ฉินเฮ่าคิดทบทวนดูแล้วก็พูดขึ้นว่า “ไม่แน่ฆาตกรอาจจะไม่ใช่หลินเสวียนหลาน เรื่องทุกอย่างที่พวกเราพูดกันตอนนี้ก็เป็นแค่การคาดเดาทั้งนั้น อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดไว้ก็ได้”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา คดีฆาตกรรมไม่สามารถที่จะด่วนสรุปตัดสินใจในผลคดีได้ ในเมื่อจ่านมู่ฮวาได้แจ้งความไปแล้ว ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องหาตัวคนฆ่าเจอ เธอยินดีที่จะเชื่อว่าหลินเสวียนหลานเป็นผู้บริสุทธิ์ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเธอกลับรู้สึกไม่สบายใจ
เธอรู้ว่าตอนนั้นฉินเฮ่าเป็นคนเข้ามาจีบเธอเอง เหตุผลส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะหลินเสวียนหลาน จากการเล่นละครของฉินเฮ่า เธอก็พอจะสังเกตได้ว่าหลินเสวียนหลานรู้สึกดีกับเธอ แต่เพราะว่าเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ตอนนี้ ถึงแม้เขาจะเลิกกับแฟนแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยพูดวาจาคลุมเครืออะไรกับเธอเลยแม้แต่ประโยคเดียว
ถึงครั้งก่อนเขาจะหาข้ออ้างพูดถึงเรื่องพินัยกรรมของคุณปู่ของเขา แต่นั่นมันก็แค่คำพูดที่เลื่อนลอย พินัยกรรมของคุณปู่เขาก็ไม่ได้จะเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความตั้งใจของเขาสักหน่อย
แต่ตอนนี้เรื่องที่สับสนยิ่งกว่าก็คือ จริงๆ แล้วคุณปู่ของเขายังไม่ตาย
ไหนจะตอนนี้ที่หลินเสวียเหวิน เถ้าแก่โจวและคุณนายอวิ๋นอยู่ด้วยกันอีก เรื่องราวทั้งหมดยิ่งดูวุ่นวายเข้าไปใหญ่ ในการแข่งขันทางธุรกิจไม่มีใครที่ถูกหรือผิด มันเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น แต่ตอนนี้เรื่องก็บานปลายไปถึงการฆ่าคน นี่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจ และที่สำคัญก็คือคนที่ตายนั้นก็เป็นแฟนเก่าของเธอ
นิ้วมือของจ่านมู่ฮวาเคาะเบาๆ ลงบนโต๊ะไม้กลม ทำไมเวลานี้ถึงยังไม่มีข้อมูลอะไรอีก หรือว่าทางนั้นจะทำพลาด?
ฉินเฮ่านั่งพิงเก้าอี้ไม่พูดไม่จา ซีเหมินจินเหลียนมองไปทางจ่านป๋าย เห็นเพียงจ่านป๋ายได้แต่ส่ายหัวให้เธอ เขารู้เพียงแค่บางอย่าง คืนนี้จ่านมู่ฮวาร่วมมือกับตระกูลฉินเพื่อที่จะบดขยี้ความมั่งคั่งของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ การแข่งขันธุรกิจอย่างเที่ยงธรรมนั้น ยากที่จะเขย่ารากฐานของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ได้ เพราะอย่างนั้นพวกเขาเลยมีความเคลื่อนไหวอย่างอื่นนอกจากนี้
การเดิมพันของซีเหมินจินเหลียนและคุณนายซูเป็นแค่ฉากหนึ่งเท่านั้น
เพียงแต่เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา ขอแค่ซีเหมินจินเหลียนไม่เป็นอะไร เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ ในโลกธุรกิจมีแค่การร่วมมือกันกับไม่ร่วมมือกันเท่านั้น ไม่มีมิตรหรือศัตรูที่ถาวร
ส่วนการตายของหวังหมิงเหยา เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมาย ใครกันที่ก่อเรื่องฆ่าคนในที่ของเขา? การตายของคนคนนี้แม้ว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไร แต่ชีวิตคนก็คือชีวิตคน แตกต่างกันตรงที่แมวตายหมาตายมันไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่การฆ่าคนตายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ถ้าเรื่องแพร่งพรายออกไปก็คงจัดการได้ยากแล้ว
เสียงขลุ่ยประสานเสียงดังขึ้นอย่างไพเราะ ทำลายความเงียบสงัดลง ซีเหมินจินเหลียนคว้ามือถือขึ้นมา เมื่อพูดถึงก็มาทันที คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสายตรงจากหลินเสวียนหลาน
เมื่อกดปุ่มรับ ปลายสายก็มีเสียงของหลินเสวียนหลานดังเข้าด้วยความสุภาพอ่อนโยน “จินเหลียน กลับบ้านแล้วหรือยังครับ”
“ยังเลย…คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ไม่มีอะไร ผมแค่อยากจะถามว่าเรื่องการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้เป็นยังไงบ้าง” หลินเสวียนหลานถามขึ้น “คุณเดิมพันชนะแล้วก็น่าจะโทรมาหาผมหน่อย ผมรอจนถึงตอนนี้ก็อดจะกังวลไม่ได้ ก็เลยโทรศัพท์มาถามคุณ”
“ฉันชนะแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มน้อยๆ “แต่มีเรื่องทำให้ฉันไม่สบายใจนิดหน่อย”
“เกิดอะไรขึ้นครับ? ทำไมคุณชนะแล้วถึงไม่ดีใจล่ะ หรือว่ามีใครทำอะไรคุณ จ่านมู่ฮวาเหรอ?” หลินเสวียนหลานถามขึ้น ในความรู้สึกของเขามีแค่จ่านมู่ฮวาที่จะสร้างเรื่องได้ ฉินเฮ่าตามจีบเธอ แต่คงไม่ได้หาเรื่องให้เธอไม่สบายใจ ส่วนจ่านป๋ายก็เห็นดีเห็นงามกับคำพูดซีเหมินจินเหลียนตลอด คงไม่มีเรื่องขัดแย้งอะไร ในเมื่อเป็นเช่นนั้นคนที่กล้าหาเรื่องเธอ ก็มีแต่คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจ่าน ที่นิสัยไม่รู้จักโตสักที
“ไม่ใช่หรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนถามหยั่งเชิง “เป็นหวังหมิงเหยา”
“เขาเหรอครับ?” หลินเสวียนหลานขมวดหัวคิ้วถาม “พวกคุณเลิกกันตั้งนานแล้ว คุณจะไปสนใจเขาทำไมกัน”
“เขาตายแล้ว ตายที่คลับหยก!” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจพูด “ถูกคนฆ่าตาย…”
“อะไรนะ?” ในโทรศัพท์มีเสียงตกใจของหลินเสวียนหลานดังเข้ามา “จินเหลียน นี่…มันเป็นไปได้ยังไง?”
“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่ว่านี่มันเป็นความจริง เขาตายแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนผ่อนลมหายใจออกใส ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คนคนนี้ก็เคยเป็นแฟนของเธอ ตอนนี้เขาตายแล้ว เกรงว่าเรื่องคงจะเชื่อมโยงมาถึงตัวเธอ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครคิดที่จะฆ่าคนแบบนี้หรอก
“เดี๋ยวก่อนนะครับ…” จู่ๆ หลินเสวียนหลานก็พูดขึ้น “จินเหลียน นี่มันมีอะไรแปลกๆ!”
“อะไรที่แปลกคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“หวังหมิงเหยาไม่สามารถเข้ามาในคลับหยกได้!” หลินเสวียนหลานพูด “สถานที่แบบนั้น มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา โดยเฉพาะหลายวันที่จัดงานนี้ ถ้าเขาเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ถึงจะมีคนพาเขาเข้าไป แต่ก็ต้องถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ก่อน…”
“คุณนายซูพาเขาเข้าไป” ซีเหมินจินเหลียนอธิบาย ความรู้สึกของเธอบอกว่าไม่น่าจะใช่หลินเสวียนหลาน แต่ว่าเมื่อหลินเสวียนหลานได้ยินเรื่องที่หวังหมิงเหยาตาย แม้ว่าการแสดงออกของเขาจะดูตกใจ แต่ก็ยังใจเย็น
ในโทรศัพท์ มีช่วงหนึ่งที่หลินเสวียนหลานเงียบไป แล้วถึงค่อยปลอบโยนซีเหมินจินเหลียน “จินเหลียน ไม่เป็นไร พวกคุณก็เลิกกันตั้งนานแล้ว…”
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา หลินเสวียนหลานปลอบใจเธออยู่หลายประโยคก่อนจะวางสายไป
“ไม่ว่าพวกคุณจะพูดอย่างไร แต่ฉันคิดว่าหลินเสวียนหลานไม่น่าจะเป็นคนฆ่า” ซีเหมินจินเหลียนพูด คนที่ฆ่าคนทำไมถึงใจเย็นได้ขนาดนี้
ถึงเขาจะฆ่าหวังหมิงเหยา แต่เขาก็ไม่สามารถกำจัดจ่านมู่ฮวาไปได้ ถึงจะเกิดคดีความขึ้นที่คลับหยก แต่คดีแบบนี้จ่านมู่ฮวาก็สามารถทำให้มันเงียบลงได้อย่างง่ายดาย ซีเหมินจินเหลียนเชื่อว่าสิ่งที่เธอคิดได้ หลินเสวียนหลานเองก็คงคิดได้ วิธีแบบนี้ค่อนข้างกระจอกเกินไป
“พวกเรายังไม่ได้ฟันธงว่าเขาเป็นคนฆ่า” ฉินเฮ่ายิ้ม “ก็แค่เขาดูน่าสงสัยมากที่สุดก็เท่านั้น แน่นอนยังมีความเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่าง”
“คะ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว “ความเป็นไปได้อะไรคะ”
“เมื่อกี้คุณชายจ่านบอกว่าหลินเสวียนหลานขโมยแปลนก่อสร้างของห้องนิทรรศการของคุณไปใช่ไหม?” ฉินเฮ่าถาม
“ใช่” จ่านมู่ฮวาพยักหน้าพูด “ทำไมเหรอ”
“ผมเริ่มแปลกใจอยู่บ้าง หลินเสวียนหลานก็ไม่ใช่น้องชายคุณ ที่จะมีความสามารถในการขโมยของลับเฉพาะอย่างนั้น คุณคงจะเก็บมันไว้ในตู้เซฟเพื่อความปลอดภัย แล้วเขาจะขโมยไปได้อย่างไร?”
จ่านมู่ฮวาไม่ได้พูดอะไรออกมา ฉินเฮ่าเลยพูดขึ้นอีกครั้งอย่างใจเย็น “ถ้าผมคิดไม่ผิด คุณน่าจะตั้งใจเอารูปแปลนห้องนิทรรศการไปให้เขาใช่ไหม?”
“จ่านมู่ฮวา คุณคิดจะทำอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ผมก็แค่จะสับเปลี่ยนหินนิดหน่อย!” จ่านมู่ฮวาพูด
“ในงานจัดนิทรรศการวันแรก คุณคงเอาแปลนก่อสร้างห้องจัดนิทรรศการให้กับหลินเสวียนหลาน ถ้าหากผมเดาไม่ผิด คุณน่าจะอาศัยโอกาสที่ขโมยอัญมณีจากบริษัทอื่นมาเพื่อที่จะใส่ร้ายน้องชายคุณ? นี่เป็นแผนการขโมยของของคุณใช่ไหมสินะ? พอถึงเวลาคุณร่วมมือกับทางตำรวจ ส่งจ่านป๋ายเข้าคุก ข้างกายของจินเหลียนก็จะไม่มีใครคอยขัดขวาง หึๆ…ส่วนหลินเสวียนหลาน สำหรับคุณแล้ว ขอแค่คุณพูดออกมา คุณนายซูก็จะจัดการเขาอย่างราบคาบ” ฉินเฮ่าพูด
“จากนี้เป็นต้นไป ผมจะเห็นคุณเป็นศัตรูอย่างเป็นทางการ” จ่านมู่ฮวาพูด “แต่เรื่องของหวังหมิงเหยา ผมไม่ได้เป็นคนลงมือ ฆ่าเขาผมมีแต่เสียประโยชน์ ไม่ได้ประโยชน์อะไร”
ฉินเฮ่ายื่นมือไปรินเหล้าใส่แก้วตัวเองอีกครั้ง ก่อนยกแก้วทรงสูงด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยพร้อมพูดขึ้น “คุณชายหลิน ผมรู้จักเขา ตั้งแต่แรกเขาก็วางแผนมาโดยตลอด แต่แผนที่เขาวางก็เพราะอนาคตของตระกูลเขา ส่วนคนที่สมควรตายและหยกของคนที่เย้ายวนใจ พูดอย่างไรดีล่ะ? ตอนแรกเขาก็แค่อยากรู้อยากเห็นในตัวซีเหมินจินเหลียน ไม่คิดที่จะจีบเธอ หรือว่ามีความตั้งใจอยากจะให้เธอมาเป็นภรรยา แต่ภายหลังพอเขารู้ว่าจินเหลียนมีสายตาพิเศษในการเดิมพันหิน หลังจากนั้นก็เป็นเช่นนี้ เขาคลั่งไคล้ในหยกเป็นอย่างมาก เรื่องนี้คงไม่น้อยไปกว่าคุณนายซูเลย”
“คุณพูดมาตั้งมากมาย ก็คิดอยากจะพูดอะไรกันแน่?” จ่านมู่ฮวาถาม
“คุณจ่าน ความทะเยอทะยานของคุณสูงเกินไปหน่อยหรือเปล่า?” ฉินเฮ่าพูดขึ้นอย่างใจเย็น “เครื่องประดับอัญมณีเป็นสินค้าระดับไฮเอนด์มาโดยตลอด และสำหรับงานแสดงสินค้าเช่นนี้ เครื่องประดับอัญมณีทั้งหมดล้วนแต่เป็นของคุณภาพดี ไม่ว่าจะเป็นจากบริษัทเก่าแก่ยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ หรือบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ต่างก็มีมูลค่ามหาศาล ประเมินค่าไม่ได้เลยจริงๆ คุณอยากจะจัดการกลืนกินพวกเขาให้หมด คุณก็ไม่กลัวสำลักตายบ้างเหรอ? จริงอยู่ที่การตายของหวังหมิงเหยาไม่มีความเกี่ยวข้องกับคุณ แต่ถ้าเรื่องไปพัวพันให้ซีเหมินจินเหลียนถูกฟ้องคดีมันก็เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา จากนั้นเธอก็จะไม่มีที่ยืนในเซี่ยงไฮ้ ถึงเวลานั้นคุณคงจะอาศัยจังหวะนี้ในการปล้นสินะ? สุดท้ายคนที่ได้ผลประโยชน์ที่สุดก็เป็นตัวคุณเอง ยิงปืนนัดเดียวได้ทั้งคนและทรัพย์สิน”
จ่านมู่ฮวาก้มหน้าลงต่ำแล้วพูดขึ้น “จินตนาการของคุณนี่ก็ไม่เบาเลย ทำไมคุณไม่ไปเป็นตำรวจในเมืองเซี่ยงไฮ้เสียล่ะ? ถ้าหากผมจะให้จินเหลียนไปพัวพันกับการฟ้องร้องคดี คืนนี้ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร จากนั้นก็นำภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดในคืนนี้ไปให้ตำรวจ ถึงแม้เธออยากจะหลุดจากข้อกล่าวหา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย”
“ฉันต้องซาบซึ้งในตัวคุณสินะ?” ซีเหมินจินเหลียนดุดัน การเดิมพันยุ่งเหยิงในวันนี้ เป็นกลอุบายที่เขาคิดออกมาทั้งหมด แล้วเวลานี้ยังมีหน้ามาพูดอีก?
อยู่ดีๆ เขาจะวิ่งไปหาเรื่องคุณนายซูทำไม? ไหนยังจะแอบไปเดิมพันกับคุณนายซูลับหลังเธออีก? ถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้นเธอก็คงเป็นแค่แขกในงานคนหนึ่ง หาเงินใช้สักหน่อยก็พอ ไม่ต้องมาวุ่นวายขนาดนี้
ในระหว่างที่จ่านมู่ฮวากำลังพูดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อคว้าขึ้นมาดูเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว รีบกุมมือถือเดินไปทางประตู
ไม่นานจ่านมู่ฮวาก็กลับเข้ามาอีกครั้ง สีหน้าอึมครึมพูดขึ้นว่า “คืนนี้ บริษัทที่มาร่วมงานนิทรรศการทั้งสิบสามแห่งถูกปล้นเครื่องประดับไปอย่างประเมินค่าไม่ได้ ส่วนคนที่ลงมือไม่ใช่คนของพวกเรา!”
จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็กุมท้องหัวเราะขึ้นมา ฉินเฮ่าที่ได้ยินก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น? งานจัดแสดงสินค้าเครื่องประดับ ดำเนินมาถึงวันสุดท้ายแต่เครื่องประดับกลับถูกคนขโมยไป หนำซ้ำยังถูกขโมยไปถึงสิบสามบริษัท?
“จ่านมู่ฮวา ครั้งนี้ถึงนายจะบอกว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ไม่มีใครเชื่อนายแล้วล่ะ ฮ่าๆ…” จ่านป๋ายหัวเราะ “นายวางใจเถอะ ถ้านายไปนอนในคุก ฉันจะเห็นถึงความเป็นพี่น้องไปเยี่ยมนายสักครั้ง พระเจ้า เครื่องประดับอัญมณีทั้งสิบสามแห่งถูกขโมย? ไอ้พี่ชาย นายก็รวยแล้ว…”