ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฟรีสักครั้ง?”
“ผมสนใจที่จะตรวจ แน่นอนว่าต้องฟรี แล้วยิ่งผมตามรังควานขอร้องจะเป็นจะตายกับคุณอย่างนี้แล้วด้วย นี่เหลือแค่ยังไม่ได้คุกเข่าขอร้อง ส่วนคนที่ผมไม่ได้สนใจ ถึงจะมีทองสามพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้ากรัม แต่อย่างไรก็ต้องดูด้วยว่าผมยินดีที่จะตรวจให้หรือเปล่า” ท่าทางพูดจาของสวี่อี้หรานยังคงจริงจัง
“ไปเถอะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ฉันไม่สนว่าคุณจะยินดีหรือไม่ แต่เงินฉันจะจ่ายให้แน่ ไม่อย่างนั้นในอนาคตมีธุระอะไรฉันก็เรียกหาคุณลำบากแล้ว”
“มีแบบนี้ด้วยเหรอ?” สวี่อี้หรานแย้มยิ้มออกมา “คุณรอเดี๋ยว ผมไปเอารถก่อน!”
“อ๊ะ…” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ฉันอยู่ที่ย่านหลานกุ้ยนี่เอง ไม่ต้องหรอกมั้งคะ? เดินไปก็ได้แล้ว”
“ฮะๆ จำเป็นสิ” สวี่อี้หรานยิ้ม พูดพลางรีบวิ่งพลันแล่นไปดั่งสายหมอก
ซีเหมินจินเหลียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมทาง คนคนนี้ก็น่าตลก ได้ยินมาว่าเขาเป็นถึงลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่ แต่คงร่ำรวยไม่ถึงขนาดจ่านมู่ฮวา น่าจะคนละชั้นกัน เขาก็ดูเหมือนกับเด็กน้อยเลย
“คุณซีเหมิน ทางนี้ครับ” เธอรอไม่นาน สวี่อี้หรานก็ยื่นมือโบกไม้โบกมืออยู่กลางถนนเรียกทักทายเธอ
ซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาถีบรถจักรยานมาก็ตกใจ ไม่นานก็หัวเราะขึ้นมา
“มาสิครับ” สวี่อี้หรานเรียกอีกครั้ง “ผมเพิ่งซื้อมา เป็นไงครับ? ผมไม่เคยให้ผู้หญิงซ้อนมาก่อนเลยนะ”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าน่าตื่นเต้นและเห็นได้ยาก เพียงแต่ฟังประโยคหลังแล้วได้แต่อึ้งอยู่นานจนสวี่อี้หรานรีบพูดเร่งรัดขึ้น “เร็วสิครับ บ้านคุณอยู่ที่ไหน”
“อยู่ข้างหน้าไม่ไกลนี่เอง” ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ยืดเยื้อมากความ เธอหย่อนตัวลงไปนั่งซ้อนท้ายจักรยาน
สวี่อี้หรานออกแรงถีบรถจักรยาน และไม่ลืมที่จะหันมาถามเธอว่า “เป็นไงครับ จักรยานสบายกว่ารถยนต์อีกใช่ไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแย้มและพยักหน้าพูดขึ้น “ได้กินลมไปด้วย!”
“หืม คุณก็ไม่เข้าใจ จักรยานไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรง เป็นตัวช่วยที่ดีในระยะทางสั้นๆ เลยนะ” สวี่อี้หรานพูด “แถมไม่ต้องเสียเงินอีกต่างหาก”
“คุณก็ไม่ได้ดูขาดแคลนเงินสักหน่อยนี่?” ซีเหมินจินเหลียนถามหยั่งเชิง
“คุณพ่อผมเหมือนจะมีเงินเยอะนะ” สวี่อี้หรานได้แค่ยิ้ม “แต่ตัวผมเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรหรอก”
“หือ!” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกลำบากใจงขึ้นมา คนคนนี้ไม่ใช่ตลกธรรมดาแล้วล่ะ แม้แต่ครอบครัวของตัวเองทำอะไรก็ยังไม่รู้เนี่ยนะ?
“ผมไม่ได้สนใจเรื่องภายในบ้านหรอก” สวี่อี้หรานอธิบาย “หรือจ่านมู่ฮวาบอกอะไรกับคุณ?”
“คุณก็ไม่ได้โง่นี่นา” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“คุณรู้มาตรฐานค่าตรวจของผม คงจะเป็นเขาสินะที่ปากมากพูดออกไป” สวี่อี้หรานพูด “แต่ผมไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่ คุณซีเหมิน ถึงแม้ว่าเขาจะหน้าตาไม่เลว แต่ผู้ชายแบบนั้นดูแล้วไม่ปลอดภัย”
ครั้งนี้ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรออกมา นิสัยของสวี่อี้หรานเป็นคนโผงผาง วันนี้ทั้งสองคนเพิ่งรู้จักกัน เขาคงไม่ชอบให้ถามอะไรมากมายสินะ?
“คุณซีเหมินทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องประดับอัญมณีเหรอครับ” สวี่อี้หรานถามขึ้นอีกครั้ง
“ผมอยากจะซื้อหยกสักหน่อยน่ะ” สวี่อี้หรานพูด
“อ้อ? คุณต้องการแบบไหน สีอะไรชนิดไหนคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“เรื่องนี้ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญก็คือหยกจะต้องมีลักษณะที่ดีพอ” สวี่อี้หรานพูดพร้อมยิ้มแผ่วเบา “ผมต้องการไม่มาก ยี่สิบห้ากรัมก็พอแล้ว”
ซีเหมินจินเหลียนเกือบจะกระอักออกมาเป็นเลือด ซื้อหยกชั่งขาย? เขาคิดได้อย่างไรกันเนี่ย
สวี่อี้หรานเห็นเธอไม่ตอบกลับจึงพูดขึ้นอีกว่า “วันนี้ตอนกลางวันที่ผมพูดกับคุณเรื่องยาชะลอความแก่ ในนั้นมีอย่างหนึ่งที่ต้องการหยกแสงเย็น แล้วจะให้ผมไปหาหยกมาจากที่ไหน? แน่นอนผมเลยเอาหยกธรรมดาใช้แทนกันไป น่าเสียดาย…”
หยกแสงเย็น? หรือว่าจัดอยู่ในชนิดหยกประกายดาวระยิบระยับ? หรือวาจะเป็นหยกที่ผู้อาวุโสหูให้เธอ หยกสีแดงม่วงสองสีเปล่งประกาย? หยกแบบนี้เธอมีทั้งหมด
“เสียดายอะไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“หยกที่ส่องแสงได้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยา สามารถหาของมาแทนที่ได้ แต่ถ้าจะหามาแทนจริงๆ เกรงว่าผลลัพธ์คงได้แค่ครึ่งเดียว” สวี่อี้หรานพูด
“คุณก็มียาชะลอความแก่จริงๆ หรือ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ “คุณจะให้ฉันดูยาได้ไหม?” เธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแพทย์แผนจีน ไม่รู้ฝีมือของแพทย์จะมหัศจรรย์ขนาดนี้ จนกระทั่งมีของบางอย่างที่สืบทอดต่อรุ่นสู่รุ่น หมอบางคนเพิ่งตำรายาหนึ่งใบก็สามารถประกาศให้โลกรู้ว่าตำรับยาจีนเป็นสูตรที่มีคุณภาพสูงสำหรับการแพทย์แผนจีน
สวี่อี้หรานคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอก็อยากจะดูยาชะลอความแก่ขึ้นมา จึงเงียบลงและพูดขึ้น “คุณอยากจะเรียนแพทย์แผนจีน?”
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพียงแต่สงสัย” ซีเหมินจินเหลียนพูด ในใจเข้าใจดีว่าตนเองถามเกินไป ไม่นานจึงพูดว่า “ช่างเถอะค่ะ ฉันแค่ถามไปเล่นๆ เท่านั้น ถึงแล้วๆ ข้างหน้านี่ล่ะ”
ขณะที่พูดก็มาถึงที่คฤหาสน์จินเหลียนพอดี สวี่อี้หรานใช้เท้าวางบนพื้นเพื่อหยุดรถ ซีเหมินจินเหลียนกระโดดลงมาจากจักรยานและคว้ากุญแจออกมาจากในกระเป๋า เปิดประตูพร้อมพูดว่า “เข้ามาสิ”
สวี่อี้หรานจูงจักรยานเข้าไปข้างในและมองดูด้วยความสงสัยและถามว่า “คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้ทำไมคุณไม่ปลูกต้นไม้ดอกไม้อะไรเลยล่ะ”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งงันไป ในคฤหาสน์เธอก็ปลูกต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ แถมทุกเดือนยังจ้างให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยจัดการดูแล ทำไมเขาถึงบอกว่าเธอไม่ปลูกดอกไม้?
“ผมหมายความว่า ทำไมคุณไม่ปลูกดอกไม้ที่หาได้ยาก” สวี่อี้หรานพูด “คุณดูสิ ดอกไม้ในคฤหาสน์ของคุณไม่ต่างอะไรไปจากสวนดอกไม้เขียวชอุ่มทั่วไปเลย”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูดขึ้น “ฉันจะไปหาดอกไม้หายากมาจากที่ไหน? อีกอย่างฉันก็ไม่รู้จะดูแลยังไง ไม่อยากจะให้ดอกไม้พวกนี้เ**่ยวเฉาตายไป เลยปลูกแต่สิ่งที่ใช้และพบเจอได้ง่ายก็พอแล้ว” เธอไม่เคยลืม เรือนดอกกล้วยไม้ที่มีกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์หายากอยู่ในนั้นของจ่านมู่ฮวา นั่นเรียกว่าสบายเกินจนไม่มีอะไรทำ
“ผมให้ดอกไม้พวกนี้แก่คุณได้” สวี่อี้หรานพูด “อย่างพวกดอกบัวหิมะสีม่วง ดอกคุรินโซ ฮักเหล็ง ดอกไอริส…”
ซีเหมินจินเหลียนปัดมืออย่างจนใจ “ดอกไม้ที่คุณพูดมานั้น ฉันก็ไม่เคยได้ยินทั้งนั้น ว่าแต่พวกนี้คือยาจีนใช่ไหม?”
“สรรพสิ่งสร้างทุกอย่างมาล้วนเป็นยาทั้งนั้น” สวี่อี้หรานพูด “ของพวกนี้สามารถเป็นไม้ประดับได้ ถ้าหากคุณชอบผมจะเอามาให้คุณ ผมถนัดนักกับเรื่องทาบกิ่งดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์”
ซีเหมินจินเหลียนคิดดูแล้วก็ใจเต้นแรง แต่ก็รีบส่ายหน้าพูด “คุณก็พักอยู่ที่ย่านหลานกุ้ยเหรอ? ในอนาคตฉันค่อยไปดูต้นไม้ดอกไม้ที่นั่นก็ได้แล้ว อย่าส่งมาให้เสียของเลย!” ชอบดอกไม้พวกนี้ก็อีกเรื่อง แต่การที่ไม่สามารถดูแลได้มันก็ขัดกับความจริง ส่งให้เธอไม่ถึงครึ่งเดือนคงตายไปหมดแน่
ได้ยินว่าการทาบกิ่งดอกไม้ยุ่งยากซับซ้อน คงดูแลยากเหมือนกัน
สวี่อี้หรานเห็นเธอปฏิบัติว่าไม่ต้องการก็ส่ายหน้าระอา ซีเหมินจินเหลียนเปิดประตูและเชิญเขาเข้าข้างใน
“คุณนั่งรอที่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันไปขนมันมา” ซีเหมินจินหลียนเชื้อเชิญให้สวี่อี้หรานนั่งลงและรินน้ำชาให้เขา พร้อมเตรียมตัวจะลงไปที่ห้องใต้ดิน เมื่อก่อนหน้าที่นี้เป็นของจ่านป๋าย แต่ตอนนี้จ่านป๋ายไม่อยู่บ้าน เธอก็ต้องจำยอมขนย้ายหินด้วยตัวเอง
สวี่อี้หรานยืนขึ้นส่งยิ้ม “ผมไปดูที่ห้องใต้ดินก็ได้แล้ว”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้งไป ที่ห้องใต้ดินเก็บรวบรวมหยกชั้นดีไว้ตั้งมากมาย เธอกับคนคนนี้ก็ไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกันมาก่อน ใครจะไปรู้ว่าเขามีเจตนาร้ายอะไรหรือเปล่า?
สวี่อี้หรานปัดมือพูดขึ้นมาว่า “คุณวางใจได้ ผมรู้ว่าห้องใต้ดินของคุณมีหยกเยอะแยะไปหมด มูลค่ามหาศาล แต่เรื่องแค่นี้ไม่อาจกระตุ้นผมให้มีความคิดชั่วร้ายอะไรอย่างนั้นหรอก”
“เห็นอย่างนี้แล้ว แสดงว่าคุณค้นข้อมูลฉันมาก่อนแล้วสินะ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว
“ก็ใช่” สวี่อี้หรานยอมรับอย่างเปิดเผย “เห็นคุณกับจ่านมู่ฮวาอยู่ด้วยกัน เลยอยากหาประวัติคุณสักหน่อย มันง่ายมาก ผมลงไปดูก็ได้แล้ว หยกราชางูใหญ่เกินไป คุณจะขนย้ายไหวเหรอ?”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันจะเรียกคุณมาดูหยกราชางู?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น สายตาก็ฉายแววสืบค้นเหมือนตำรวจมองไปที่เขา
สวี่อี้หรานพูดขึ้น “ในเมื่อผมค้นหาข้อมูลคุณ คุณมีอยู่เท่าไหร่คิดว่าผมไม่รู้เหรอ? ในงานนิทรรศการแสดงสินค้าอัญมณี หยกราชางูที่คุณส่งไปในงานตั้งครึ่งค่อนวัน เมื่อสักครู่ตอนคุณพูด ผมก็พอจะเดาได้แล้ว ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะ”
“คบค้ากับคนอย่างพวกคุณฉันก็เหนื่อยใจเหลือเกิน!” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางยื่นมือไปกดเปิดประตูอัตโนมัติ ไม่นานประตูห้องใต้ดินค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ
“ใช้แสกนลายนิ้วมือ?” สวี่อี้หรานขมวดคิ้วพูด “ระบบป้องกันที่รัดกุม ใครเป็นคนออกแบบกัน?”
“คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ไม่รู้หรอก” สวี่อี้หรานส่ายหน้าด้วยความซื่อสัตย์ “ตาแก่นั่นข้างกายมีคนมีฝีมือ ผมได้ยินเขาเคยพูดเรื่องนี้”
“ตาแก่?” ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจ
“พ่อของผมน่ะ” สวี่อี้หรานอธิบาย
แสงไฟภายในห้องใต้ดินสว่างไสวไปทั่วห้อง สวี่อี้หรานเห็นหยกพวกนั้นวางสะเปะสะปะอยู่ตามพื้นก็ถอนหายใจพูดขึ้นว่า “สวยมาก แต่ถ้ามาตั้งกองไว้กับพื้นแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับหินธรรมดาเลย แต่ของพวกนี้ไม่รู้ว่าทำให้คนคลั่งไคล้ขนาดไหน!”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากจ่านป๋ายแล้ว เขาก็เป็นคนที่สองที่เข้ามาในห้องใต้ดินในบ้านของเธอ ในใจของเธอรู้สึกเสียใจและเดินไปอีกฝั่ง เปิดผ้าสีดำที่คลุมหยกราชางูไว้ด้านบนและพูด “คุณเข้ามาดูเองเถอะ”
สวี่อี้หรานเดินเข้าไปดู เมื่อเห็นแค่แวบเดียวเขาก็ขมวดคิ้วมุ่นอยู่สักพักใหญ่ วันนี้ตอนบ่ายที่ออกจากงานแต่งงานของจินอ้ายหัว เขาก็รีบไปสืบประวัติของซีเหมินจินเหลียน แม้ว่าในงานนิทรรศการจัดแสดงหยกจะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ แต่ยังมีคนที่แอบพกกล้องไปตามถ่าย ส่วนเขาก็ได้เห็นภาพหยกราชางูในงานนิทรรศการที่ซีเหมินจินเหลียนเป็นคนจัดแสดงโชว์
ตอนนั้นนึกว่าเป็นโฆษณาที่ทำออกมาเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ตอนนี้เมื่อของสิ่งนี้อยู่ตรงหน้าเขา เขาก็กลับสั่นคลอนยืนแทบไม่ไหว ในโลกใบนี้ยังมีของแบบนี้อยู่อีกเหรอ?
“นี่เป็นหยกจริงๆ เหรอ?” สวี่อี้หรานยื่นมือไปสัมผัสที่หยกราชางู ใบหน้าแสดงท่าทีตกใจสุดขีด สัตว์ในยุคโบราณตอนนี้มาเปิดเผยแสดงต่อหน้าเขา เขากับซีเหมินจินเหลียน จ่านป๋ายและคนอื่นๆ ไม่เหมือนกัน เขาเรียนแพทย์แผนจีน เมื่อเห็นแวบเดียวหัวใจก็แทบเต้นจนจะทะลุ ผิวของงูในหินหยกนี่ไม่ใช่ผิวของงูแน่ๆ…
ซีเหมินจินเหลียนลากเก้าอี้มานั่งแต่ก็ไม่ได้รบกวนเขา ให้เวลาเขาดู และตั้งความหวังไว้กับแพทย์แผนจีนคนนี้ว่า หมอมองโกลอย่างเขาจะสามารถเปิดเผยความลับของหยกราชางูตัวนี้ได้จริงไหม!