ไม่ต้องให้ใครแนะนำ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้ได้ในทันทีว่าคนคนนี้น่าจะเป็นผู้อาวุโสอวิ๋นที่อายุแปดสิบปีคนนั้น ดูแล้วกำลังวังชายังเต็มเปี่ยม เพียงแต่ชุดกังฟูยาวสีน้ำทะเลสาบตัวนั้น เธอดูอย่างไรก็ไม่เข้าตา
แต่ผิดคาดกับที่เธอคิดไว้ ผู้หญิงสวยที่พยุงชายผู้เฒ่านี้ไว้กลับเป็นคุณนายซู? แต่เมื่อย้อนคิดดูแล้ว คุณนายซูกับตระกูลอวิ๋นก็มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นซับซ้อน การที่คุณนายซูแพ้พ่ายในเดิมพันเกรงว่าหุ้นส่วนใหญ่ๆ ที่เหลือคงไม่อยากต้อนรับเธอแน่ ถ้าหากเธอไม่มาพึ่งพาตระกูลอวิ๋นแล้ว เธอยังจะทำอะไรได้อีก?
“ทุกท่านวันนี้ตระกูลอวิ๋นมีสามเรื่องที่น่ายินดี!” ใจกลางของห้องโถง ชายวัยกลางคนอายุราวๆ ห้าสิบปี สวมใส่ด้วยชุดสีแดงเข้มพยุงผู้อาวุโสไว้พร้อมถือไมโครโฟนประกาศก้องเสียงดัง
“เรื่องน่ายินดีอะไรถึงสามเรื่อง?” แขกในงานพากันยิ้มแย้มเป็นแถว
“เรื่องแรก แน่นอนว่าเป็นการฉลองครบรอบอายุแปดสิบปีของผู้อาวุโส!” ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าอวิ๋นเฮ่อชินยิ้มขึ้น “ส่วนเรื่องที่สอง กระผมกับคุณหนูซูหงจะมีข่าวดีด้วยกัน!”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้งไป คุณนายซูจะแต่งงานกับชายวัยกลางคนผู้นี้? ไม่ใช่ว่าเธอก็ชอบผู้ชายหน้าตาดีอย่างจ่านมู่ฮวามาตลอดหรอกเหรอ?
แขกเหรื่อที่อยู่ในงานแน่นอนว่าต้องพากันแสดงความยินดี อวิ๋นเฮ่อชินสามารถสู่ขอภรรยาที่หน้าตาสวยเพียบพร้อมขนาดนี้ได้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่ง ในขณะเดียวกันนั้นก็มีคนเอ่ยถามถึงเรื่องที่น่ายินดีเรื่องที่สามขึ้นมา
“วันนี้ก็เป็นวันดีของคุณหนูตระกูลอวิ๋นกับคุณชายรองตระกูลฉินเช่นกัน!” อวิ๋นเฮ่อชินยิ้ม ดูออกว่าเขาพึงพอใจแค่ไหน
“คุณชายรองตระกูลฉิน ฉินเฮ่าน่ะหรือ?” ซีเหมินจินเหลียนงงงันอีกครั้ง ฉินเฮ่าจะแต่งงานกับอวิ๋นเจีย แม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉินเฮ่า แต่ทั้งสองก็เป็นเพื่อนกัน ในใจได้แต่สงสารเขาอย่างอดไม่ได้ แต่งกับใครไม่แต่ง มาแต่งกับเธอเนี่ยนะ?
อวิ๋นเจียก็สวยจริงๆ แต่โรคที่เธอเป็นนั้นก็หมดหนทางรักษา คงลำบากแล้ว
เมื่อได้ยินบรรดาแขกเหรื่อส่งเสียงอวยพร ใบหน้าที่ยินดีของอวิ๋นเฮ่อชินก็ยิ่งตื้นตัน เอื้อมมือไปประคองซูหงพร้อมจับไมโครโฟนพูดขึ้นว่า “คืนนี้เป็นวันครบรอบแปดสิบปีของผู้อาวุโส ทุกท่านคงจะรู้ว่าตระกูลอวิ๋นของเราทำธุรกิจอัญมณี ครั้งนี้คุณป้าตั้งใจนำหินหยกมาจากพม่าอยู่หลายก้อน เพื่อจะมาเจียระไนต่อหน้าทุกท่าน เพื่อสร้างความบันเทิงในงาน และยังมีกิจกรรมน้อยใหญ่ให้ทุกท่านพร้อมสนุกไปด้วยกัน”
“กิจกรรมพิเศษอะไรหรือ” ไม่นานก็มีคนถามขึ้นอย่างสงสัย
“เดี๋ยวอีกสักครู่ทุกท่านคงจะได้รู้ อย่าเพิ่งใจร้อน รับรองว่าตื่นเต้นแปลกใหม่แน่นอน!” อวิ๋นเฮ่อชินพูด
“จินเหลียน…” ซีเหมินจินเหลียนที่แอบมองสถานการณ์อยู่ในมุม จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอเลยรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นว่าเป็นจ่านมู่ฮวาที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” จ่านมู่ฮวาสีหน้าซีดเซียวไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก
“ฉันก็แค่มาดูอะไรสนุกๆ คุณล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น
จ่านมู่ฮวายิ้มกล้ำกลืน “แน่นอนว่าผมก็ต้องมาร่วมงานปกติ ปฏิเสธไม่ได้น่ะ” พูดจบเขาก็หย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ซีเหมินจินเหลียน “คุณมาคนเดียวเหรอ?”
“ฉันมากับหมอมองโกลคนนั้น” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“แล้วเขาไปไหนเสียล่ะ? ทำไมถึงปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้ว
“เห็นบอกว่าจะไปหยิบน้ำผลไม้ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่รู้ว่าไปหยิบน้ำผลไม้จากดาวอังคารหรือยังไงกัน” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะน้อยๆ แน่นอนว่าเธอไม่ต้องกังวัลเรื่องสวี่อี้หราน ดูท่าแล้วตระกูลสวี่คงมีอิทธิพลในเมืองหยางโจวไม่น้อย คนคนนี้คงไม่ถูกตระกูลอวิ๋นรังแกง่ายๆ แน่
“นั่น…” จู่ๆ จ่านมู่ฮวาก็บอกใบ้เป็นนัยกับซีเหมินจินเหลียน
ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจรีบหันไปดู ก็เห็นว่าฉินเฮ่ากับอวิ๋นเจียเดินลงมาจากด้านบน อวิ๋นเจียสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาวเงิน รวบผมอย่างสง่างาม ส่วนบนเรือนร่างของฉินเฮ่าสวมใส่ชุดทักซิโดธรรมดา ไม่ได้ดูเด่นสง่าอะไร
“คุณหนูอวิ๋นสวยมาก” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ใช่” จ่านมู่ฮวาพูด “มู่หรงเคยบอกกับคุณแล้วใช่ไหม?”
“อืม…” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า อวิ๋นเจียมีอาการประสาททางสมอง เรื่องนี้เธอย่อมรู้แน่นอน
“เขาก็ตรงไปตรงมาดี” จ่านมู่ฮวายิ้ม “ผู้หญิงตระกูลอวิ๋นคนนี้ พวกเราคนวงในต่างรู้กันทั้งนั้น ไม่มีใครยินยอมจะแต่งงานกับเธอ แต่ตระกูลอวิ๋นพวกนี้เหมือนเติบโตในจุดสูงสุด ตั้งแต่แรกก็เคยเสนอที่จะแต่งงานกับตระกูลพวกเรา”
“คุณ…กับเธอ?” ซีเหมินจินเหลียนทำนิ้วชี้
“ไม่ใช่หรอก…” จ่านมู่ฮวาพูดฉอเลาะและถามขึ้น “มู่หรงก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคุณเหรอ? เขา…พูดอะไรกับคุณบ้าง”
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเสี่ยวป๋าย? ในใจของซีเหมินจินเหลียนแอบรู้สึกดูแคลนอวิ๋นเฮ่อซินอยู่บ้าง ความจริงถ้าหากอวิ๋นเฮ่อซินรักลูกสาวจริงๆ หาแค่คนจากตระกูลธรรมดาและหน้าตารูปงามก็พอแล้ว พอแต่งเข้าบ้านมาอย่างแรกก็จัดการเรื่องประวัติครอบครัวเขา อย่างที่สองอย่างน้อยๆ อวิ๋นเจียก็ไม่ต้องแต่งอย่างคับอกคับใจ ใช้ลูกสาวของตัวเองมาเกี่ยวดองกัน คนรวยพวกนี้จะรู้อาการป่วยของลูกสาวตัวเองมากน้อยแค่ไหน ใครยินยอมที่จะเข้าใจบ้าง?
จ่านมู่ฮวาเห็นซีเหมินจินเหลียนไม่พูดไม่จาอะไรเลยพูดต่อว่า “ตระกูลอวิ๋นกับตระกูลฉินเกี่ยวดองกันแล้ว ตั้งแต่แรกคนทั้งสองตระกูลก็ได้ให้สัญญากัน เพียงแต่ไม่มีสัจจะมาตลอด ฉินเฮ่าเลยยืดเยื้ออยู่ตั้งหลายปี แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น”
“คุณอวิ๋นเป็นคนหน้าตาดี อีกทั้งยังได้ยินมาว่าเธอชอบฉินเฮ่ามาก” ซีเหมินจินเหลียนคิดไปมาถึงค่อยพูดขึ้น น่าแปลก หมอมองโกลคนนั้นเขาไปหยิบเครื่องดื่มถึงดาวอังคารจริงๆ เหรอไง?
จ่านมู่ฮวาเอนหลังพิงโซฟาและยิ้มขึ้น พลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนาพูดว่า “คุณอยากดื่มอะไรไหม เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้?”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็ได้หายไปอีกคน” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะออกมาน้อยๆ
“คุณยังพักอยู่ที่บ้านตระกูลสวี่เหรอ?” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้วฉับพลัน “คุณพักที่บ้านเขามันก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ พรุ่งนี้ผมจะกลับเซี่ยงไฮ้ ไม่อย่างนั้นคุณก็ย้ายมาที่ฝูหรงเก๋อของผม ผมจะทิ้งรถไว้ให้คุณ เวลาออกไปไหนจะได้สะดวก?”
“พักที่ของคุณก็เกรงว่าไม่เหมาะสม ฉันไปพักที่โรงแรมดีกว่า” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฝูหรงเก๋อเป็นอสังหาริมทรัพย์ของมู่หรง” จู่ๆ จ่านมู่ฮวาก็พูดขึ้น
“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนนิ่งงันไป เพียงไม่นานก็ยิ้มออกมา คนคนนี้…แต่เขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าตนยังปฏิเสธก็เกรงว่าจะเกินไปหน่อย เธอก็พยักหน้าพร้อมพูดขึ้น “งั้นก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะย้ายเข้าไป”
จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะขึ้น พร้อมพูดขึ้นกะทันหัน “หมอมองโกล…”
ซีเหมินจินเหลียนยืดคอหันไปมองดูแต่มองไม่เห็นสวี่อี้หราน “ไหนกัน?”
“ทางนั้น…เหมือนเขาจะทะเลาะอยู่กับคนอื่น?” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้ว “พวกเราเข้าไปดูหน่อยไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ไม่ว่าอย่างไรเธอก็มาด้วยกันกับสวี่อี้หราน ตอนนี้เขามีปัญหาเกิดขึ้น ถึงจะยืนอยู่ในฐานะเพื่อน เธอก็ควรจะเข้าไปดูหน่อย
ทั้งสองลุกยืนขึ้นและเดินไปทางสวี่อี้หราน เพราะว่าห้องโถงขนาดใหญ่ สวี่อี้หรานทะเลาะกับใครเลยไม่ได้ดึงดูดสายตาคนอื่น แต่ก็ยังมีคนเดินเข้าไปรุมล้อม
ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านมู่ฮวาเดินเข้าไป สวี่อี้หรานที่ใบหน้าซีดเซียวในตอนแรก ตอนนี้ก็ยิ่งซีดเสียยิ่งกว่าไก่ต้ม คนที่ทะเลาะกับเขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่อายุราวๆ สี่สิบปี
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ซีเหมินจินเหลียนรีบวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปถามอย่างไม่เข้าใจ
สวี่อี้หรานชี้ไปทางผู้หญิงคนนั้น “เธอ…หาเรื่องผม!”
“คุณยังกล้ามาบอกว่าฉันหาเรื่องคุณอีกเหรอ?” ผู้หญิงวัยกลางคนโกรธจัด “คุณชนกำไลของฉันแตก คุณยังกล้ามาบอกว่าฉันหาเรื่องคุณโดยไม่มีเหตุผลอีกเหรอ? วันนี้ถ้าคุณไม่ชดใช้ให้ฉัน เรื่องนี้ไม่จบแน่!”
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถามขึ้น “คุณไปชนกำไลของเธอได้ยังไง กำไลอะไร?”
“ผมจะหยิบน้ำผลไม้ให้คุณ แต่เห็นว่าในน้ำผลไม้นี่มีแอลกอฮอล์ผสม ผมเลยจะเรียกพนักงานเสิร์ฟเพื่อขอแก้วที่ไม่ใส่แอลกอฮอล์ ใครจะไปรู้ว่าเธอกลับเดินไม่ดูตาม้าตาเรือมาชนเข้า ไม่เพียงแต่เดินชนน้ำผลไม้ในแก้วผมพลิกคว่ำ แต่ยังมาบอกว่าผมทำกำไลเธอแตกอีก…” ปกติแล้วสวี่อี้หรานไม่ถนัดในการทะเลาะกับคนอื่น ดังนั้นเขาจึงรีบไปขอน้ำผลไม้จากคนอื่น แต่ผู้หญิงคนนี้จะมาให้เขาชดใช้เรื่องกำไล?
ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้กวาดสายตามองไปที่ซีเหมินจินเหลียน และมองไปที่สวี่อี้หรานอีกครั้ง “พวกคุณเป็นแขกของตระกูลอวิ๋นเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่เคยมารู้ว่าในหยางโจวจะมีคนดังอย่างพวกคุณด้วย?”
ซีเหมินจินเหลียนยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่สวี่อี้หรานก็โกรธขึ้นมา “คุณหมายความว่ายังไง? ถ้าตระกูลอวิ๋นไม่เชิญผมมา ผมก็ไม่อยากมาหรอก! คุณซีเหมิน พวกเราไปกันเถอะ!” พูดจบเขาก็เรียกให้ซีเหมินจินเหลียนออกไปพร้อมกัน
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา สำหรับเรื่องเข้าสังคม เธอก็ไม่ถนัดจริงๆ ในเมื่อสวี่อี้หรานอยากจะกลับ เธอก็คิดจะบอกลาจ่านมู่ฮวาเพื่อที่จะไป เดิมทีเตรียมตัวจะมาสำรวจตระกูลอวิ๋นสักหน่อย…สุดท้ายคิดไม่ถึงว่าจะเจอเรื่องแบบนี้เข้า ได้ยินน้ำเสียงของคุณผู้หญิงคนนี้แล้วดูท่าทางเธอน่าจะสนิทสนมคุ้นเคยกับตระกูลอวิ๋นเป็นอย่างดี
“คิดจะหนีเหรอ มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก คุณต้องชดใช้เรื่องกำไลของฉันมาก่อน!” หญิงวัยกลางคนคนนี้เกรี้ยวกราด
“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” อวิ๋นเฮ่อซินผู้เป็นเจ้าของงานรีบเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาและถามอย่างร้อนรน
“พี่ใหญ่ คนคนนี้…เป็นใครกัน?” คุณนายคนนี้ชี้ไปที่สวี่อี้หรานกับซีเหมินจินเหลียน
อวิ๋นเฮ่อซินรู้จักแค่สวี่อี้หราน แต่เขาไม่รู้จักซีเหมินจินเหลียน “น้องสาวอย่าเพิ่งโวยวายไป คุณชายสวี่เป็นคนของตระกูลสวี่จากตงไห่ ส่วนคุณผู้หญิงท่านนี้น่าจะเป็นแฟนของเขา”
อวิ๋นเฮ่อเหมยมีสีหน้าดีขึ้น “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ คุณชายสวี่ก็ต้องชดใช้กำไลให้ฉัน”
“กำไลของเธอ?” อวิ๋นเฮ่อซินขมวดคิ้ว “กำไลอะไร”
“กำไลหยกสีฟ้าที่คุณป้ามอบให้ฉันตอนวันเกิด!” อวิ๋นเฮ่อเหมยมองไปที่สวี่อี้หรานแวบหนึ่งด้วยสายตาคาดแค้น และจับกระเป๋าข้างตัวหยิบกำไลหยกสีฟ้าที่หักเป็นสองส่วนยื่นไปให้ดู
ซีเหมินจินเหลียนไม่เพียงแต่ขมวดคิ้ว หยกสีฟ้า? หยกมีฉายาว่าราชาแห่งความแข็งแรง แค่กระแทกนิดเดียวก็คงไม่ถึงขนาดแตกหักขนาดนี้ได้ ไม่ใช่สิ ถ้าหากสวมใส่บนข้อมือ ก็ไม่น่าจะไปโดนจนแตกหักได้ ไม่อย่างนั้นกำไลหยกชั้นดีแบบนี้ใครจะกล้าซื้อกัน?
“เท่าไหร่” สวี่อี้หรานพูดขึ้น
“กำไลหยกเนื้อแก้วโบราณสีฟ้า ราคาในตลาดประมาณสามสิบล้าน!” ซีเหมินจินเหลียนพูดตามที่ตาเห็น
“สามสิบล้าน? เธอก็ลองไปหาหยกแบบนี้ในราคาสามสิบล้านมาให้ฉันดูหน่อยสิ” อวิ๋นเฮ่อเหมยพูดไม่เกรงใจ “หรือเธอไม่รู้ว่าทองมีค่าแต่หยกประเมินค่าไม่ได้? ดูแล้วเด็กอย่างเธอ คงไม่เข้าใจหยกสินะ!”