สวี่อี้หรานคิดไม่ถึงว่าเขาพูดจาหว่านล้อมเธอตั้งนานสองนานก็ไม่สามารถทำให้เธอสนใจได้ แต่เพียงแค่ประโยคนี้เธอกลับสนใจขึ้นมา ทันใดนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ยาชะลอความแก่กับเทพธิดามีความเกี่ยวข้องกัน ไม่รู้ว่าคุณสนใจจะฟังไหม?”
ในสมองซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าพูดขึ้น “ฉันจะให้โอกาสคุณเล่าเรื่องนี้แค่เรื่องเดียวเท่านั้น!”
“เชิญครับ” ครั้งนี้ท่าทางของสวี่อี้หรานนอบน้อมมีมารยาท เขาไม่ได้พูดคำพูดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกแล้ว
“ไปคุยกันข้างในเถอะ พวกเราเองก็อยากจะฟังด้วย” จินอ้ายหัวพูด
“ก็ได้” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในห้องที่จองไว้
สวี่อี้หรานยิ้มแย้มเดินไปตามกลุ่มคนเข้าไปข้างใน เถียนเถียนก็พูดเกริ่นนำว่า “คุณรีบๆ พูดมาเถอะ มัวแต่ลีลาอยู่นั่น!”
ซีเหมินจินเหลียนนั่งลงที่โซฟาเดี่ยว สวี่อี้หรานจึงรีบแย่งไปนั่งข้างๆ และพูดว่า “เรื่องเล่าที่เทพเสินหนงทดลองกินสมุนไพร ทุกคนคงรู้จักใช่ไหม?”
“รู้สิ คุณเข้าเรื่องยาชะลอความแก่อะไรนั่นเลย อย่ามัวแต่ลีลา!” เถียนเถียนพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“ได้ยินมาว่าเสินหนงทดลองกินสมุนไพรเพื่อที่จะจัดยาชะลอความแก่ให้กับเทพธิดา ส่วนผมบังเอิญโชคดีได้รับตำรับยาวิเศษนั่นมา เพียงแต่ว่าสมุนไพรจำนวนมากในสมัยโบราณได้หายสาบสูญไปหมด หรือจะพูดว่าตำราที่เขียนไว้ข้างในนั้นกับของที่มีในตอนนี้ไม่สอดคล้องกัน แต่ผมก็หาสมุนไพรตัวอื่นที่มีประสิทธิภาพคล้ายคลึงกันมาใช้แทนตัวของสมุนไพรในยาชะลอความแก่ที่ได้บันทึกไว้ สมุนไพรที่มีอยู่ในมือตอนนี้ถือว่าครบครัน” สวี่อี้หรานพูด
“ที่คุณพูดมาก็ไร้สาระทั้งนั้น!” ครั้งนี้เป็นจินอ้ายหัวที่ทนดูไม่ได้ “อย่าว่าแต่การมีตัวตนของเทพธิดาเลย ถึงเธอจะมีอยู่จริง แต่ตามตำนานต่างๆ ก็บอกไว้ว่าเธอเป็นเทพบนโลกมนุษย์ แน่นอนว่าต้องไม่แก่อยู่แล้ว ทำไมถึงต้องการยาชะลอความแก่ด้วย?”
“เรื่องนี้ผมจะไปรู้ได้อย่างไร?” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง “ยังไงในมือผมก็มีตำรายา ส่วนในตำนานก็เป็นแบบนั้น!” พูดจบเขาก็ปัดมืออย่างหมดปัญญา
แน่นอนว่าเดิมทีคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอฟังด้วยความตื่นเต้น เมื่อฟังคำพูดเขาสองสามประโยคนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ ส่วนหลิงซูฟางพูดด้วยถ้อยคำที่ไม่เกรงใจมากกว่าเดิม “ถ้าเป็นตามที่คุณพูด ยาที่ช่วยไม่ให้แก่ ก็ได้มีการทดสอบทางการแพทย์หรือเปล่า?”
“ผมไม่ใช่แพทย์ ผมคือหมอ ผมจะไปหาใครมาทดสอบได้?” สวี่อี้หรานพูด
ซีเหมินจินเหลียนแค่นยิ้มออกมา หมอกับแพทย์ต่างกันตรงไหน? คนคนนี้ก็คงปลอมเป็นหมอมาหลอกพวกเธอสินะ
แต่ไม่รู้ว่าของที่เขามอบให้คุณลุงจินเมื่อสักครู่เป็นอะไร กลิ่นนั่นก็หอมเย้ายวนเหลือเกิน ซีเหมินจินเหลียนดมไปครู่หนึ่งก็รู้สึกจิตใจสดชื่นเบิกบาน
“ยาชะลอความแก่ของคุณ ถ้ากินไปแล้วทำให้คนตายจะทำอย่างไร?” เถียนเถียนถาม
“เรื่องนี้…เรื่องนี้…” เห็นได้ชัดคำถามนี้สวี่อี้หรานก็ไม่เคยคิดทบทวนมาก่อน เพราะฉะนั้นเขาครุ่นคิดไปมาและพูดขึ้น “มันก็ไม่ทำให้คนตายได้หรอก”
“หมออย่างคุณ โดยปกติแล้วอยู่ที่ไหนเหรอ?” เถียนเถียนยิ้ม
“อืม…คุณถามทำไม?” สวี่อี้หรานขมวดคิ้ว
“ฉันดูแล้วคุณน่าจะอยู่ที่มองโกล” เถียนเถียนพูด
“ผมไม่เคยไปมองโกลมาก่อน!” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” เถียนเถียนพูด “ถ้าอย่างนั้นคุณไปเป็นหมอมองโกลได้อย่างไง?”
“ผม…” สวี่อี้หรานพูด “ผมไม่ใช่หมอมองโกล!”
“เธอบอกว่าคุณเป็นสัตว์แพทย์” ซีเหมินจินเหลียนทนดูไม่ได้ “คุณก็อย่ากลับกลอกไปมา ถ้าบนโลกนี้มียาชะลอความแก่จริง คนเขาก็คงใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว พวกดาราชื่อเสียงใหญ่โตใครจะไม่ต้องการ?”
สวี่อี้หรานพูด “ต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อผม?”
“ของที่คุณให้คุณลุงจินเมื่อสักครู่นี้คืออะไรกันแน่?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ เธอยังไม่ลืมกลิ่นอ่อนๆ ที่เย้ายวนใจเมื่อสักครู่
“มันคือเห็ดหลินจือดอกหนึ่ง” สวี่อี้หรานเห็นท่าทีเธอสนอกสนใจ ไม่นานก็คิดเล่ห์กลพูดขึ้น “ถ้าหากคุณชอบ ผมจะให้คุณสักดอกก็ได้นะ”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า เธอก็เคยได้ยิน มันก็หอมจริงๆ แต่พอคิดดูแล้วมันก็มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรค ถึงเธอจะเอามาก็ไม่มีประโยชน์ อีกทั้งยังฟุ่มเฟือยเปล่าๆ
“คุณซีเหมิน คุณก็จะให้โอกาสผม…” สวี่อี้หรานยิ้มน้อยๆ “สักนาทีไม่ได้หรือครับ!”
“ฝันไปเถอะ!” ซีเหมินจินเหลียนทำเสียงเหอะใส่ แม้ว่าผู้หญิงสมัยนี้จะไม่ได้ปิดตัวเหมือนแต่ก่อน แต่ถ้ามีคนมาทำประเจิดประเจ้อ ถึงขั้นมาขอจับมือเธอ แล้วเธอก็ยินยอม ถ้าอย่างนั้นสมองของเธอก็คงไม่ปกติแล้ว แต่ในใจของเธอเหมือนจะสนใจในยาชะลอความแก่อยู่ไม่น้อยเลย ผู้อาวุโสหูบอกว่าเทพธิดามีพลังเทพอยู่ในตัว แม้แต่ฟากฟ้ายังสามารถปิดได้ แล้วทำไมไม่หายาที่ชะลอความแก่อายุยืนยาวมารักษาตัวเองล่ะ? ทำไมต้องใช้เฉินหนงมาทดลองยาชะลอความแก่ด้วย?
นอกจากนี้ หลักฐานข้อมูลทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปตามประวัติศาสตร์ ถ้าหากคนแบบนั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ ตอนนั้นเธอมีพลังเทพจริงๆ เหรอ? ตอนนั้นเธอหน้าเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงูจริงๆ เหรอ? ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงแล้วจะเป็นคนประเภทไหนกัน?
สวี่อี้หรานแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขาก็ไม่คิดที่จะไปจากที่นี่ งานมงคลของคนอื่น แต่เขากลับเริ่มตามราวีเธอ ถ้าจะไม่ให้ซีเหมินจินเหลียนสงสัยในจุดประสงค์ของเขาก็คงยาก
งานมงคลจบลงแล้ว ทุกคนยิ้มแย้มเบิกบาน ซีเหมินจินเหลียนก็ไม่ได้จากไปทันที รอให้มื้อเย็นจบถึงไปบอกลากับจินอ้ายหัว ซุนหมิงหมิงยังแซวเธอว่า “มีเวลาก็มาหากันบ้างนะ!”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าขอบคุณ เมื่อสายตาเห็นแขกเหรื่อต่างแยกย้ายกันจากไป เธอเลยออกไปพร้อมกัน เมื่อถึงปากประตูงานก็เห็นสวี่อี้หรานที่โบกลาไปตั้งแต่เมื่อบ่าย เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งตัวพร้อมโอบกอดดอกไม้สดช่อใหญ่ขวางเธอไว้ที่ปากประตูด้วยถ้อยทีที่สง่างาม
เดิมทีซีเหมินจินเหลียนไม่สนใจเขา แต่ดอกไม้ในมือของเขาช่อนั้นก็ทำให้เธอมองไม่คลาดสายตา นี่คงจะเป็นดอกโบตั๋น แต่เธอก็ไม่เคยเห็นดอกโบตั๋นสีฟ้ามาก่อนเลย นอกจากนี้ตามร้านขายดอกไม้ยังไม่มีดอกโบตั๋นสดตัดขายด้วยไม่ใช่เหรอ?
“จินเหลียน ผมมารับคุณ!” จ่านมู่ฮวาสวมใส่ชุดทักซิโดสีขาวพุ่งตรงมาที่ซีเหมินจินเหลียน ตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกขัดตาที่ได้เห็นใครบางคนมอบดอกไม้ให้กับเธอ แน่นอนผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์เหลือล้น คนตามจีบมากมาย เขาก็พอเข้าใจได้ แต่คนคนนี้ถึงกับให้ดอกไม้…
“นี่นายเองเหรอ?” หลังจากที่จ่านมู่ฮวาได้เห็นใบหน้าของสวี่อี้หรานชัดๆ เพียงไม่นานเขาก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้”
“นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันกำลังให้ดอกไม้จีบสาวอยู่!” สวี่อี้หรานไม่ไว้หน้าจ่านมู่ฮวา คำพูดไม่สนใจเกรงกลัวใคร
ในใจของซีเหมินจินเหลียนสงสัย จ่านมู่ฮวาก็รู้จักคนคนนี้ด้วยเหรอ แปลกจริง!
“จินเหลียน คุณรู้จักเขา?” จ่านมู่ฮวาถาม
“เจอกันในงานเลี้ยงวันนี้น่ะ เขาตามติดจะจับชีพจรฉันให้ได้ แต่ฉันไม่ยอม!” ซีเหมินจินเหลียนอธิบาย
“เขา…ตามคุณเพื่อจะจับชีพจร?” จ่านมู่ฮวาตาโตเท่าไข่ห่าน เป็นไปได้อย่างไรกัน? “จินเหลียน คุณรู้หรือเปล่าว่าค่าหมอในการจับชีพจรของเขาครั้งหนึ่งเท่าไหร่?”