คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายบทที่ 330 คำพูดอันห้าวหาญ

บทที่ 330 คำพูดอันห้าวหาญ

จิน​เฟย​เหยา​กระพริบตา​เอ่ย​ว่า​ “เหตุใด​พวก​เจ้าจึงไม่พยายาม​ด้วย​ตนเอง​ ดูเหมือน​เป็น​ทา​สมาสี่พัน​กว่า​ปีแล้ว​ อย่าง​พวก​เจ้า อย่า​ให้​เผ่า​มาร​ของ​โลก​วิญญาณ​อื่น​ได้​เห็น​เชียว​ ไม่รู้​ว่า​จะมีโทสะ​จน​เป็น​เช่นไร​ อีก​ทั้ง​เส้น​ผม​สีดำ​อย่าง​เจ้าคือ​ชนชั้นสูง​ของ​เผ่า​มาร​มิใช่หรือ​? ถ้าให้​คน​ที่​ข้า​รู้จัก​เห็น​พวก​เจ้าใช้ชีวิต​แบบนี้​ อาจจะ​กวาดล้าง​พวก​เจ้าให้​เกลี้ยง​ทันที​จะได้​ไม่ทำให้​เผ่า​มาร​ขายหน้า​”

คำพูด​ของ​นาง​เสียดสี​ราชัน​ภูติ​ เขา​คำราม​ด้วย​สายตา​เดือดดาล​ “ทรัพยากร​ทั้งหมด​ของ​ที่นี่​ถูก​เผ่า​มนุษย์​ควบคุม​ พวกเรา​สามารถ​มีชีวิต​อยู่​ได้​นับว่า​ไม่ง่าย​แล้ว​ จะเอา​อะไร​มาฝึก​บำเพ็ญ​! ไม่มีพลัง​การ​บำเพ็ญ​เพียร​อัน​สูงส่งก็​สู้เผ่า​มนุษย์​ไม่ได้​จึงต้อง​เป็น​ทาส​ของ​พวกเขา​ชั่วชีวิต​!”

“ไปโลก​อื่น​สิ จะรอ​ความตาย​อยู่​ที่นี่​ทำไม​?” จิน​เฟย​เหยา​ใช้มือ​กอดอก​ หรี่ตา​เอ่ย​ถาม

“ไม่มีเส้นทาง​”

“…แบบนี้​เอง​”

“พวก​เจ้าพยายาม​เข้า​เถอะ​ คง​สำเร็จ​เข้า​สักวัน​ ถึงอย่างไร​คน​ที่นี่​ก็​แค่​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​ เรื่อง​จิ๊บๆ”​ จิน​เฟย​เหยา​พยักหน้า​รับ​

ราชัน​ภูติ​มอง​นาง​แวบ​หนึ่ง​ ที่จริง​ไม่อยาก​พูด​อะไร​กับ​คน​ผู้​นี้​อีก​ ไม่ใช่คน​เส้นทาง​เดียวกัน​ ไม่มีทาง​สื่อสาร​กัน​เข้าใจ​ได้​เลย​ ปราณ​มาร​ของ​เขา​ถูก​สะกด​ไว้​ปลดปล่อย​ออกมา​ไม่ได้​จึงมอง​พลัง​การ​บำเพ็ญ​เพียร​ของ​จิน​เฟย​เหยา​ไม่ออก​ ได้​แต่​ถือว่า​นาง​เป็น​เผ่า​มาร​ที่​ขาย​เผ่า​เพื่อ​ลาภ​ยศ​ คน​เผ่า​มาร​เช่นนี้​มีไม่มาก​ ทว่า​ใน​บรรดา​คน​เลือดผสม​ที่​ถูก​บังคับ​ให้​เกิด​มา บางครั้ง​จะมีคน​เผ่า​มาร​ที่​มีนิสัย​ต่ำช้า​เหมือน​เผ่า​มนุษย์​ปรากฏ​ขึ้น​

ยาม​นี้​ตรง​ทางเข้า​มีเสียง​ฝีเท้า​เร่งร้อน​ดัง​มา ท่าทาง​ท่าน​อ๋อง​จื้อ​น่าจะ​ส่งคน​มาแล้ว​ ดังนั้น​จิน​เฟย​เหยา​จึงลุกขึ้น​ยืน​รอ​คน​มา

ก่อนหน้านี้​องค์​หญิง​ผิง​อัน​ยัง​ไม่ได้​คุย​กับ​นาง​ให้​เรียบร้อย​ ทั้งสอง​คน​เพียงแค่​พูด​อย่าง​ง่ายๆ​ ว่า​เจ้าคุ้มครอง​ราชัน​ภูติ​หนึ่ง​เดือน​ ข้า​จะให้ผล​โสมแก่​เจ้า ตอนนี้​พอ​มาจิน​เฟย​เหยา​ก็​กำจัด​คน​มากมาย​ทิ้ง​ต้อง​ทำให้​ซูโม่โม่ศีรษะ​พอง​โต​แน่​

คน​สามสิบ​สี่สิบ​คน​และ​คน​อ้วน​หนึ่ง​คน​พุ่ง​มาและ​หยุด​ลง​ห่าง​จาก​นาง​ประมาณ​สิบ​ก้าว​ เจ้าอ้วน​สวม​ก้วน​หยก​ขาว​ ไว้หนวด​เป็น​เลข​แปด​[1] สวม​ชุด​มังกร​สีเงิน​บน​ร่าง​ พอ​เห็น​พลัง​การ​บำเพ็ญ​เพียร​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​ช่วงต้น​ ก็​รู้​ว่า​เป็น​ท่าน​อ๋อง​จื้อ​ เชื้อพระวงศ์​ที่​สามารถ​กิน​ยา​ปริมาณมาก​ได้​

ดู​ลักษณะ​ของ​เขา​แล้ว​น่าจะ​เปลี่ยน​ชุด​มาโดยเฉพาะ​ ไม่เช่นนั้น​ไม่มีอะไร​ผู้ใด​จะสวม​ชุด​มังกร​อยู่​บน​ร่าง​ทั้งวัน​ แม้แต่​ฮ่องเต้​ก็​เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​สวม​แต่​ชุด​มังกร​ แบบ​นั้น​จะจำเจเพียงใด​

ท่าน​อ๋อง​จื้อ​จ้องมอง​จิน​เฟย​เหยา​ก่อน​และ​มอง​พินิจ​ขึ้น​ลง​อยู่​หลาย​รอบ​ จากนั้น​ไพล่​มือ​เดิน​กลับไปกลับมา​ องครักษ์​ข้าง​กาย​เขา​แต่ละคน​ล้วน​มีสีหน้า​ตึงเครียด​ ถ้าคน​เผ่า​มาร​ผู้​นี้​เกิด​บ้าระห่ำ​ทุบตี​ท่าน​อ๋อง​จื้อ​ตาย​ ทุกคน​ในที่นี้​ก็​อย่า​หมาย​จะมีชีวิตรอด​เลย​

“น่าสนใจ​ ข้า​ยัง​ไม่เคย​เห็น​สตรี​เผ่า​มาร​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​มาก่อน​ มาติดตาม​ข้า​ดีกว่า​ ผิง​อัน​ไม่น่าสนใจ​หรอก​” ท่าน​อ๋อง​จื้อ​หรี่​ดวงตา​เล็ก​ๆ เอ่ย​อย่าง​ยิ้มแย้ม​

“เจ้าอ้วน​บ้า​ ไสหัวไป​อีก​ทาง​เลย​ ข้า​ไม่สนใจ​เจ้า” จิน​เฟย​เหยา​ไม่ไว้หน้า​เลย​สักนิด​ เอ่ย​ด่าทอ​ทันที​

“บังอาจ​!” องครักษ์​รอบด้าน​ตกใจ​ นี่​ใคร​กัน​ คิดไม่ถึง​ว่า​จะกล้า​ด่าทอ​ท่าน​อ๋อง​จื้อ!​

ท่าน​อ๋อง​จื้อ​ยื่นมือ​ไปห้าม​ เอ่ย​แบบ​หนัง​ยิ้ม​เนื้อ​ไม่ยิ้ม​ “แค่​คน​เผ่า​มาร​คน​หนึ่ง​ เห็นแก่​องค์​หญิง​ผิง​อัน​ ข้า​จะไม่เอาเรื่อง​เจ้าชั่วคราว​ เจ้าคิด​จะคุ้มครอง​ราชัน​ภูติ​ก็​ต้อง​ดู​ว่า​เจ้ามีความสามารถ​หรือไม่​ ทาง​องค์​ชาย​ใหญ่​ได้ยิน​ข่าว​แล้ว​ เขา​ไม่ปล่อย​ราชัน​ภูติ​ไปง่ายๆ​ แน่​”

เจ้าหมอ​นี่​คง​ได้รับ​ผลประโยชน์​จาก​องค์​หญิง​ผิง​อัน​เสีย​แปด​ส่วน​ ไม่เช่นนั้น​เหตุใด​จึงพูด​ง่าย​ขนาด​นี้​ จิน​เฟย​เหยา​แอบ​คิด​กับ​ตัวเอง​ ความรัก​ช่างน่ากลัว​จริงๆ​ ถึงกับ​ยอม​มอบ​ทุกอย่าง​เพื่อ​ใบหน้า​เด็กน้อย​นี้​

“นั่น​เป็นเรื่อง​ของ​ข้า​ ไม่ต้อง​ให้​เจ้าเป็นห่วง​” จิน​เฟย​เหยา​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ดวงตา​ของ​ท่าน​อ๋อง​จื้อ​ตรงๆ​ อย่าง​ไม่หวั่นเกรง​

ท่าน​อ๋อง​จื้อ​พยักหน้า​ “ดี​ อีกสักครู่​ถึงรอบ​ราชัน​ภูติ​ขึ้น​ประลอง​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​วง​เวท​หมื่น​อสรพิษ​” หลังจาก​เอ่ย​จบ​ เขา​ก็​สะบัด​แขน​เสื้อ​จากไป​ ส่วน​องครักษ์​กลุ่ม​นั้น​คุ้มกัน​เขา​จากไป​เพียง​ครึ่ง​เดียว​ ส่วนที่เหลือ​มารับ​ช่วงต่อ​ พวกเขา​ลาก​ซากศพ​บน​พื้น​และ​ไม่สนใจ​จิน​เฟย​เหยา​ตามคำสั่ง​ของ​ท่าน​อ๋อง​จื้อ​

หลังจาก​จื้อ​อ๋อง​จากไป​ องครักษ์​เหล่านั้น​ไปลาก​ซากศพ​อย่าง​เงียบๆ​ จิน​เฟย​เหยา​ก็​ย่อ​กาย​ลง​ถอนหายใจ​ “เฮ้อ​…โชคร้าย​จริงๆ​ จะทำ​อย่างไร​ดี​นะ​ ถ้าไม่แข็งแกร่ง​ มาแล้ว​ต้อง​ถูก​ล่าม​ด้วย​ตรวน​มือ​ตรวน​เท้า​เหล่านั้น​แน่ๆ​ ตอนนี้​ไม่ได้​สวม​ของ​พวก​นั้น​ แต่​ฟังน้ำเสียง​เหมือน​จะจัด​ให้​เจ้าขึ้น​เวที​ทั้งวัน​”

นาง​เบือนหน้า​ไปมอง​ราชัน​ภูติ​ที่อยู่​ใน​ห้องขัง​ด้านหลัง​แล้ว​เอ่ย​อย่าง​เสียใจ​ “เจ้าว่า​ถ้าเมื่อ​ครู่​ข้า​ไม่ด่า​เขา​ว่า​เจ้าอ้วน​บ้า​ แต่​ทำดี​ด้วย​นิดๆ​ เกรงใจ​หน่อย​ๆ เขา​คงจะ​ไว้หน้า​องค์​หญิง​ผิง​อัน​ ให้​พวกเรา​เพียง​ต่อกร​กับ​องค์​ชาย​ใหญ่​”

ราชัน​ภูติ​มอง​นาง​อย่าง​หมด​วาจา​ เนิ่นนาน​จึงเค้น​คำพูด​ออก​มาจาก​ใจจริง​เพียง​ประโยค​เดียว​ “เจ้าอย่า​ก่อเรื่อง​ รีบ​ไปเถอะ​ เจ้าทำร้าย​คน​ไม่เบา​เลย​ องค์​หญิง​อะไร​กัน​ ข้า​มีแต่​ความแค้น​กับ​เผ่า​มนุษย์​และ​จะไม่เปลี่ยนแปลง​ท่าที​ตลอดไป​ ถ้าให้​ข้า​เป็น​ของเล่น​และ​บุรุษ​บำเรอ​ ข้า​จะฆ่าตัวตาย​ทันที​ อย่า​นึก​ว่า​ข้า​ถูก​สะกด​ปราณ​มาร​เอาไว้​แล้​วจะ​ไม่มีวิธี​”

จิน​เฟย​เหยา​มอง​เขา​อย่าง​จริงจัง​ “แล้ว​เจ้ามีชีวิต​อยู่​จนถึง​ตอนนี้​ทำไม​ ที่จริง​เจ้าแค่​บีบ​คอ​ตนเอง​อย่าง​สุด​แรง​ก็​เรียบร้อย​แล้ว​ ความตาย​ข่มขู่​ได้​แต่​คน​ที่​ห่วงใย​เจ้า ข้า​กับ​เจ้าเหมือน​เหล็ก​ลูกกรง​บน​ห้องขัง​ ไม่เกี่ยวข้อง​กัน​เลย​สักนิด​”

ราชัน​ภูติ​ถูก​คำพูด​ของ​นาง​ทำเอา​จน​วาจา​ เขา​จะอยาก​ตาย​ได้​อย่างไร​ เขา​ยัง​อยาก​มีชีวิต​ออก​ไปสังหาร​เผ่า​มนุษย์​ให้​เกลี้ยง​ ทำให้​เผ่า​มาร​ได้รับ​อิสระ​และ​สามารถ​มีชีวิต​อยู่​อย่าง​สงบสุข​ได้​ จะมาตาย​ที่นี่​ได้​อย่างไร​

“เจ้าก็​อย่า​ทรมาน​เลย​ ตั้งใจ​ร่วมมือ​กับ​ข้า​เถอะ​ อยู่​ให้​พ้น​ช่วงเวลา​หนึ่ง​เดือน​นี้​ รอ​จน​องค์​ชาย​หก​ถูก​ปล่อย​ออกมา​ ข้า​จะไปช่วย​หา​วิธี​กำจัด​คาถา​ให้​เจ้า แบบนี้​เจ้าก็​โบยบิน​บน​ท้องฟ้า​ได้​อย่าง​อิสระ​ อยาก​ฆ่าเผ่า​มนุษย์​ก็​ฆ่าเผ่า​มนุษย์​ อยาก​กลับบ้าน​ไปหา​สตรี​เผ่า​มาร​มาให้กำเนิด​บุตรธิดา​ใช้ชีวิต​อย่าง​ธรรมดา​ก็ได้​ อย่า​มาพูด​เรื่อง​บุรุษ​บำเรอ​กับ​ข้า​หน่อย​เลย​ เจ้าหน้าตา​แบบ​นั้น​ ให้​เจ้าคร่อม​ร่าง​ยัง​นึก​ว่า​ทรมาน​เด็ก​เลย​ คง​นอน​ทั้งๆ ที่​ยัง​สวมหน้ากาก​ไม่ได้​” จิน​เฟย​เหยา​เอ่ย​โน้มน้าว​เขา​อย่าง​กระตือรือร้น​ เพียงแต่​ผู้อื่น​ฟังแล้ว​รู้สึก​ว่า​คำพูด​เหล่านี้​ระคายหู​เกินไป​

ราชัน​ภูติ​พลัน​พบ​ว่า​สนทนา​กับ​คน​ผู้​นี้​มีแต่​ความเบื่อหน่าย​จึงก้มหน้า​ไม่เอ่ย​วาจา​ต่อ​

“เจ้าไม่ต้อง​หดหู่​ เมื่อ​ครู่​เจ้าก็​ได้ยิน​แล้ว​ว่า​ข้า​เป็น​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​ที่​ไม่แพ้​เจ้า เจ้าไม่ต้อง​เป็นห่วง​เรื่อง​ชีวิต​” จิน​เฟย​เหยา​เอ่ย​อย่าง​ภาคภูมิ​

ผู้อื่น​ไม่ได้​เสียใจ​เพราะ​เรื่อง​นี้​แต่​คร้าน​จะสนทนา​ด้วย​ พลัง​ทำลายล้าง​ของ​คำพูด​นาง​ยัง​ร้ายกาจ​กว่า​ถูก​ฟัน​หลาย​สิบ​ครั้ง​เสีย​อีก​ ขนาด​อาการ​บาดเจ็บ​ภายใน​ยัง​สะเทือน​

ราชัน​ภูติ​หน้า​เด็ก​ดู​แล้ว​เยาว์วัย​ยิ่ง​ ทว่า​ตัว​คน​ไม่เด็ก​แล้ว​ มีความคิด​เป็นผู้ใหญ่​การกระทำ​สุขุม​ จิต​ใจหนักแน่น​อย่าง​ประหลาด​ ที่​สำคัญ​กว่า​นั้น​คือ​ความรู้สึก​เรื่อง​ศักดิ์ศรี​แข็งแกร่ง​เป็นพิเศษ​ ไม่ว่า​เรื่อง​ที่​องค์​หญิง​ผิง​อัน​ชอบ​เขา​จะเป็น​ความจริง​หรือไม่​ ใน​ความเห็น​ของ​เขา​ ถ้าอาศัย​สตรี​เผ่า​มนุษย์​หลบหนี​ออก​ไปแม้แต่​รอย​บาดแผล​บน​ร่าง​ก็​คง​เย้ยหยัน​เขา​

สายโลหิต​ชนชั้นสูง​อัน​หยิ่งผยอง​กำลัง​เตือนสติ​เขา​ให้​เอาตัวรอด​ไปวัน​ๆ และ​อย่า​ทำ​เรื่อง​หยาม​เกียรติ​ของ​เผ่า​มาร​เด็ดขาด​!

ถ้าจิน​เฟย​เหยา​รู้​ว่า​เขา​กำลัง​คิด​อะไร​ ต้อง​ตอบ​เขา​ว่า​ “คน​ก็​เป็น​ทาส​แล้ว​ ยังมี​ความ​หยิ่งผยอง​ของ​สายโลหิต​ชนชั้นสูง​อะไร​อีก​ ไม่มีอิสระ​ ไม่มีกำลัง​ เจ้ามีสายโลหิต​แล้ว​อย่างไร​? ความ​หยิ่งผยอง​ของ​ชนชั้นสูง​คือ​มาจาก​ความ​แข็งแกร่ง​ ฐานะ​ และ​อำนาจ​ใน​มือ​ ไม่ได้​มาจาก​การ​ที่​ร่าง​ของ​เจ้าถูก​ทิ่มแทง​จน​โลหิต​สาด​พุ่ง​ได้​ทุกเมื่อ​”

จากนั้น​คน​ทั้งสอง​ก็​ไม่ได้​พูดคุย​กัน​มาก​นัก​ หลัก​ๆ คือ​ราชัน​ภูติ​ไม่ให้ความร่วมมือ​ ไม่ส่งเสียง​เลย​สัก​แอะ​

คิดไม่ถึง​ว่า​ท่าน​อ๋อง​จื้อ​จะอนุญาต​ตาม​ความต้องการ​ของ​จิน​เฟย​เหยา​ ส่งคน​มาปัดกวาด​ห้องขัง​ข้างๆ​ จริงๆ​ ยก​เตียง​เข้ามา​และ​ปูฟูก​อัน​อ่อนนุ่ม​ อาหาร​ก็​ยก​มาให้​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​มีพิษ​หรือไม่​ แต่​ให้​พั่งจื่อ​ไปลอง​พิษ​ก่อน​ก็​พอ​ ตัว​มัน​เอง​เป็น​สิ่งมีพิษ​ ถ้าอาหาร​มีพิษ​ไม่ต้อง​ชิมดู​มัน​ก็​รู้​

“ยาย​ซูโม่โม่ ต้อง​รับปาก​จะให้ผล​โสมกับ​ท่าน​อ๋อง​จื้อ​แน่​ ไม่เช่นนั้น​เหตุใด​ท่าน​อ๋อง​คน​นี้​จึงใจดี​นัก​ คิดไม่ถึง​ว่า​จะนำ​ผลไม้​ของ​ข้า​ไปมอบให้​คนอื่น​ ไม่เป็น​เจ้าบ้าน​ก็​ไม่รู้​ว่า​ข้าวสาร​และ​น้ำมัน​แพง​[2]จริงๆ​” ไม่รู้​ว่า​นาง​ถือว่า​ผล​โสมเป็น​ของ​ตนเอง​ไปตั้งแต่​เมื่อใด​ พะวง​กับ​การ​จัดการ​กับ​ผล​โสม ทั้ง​ยัง​สงสัย​ว่า​ซูโม่โม่มอบให้​คนอื่น​หลาย​ผล​แล้ว​

ไม่รอ​ให้​จิน​เฟย​เหยา​เข้าไป​สำราญ​ใน​ห้องขัง​อัน​งดงาม​ก็​มีคน​มาลาก​ราชัน​ภูติ​ ให้​เขา​ไปต่อกร​กับ​วง​เวท​หมื่น​อสรพิษ​ จิน​เฟย​เหยา​ได้​แต่​ถลึงตา​ใส่คน​หลาย​คน​นั้น​ และ​ติดตาม​ราชัน​ภูติ​ที่​ถูก​เชือก​ห้า​บุปผา​มัด​ไปสนาม​ประลอง​ราวกับ​องครักษ์​ที่​สัญญาว่า​จะภักดี​ต่อ​เขา​

นาง​เพิ่ง​จากไป​ ท่าน​อ๋อง​จื้อ​ก็​มานอน​บน​เตียง​ใน​ห้องขัง​ และ​มีสาวงาม​สอง​คน​เดิน​มาทันที​ คน​หนึ่ง​ทุบ​ขา​อีก​คน​หนึ่ง​ยก​ขนม​บน​โต๊ะ​ขึ้น​ป้อน​ท่าน​อ๋อง​จื้อ​

“ฮึ ทาส​ตัวเล็ก​ๆ ที่​มีองค์​หญิง​ผิง​อัน​หนุนหลัง​ก็​กล้า​พูด​ย้อน​ข้า​ เตียง​นี้​เกรง​ว่า​เจ้าคง​ไม่มีชีวิต​มาเสพ​สุข​แล้ว​ จะให้​เจ้าได้​ลิ้มลอง​ความ​ร้ายกาจ​ขอ​งวง​เวท​หมื่น​อสรพิษ​ ฮ่าๆๆ… แค่​กๆๆ”​ ท่าน​อ๋อง​จื้อ​หัวเราะ​เสียงดัง​อย่าง​กระหยิ่ม​ใจ เพิ่ง​งับ​องุ่น​ไว้​ใน​ปาก​ก็​ติดคอ​ สำลัก​จน​หน้าแดง​

ถ้าสำลัก​ตาย​จริงๆ​ เขา​จะเป็น​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​คน​แรก​ใน​โลก​ที่​สำลัก​ตาย​และ​มีชื่อเสียง​เป็น​อมตะ​ไปชั่วกาลนาน​

จิน​เฟย​เหยา​ยัง​ไม่รู้​ว่า​ท่าน​อ๋อง​จื้อ​ยึดครอง​เตียง​ของ​นาง​ นาง​ยืน​อยู่​บน​กระดาน​ไม้และ​ถูก​ดึง​ขึ้นไป​บน​เวที​ประลอง​กับ​ราชัน​ภูติ​นาน​แล้ว​ ความรู้สึก​ที่​ยืน​อยู่​บน​ลาน​ประลอง​และ​นั่ง​อยู่​นอก​ลาน​ประลอง​แตก​ต่างกัน​ ไม่รู้​ว่า​เรื่อง​ที่​นาง​ทำ​เมื่อ​หลาย​ชั่ว​ยาม​ก่อน​ทำให้​คน​ตกตะลึง​มากเกินไป​หรือไม่​ หลังจาก​ปรากฏตัว​บน​เวที​รอบด้าน​จึงเงียบกริบ​ คน​ทั้งหมด​มอง​พินิจ​จิน​เฟย​เหยา​อย่าง​สงสัย​

ราชัน​ภูติ​พลัน​เกิด​ความรู้สึก​ว่า​ถูก​ทำร้าย​ สตรี​เผ่า​มาร​ด้าน​ข้าง​ผู้​นี้​ก่อเรื่อง​อะไร​ไว้​ใช่หรือไม่​ บรรยากาศ​ใน​ลาน​ประลอง​จึงแปลกประหลาด​อย่างยิ่ง​

“เงียบ​เกินไป​แล้ว​ หรือว่า​คิด​จะรอ​ให้​ข้า​กล่าว​ถ้อยคำ​จับใจ​คนฟัง​สักหน่อย​?” จิน​เฟย​เหยา​สงสัย​ อด​พึมพำ​กับ​ตนเอง​ไม่ได้​

เรื่อง​นี้​ทำให้​นาง​คิดถึง​ผู้​บำเพ็ญ​เซียน​บน​ลาน​ประลอง​เป็น​ตาย​ตอน​อยู่​ที่​เมือง​ลั่ว​เซียน​ใน​อดีต​ บางคน​เพื่อ​ทำให้​คน​มีความรู้สึก​ดี​ๆ และ​ลง​เดิมพัน​เพิ่ม​หรือ​เพื่อ​โอ้อวด​ล้วน​ๆ ต่าง​แสดง​ความเคลื่อนไหว​ที่​ดุร้าย​เป็นพิเศษ​ จากนั้น​ก็​เอ่ย​คำพูด​อัน​เย็นชา​ออกมา​ คำพูด​และ​ความเคลื่อนไหว​เช่นนี้​จะทำให้​ผู้ชม​ตื่นเต้น​ผิดปกติ​ บรรยากาศ​บน​ลาน​ประลอง​จะดี​เป็นพิเศษ​

จากนั้น​ราชัน​ภูติ​ที่​ยืน​อยู่​ด้าน​ข้าง​ก็​เห็น​จิน​เฟย​เหยา​ใช้มือ​ข้าง​หนึ่ง​ชี้ไปทาง​วังหลวง​ อีก​มือ​เท้า​เอว​ แสดง​ความเคลื่อนไหว​อัน​บ้าระห่ำ​ จากนั้น​ได้ยิน​นาง​ตะโกน​เสียงดัง​ว่า​ “ต้น​ผล​โสมเป็น​ของ​ข้า​!”

ถ้าไม่ได้​สวมหน้ากาก​ไว้​ ทุกคน​คง​ได้​เห็น​ใบหน้า​ของ​ราชัน​ภูติ​กระตุก​ เขา​ใช้คำพูด​มาบรรยาย​เจ้าโง่ที่อยู่​ข้างๆ​ ไม่ได้​เลย​ ต้น​ผล​โสมแสดงถึง​อำนาจ​ของ​ราชวงศ์​ นาง​ตะโกน​แบบนี้​แสดงว่า​จะโค่นล้มอำนาจ​ราชวงศ์​อย่าง​เปิดเผย​

ส่วน​ประชาชน​ใน​ลาน​ประลอง​เงียบกริบ​ก่อน​ จากนั้น​ก็​ระเบิด​เสียง​ด่าทอ​อย่าง​เดือดดาล​ “ฆ่านาง​! ฆ่าเจ้าคน​บ้าระห่ำ​ผู้​นี้​เสีย​! ฆ่านาง​!”

“หือ​?” จิน​เฟย​เหยา​ชะงัก​ เหตุใด​ผลลัพธ์​จึงไม่เหมือนกับ​ที่​จินตนาการ​เอาไว้​?

……………………………………….

[1] เลข​แปด​ ภาษาจีน​ มีลักษณะ​ 八

[2] ไม่เป็น​เจ้าบ้าน​ก็​ไม่รู้​ว่า​ข้าวสาร​และ​น้ำมัน​แพง​ หมายถึง​ ไม่เป็น​ด้วย​ตนเอง​ก็​ไม่รู้​

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset