ซีเหมินจินเหลียนคิดไปมาจึงถามขึ้น “คุณสงสัยอะไรฉัน? หรือคุณคิดว่าฉันกับคดีปล้นจะมีความข้องเกี่ยวกัน?”
“แน่นอน!” จ่านมู่ฮวายิ้มน้อยๆ “คนที่มีเงินทุนใช้จ่ายเหลือล้นมือ ถึงจะบอกว่าไม่ใช่ไม่มี แต่มันก็มีน้อย คลับนั้นต้องการเงินด่วน อีกทั้งไปหักหลังบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ตอนนี้พวกเขาก็คงหาช่องทางขายของที่ปล้นมาที่ดีกว่านี้ไม่ได้แน่ ดังนั้นเป้าหมายหนึ่งเดียวของเขาคือร่วมมือกับบริษัทอัญมณีสักแห่ง ผมลองไล่ลำดับบริษัทอัญมณีทั้งหมดในประเทศแล้ว ก็มีแค่คุณที่มีความเป็นไปได้”
“ทำไม?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม
“คุณฉายแสงเจิดจรัสชนะในการเดิมพันหินใหญ่ ส่วนเรื่องความสามารถในการเดิมพันหินของคุณยิ่งไม่ต้องสงสัย เงื่อนไขส่วนหนึ่งในการเลือกคนมาร่วมมือของคลับลับนั้น ต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการเดิมพันแกร่งกล้า คุณเลยสอดคล้องทุกประการ นอกจากนี้พวกเขายังต้องการเงินก้อนใหญ่ และพอดีว่าคุณก็มี!” จ่านมู่ฮวาพูด “อีกเรื่องก็คือความสัมพันธ์ระหว่างมู่หรงกับพวกเขาก็เป็นไปได้ด้วยดี เพราะมีงานประมูลของจินติ่งอยู่ในนั้น การที่จะนำอัญมณีออกไปประมูลมันก็เป็นเรื่องง่าย”
“วิเคราะห์ได้ละเอียดสมเหตุสมผลดี พูดจนทำให้ฉันกลายเป็นผู้สมคบคิดกับโจรอย่างไรอย่างนั้น!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
“คุณไม่ได้ทำ แต่มู่หรงมันต้องทำแน่!” จ่านมู่ฮวายิ้ม
“คุณ…” ซีเหมินสีหน้าอึมครึมพร้อมพูดดุดัน “ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรก็เชิญกลับไปได้แล้ว!”
“อย่ามาตัดขาดเยื่อใยกันแบบนี้สิ” จ่านมู่ฮวายิ้มหึๆ “ไม่ใช่ว่าพวกเรากำลังคบกันอยู่เหรอ? ผมไม่ได้ว่าคุณ ผมพูดถึงมู่หรง…”
“หุบปากคุณซะ…ใครคบกับคุณ?” ซีเหมินจินเหลียนด่าออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ผมขอถามคุณหน่อย คุณชอบหลินเสวียนหลานหรือเปล่า” จู่ๆ จ่านมู่ฮวาก็เขยิบเข้าใกล้เธอและถามขึ้น
“คุณ…พูดจาเหลวไหลอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนพูดเสียงเย็น “ใครบอกว่าฉันชอบเขา?”
จ่านมู่ฮวานั่งพิงโซฟาและยกยิ้มขึ้น “ถ้าคุณไม่ชอบเขา คุณคงไม่ใจเย็นกับเขาแบบนี้หรอก แถมยังตั้งใจนัดเดทกับชายคนอื่นต่อหน้าเขาด้วย?”
“ฉันไปนัดเดทกับใคร?” ซีเหมินจินเหลียนแค่นเสียงเหอะใส่ ในใจกลับระแวดระวังขึ้นมา
“ในใจของคุณรู้ดี…คุณฉลาดออกขนาดนี้!” จ่านมู่ฮวาส่งยิ้ม “คืนนั้นที่ผมมาบ้านคุณครั้งแรก คุณบอกให้ผมปล่อยหลินเสวียนหลาน ผมก็เริ่มสงสัยแล้ว แต่ตอนนั้นก็เพียงแค่สงสัยเท่านั้น คุณน่าจะรู้ ในสงครามครั้งนี้ ถ้าหากคุณไม่ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนหลินเสวียนหลานก็คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังไปนานแล้ว เมื่อใช้ประโยชน์เสร็จ เขาก็จะถูกทิ้งอย่างสุนัขตัวหนึ่ง…ถ้าคุณไม่มาขัด ตอนนี้เขาก็อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้”
ซีเหมินจินเหลียนหยิบแก้วกาแฟที่เค็มปี๋นั่นดื่มเข้าไปเฮือกใหญ่และพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณพูดต่อสิ”
“แต่วันนี้คุณเป็นคนที่ใครๆ ก็จับตามอง คนที่มาตามจีบคอยเอาใจคุณก็มีไม่น้อย อย่างเช่นผมไง!” จ่านมู่ฮวายิ้ม “หลินเสวียนหลานไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาแข่งกับผม ถ้าจะแข่งกันจริงๆ เขาก็คงเป็นผุยผงตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ในใจคุณเองก็รู้ดี เพราะอย่างนั้นคุณจึงยอมให้จ่านป๋ายมาอยู่ด้วย เพื่อที่จะได้ปฏิเสธเขาอย่างเย็นชาใช่ไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนเปลี่ยนท่านั่งที่สบายกว่าเดิมบนโซฟา ขดขาทั้งสองข้างแล้วรวบสองมือกอดไปที่หัวเข่าเงยหน้าขึ้นพูด “ถือว่าคุณฉลาดไม่น้อย แต่การที่ฉันเย็นชากับเขาก็บ่งบอกว่าฉันชอบเขาอย่างนั้นเหรอ?”
“จิตใจของผู้หญิงน่ะผมรู้และเข้าใจดี” จ่านมู่ฮวายิ้ม “คืนวันนั้นที่คุณอกหัก คุณก็บังเอิญไปเจอกับชายหนุ่มรูปหล่อที่ชื่อว่าหลินเสวียนหลาน ด้วยนิสัยของเขาที่สุภาพอ่อนโยนต่อผู้หญิง แน่นอนย่อมทำให้เงาของเขาอยู่ในใจของคุณมาตลอดโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็ยังพาคุณเข้ามาในวงการเดิมพันหยกอีก ทำให้ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาชีวิตของคุณก็เปลี่ยนไปหมด เวลาเดียวกันเขาก็ออกแบบเครื่องประดับให้คุณโดยเฉพาะ แม้กระทั่งในงานหมั้นยังหนีออกมาเพื่อทำกับข้าวให้คุณ?”
“นั่นเป็นความคิดของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม แต่รู้สึกว่าในใจกระสับกระส่าย จ่านมู่ฮวาคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาๆ เลยจริงๆ
“ถ้าหากคุณไม่สนใจ แล้วคุณจะมาถามไปทำไมว่าตระกูลสวี่ทำธุรกิจอะไร จะมาเปรียบเทียบกับตระกูลผมทำไม?” จ่านมู่ฮวายิ้มขึ้นทันใด “คุณอยากจะใช้ไอ้ปัญญาอ่อนสวี่อี้หรานนั่นมาจัดการผมสินะ?”
“เขาไม่ใช่คนปัญญาอ่อน!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นจึงโกรธขึ้นมาเล็กน้อย สวี่อี้หรานแค่ใสซื่อไปหน่อย แต่เขาไม่ใช่คนปัญญาอ่อน
“จินเหลียนน ผมจริงจังกับคุณจริงๆ นะ!” จ่านมู่ฮวาถอนหายใจออกมา ก่อนจะหักดอกกุหลาบหนึ่งดอกออกมาเสียบไว้ที่ผมของซีเหมินจินเหลียน “แต่การที่คุณกับมู่หรงเล่นแบบนี้ คุณรู้ไหมว่าผมทางนี้เหมือนตายทั้งเป็น?”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!” ซีเหมินจินเหลียนหยิบดอกกุหลาบที่อยู่บนผมของเธอส่งคืนไปให้เขา
“คดีปล้นของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ถึงแม้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำ แต่คุณก็เป็นคนให้เงินพวกโจรใช่ไหมล่ะ? มู่หรงไปทำอะไรที่อเมริกา ทุกคนก็รู้ดีไม่ใช่หรือ?” จ่านมู่ฮวาถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ คงไม่ง่ายที่จะล้มละลายลง ถึงครั้งนี้พวกเขาจะถูกขโมยอัญมณีไป ถึงพวกเขาจะแพ้เดิมพันไปหลายพันล้าน รวมถึงหุ้นสิบห้าเปอร์เซนต์ของคุณนายซูด้วย แต่พวกหุ้นส่วนเก่าแก่ของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ก็คงไม่ยอมปล่อยไปอย่างเงียบๆ แน่ ตอนนั้นของวางเดิมพันผมเป็นคนออกหน้าทั้งหมด ถ้าพวกเขารู้ว่าคดีปล้นเป็นฝีมือของคุณ ผมก็จะเป็นคนแรกที่โดนโจมตี”
“คุณชายใหญ่ตระกูลจ่านยังกลัวบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ด้วยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เขากลัวด้วยเหรงไง? นี่มันล้อเล่นอะไรกัน? พูดจบเธอก็เปลี่ยนเป็นท่านั่งที่สบายและเปลี่ยนตำแหน่ง “นัดเดิมพันนั่นคุณเองก็เป็นคนนัด จากนั้นคุณก็ไม่ได้แบ่งผลประโยชน์มาให้ฉัน ตอนนี้คุณยังจะมายัดความผิดใส่ฉันอีกเหรอ? อย่าพูดว่าฉันปล้นอัญมณีพวกนั้นเลย ถึงฉันปล้นมาจริงแล้วจะทำไม? อย่างน้อยก็ไม่มีใครสะอาดไปกว่ากันหรอก คุณอย่าขู่ฉันไปหน่อยเเลย”
จ่านมู่ฮวาอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้จนพูดไม่ออก ใช่ ไม่สนว่าคดีปล้นอัญมณีของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะเป็นฝีมือของซีเหมินจินเหลียนหรือไม่ แต่เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว มาพูดอะไรตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์
“ผมแค่อยากรู้ว่าคุณคิดจะทำอะไรกันแน่ คุณก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินนี่นา?” จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจลึกๆ
“แล้วพวกคุณล่ะทำอะไรกัน?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณไม่มีเงินใช้เหรอ? ถึงได้ไปตามหาสิ่งของที่ไม่มีอยู่จริง พวกคุณก็เล่นหมดทุกวิธีแล้วสินะ ตอนนี้ก็เลยกลับมาถามฉัน? ปากคุณบอกว่าจริงจังกับฉัน แต่ถ้าหากฉันไม่รู้เรื่องการเดิมพันหิน ฉันก็คงหิวตายอยู่ข้างถนน แล้วคุณคงไม่เหลียวตามองหรอกใช่ไหม? อย่าคิดว่าใครๆ ก็โง่ไปเสียทุกคน ระหว่างคุณกับคุณนายซูก็ติดต่อกันมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ? เมื่อสองฝ่ายเดิมพันกัน คุณก็เลยต้องไปประจบประแจงทั้งสองฝ่ายสินะ”
จ่านมู่ฮวานั่งลงบนโซฟา เขาประมาทเธอไปจริงๆ เดิมทีคิดว่าเธอจะไม่เข้าใจอะไรเลย ดูบดขยี้ได้ง่าย แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นด้านเฉียบคมของเธอ! ศิษย์สำนักเก่าแก่สำนักนั้นก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย…
ซีเหมินจินเหลียนคีบดอกกุหลาบสีเหลืองมาจากโต๊ะและพูดต่อ “อย่าใช้หลินเสวียนหลานมาข่มขู่ให้ฉันร่วมมือกับบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ขอแค่มีคุณนายอวิ๋นอยู่ พวกเราก็ไม่มีทางที่จะร่วมมือกันได้ ส่วนคุณ ถ้าหากเลือกที่จะเป็นนกสองหัว และยังเลือกไม่ได้สักที ฉันก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าคิดได้แล้ว นั่นก็ขอแค่ประโยคเดียว…ถ้ามีฉันก็ต้องไม่มีเธอ คุณคิดเอาเองเถอะ! ตอนบ่ายฉันจะออกไปข้างนอก ตอนนี้จะเก็บของ ถ้าไม่มีอะไรก็เชิญกลับไปเถอะ!”
จ่านมู่ฮวาถอนหายใจออกมาเบาๆ นั่งพิงโซฟาไม่ส่งเสียงอะไร
ซีเหมินจินเหลียนนำดอกไม้สีเหลืองเสียบไว้บนผมของตัวเองและพูดว่า “ขอพูดอะไรสักหน่อยนะ ราชาหยกเป็นของผู้อาวุโสหู ไม่ได้เป็นของหลินเสวียเหวินและก็ของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่…สิ่งที่ขโมยมาก็เป็นของที่คนอื่นขโมยมาก่อนแล้ว อยากจะทำอะไรก็ตามสบาย มันเป็นเรื่องของโชคชะตา”
“ไม่มีทางเป็นไปได้จริงๆ เหรอ?” จ่านมู่ฮวาพูด “ถ้าหากพวกคุณร่วมมือกัน โอกาสที่จะสำเร็จก็มีอยู่มาก”
“การหาหินปิดฟ้านั่นก็ไม่สำคัญหรอก!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ระหว่างฉันกับเขา ไม่ตายก็ไม่สงบ ฉันร่วมมือกับคนอื่นได้ แต่ฉันไม่มีวันยอมร่วมมือกับเธอ”
“โอเค” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า รู้ว่าพูดหว่านล้อมเธอไม่เป็นผลแล้ว ถ้าผ่านวันนี้ไปเขาก็ต้องเลือกตัวเลือกที่ชาญฉลาด จะเลือกร่วมมือกับซีเหมินจินเหลียนหรืออีกฝ่ายดี? “ในเมื่อตอนบ่ายคุณต้องเดินทาง ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว ค่อยเจอกันที่หยางโจวแล้วกัน!”
“ก็ดี!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพร้อมลุกขึ้นส่งแขก
จ่านมู่ฮวาเดินไปถึงหน้าปากประตู แต่จู่ๆ ก็หันตัวกลับมาถามเธอ “จินเหลียน ถ้าผมใช้อำนาจตระกูลจ่านมาช่วยเหลือคุณ คุณจะยอมแต่งงานกับผมไหม?”
“แม้ว่าฉันจะเคยอกหักมาก่อน แม้ว่าฉันจะไม่เชื่อในความรักอีกต่อไป แต่คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มน้อยๆ และพูดขึ้น “สนับสนุน…ไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น”
มองจ่านมู่ฮวาขับรถจากไป ซีเหมินจินเหลียนก็สะบัดประตูปิดอย่างแรง หลังพิงแนบไปที่ประตูและมีความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงปวดหัวกลัดกลุ้มใจอีกครั้ง
เธอออกแรงกำมัดแน่น ในใจก็พยายามกลืนกินความเจ็บปวดนั้นกลับเข้าไป ตอนที่เห็นคุณนายอวิ๋นครั้งนั้น เธอก็รู้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดเป็นคำบงการของเธอ สลัดออกได้ยาก ต้องมีสักวันที่เธอจะต้องแย่งทุกอย่างของเธอกลับมาให้ได้…
ถึงแม้ไม่ใช่ของของเธอ แต่เธอก็จะแย่งกลับมา
…
มองไปยังควันหมอกที่ปกคลุมอยู่นอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว ซีเหมินจินเหลียนเบิกตาถามขึ้นว่า “คุณหมอมองโกล…ที่นี่คือที่ไหน?” ให้ตายเถอะ เธอก็แค่นอนกรนหลับสบายบนรถเท่านั้น ทำไมพอตื่นขึ้นมาแล้วถึงเห็นสถานที่ไม่คุ้นชินแบบนี้ล่ะ?
ตอนเช้าเธอทะเลาะกับจ่านมู่ฮวาจนอารมณ์หงุดหงิดไปเสียหมด ตอนบ่ายสองสวี่อี้หรานก็ขับรถมารับเธอตรงเวลา แน่นอนครั้งนี้ไม่ใช่รถจักรยานยนต์ แต่เป็นรถเบนซ์ที่ประสิทธิภาพครบครัน รอจนรถขึ้นทางด่วนแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็เบื่อจนนอนหลับไป แต่เธอคิดไม่ถึงว่าพอตื่นขึ้นมาจะเห็น…สวี่อี้หรานจอดรถในสถานที่แปลกตา ดูจากถนนหนทางรอบข้างแล้วน่าจะเป็นชนบท?
นี่ไม่ใช่หยางโจวแน่ๆ คนคนนี้คงไม่ได้จะจับเธอมาขายหรอกใช่ไหม?
“สวี่อี้หราน…หมอมองโกล…” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ที่นี่ที่ไหน?”
“คุณซีเหมิน ผมมีข่าวร้ายจะบอกคุณหนึ่งอย่าง!” สวี่อี้หรานใบหน้าจริงจัง “พวกเราหลงทางแล้ว!”