คุณนายซูเมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนเดินจากไปแล้ว เธอก็หันตัวไปมองหวังหมิงเหยาและพูดขึ้นว่า “ที่แท้นายมันก็ไร้ประโยชน์ แม้แต่แฟนคนแรกของนายเขาก็ยังไม่ต้องการนายเลย!”
“คุณนายซู…” หวังหมิงเหยากำลังจะพูดอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนก่อน
“ไปเถอะ นายมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว!” คุณนายซูเปลี่ยนสีหน้าพูดขึ้นอย่างเย็นชา
หวังหมิงเหยามองเธออย่างลังเล ทำไมเวลาโกรธเธอก็ยังดูดีขนาดนี้? แม้กระทั่งคุณนายซูพูดอะไร เขาก็ได้ยินไม่ชัดเจน เธอจะไปสนใจซีเหมินจินเหลียนทำไม หรือว่าซีเหมินจินเหลียนไปอ่อยผู้ชายของเธอ? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน เธอสวยงามหยาดย้อยขนาดนี้ แต่ซีเหมินจินเหลียนนั่น อย่างมาก เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ เท่านั้น
“คุณนายซู คุณจะสนใจเธอไปทำไมกันครับ? เธอก็แค่ใช้ความสวยเล็กน้อยของตัวเองเพื่อที่จะเกาะติดผู้ชายเท่านั้น…” หวังหมิงเหยาพูดพึมพำขึ้น ความจริงเขาก็ไม่เข้าใจซีเหมินจินเหลียนในตอนนี้เลย เขาคิดไม่ออกเลยว่าหลังจากที่ซีเหมินจินเหลียนเลิกกับเขาแล้ว ทำไมเธอถึงประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้?
“เกาะติดผู้ชายเหรอ?” จู่ๆ คุณนายซูก็รู้สึกขันขึ้นมา ผู้ชายคนนี้คบกับเธอมาถึงสามปี แต่กลับไม่เข้าใจอะไรในตัวเธอสักอย่าง สมน้ำหน้าที่ตาบอด ชาตินี้เขาก็คงไม่มีวาสนากับผู้หญิงคนไหน
แต่คนคนนี้มีอะไรดีกัน? ทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงคบกับเขามาได้นานถึงสามปี? บางทีเริ่มแรกเธอคงไม่เคยคิดถึงเรื่องการเดิมพันหิน แค่อยากจะหาผู้ชายสักคนมาไว้เป็นที่พึ่งพิง จากนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบสินะ?
“หวังหมิงเหยา นายไปได้แล้ว!” คุณนายซูออกคำสั่งอีกครั้ง “สำหรับฉันแล้ว นายไม่มีค่าที่ฉันจะใช้ประโยชน์อะไรอีก”
“คุณนายซู…” หวังหมิงเหยาไม่เข้าใจ สำหรับเธอแล้ว ตนเป็นแค่ของวางเดิมพันระหว่างเธอกับ ซีเหมินจินเหลียนแค่นี้เองเหรอ?
คุณนายซูยิ้มดูถูกกลับไป ก่อนจะหยิบเงินสดจำนวนหนึ่งหมื่นจากในกระเป๋าของตัวเองและโยนให้เขา “นี่เป็นค่าตอบแทนสองวันนี้ของเธอ ไปซะ!”
หวังหมิงเหยาเห็นเงินสดก้อนโต แบงค์ร้อยหยวนปึกใหญ่สีแดงเอี่ยมที่ล่อตาล่อใจนั่น นี่เธอก็ดูถูกเขาชัดๆ ราวกับกำลังเหยียดหยามที่เขาไร้ความสามารถ
แต่คิดไปมาแล้ว เขาก็เอื้อมมือไปคว้าเงินสดกองนั้นขึ้นมา จากนั้นเปิดประตูเดินออกไปข้างนอก
ทำไมพวกเธอทุกคนถึงได้ดูถูกเขา ทำไมกัน? คุณนายซูเห็นเงาด้านหลังของเขาจากไปก็คิดว่า ผู้ชายแบบนี้ ไม่น่าละซีเหมินจินเหลียนจึงไม่สนใจที่จะเดิมพันด้วย แต่ช่างเถอะ…ขอแค่วันนี้เธอชนะ เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรสำคัญ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงจ่านมู่ฮวา?
หากซีเหมินจินเหลียนแพ้ไปในวันนี้ เธอก็ไม่มีค่าอะไรให้เขาต้องตามจีบอีก เขาจะเป็นของเธอ ข้อนี้เธอยืนหยัดมั่นใจมาตลอด เขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ส่วนตัวของเธอก็ออกจะเพอร์เฟค เขาคงไม่รู้สินะว่าเธอก็แค่อยากจะหาพ่อพันธุ์อย่างเขา แล้วให้กำเนิดลูกที่แสนจะน่ารัก
ผู้ชายคนอื่นๆ ที่เหลือล้วนหน้าตาน่ารังเกียจ ถ้าหากให้ผู้ชายพวกนี้มาเป็นพ่อของลูก ถ้าหากได้กรรมพันธุ์ส่วนที่แย่ของพ่อไปนั่นก็อาจจะไปสู่ลูกได้ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่หรอกเหรอ? เธอคือซูหงที่ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็พิถีพิถันกับความเพอร์เฟคมาโดยตลอด หากต้องมีลูกที่หน้าตาขี้เหร่เธอก็ขอไม่มีดีกว่า
“คุณนายซู คุณนายอวิ๋นมาแล้วครับ” ข้างนอกมีบอดี้การ์ดเปิดประตูห้องให้คุณนายอวิ๋นที่แต่งกายด้วยชุดหรููหราเข้ามาข้างใน
“คุณป้าคะ” คุณนายซูรีบเดินไปต้อนรับด้วยความอ่อนน้อมเชิญให้คุณนายอวิ๋นนั่งลง
“เป็นอะไรไป ทำไมหน้าตาดูไม่สบายใจ?” คุณนายอวิ๋นนนั่งบนโซฟาและถามขึ้น
“เธอไม่ยอมเดิมพันด้วย” คุณนายซูถอนหายใจ “เอายังไงดีคะ คุณป้า?”
“ขอแค่เธอแพ้ เดิมพันหรือไม่เดิมพันมันก็ไม่ต่างกัน” มือทั้งสองของคุณนายอวิ๋นที่ดูแลเป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับคนอายุห้าสิบแล้ว เธอก็เหมือนสาวบริสุทธิ์อย่างน่าอัศจรรย์ ผิวขาวผ่องเป็นยองใย ตอนนี้มือทั้งสองข้างของเธอกำลังกุมไปที่มือข้างหนึ่งของคุณนายซูด้วยความอ่อนโยน
คุณนายซูรู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง คุณนายอวิ๋นไม่ใช่เป็นคนสวย ถึงเธอจะอ่อนกว่านี้อีกกี่สิบปี เธอก็ยังไม่ใช่ผู้ที่สวยโดดเด่น แต่เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอนี่สิ กลับมีพลังงานดึงดูดคนให้เข้ามา หลายปีมานี้เธอกำหนดเป้าหมายของตัวเองเสมอ แต่แม้ว่าจะเป็นตอนนี้ ตอนที่ตนเห็นเธอก็เกิดความรู้สึกละอายใจที่ด้อยกว่าคนอื่น
วันนั้นที่เธอเห็นซีเหมินจินเหลียน ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่า ถึงแม้ตนจะเลียนแบบอย่างไรก็ไม่สามารถเลียนแบบเอกลักษณ์ความเป็นตัวเองของคุณป้าอวิ๋นได้ แต่สิ่งนี้ประจักษ์ให้เห็นอยู่เงียบๆ ในตัวซีเหมินจินเหลียน
เธอหน้าตาละหม้ายคล้ายกับคุณป้าอวิ๋นมาก มากจริงๆ ถ้าหากคุณป้ายังเป็นวัยรุ่นสักสามสิบสี่สิบปี คงจะต้องเหมือนเธอราวกับแกะ ดังนั้นเธอจึงโทรไปหาคุณป้า แต่คิดไม่ถึงว่าคุณป้าจะรีบร้อนกลับมาจากฮ่องกงอย่างรวดเร็ว
“คุณป้าคะ คุณป้าเห็นหรือยังคะ?” คุณนายซูถาม “หินหยกของเธอเป็นอย่างไรบ้าง”
คุณนายอวิ๋นได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อคุณนายซูเห็นแล้วก็รู้สึกว่าต้องมีเรื่องผิดปกติอะไรเกิดขึ้น จึงถามต่อว่า “ทำไมคะ หรือแม้แต่คุณป้าเองก็อาจจะเอาชนะเธอไม่ได้?”
“หงเอ๋อร์ หลานเก็คิดจะเปลี่ยนหินหยกของเธอใช่ไหม?” คุณนายอวิ๋นถามขึ้น
“เรื่องนั้น ต้องรอให้คุณป้าดูให้เสร็จก่อน แล้วค่อยตัดสินใจค่ะ” คุณนายซูพูด “ถ้าหากคุณป้ามีความมั่นใจว่าจะชนะ ฉันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปยุ่งกับหินของเธอ แต่ถ้า…” พูดได้เท่านี้เธอก็ส่ายหน้า น้อยๆ
“ถ้าหากฉันดูไม่ผิด หินหยกของเธอก้อนนั้นก็ไม่มีหยกอยู่เลย” คุณนายอวิ๋นถอนหายใจพูด “นี่ถึงเป็นเรื่องที่แปลกที่สุด”
“อะไรนะ?” คุณนายซูไม่เข้าใจ ไม่มีหยกอยู่เลย?
“ถึงแม้ขนาดจะเล็ก แต่มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่” คุณนายอวิ๋นแสดงความคิดเห็นออกมา “ก็เหมือนกับผู้ชายคนเมื่อกี้นั้น ถึงแม้ตระกูลซีเหมินจะตกต่ำอีกแค่ไหน เธอก็คงไม่มองผู้ชายแบบนั้นแน่ เมื่อวานฉันก็บอกเธอแล้ว แต่เธอก็ไม่เชื่อไม่ใช่เหรอ?”
คุณนายซูได้ยินคำเปรียบเปรยของเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นถึงพูดขึ้น “ความหมายของคุณป้าก็คือพวกเราไม่ต้องลงมือ?”
“เรื่องนี้ก็รอดูก่อนเถอะ” คุณนายอวิ๋นพูด “เด็กคนนั้นสามารถอยู่ในงานเปลี่ยนหินให้กลายเป็นทองแล้วหาเจอสีล้ำค่าสามสีมาได้ เธอก็ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ตาเห็นแน่ แต่หินหยกก้อนนี้ของเธอ ฉันไม่ได้สนใจมาก นอกเสียจากเธอสามารถเปลี่ยนหินให้เป็นทองได้จริง”
คุณนายซูนั่งพิงบนโซฟาและตรึกตรองคำพูดนัยแฝงของคุณนายอวิ๋น จู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า “คุณป้าคะ คุณป้าว่าเธอจะเดาแผนการของฉันออกหรือเปล่า”
“อ้อ?” คุณนายซูสงสัยอยู่นานถึงพูดขึ้น “เธอก็คิดว่า แม่หนูนั่นก็จงใจที่จะเอาหินหยกที่ไม่ดึงดูดสายตาคนมาอย่างนั้นหรือ?”
“นี่ก็มีความเป็นไปได้มากนะคะ” คุณนายซูพูด “ก่อนที่จะเริ่มผ่าหยก ขอแค่เธอมีวิธีเปลี่ยนเอาหินหยกก้อนจริงมา เราก็ไม่มีทางเห็นด้านในหินหยกของเธอแล้ว”
คุณนายอวิ๋นนวดขมับ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา “หินหยกก้อนหนึ่งก่อนที่จะเจียระไนออกมานั้น ไม่ว่าใครต่างก็ต้องเดิมพันกับมัน ไม่มีความจำเป็นใดที่เธอต้องเล่นแบบนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”