียนยากที่จะตัดสิน ดังนั้นถึงเธอจะขี้โกง แต่ก็เพื่ออยากที่จะนำหยกก้อนนั้นมาครอบครองไว้ในมือ เพื่อตัดออกมาศึกษา
มันเป็นของของเธอ เธอจะทำอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
“ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีหยกมีชีวิตด้วย” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวพูด “คุณไปอ่านเจอในตำราโบราณที่ไหน?”
สวี่อี้หรานคิดเล็กน้อยถึงค่อยพูดขึ้นว่า “ในเมื่อหยกส่องแสงยังมีตัวตน ผมว่าหยกมีชีวิตก็อาจมีอยู่จริง”
“คงจะอย่างนั้น” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “เพียงแต่พวกเรายังไม่ได้ค้นพบเท่านั้น”
สวี่อี้หรานยิ้ม “ดึกมากแล้ว คุณรีบพักผ่อนก่อนเถอะ”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว ตนเองก็เข้าไปในห้องของตัวเอง
ค่ำคืนผ่านไป บ่ายสี่โมงเย็นวันถัดมา อวิ๋นอวิ้นโทรมานัดเธอตรงตามเวลาเพื่อให้ไปดูราชาหยก ส่วนจ่านป๋ายก็โทรเข้ามาบอกว่าคืนนี้สามทุ่มจะรีบมายังเมืองหยางโจว…
จ่านมู่ฮวายังอยู่ที่เมืองหยางโจวเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจกับตระกูลฉิน เขาเคยนัดกับซีเหมินจินเหลียนว่าไปเดินเล่นกันที่ทะเลสาบโซ่วซี แต่ถูกเธอปฏิเสธลูกเดียว ในเมื่อเขามาเพื่อคุยธุรกิจ ถ้าอย่างนั้นก็จัดการธุระให้เสร็จไป แน่นอนเธอไม่ลืมให้จ่านมู่ฮวาไปหาอวิ๋นอวิ้นเพื่อขอหุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์จากเธอ
บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ดูแล้วเหมือนจะเปลี่ยนเจ้าของได้ง่าย
คิดได้เพียงเท่านี้ซีเหมินจินเหลียนก็ไม่ได้ดีใจเลย เงินทองสะสมมาจนถึงจำนวนหนึ่งก็เป็นแค่สัญลักษณ์ตัวแทนของตัวเลข…ตอนนี้ความปรารถนาของเธอก็คือประหลาดก้อนนั้นมากกว่า
จู่ๆ เธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้อาวุโสหูถึงยืนหยัดได้ขนาดนี้ หินหยกพวกนี้ทำให้คนหลงใหลได้จริงๆ ส่วนเธอช่างมีโชคเหลือเกิน สามารถเดิมพันของหายากมาได้ไม่หยุดหย่อน
สวี่อี้หรานมีน้ำใจกับเธออย่างมาก คอยขับรถไปดูราชาหยกเป็นเพื่อนเธอ และยังพาไปเปิดหูเปิดตาดูโลก ตอนที่ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าเขาเคยประสบกับความรักที่ไม่สมหวัง เธอก็ไม่ได้ระแวดระวังในตัวเขาอีกแล้ว คนคนนี้ไม่เหมือนกับจ่านมู่ฮวาที่ต้องการแค่ผลประโยชน์
เพียงแต่แค่ชอบหยกของเธอและมีเป้าหมายชัดเจนไม่แอบแฝง คนคนนี้ดีขนาดไหนกัน?
เมื่อรถยนต์จอดที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาลอวิ่นสือ[1] ซีเหมินจินเหลียนก็สับสนงุนงัน มองไปที่อวิ๋นอวิ้นพร้อมถามว่า “ทำไมถึงตั้งชื่อได้แปลกขนาดนี้ค่ะ ฟังไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย?”
“แต่ไหนแต่ไรโรงพยาบาลก็ไม่ใช่สถานที่น่ารื่นรมย์อะไรหรอก” อวิ๋นอวิ้นส่ายศีรษะพูด “นอกจากนี้อวิ่นสือ ที่จะแปลว่าหินอุกกาบาตแล้ว เสียงของมันก็ยังพ้องกับคำว่าอวิ๋นสือ ที่แปลว่าตระกูลอวิ๋นด้วย อีกทั้งก็มีตัวอักษรสือที่แปลว่าหินอยู่ในนั้น”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแย้ม คนที่เดิมพันหินต่างเล่นหินมาทั้งชีวิต
“ตามฉันมาเถอะ” อวิ๋นอวิ้นเดินนำไปข้างหน้าและอ้อมตึกใหญ่ไปทางสิ่งก่อสร้างที่ไม่ดูโดดเด่น แต่กลับแขวนป้ายสีแดงใหญ่โตไว้อย่างชัดเจน เขตติดเชื้อรุนแรง ห้ามคนภายนอกเข้า!
อวิ๋นอวิ้นไม่ได้สนใจสิ่งนี้รีบนำทั้งคู่เดินเข้าไปข้างใน ประตูแรกเป็นเป็นประตูติดตั้งด้วยระบบรหัสผ่าน อวิ๋นอวิ้นหยิบการ์ดแม่เหล็กเข้าไปเสียบ จากนั้นประตูค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ
ซีเหมินจินเหลียนไม่ทันได้ถามอะไร ยืนอยู่ที่ด้านหลังเธอและตามเข้าไป ส่วนสวี่อี้หรานก็รีบเดินเข้าไปเช่นกัน
ทั้งหมดมีอยู่สามประตู ต่างใช้การตั้งรหัสผ่านเพื่อล็อก เสริมเพิ่มไปกับการควบคุมผ่านการ์ดแม่เหล็ก ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ถอนหายใจ “คุณระวังมากเกินไปแล้ว”
“คุณซีเหมิน คุณน่าจะรู้ว่าพวกเรากำลังทำอะไร ถ้าไม่อย่างนั้นจะป้องกันความปลอดภัยไว้ขนาดนี้เลยเหรอ?” อวิ๋นอวิ้นพูด “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับตำรวจอาชญากรรมคนนั้น”
“ไม่มีอะไรนี่คะ” ซีเหมินจินเหลียนไม่อยากพูดถึงเรื่องของเลี่ยวก่วงเลยเลี่ยงที่จะส่ายหน้าพูด
“เธอปฏิเสธคำขอของเขา?” อวิ๋นอวิ้นพูดพลางพร้อมเดินลงไปทางบันไดหินยาว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นห้องใต้ดิน สิ่งก่อสร้างบนพื้นดินก็แค่หลอกลวงสายตาคนเท่านั้น
ซีเหมินจินเหลียนสับสนแต่ก็ยังคงถามออกไปว่า “คุณรู้ได้ยังไง?”
“ฉันไม่ได้หยาบช้าถึงขั้นติดตั้งเครื่องดักฟังหรอก เธอวางใจได้” อวิ๋นอวิ้นยิ้มเยือกเย็น “ฉันมีความทระนงตัวของฉัน เรื่องต่ำช้าแบบนี้ไม่ควรค่ากับการกระทำหรอก”
“หรือว่าเรื่องหยาบช้าที่คุณเคยทำมีน้อยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ถ้าหากเป็นการเดิมพันถึงจะหยาบช้าขนาดไหน ฉันก็จะลงมือทำ ถึงจะเป็นการขายหัวใจของฉันก็ตาม!” อวิ๋นอวิ้นหันหน้ากลับมาจ้องซีเหมินจินเหลียน “ฉันมีสิ่งที่ต้องเสาะหา ก็เหมือนกับเธอที่มีสิ่งยึดเหนี่ยวของเธอ ของพวกนี้คนอื่นไม่มีทางเข้าใจได้หรอก ดังนั้นฉันรู้ดี ถึงแม้เขาจะช่วยเธอ เธอก็คงไม่ตกปากรับคำร่วมมือกับเขาหรอก ถ้าเธอรับปาก เธอก็ไม่คู่ควรในการเป็นคู่แข่งของฉัน”
“คุณพูดถูกที่สุด” ซีเหมินจินเหลียนยกย่องชื่นชม “คุณมีความทระนงตัวของตัวเอง ฉันมีสิ่งที่ต้องยึดมั่นของฉัน แต่ของบางอย่างพวกเราสามารถลดทิฐิลงได้ ของบางอย่างแม้จะทุ่มเทด้วยชีวิตก็ไม่อาจได้มาโดยง่าย”
“พาฉันไปดูราชาหยกเถอะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ได้สิ” อวิ๋นอวิ้นพูดพลางเดินลงไปตามบันไดหิน ในเวลาเดียวกันก็พูดอธิบายกับซีเหมินจินเหลียน “ในนี้มีการติดตั้งระบบทำลายล้าง ถ้าหากมีวันใดที่ฉันปกป้องที่นี่ไว้ไม่ได้ ฉันยอมให้ที่นี่พังทลายสิ้นซาก ยังดีเสียกว่าตกไปอยู่ในมือของคนอื่น…”
“คุณนายอวิ๋นนี่ก็เอาแต่ใจตัวเองดีนะครับ!” สวี่อี้หรานที่เงียบงันมาตลอดจู่ๆ พูดขึ้นมา
“ทำไมฉันถึงเป็นคนเอาแต่ใจได้ล่ะ?” อวิ๋นอวิ้นถาม
“ในเมื่อเป็นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และยังเป็นไปเชิงวิจัยทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของมนุษย์ คุณน่าจะประกาศต่อทุกคน ไปจนถึงเผยแพร่ แต่ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองคนเดียว” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง
“แล้วฝีมือทางการแพทย์อันดีเด่ของคุณ ทำไมถึงไม่เผยแพร่ล่ะ?” อวิ๋นอวิ้นยิ้มเยือกเย็น “พูดกับคนอื่นพูดได้ หึ!”
สวี่อี้หรานทำท่าทีไม่สนใจและปั้นสีหน้าพูดจริงจัง “หลายปีก่อนผมเคยถามอาจารย์ของผมว่าทำไมวิชาทางการแพทย์ของพวกเราถึงไม่มีการเผยแพร่ ในเมื่อรักษาได้ผลมีประสิทธิภาพขนาดนี้แต่ยังเก็บงำไว้ไม่เผยแพร่ จนกระทั่งในประวัติก็มีการถ่ายทอดแค่กับอาจารย์เพียงคนเดียว เวลารับลูกศิษย์ต้องดื่มน้ำสาบาน ถ้าหากไม่เคารพปฏิบัติตามกฎก็ต้องตายโดยไม่มีพื้นที่ฝังศพ คุณรู้ไหมว่าอาจารย์ของพวกเราตอบว่าอะไร?”
ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย “ตอบว่าอย่างไรเหรอ”
“วิชาทางการแพทย์ของพวกเราไม่เหมือนทั่วไป แต่…” พูดถึงขั้นนี้สวี่อี้หรานก็นิ่งเฉย และค่อยพูดต่อ “เป็นการทำยาพิษ แถมพวกเราวิจัยแค่เฉพาะยาพิษเท่านั้น พูดได้ว่าผิดแปลกจากทางอาชีพปกติ ถ้าสืบทอดไปให้คนอื่น คงต้องสูญเสียไม่มีสิ้นสุด ดังนั้นเรื่องนี้คงไม่ง่ายที่จะเผยแพร่…ใครจะไปรู้ว่าคนที่จิตใจไม่บริสุทธิ์อาจจะเอาไปทำร้ายคนอื่นก็ได้?”
อวิ๋นอวิ้นพยักหน้าพูด “คุณพูดถูก ใครจะไปรู้ว่าคนจิตใจชั่วร้ายอาจจะเอาไปทำร้ายคนก็ได้? ภายใต้ผลประโยชน์สามารถทำเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น ดังนั้นทางฉันก็เหมือนกัน! ไปเถอะ ฉันพาพวกคุณไปดูราชาหยก ให้พวกคุณเปิดโลกกว้างสักหน่อย”
[1] อวิ่นสือ (陨石) แปลว่าหินอุกกาบาต