เห็นได้ชัดเจนว่าอวิ๋นอวิ้นยังไม่ค่อยคุ้นชินกับการเป็นคนโผงผางพูดตรงๆ ของเธอ ดังนั้นได้แต่เงียบงันอยู่พักใหญ่ถึงพูดขึ้น “เธอจะเอาอย่างไร?”
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่สามารถร่วมมือกับคุณได้ เรื่องบางเรื่องในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว เวลาไม่มีทางไหลย้อนกลับ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดมันก็เป็นแค่ประวัติศาสตร์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าพวกเราแบ่งกันคนละครึ่ง สุดท้ายแล้วทุกคนคงได้กอดคอตายไปด้วยกันแน่ ดังนั้นคุณให้โอกาสฉัน ฉันให้โอกาสคุณ พวกเรามาเดิมพันกันสักตั้ง! ใช้หยกราชางูเดิมพันราชาหยก ฉันว่าของเดิมพันแบบนี้คงไม่มีใครที่จะเสียเปรียบไปกว่ากันจริงไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
เธอกับคนคนนั้นดูไม่เหมือนกัน! อวิ๋นอวิ้นลอบถอนหายใจ คนคนนั้นคงไม่แข็งกร้าวและหัวรั้นได้อย่างเธอ แต่เขามักจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น…
“ใช่!” อวิ๋นอวิ้นพยักหน้าหนักแน่น “ยุติธรรมที่สุด!”
“แต่เงื่อนไขที่ไม่ยุติธรรมนอกเหนือจากนั้นก็คือ…คุณเคยเห็นหยกราชางูแล้ว แต่ฉันไม่เคยเห็นราชาหยกมาก่อน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันอยากจะเห็นราชาหยกกับตา และจำเป็นต้องผ่านการสัมผัสก่อน เพื่อพิสูจน์ว่ามันมีแหล่งกำเนิดเดียวกันกับหยกราชางู ไม่อย่างนั้นการเดิมพันครั้งนี้คงไม่อาจเริ่มได้!”
อวิ๋นอวิ้นคิดแล้วคิดอีก ก่อนพยักหน้าพูดขึ้น “ได้! แต่เธออยากจะเดิมพันอย่างไร?”
“คุณและฉันต่างก็เล่นเดิมพันหยกกันทั้งนั้น แน่นอนว่าต้องเดิมพันหยกสูงต่ำอยู่แล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนเผยยิ้ม
อวิ๋นอวิ้นคิดดูถึงค่อยพูด “เธอและฉันสองคน ใช้หินหยกก้อนหนึ่ง เดิมพันซึ่งกันและกัน แบ่งเป็นเดิมพันสีและเดิมพันแหล่งที่มาสองอย่างเป็นอย่างไร?”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “ไม่มีปัญหา!”
“หยกราชางูของเธอคงไม่ได้อยู่ที่หยางโจวหรอกนะ?” อวิ๋นอวิ้นถาม
“หลังจากนี้สามวัน เดิมพันทีซุ่ยเย่ว์สวี่หยวน ฉันจะให้คนนำหยกราชางูขนย้ายมาที่นั่น แต่ก่อนหน้านี้ฉันอยากจะขอดูราชาหยกก่อน” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“พรุ่งนี้แล้วกัน” อวิ๋นอวิ้นขมวดคิ้วพูด “ราชาหยกไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลอวิ๋น พรุ่งนี้ตอนสี่โมงเย็น ฉันจะพาเธอไปดู”
“ตกลงค่ะ เอาแบบนี้แล้วกัน” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด
“คืนนี้เธอก็ไม่สนใจที่จะเดิมพันหยกเหรอ” อวิ๋นอวิ้นถามอย่างไม่สบายใจ
ซีเหมินจินเหลียนพูด “หินหยกพวกนี้เป็นของคุณแล้ว อีกเดี๋ยวคงได้เจียระไนออกมา แล้วจะให้ฉันเดิมพันอะไรกันคะ?” เธอก็ไม่ได้สนใจในของรางวัลสักนิด
อวิ๋นอวิ้นคิดดูแล้วถึงค่อยพูด “หรือว่า พวกเราสามารถพิจารณาเดิมพันอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้!”
“เดิมพันอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“หุ้นบริษัทสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่ซูหงแพ้ไปในบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ครั้งนั้น ความจริงฉันเป็นคนเดิมพัน เธอก็น่าจะรู้!” อวิ๋นอวิ้นพูด
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เรื่องนี้เธอรู้อย่างแน่นอน เธอยืมหน้าของซูหงมาเดิมพัน ไม่อย่างนั้นซูหงคงไม่กล้าใช้หุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์มาลงเดิมพันหรอก
อวิ๋นอวิ้นยิ้ม “คุณซีเหมิน เธอให้โอกาสฉันชนะของเดิมพันกลับเป็นไง?”
“ฉันมีหุ้นแค่เจ็ดจุดห้าเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ยังอยู่ในมือของจ่านมู่ฮวา ดังนั้นถึงฉันจะตกลงเดิมพันกับคุณ คุณก็ไม่มีทางที่จะชนะเอาหุ้นกลับมาได้ทั้งหมดหรอก ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้คุณเตรียมอะไรมาวางเดิมพันกับฉันเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณคงจะไม่ได้นำหุ้นของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่อีกสิบห้าเปอร์เซ็นต์มาเดิมพันอีกใช่ไหม? เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าหากฉันโชคดีชนะคุณอีกครั้ง บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่คงได้เปลี่ยนเจ้าของอย่างง่ายดายแน่!”
อวิ๋นอวิ้นส่ายหน้าพูดขึ้น “ของพวกนี้ก็ไร้สาระทั้งนั้น ไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันแม้แต่น้อย นอกจากนี้ฉันต้องการแค่หุ้นเจ็ดจุดห้าเปอร์เซ็นต์ของเธอ ส่วนที่มีอยู่ในจ่านมู่ฮวา ขอแค่ฉันขึ้นราคาสูงหน่อย เขาก็คงไม่ลังเลใจที่จะขาย มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะต้องการหุ้นเล็กน้อยของบริษัทหมิงฮุยจิวเวลรี่ นอกเสียจากปันผลกำไรรายปีแค่นั้น ส่วนตอนนี้บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ถึงอยากจะฟื้นตัวกลับมา แต่คงไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีพลังคืนชีพได้เหมือนสามปีหรือห้าปีก่อนแล้ว!”
“นี่เป็นความจริง!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ถึงจ่านมู่ฮวาจะเก็บหุ้นเจ็ดจุดหาเปอร์เซ็นต์ไว้ในครอบครองก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ไม่รู้ว่าจ่านมู่ฮวาคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้หัวแข็งไม่ยอมขาย! แน่นอนเธอคิดดูแล้วก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของจ่านมู่ฮวา เพราะเขาเป็นถึงนักธุรกิจมืออาชีพ ส่วนเธอไม่รู้กลไกทางธุรกิจเลย และไม่รู้ว่าควรจะหาเงินเพิ่มขึ้นอย่างไร
“จ่านมู่ฮวาเก็บหุ้นไว้ไม่ยอมขาย คงจะอยากเก็บไว้เรียกราคาสูงกับพวกเรา!” อวิ๋นอวิ้นพูด
ซีเหมินจินเหลียนเห็นด้วยกับความเห็นของเธอ รอให้เธอพูดต่อ
“บริษัทภายใต้การบริหารของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่มีอยู่มากหน้าหลายหน้า แม้กระทั่งบริษัทเปิดกิจการอย่างเป็นทางการจำนวนมาก ความจริงแม้ว่าฉันจะทำให้บริษัทหมงฮุยจิวเวอรี่แพ้ล้มไม่เป็นท่า แต่ขอแค่บริษัทภายใต้ของพวกเราไม่มีปัญหา ก็ไม่มีผลกระทบกับตระกูลอวิ๋น!” อวิ๋นอวิ้นพูด “แต่สาเหตุมาจากซูหงที่ทำให้บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ถูกขโมยอัญมณีไปยกชุดในงานนิทรรศการครั้งนี้…”
“โชคร้ายจริงๆ นะคะ” ซีเหมินจินเหลียนปัดมือ แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจพร้อมเอ่ยถาม “ไม่ใช่ว่าทางตำรวจประกาศปิดคดีแล้วหรือคะ แถมยังได้รับอัญมณีที่ถูกปล้นคืนกลับมาแล้วนี่นา?”
“คุณซีเหมิน นั่นมันเป็นแค่ภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น” อวิ๋นอวิ้นพูด “อัญมณีที่ตามกลับมาได้ แค่หนึ่งในสามของจำนวนที่ถูกปล้น ถ้าหากใช้เงินมาเปรียบเปรย อัญมณีที่ตามกลับมามีมูลค่าเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
“ถือว่าโชคร้ายมากเลย” แม้ว่าปากของซีเหมินจินเหลียนจะจีบปากจีบคอพูดไปอย่างนั้น แต่ใบหน้าของเธอพลันซีดเซียว
“คุณซีเหมิน ในงานนิทรรศการนั้นมีอัญมณีที่หายากอยู่หลายชิ้น แม้ว่าทุนทรัพย์ของเธอกับฉัน ก็ไม่อาจจะประดิษฐ์ของแบบนี้ได้ ดังนั้นฉันจึงเสียใจมาก” อวิ๋นอวิ้นพูด
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดต่อ ที่เธอพูดอย่างนี้ แน่นอนไม่ใช่บอกกับเธอถึงเรื่องสถานการณ์ในบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ และไม่ได้บอกถึงความสำคัญของอัญมณีที่ถูกปล้นว่าอัญมณีพวกนั้นมีค่ามหาศาลแค่ไหน เธอเข้าใจดีกว่าใคร…ในนั้นมีของหายากอันล้ำค่าที่ตอนนี้ตกไปเป็นของสะสมส่วนตัวของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อวิ๋นอวิ้นมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน “คุณซีเหมิน คนจีนมีสำนวนหนึ่งกล่าวว่า คนฉลาดจะรู้จักยับยั้งความพอดี ไม่ให้มากเกินไป เธอก็อย่ามัวแต่ปฏิเสธเลย!”
“คุณนายอวิ๋น ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว อย่างไรอัญมณีพวกนี้เธอก็ไม่ได้เป็นคนปล้นมา อย่างมากก็แค่ซื้อของโจรมาเท่านั้น
“อัญมณีพวกนั้นน่าจะอยู่ที่เธอใช่ไหม?” อวิ๋นอวิ้นลุกขึ้นยืนมองจากหัวจรดเท้าและยิ้ม
ซีเหมินจินเหลียนใบหน้าไม่แยแสเหมือนเคย ส่ายหน้าพูดขึ้นว่า “คุณนายอวิ๋น หากจะกล่าวหากันต้องมีหลักฐานนะคะ”
“คุณซีเหมิน ฉันไม่รู้เลยว่าอัญมณีพวกนั้นจะออกมาจากปากของเธอ” อวิ๋นอวิ้นถอนหายใจพูด “ฉันใช้หุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่สิบเปอร์เซ็นต์ เดิมพันของที่อยู่ในมือเธอพวกนั้น รวมไปถึงหุ้นในมือเธอที่มีอยู่เจ็ดจุดห้าเปอร์เซ็นต์เป็นอย่างไร?”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรออกมา อวิ๋นอวิ้นจึงพูดต่อว่า “ฉันต้องการแค่กำไลทองคำดำ ทับทิมเกร็ดทองนกฟีนิกซ์ หยูอี้สีเลือด หยกปะการังไฟ และก็สร้อยข้อมือหินอาเกต! ห้าอย่างเป็นอย่างไร?”
“คุณนายอวิ๋น ฉันไม่ได้สนใจหุ้นเจ็ดจุดห้าเปอร์เซ็นต์พวกนั้น และของพวกนั้นฉันก็ไม่มี แล้วฉันจะเดิมพันได้อย่างไร” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า อยากจะหลอกล่อเธอหรือ? ให้เธอพยักหน้าตอบตกลง จากนั้นถ้าหากตระกูลอวิ๋นกับตำรวจยศสูงรู้จักกัน คิดว่าเธอจะไม่เละเป็นท่าหรือ?
ซีเหมินจินเหลียนพูดเพิ่มอีกประโยค “จะเดิมพันหรือไม่เดิมพันก็แล้วแต่คุณ ยังไงฉันก็ไม่รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว!”
“ฉันจะเดิมพันด้วยสิบเปอร์เซ็นต์ หรือไม่ก็สิบห้าเปอร์เซ็นต์!” อวิ๋นอวิ้นพูด “จะเดิมพันทั้งที ต้องยิ่งใหญ่หน่อย!”
“ตกลง!” ซีเหมินจินเหลียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีคนมารับพูดต่อ “ไม่ยักรู้ว่าคุณนายอวิ๋นจะสนอกสนใจขนาดนี้ จินเหลียน คุณก็เล่นกับคุณนายอวิ๋นสักหน่อยสิ เพราะยังไงหุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์พวกเราก็ชนะมา แถมตอนนี้หุ้นของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ก็ไม่ได้มีค่าราคาอะไร ขายออกไปไม่ได้ทำกำไรมาก สู้มาเล่นเดิมพัน ถ้าชนะพวกเราก็สามารถครอบครองหุ้นของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ได้แล้ว”
มีสัดส่วนหุ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ไว้ในครอบครอง อย่างมากก็สามารถครอบครองบริษัทหมิงฮุย จิวเวอรี่ได้ จากนั้นใช้ความสามารถในเชิงธุรกิจของจ่านมู่ฮวาคงจะทำให้บริษัทจิวเวอรี่แห่งนี้ตายทั้งเป็น
ส่วนที่ซีเหมินจินเหลียนคิดไม่ถึงก็คือ เวลานี้จ่านมู่ฮวากำลังตรึกตรองรอที่จะฮุบบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ยืมช่องทางขายของเขา บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่คงไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีก็สามารถเป็นผู้นำรายใหญ่ในเครืออัญมณีภายในประเทศได้แล้ว แม้กระทั่งอยากจะควบคุมหรือเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นก็คงไม่ยากแล้ว
เวลานี้คิดวิธีฉกฉวยเงินและอัญมณีของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่แล้วค่อยจัดการหุ้นราคาต่ำในมือตนส่งต่อให้ผู้ถือหุ้นรายอื่น หึๆ…สร้างความวุ่นวายแล้วค่อยสะบัดก้นจากไป
แม้ว่าคืนนี้ซีเหมินจินเหลียนจะแพ้ ก็ไม่เห็นเป็นไร อย่างมากที่สุดในอนาคตก็ต้องรอบคอบในการทำงานมากกว่านี้ ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่จ่านมู่ฮวาพร้อมถามว่า “พวกคุณทั้งสองเดิมพันกันเสร็จแล้ว?”
“หมอมองโกลคนนั้นไปยืมแว่นขยายของคนอื่นมาศึกษาอยู่ ผมดูแล้วว่าเงินหนึ่งหยวนนี่คงรักษาไม่ได้ คุณให้ผมยืมหนึ่งหยวน แน่นอนว่าผมก็ไม่ได้งก หุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่เจ็ดจุดห้าเปอร์เซ็นต์ตอนนี้ผมให้คุณจัดการ!” จ่านมู่ฮวาพูด
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้ามองไปที่คุณนายอวิ๋น “เดิมพันอย่างไร”
“กติกาเกมเหมือนของพวกเขาเป็นอย่างไร?” อวิ๋นอวิ้นพูด
“เหมือนฉันจะเสียเปรียบไปหน่อย นี่เป็นหินหยกของคุณนะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันมีเงื่อนไขเพิ่ม!”
“อ้อ?” อวิ๋นอวิ้นขมวดคิ้วถาม “เงื่อนไขอะไร?”
“ถ้าหากฉันชนะ หินหยกทั้งสามก้อนนี้จะต้องเป็นของฉันทั้งหมด” ซีเหมินจินเหลียนพูด
อวิ๋นอวิ้นเงียบงันถึงค่อยพูดขึ้น “ตกลง!”
จ่านมู่ฮวายิ้ม “เรียกทนายมาทำหลักฐานยืนยันแล้วค่อยเริ่มดีกว่า ผมว่า…ทุกคนกำลังรอดูความสนุกอยู่นะ!”
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับอวิ๋นอวิ้น ไม่นานเธอจึงเรียกให้ทนายในเมืองหยางโจวเข้ามาจัดการธุระ และทำหลักฐานต่อหน้าทุกคน จากนั้นอวิ๋นเฮ่อซินถือไมโครโฟนประกาศก้องว่าคุณป้าของเขาจะเดิมพันกับซีเหมินจินเหลียน เดิมพันสีและแหล่งที่มาของหินหยกสามชนิด
ดังนั้นเมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนและอวิ๋นอวิ้นเดินเข้ามา ผู้คนจึงพากันหลีกทางให้
อวิ๋นอวิ้นเริ่มจากหินหยกก้อนที่สามก่อน ส่วนซีเหมินจินเหลียนเริ่มจากหินหยกก้อนแรก ความจริงอวิ๋นอวิ้นไม่ต้องดูก็ได้ เพราะหินหยกพวกนี้เธอเป็นคนเดิมพันกลับมาจากพม่าเอง ตั้งแต่แรกก็รู้อยู่แล้ว
หินหยกก้อนที่หนึ่งและสองไม่ค่อยใหญ่นัก น้ำหนักประมาณห้าถึงหกกิโลกรัม ซีเหมินจินเหลียนดูก้อนแรกก่อน ลักษณะผิวเป็นสีเทาแกมน้ำตาล เมื่อสัมผัสมือลงไป ยังดี พื้นผิวไม่เลว ลื่นไหลมาก…