เลี่ยวก่วงมองไปที่ของเล็กๆ สีดำที่จ่านมู่ฮวาวางลงไปบนโต๊ะน้ำชา บนศีรษะก็มีเหงื่อไหลลงมาอีกครั้ง ส่วนงูสีขาวตัวเล็กที่อยู่บนข้อมือซีเหมินจินเหลียนก็กลับมาเคลื่อนไหวกระสับกระส่ายไปมา
“ผู้บังคับบัญชาเลี่ยว คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” ในระหว่างที่ซีเหมินจินเหลียนพูดประโยคนี้ เธอก็ไม่มีความเกรงใจอีกต่อไป เขามาสอบสวนจนทำให้เธอวุ่นวายเธอยังพอเข้าใจได้ ประชาชนก็ไม่ทะเลาะกับเจ้าพนักงาน ที่ผ่านมาเธอก็เป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาที่ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับตำรวจอาชญากรรม แต่คนคนนี้กลับอยากขอใช้ห้องน้ำของเธอ เพื่อที่จะติดตั้งเครื่องดักฟังในห้องน้ำเนี่ยนะ ?
เธออาจจะไม่รู้จักของแบบนี้สักเท่าไร แต่สำหรับจ่านมู่ฮวาแล้วมันก็ไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไร
“ผู้บังคับบัญชาเลี่ยว ผมคิดว่าการที่คุณพยายามไต่เต้ามาจนถึงตำแหน่งนี้ได้ คุณก็คงไม่โง่หรอกนะ!” สีหน้าของจ่านมู่ฮวาไม่สู้ดีนัก ตอนแรกเขาก็เพียงแค่สงสัย แต่ตอนที่เขาเจอของนี่ในห้องน้ำ เขาก็แทบควบคุมความโกรธที่อยู่ในใจไม่อยู่ นี่มันก็จะเกินไปแล้ว!
จ่านมู่ฮวาแค่นเสียงเหอะใส่ “หากพูดตามหลักที่ควรจะเป็นแล้ว ประชาชนก็มอบอำนาจให้คุณมาปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่ให้คุณมาทำเรื่องไร้สาระอย่างใช้เครื่องดักฟังมาตามติดชีวิตส่วนตัวของเด็กผู้หญิง แต่เขาให้คุณมาดูแลรักษาเสถียรภาพทางสังคมและต่อสู้กับขยะของสังคมเหล่านี้”
เลี่ยวก่วงไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อเรื่องที่เขาจะติดตั้งเครื่องดักฟังถูกจับได้แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอธิบายให้มากความ ถ้าหากซีเหมินจินเหลียนนำเรื่องนี้ไปแจ้งความ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่คงหนีไม่พ้นรายงานความประพฤติ เพราะฉะนั้นเลือกที่จะปิดปากเงียบสนิทจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“คุณเลี่ยวก่วง การกระทำของคุณครั้งนี้ทำให้ฉันอยากจะทำเรื่องที่ฉันไม่อยากทำ!” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วขึ้น
“หา?” เลี่ยวก่วงมุ่นคิ้วถาม “เรื่องอะไร?”
ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ทุกคนต่างมีความลับของตัวเอง และก็ควรได้รับคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ตามกฎหมายมีสิทธิในความเป็นส่วนตัว แต่ผู้บังคับบัญชาตำรวจอาชญากรรมที่เข้าใจกฎหมายอย่างคุณ กลับมีความสนใจในเรื่องส่วนตัวของฉันเสียอย่างนั้น ดังนั้นเพื่อที่ตะป้องกันตัวเอง คุณลองทายสิว่าฉันจะทำยังไง?”
เลี่ยวก่วงคิดตรึกตรองดู จิตใจของคนเหล่านี้ เขากก็หยั่งไม่ถึงจริงๆ คนเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากร แต่เมื่อคนเหล่านี้ต้องการที่จะก่ออาชญากรรมขึ้นมา แม้แต่คนธรรมดาก็คาดคิดไม่ถึงแน่
“ผมคิดว่าเราควรจัดการให้สิ้นๆ เรื่องไป จะได้ไม่ต้องมีครั้งหน้าอีก?” จ่านมู่ฮวาปริปากพูดอย่างเยือกเย็น
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มร่า ผู้ชายคนนี้คิดได้ตรงตามใจเธอไม่มีผิด ใช่ เมื่อสักครู่เธอก็มีความคิดเหลวไหลเช่นนี้โผล่เข้ามาจริงๆ อยากจะจัดการเขาให้สิ้นๆ เรื่อง!
เลี่ยวก่วงตกตะลึง เสื้อกล้ามเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ จัดการให้สิ้นๆ เรื่อง? ความหมายของพวกเขาก็คือฆ่าคนปิดปาก ส่วนเขาที่ไม่รู้อะไรเลยก็ถูกปิดปากเนี่ยนะ?
“ผมไม่อยากเห็นคุณมาก้าวก่ายชีวิตปกติของคนธรรมดาอีก!” จ่านมู่ฮวาเปิดปากย้ำอีกรอบ แค่เพียงประโยคธรรมดาแต่เลี่ยวก่วงรับรู้ได้ถึงรสชาติของความข่มขู่
…
ไม่รู้ว่าเขาออกมาจากคฤหาสน์ของจินเหลียนได้อย่างไร แต่เมื่อหันหลังกลับมาดูอีกที ในใจก็มีคำบรรยายแค่ว่า ปีศาจ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นปีศาจทั้งนั้น
จ่านมู่ฮวาไม่ต้องพูดถึง เกิดในลูกคนรวยตระกูลใหญ่ เสริมกับรูปลักษณ์ท่าทางที่ดูดี แม้ว่าเขาจะไม่เคยย่างเท้าไปในโลกบันเทิง แต่ก็เป็นคนดังที่ข่าวบันเทิงชอบพาดหัวข่าว
แต่ซีเหมินจินเหลียนนั่น เขาไปเสียเที่ยวแถมไม่ได้ถามอะไรเลย ไหนจะให้งูของเธอมารัดคอเขาอีก ตอนที่เขากำลังจะออกไปจากย่านหลานกุ้ยอีกนั้น จากประสบการณ์ในอาชีพที่สั่งสมมา เขาก็รู้สึกได้ว่าที่ปากประตูมีเงามืดที่ดึงดูดความสนใจเขาอยู่หลายครั้ง…
คนคนนี้เหมือนคนจรจัด สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ที่ปากคาบบุหรี่มวนหนึ่ง ถ้าหากไม่มีควันบุหรี่ลอยล่อง บางทีเขาอาจจะไม่เห็นการมีตัวตนของคนคนนั้นก็ได้ ดังนั้นเลี่ยวก่วงสังเกตอยู่นานสองนาน ทำให้คนคนนั้นหันตัวกวาดสายตามองเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ยืนอยู่ที่มุมเพื่อพ่นควันบุหรี่
ก็แค่คนจรจัด! เลี่ยวก่วงคิดว่าตนคงสงสัยมากเกินไป แต่ทำไมคนจรจัดนี่ถึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ จนถึงขั้นหวาดกลัวอยู่บ้าง เหมือนกับครั้งที่เผชิญหน้ากับงูตัวนั้นของซีเหมินจินเหลียนเลย? พระเจ้า นั่นไม่ใช่งูเลี้ยงแน่ๆ งูเลี้ยงที่ไหนจะมีความเร็วและแปลกประหลาดเช่นนี้
หลังจากที่เลี่ยวก่วงจากไป ซีเหมินจินเหลียนก็ไล่จ่านมู่ฮวาให้รีบกลับไปด้วย บางทีเธอก็ขี้เกียจถามจ่านมู่ฮวาว่าเขามาหาเธอด้วยเรื่องอะไร เพราะยังไงก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่มีสาระอะไรนัก
จ่านป๋ายไปอเมริกา งานแต่งงานของจินอ้ายหัว แน่นอนว่าเธอเลือกที่จะไปคนเดียวและไม่ได้ชวนหลินเสวียนหลานให้ไปเป็นเพื่อน ถ้าจะพูดจริงๆ แล้วหลินเสวียนหลานก็เป็นแค่เพื่อนของเธอและประธานของบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ในนามเท่านั้น
เมื่อคิดถึงว่างานแต่งงานของจินอ้ายหัวจัดขึ้นที่เซ็นจูรี่แกรนด์ โฮเต็ลระดับกลางในเมืองเซี่ยงไฮ้นั้น ถ้าจะให้ขับบีเอ็มดับเบิลยูไปคงจะเด่นเกินหน้าเกินตา เพราะฉะนั้นจากประสบการณ์ครั้งที่แล้ว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย เธอจึงเลือกชุดราตรีที่พอดูได้ตัวหนึ่งและเรียกแท็กซี่ไปยังโรงแรม
งานแต่งงานจัดขึ้นในช่วงสิบเอ็ดโมงเช้า ตอนนี้ถือว่าเธอมาเร็วไป ประมาณสิบโมงเธอก็มาถึงที่โรงแรมแล้ว จินอ้ายหัวสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวนวลยืนเคียงข้างกับชุดทักซิโด้ของซุนหมิงหมิง ดูเข้ากันเป็นอย่างมาก
“จินเหลียน เธอมาแล้วเหรอ!” จินอ้ายหัวเห็นซีเหมินจินเหลียนจึงลากเธอมาพูดด้วย “เธอนี่นะ หลายวันมานี้ฉันก็ยุ่งมาก เธอก็ไม่คิดจะมาหาฉันบ้างเลยเหรอ?”
“ฉันรู้ว่าเธอยุ่ง ก็เลยไม่อยากไปรบกวนเพิ่มน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มบางๆ กวาดสายตามองไปที่ ซุนหมิงหมิง ไม่รู้ว่าในใจรู้สึกอิจฉาอยู่บ้างตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้พวกเขาจะแต่งงานกันแล้วสินะ? แต่เธอแม้แต่แฟนยังไม่มี ชีวิตอย่างจินอ้ายหัว บางทีถึงเรียกว่าใช้ชีวิต มีบ้าน มีงาน มีเงินเก็บสะสม แต่งงานกับผู้ชายที่เข้าใจกัน มีลูก แล้วใช้ชีวิตด้วยกันไปตลอดชีวิต แต่ชีวิตของเธอก็น่าตื่นเต้นเกินไป อีกทั้งยังมีเรื่องตำนานเข้ามาเกี่ยวข้องอีก!
ซุนหมิงหมิงเห็นซีเหมินจินเหลียนมาคนเดียวจึงถามขึ้นว่า “คุณซีเหมิน แฟนของคุณก็ไม่ได้มาด้วยกันเหรอครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูดขึ้น “ฉันไม่มีแฟนหรอกค่ะ”
“ฉินเฮ่านั่น ก็ไม่ใช่แฟนของหรอกเธอ?” ข้างๆ เธอนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงคนพูดแทรกขึ้นมา
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ก่อนจะเห็นหลิงซูฟางยืนอยู่ หลังจากที่หลิงซูฟางมีเรื่องทะเลาะกับเธอครั้งนั้นพวกเธอก็ไม่เคยเจอกันอีก เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของจินอ้ายหัวกับเธอไม่เลว งานแต่งงานของจินอ้ายหัวทั้งที เธอจะไม่มาไม่ได้ เจอกันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง
“เขาไม่เคยเป็นแฟนของฉันตั้งแต่แรก” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น “จำได้ว่าครั้งก่อนฉันก็เคยพูดไปแล้ว ถ้าคุณหลิงสนใจก็ไปตามจีบเขาเองเถอะค่ะ”
หลิงซูฟางส่ายหน้าพูด “แล้วผู้ชายที่อยู่บ้านเดียวกันกับเธอล่ะ?” พูดไปก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ “คงไม่ใช่เลิกกันแล้วหรอกนะ?”
“เขาไปอเมริกา” ซีเหมินจินเหลียนไม่อยากจะพูดให้มากความ เตรียมหามุมที่ไม่ค่อยมีคนแล้วนั่งลง จากนั้นเมื่องานเริ่ม เธอกินข้าวสักมื้อแล้วจะรีบไปบอกลาจินอ้ายหัว แขกเหรื่อที่มางานวันนี้ก็มากมาย เธอไม่รู้จักใครทั้งนั้น ส่วนเพื่อนนักเรียนเก่าๆ ก็แปลกหน้าเหลือเกิน เท่าที่จำความได้หลังจากเรียนจบ เธอก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับเพื่อนๆ เลย
“จินเหลียน นับวันหนูก็ยิ่งสวยขึ้นนะเนี่ย!” คุณพ่อของจินอ้ายหัวเดินเข้ามาหา เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนก็ยิ้มร่า “ช่วงนี้หนูไม่มาเที่ยวบ้านพวกเราเลยนะ?”
“รู้ว่าคุณลุงยุ่ง จินเหลียนก็เลยไม่อยากไปรบกวนค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ยินดีกับคุณลุงด้วยนะคะ”
คุณลุงจินได้ยินอย่างนั้นก็เลยยิ้มออกมา “ปากยังหวานเหมือนเดิมเลยนะเรา อ้ายหัวแต่งงานไปแล้ว ถือว่าลุงก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง จะมีก็แต่พี่ชายของเธอนั่นล่ะ ลุงก็ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ที่บ้านก็วางแผนให้ไปดูตัวอยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ถูกใจเลยสักคน”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก คำพูดนี้ของคุณลุงหมายความว่าอย่างไร เธอย่อมเข้าใจดี ตอนที่จินอ้ายหัวพาเธอไปที่บ้านครั้งแรก คุณลุงก็เคยถามเรื่องที่บ้านของเธอ จนมีบางทีที่แสดงท่าทีสนอกสนใจอย่างมาก ราวกับมองลูกสะใภ้อย่างไรอย่างนั้น แต่เวลานั้นเธอก็กำลังคบกับหวังหมิงเหยาอยู่
ส่วนจินอ้ายกั๋วก็ยังไม่ได้กลับมาจากเรียนที่ต่างประเทศ เพียงพริบตาเดียวเวลาก็ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าจินอ้ายกั๋วชอบการพนันเป็นชีวิตจิตใจ แล้วผู้ชายแบบนี้ เธอจะไปชอบได้ลงคอหรือ? คุณลุงเห็นเธอไม่พูดจาจึงถามว่า “ได้ยินอ้ายหัวบอกว่าหนูเลิกกับหวังหมิงเหยาอะไรนั่นแล้ว?”
“เลิกไปได้ครึ่งปีแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ถ้าอย่างนั้น…ตอนนี้หนูมีแฟนแล้วหรือยัง” คุณลุงจินถาม
“ไม่มีหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า หลอกหลิงซูฟางก็ช่างเถอะ แต่เธอก็ไม่อยากจะหลอกแม้กระทั่งผู้อาวุโสที่เคารพรัก
ในตอนที่คุณลุงจินเตรียมจะพูดนั้นก็มีชายหนุ่มเดินเข้ามาทักทาย “คุณลุงจินสวัสดีครับ!”
“โอ้ เสี่ยวหราน?” คุณลุงจินเห็นชายหนุ่มคนนั้นก็แปลกใจอยู่บ้าง รีบถามกลับไปว่า “อาจารย์ของนายล่ะ?”
ชายหนุ่มตอบไปว่า “อาจารย์เขาแก่แล้วครับ ขยับเขยื้อนตัวลำบาก เลยขอให้ผมช่วยมาอวยพรให้คุณลุงแทนครับ” ในขณะที่พูดเขาก็รีบส่งกล่องของขวัญไปให้ “ขอให้ลูกสาวของคุณลุง รักกันยืนยาวตราบชั่วฟ้าดินนะครับ”
“อาจารย์ของนายก็แปลกจริงๆ!” คุณลุงจินพูดพลาง จากนั้นก็เปิดกล่องของขวัญ ซีเหมินจินเหลียนอยู่ใกล้ๆ จมูกของเธอจึงได้กลิ่นน้ำหอม กลิ่นน้ำหอมนี้ไม่เหมือนกลิ่นทั่วๆ ไป และไม่เหมือนกับกลิ่นของดอกไม้ เมื่อดมแล้วทำให้สนชื่นดี ทำให้มีชีวิตชีวา รู้สึกแปลกใจว่านี่มันคืออะไร กลิ่นมันก็หอมเหลือเกิน
คุณลุงจินมองเห็นของในกล่องแล้ว จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนสีด่าทันควัน “เลอะเทอะจริง ของแบบนี้ตระกูลจินรับไว้ไม่ได้หรอก”
ซีเหมินจินเหลียนยิ่งสงสัยมากขึ้น ในกล่องมีอะไรอยู่กันแน่?
“คุณลุง เกรงใจเกินไปแล้วครับ นี่เป็นเจตนารมณ์ของอาจารย์ ก็แค่รากไม้ใบหญ้าเท่านั้นเอง สิ่งของพวกนี้มีแค่พวกเราที่ครอบครองได้ หากให้คนอื่นก็สิ้นเปลืองเสียเปล่าๆ อาจารย์ ไม่ได้ค้าขายของพวกนี้ตั้งนานแล้ว เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้อะไร” ชายหนุ่มพูดขึ้น
ซีเหมินจินหลียนได้ยินเช่นนั้น ก็อดชายตามองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ ยังหนุ่มยังแน่นถึงหน้าตาจะไม่ได้หล่อโดดเด่นสะดุดตาอย่างจ่านมู่ฮวาหรือหลินเสวียนหลาน แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมใบหน้านี้กลับขาวซีด ราวกับชีวิตนี้ไม่เคยพบเจอแสงแดดมาก่อน นิ้วมือของเขาขาวผ่องเรียวยาว เรือนร่างสวมใส่ด้วยเสื้อผ้าธรรมดา เมื่ออยู่ในงานมงคลแล้วดูเหมือนไม่ค่อยจะเข้ากันเท่าไหร่
“ผมไม่ได้ใช้มันหรอกครับ อีกอย่างคุณลุงน่าจะรู้ ส่วนมากผมจะไม่ค่อยรักษาใคร” ชายหนุ่มยิ้ม “เพราะฉะนั้นเก็บมันไว้กับผมจึงเสียของเปล่าๆ”
เขาเป็นหมอหรือเนี่ย? ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจเล็กน้อย หมอคนนี้กับจินอ้ายกั๋วมีส่วนเหมือนกันก็คือเป็น…คน…แปลก เธออดที่จะคิดถึงคำพูดที่ออกมาจากปากของจินอ้ายกั๋วไม่ได้ อย่าหลงรักพี่ พี่เป็นตำนาน!