“ขั้นสร้างฐานสองคน ขั้นฝึกปราณสิบคน ท่านมังกร ท่านกำลังล้อข้าเล่นหรือ” หลังจากจินเฟยเหยาเห็นพลังการบำเพ็ญเพียรของคนเหล่านี้ชัดเจนก็เอ่ยถามมังกรทองอย่างขำขัน
ยามนี้มังกรมองเห็นพลังการบำเพ็ญเพียรของผู้มาชัดเจน เพลิงโทสะก็พุ่งสูงสามจั้งทันที ทว่าเขายังไม่ยอมแพ้ เอ่ยอย่างดุร้ายดังเดิม “เจ้าอย่ายินดีเร็วเกินไป ถึงข้าจะทนได้อีกไม่นาน ทว่าข้าสามารถใช้การรับรู้สุดท้ายสะกดพลังการบำเพ็ญเพียรของเจ้าได้ครึ่งชั่วยาม ถึงตอนนั้นเจ้าจะเป็นเพียงคนธรรมดา คนขั้นฝึกปราณก็สามารถกำจัดเจ้าได้”
“อ้อ ร้ายกาจขนาดนี้เชียว ท่านมังกรน่ากลัวจังเลย” จินเฟยเหยามองเขาแล้วเอ่ยยิ้มๆ ด้วยสีหน้าทะเล้น
มังกรทองระเบิดโทสะ พุ่งขึ้นกลางอากาศใช้ส่วนหางรัดจินเฟยเหยา คำรามอย่างเดือดดาลไปทางเมืองหลวง “เจ้าเศษสวะพวกนี้! นางสังหารซูจิ่ง ส่งคนมาเล็กน้อยแค่นี้ กลับไปแล้วจะกุดหัวพวกเจ้าให้หมด!”
“ที่แท้องค์ชายสามชื่อซูจิ่ง” หึหึหึ จินเฟยเหยาหัวเราะหึๆ
“ห้ามขำ!” มังกรทองด่าทออย่างดุร้าย
หลี่รุ่ยคือองครักษ์เมืองหลวงขั้นเก้าแห่งอาณาจักรหลงเวยแห่งนี้ ลูกน้องที่พามามีเพียงผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณกลุ่มหนึ่ง สถานที่ดูแลยังเป็นเมืองหลวงอันรุ่งเรือง ใช้ชีวิตเล็กๆ อย่างอยู่ดีมีสุข
แลเห็นว่าวันนี้ผ่านไปกว่าครึ่งวันแล้ว เขากำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ในกององครักษ์อย่างเอ้อระเหย กลับมีคนมารายงานว่าบนแท่นประหารเซียนนอกเมืองดูเหมือนจะมีบางสิ่ง
แท่นประหารเซียน? หลี่รุ่ยรู้สึกประหลาดใจ ใครมาถึงบนแท่นประหารเซียนนะ ที่นี่เป็นแท่นสำเร็จโทษผู้สังหารคนในราชวงศ์โดยเฉพาะ คิดถึงว่าราชวงศ์มีบรรพชนกลายร่างเป็นมังกรสิงในร่างของทายาท ขอเพียงมีคนถูกฆ่าก็จะถูกมังกรบรรพชนพามาสังหารบนแท่นประหารเซียน
เมื่อหลายพันปีก่อนมีคนจำนวนมากถูกพามาที่แท่นประหารเซียน คมมีดประหารเซียนสังหารผู้บำเพ็ญเซียนตายไปไม่น้อย อีกทั้งคนที่ถูกมังกรรัดตัวไว้ ต่อให้คิดจะหลบหนีก็หลบหนีไม่ได้ นอกจากเป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นว่างเปล่าขึ้นไป ไม่เช่นนั้นถึงเป็นขั้นแปลงจิตก็ดิ้นไม่หลุด
ทว่า…
ตอนนี้อาณาจักรตระกูลซูมั่นคงดุจหินผา ไม่มีเชื้อพระวงศ์คนใดถูกสังหารตายมาหลายพันปี ทุกคนแก่ตายตามธรรมชาติ แท่นประหารเซียนจึงหมดประโยชน์ไปนานแล้ว ดูเหมือนพันปีก่อนผู้บำเพ็ญเซียนเฝ้าแท่นจะสลายตัวไป ตอนนี้ผู้ใดมาก่อเรื่องบนแท่นประหารเซียน ต่อให้เป็นเพียงสถานที่ถูกทิ้งร้างก็เป็นสถานที่ของราชวงศ์ ผู้ใดกินหัวใจหมีดีเสือดาว กล้าขึ้นไปบนนั้น
คิดเช่นนี้ ทว่าสิ่งที่หลี่รุ่ยเฝ้าคือเมืองหลวง ทางด้านนั้นเกินขอบเขตอำนาจของตนเอง ดังนั้นเขาจึงคร้านจะลุกขึ้น นั่งดื่มชาอยู่ตรงนั้นต่อ คิดถึงเผ่ามารผิวพรรณอ่อนนุ่มหลายคนที่ซื้อมาใหม่ในหอฮวาหนู เอวเล็กๆ นั่นคอดกิ่วจริงๆ
นั่งอยู่สองชั่วยามเต็มๆ เขาดื่มชาแถมยังลาดตระเวนรอบเมือง จากนั้นเดินขึ้นหอบนประตูเมืองมองดูโดยรอบตามปกติจึงพบว่าสิ่งที่อยู่บนแท่นประหารเซียนไกลๆ ไม่ใช่คนอยู่ว่าง ทว่าเป็นสิ่งที่รูปลักษณ์เหมือนมังกรกำลังขยับอยู่ตรงนั้น
“ไม่จริงน่า หรือว่ามีคนสังหารเชื้อพระวงศ์จึงถูกวิญญาณมังกรพามาบนแท่นประหารเซียน?” หลี่รุ่ยสงสัยอยู่บ้าง แต่กลับรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด ไหนบอกว่าไม่มีใครสู้เชื้อพระวงศ์ได้ แต่ผู้ใดกล้า! โลกวิญญาณเทียนตี้เป็นอาณาจักรของตระกูลซู เห็นราชวงศ์ก็ต้องคุกเข่ายอมรับผิด ผู้ใดกล้าสังหารพวกเขา
แต่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าบนแท่นประหารเซียนไม่ถูกต้อง หลี่รุ่ยครุ่นคิดแล้วพาทหารกองเล็กๆ ของตนเองไปดู
ถ้าเป็นคนอยู่ว่างกำลังก่อความวุ่นวายก็ไล่พวกเขาไป ถ้ามีเชื้อพระวงศ์ถูกสังหารจริงแล้วฆาตกรถูกวิญญาณมังกรส่งตัวมา ตนเองจัดการคนผู้นี้เกรงว่าต้องได้เลื่อนตำแหน่งและร่ำรวยแน่
คิดถึงตรงนี้ในใจหลี่รุ่ยกลับวาดหวัง หวังจะให้มีเชื้อพระวงศ์ถูกสังหารจริงๆ ตนเองจะได้สร้างความชอบใหญ่หลวงง่ายๆ
รอจนเหาะเข้าไปใกล้ ในใจของหลี่รุ่ยยินดีอย่างบ้าคลั่ง เป็นวิญญาณมังกรในตำนานจริงๆ!
บนแท่นประหารเซียนที่เก่าและสกปรก มีมังกรที่แสงอ่อนจางตัวหนึ่งกำลังรัดผู้บำเพ็ญเซียนสตรีคนหนึ่งไว้ เนื่องจากพลังการบำเพ็ญเพียรของนางถูกมังกรทองสะกดไว้ ดังนั้นเขาจึงมองไม่ออกว่าคนผู้นี้มีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นใด คิดไม่ถึงว่าจะมีคนสังหารเชื้อพระวงศ์จริงๆ! นี่มันเรื่องอะไรกัน แต่นี่คือโอกาสดี ฆาตกรเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งอีกทั้งพลังการบำเพ็ญเพียรยังถูกสะกดไว้
จากนั้นมังกรทองตัวนี้ก็คำรามใส่พวกเขา หลี่รุ่ยได้ยินคำพูดของมังกรทองก็ตกตะลึงอย่างหนัก เขาร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ “อะไรนะ! องค์ชายสามถูกฆ่าแล้ว!”
“องค์ชายสาม? องค์ชายสามไปโลกวิญญาณซิงหลัวมิใช่หรือ หรือว่าถูกฆ่าที่โลกวิญญาณซิงหลัว!” หลี่รุ่ยพลันตระหนักได้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ องค์ชายสามเป็นองค์ชายที่ฝ่าบาทโปรดปรานมาก อีกทั้งมารดาขององค์ชายสามยังเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจอย่างยิ่ง ตอนนี้องค์ชายสามถูกฆ่าตาย เรื่องนี้ใหญ่หลวงมาก!
เขารีบสั่งผู้ใต้บังคับบัญชา “เร็ว รีบกลับไปรายงาน! องค์ชายสามสิ้นพระชนม์แล้ว! ฆาตกรกำลังอยู่บนแท่นประหารเซียน”
“ขอรับ!” ผู้ช่วยก็ตระหนักได้ถึงความสำคัญของปัญหา คิดจะให้คนสองคนไปเมืองหลวง แต่พอคิดถึงว่าสิ่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาขั้นฝึกปราณเหล่านี้เหยียบคืออาวุธเวทบินได้ ระดับความเร็วไม่รวดเร็ว เขาจึงตัดสินใจไปด้วยตนเอง
จินเฟยเหยาเห็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานคนหนึ่งในนั้นเหาะไปทางเมืองหลวงจึงพูดกับมังกรทองว่า “อ๋า หนีไปแล้วหนึ่งคน ตอนนี้พละกำลังต้องลดฮวบแน่ๆ เกรงว่าจะต้านทานข้าไม่ไหว ท่านจะรอให้คนมาอีกหลายคนหรือไม่?”
“ฮึ! เจ้ายังปากแข็งอีก!” มังกรทองรู้ว่าเวลาของตนเองเหลือไม่มากแล้ว หากมิใช่คนเหล่านี้ไม่เฝ้าแท่นประหารเซียนให้ดี คงไม่ลากถ่วงเวลาจนกลายเป็นเช่นนี้
เขาเหินร่างขึ้นคำรามใส่พวกหลี่รุ่ย “ตอนนี้ข้าผนึกพลังการบำเพ็ญเพียรทั้งหมดของนางแล้ว พวกเจ้ารีบสังหารนาง ข้าเหลือเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม พวกเจ้าอย่าคิดจับเป็นนาง คนผู้นี้มีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นกำเนิดใหม่ ขอเพียงฟื้นฟูพลังการบำเพ็ญเพียรพวกเจ้าล้วนไม่ใช่คู่มือของนาง!”
หลังเอ่ยจบ มังกรทองก็กลายเป็นยันต์สีทองจมลงในร่างของจินเฟยเหยา จากนั้นจินเฟยเหยาพบว่า ตนเองสามารถขยับมือและเท้าได้
พวกหลี่รุ่ยเห็นวิญญาณมังกรเป็นครั้งแรก ได้ยินคำพูดของมันก็รู้สึกตกใจ ตนเองจะสู้ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ได้อย่างไร แต่พลังการบำเพ็ญเพียรถูกสะกดไว้เป็นเพียงคนธรรมดา อย่าว่าแต่ครึ่งชั่วยาม เวลาไม่ถึงหนึ่งจิบชาก็สามารถสังหารนางให้ตายได้
“เจ้าสังหารองค์ชายสาม มอบชีวิตมา!” หลี่รุ่ยหยิบหอกยาวออกมาชี้ใส่จินเฟยเหยาและคำรามอย่างน่าเกรงขาม
จินเฟยเหยาขยับมือและเท้าได้ก็หิ้วพั่งจื่อออกมาจากในอก “อย่าแกล้งตาย เรื่องพวกนี้ขอมอบให้เจ้า เหลือชีวิตคนที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรสูงที่สุดไว้ให้ข้า ข้ามีเรื่องต้องสอบถาม”
ตอนนั้นพั่งจื่อเกรงกลัวหลง เดิมทีนึกว่าจินเฟยเหยาตายแล้วกำลังคิดจะหนี คิดไม่ถึงว่าจะร่วงลงมาจากในเคล็ดวิชาฟ้าดินดับสูญ ดังนั้นมันจึงได้แต่หันหลังวิ่งกลับมา จินเฟยเหยาไม่สนใจมัน มันได้แต่มุดเข้าไปในอกนาง คิดไม่ถึงว่าจะถูกมังกรทองพามาถึงที่นี่ด้วย
“อ๊บ!” พั่งจื่อรับคำ แม้แต่ร่างก็คร้านจะเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้น ยังคงร่างขนาดเท่าฝ่ามือไว้และพุ่งเข้าใส่พวกหลี่รุ่ย
หลี่รุ่ยเห็นสัตว์สีขาวตัวหนึ่งกระโดดออกมา จากนั้นพุ่งเข้าหาพวกเขา ยังมองเห็นไม่ชัดก็ถูกโจมตีลอยไป
จินเฟยเหยาเดินหลบคมมีดประหารเซียนไปนั่งอยู่ข้างแท่นประหารเซียน พลังวิญญาณถูกสะกดไว้ครึ่งชั่วยาม นั่งมองพั่งจื่ออัดคนก็พอ “สัตว์ภูติขั้นเจ็ดทุบตีคนขั้นสร้างฐานขั้นฝึกปราณ นี่โหดร้ายเกินไป มีขั้นหลอมรวมคนหนึ่งมาจึงน่าสนุก”
จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เอียงศีรษะตั้งใจมองพั่งจื่อใช้ฝ่ามือตบคนกลุ่มนี้ลอยไป ที่เลือกหลี่รุ่ยเพราะมีเหตุผล พลังบำเพ็ญเพียรสูงกว่าเรื่องที่รู้ก็จะมากกว่า
หลี่รุ่ยเห็นท่าไม่ดีกำลังคิดจะหนีก็ถูกพั่งจื่อพุ่งมาใช้หมัดต่อยจนจมลงไปในดินสามชุ่น นี่ยังเพื่อเหลือชีวิตไว้จึงออมมือ ไม่เช่นนั้นฝ่ามือเดียวก็เอาชีวิตของเขาได้
จากนั้นพั่งจื่อก็ไล่สังหารผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ คนขั้นฝึกปราณถูกมันใช้ฝ่ามือตบลอยไปทีละคนราวกับตบแมลงวัน
ในเวลานี้เอง หลี่รุ่ยก็ดิ้นรนลุกจากพื้น บังเกิดจิตปณิธาน ในเมื่อสู้สัตว์ภูติขั้นเจ็ดไม่ได้ ตอนนี้เจ้านายของมันเป็นเพียงคนธรรมดาที่ใช้พลังการบำเพ็ญเพียรไม่ได้ เอาชีวิตของนางง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ ขอเพียงควบคุมนางได้ สัตว์ภูติตัวนี้คงไม่กล้าเคลื่อนไหววุ่นวาย
เพื่อเอาชีวิตรอดและสร้างความดีความชอบ หลี่รุ่ยเหินร่างขึ้นพุ่งเข้าใส่จินเฟยเหยา
“เจ้าคิดจะทำอะไร อย่าเข้ามานะ” เห็นหลี่รุ่ยพุ่งเข้ามาหาตนเอง จินเฟยเหยาร้องอย่างตกใจ ในใจหลี่รุ่ยยินดีอย่างบ้าคลั่ง ยื่นมือมาจะคว้านาง ทว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากลับเป็นกำปั้น
จินเฟยเหยาต่อยออกมาหลายหมัด หลี่รุ่ยขั้นสร้างฐานจะต้านทานหมัดของนางที่เป็นของวิเศษชั้นกลางได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่านางยังมีเรี่ยวแรงสัตว์ป่าทั่วร่าง ต่อยเขาราวกับต่อยซาลาเปา
“ข้าบอกให้เจ้าอย่าเข้ามา! ข้ากำลังมีโทสะ ลงมือไม่แยกแยะหนักเบา เจ้ายังจะเข้ามารนหาที่ตาย รำคาญในการมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!” จินเฟยเหยาต่อยไปหลายหมัด ทั้งยังเตะเขาไปหลายครั้ง ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณสักนิดก็ต่อยหลี่รุ่ยจนปางตาย นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น
เวลานี้พั่งจื่อก็กลับมาหลังจากกำจัดคนทิ้งหมดแล้ว นอกจากผู้ช่วยที่กลับไปรายงาน ไม่มีใครหนีรอดสักคน ถ้ามังกรทองรู้ว่ากายเนื้อของจินเฟยเหยาร้ายกาจถึงปานนี้ จะต้องไม่ปล่อยนางให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและไปสะกดพลังวิญญาณของนางแทนเนื่องจากตนเองใกล้จะหายไปแน่
“นี่ ขอถามเจ้าสักหลายคำถาม เจ้าตั้งใจตอบดีๆ แล้วข้าจะปล่อยเจ้า” จินเฟยเหยานั่งยองๆ ตบหน้าหลี่รุ่ย ทำให้เขาได้สติเล็กน้อย
หลี่รุ่ยบาดเจ็บสาหัส บางทีอาจจะอยู่ไม่ถึงตอบคำถามนางจนจบ แต่ไม่ว่าใครก็ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่อย่างรุนแรง เขาลืมตาและพยักหน้า “ข้าพูด ผู้อาวุโสอยากจะรู้เรื่องอะไร”
“ที่นี่คือที่ใด?” แน่นอนว่าจินเฟยเหยาต้องถามเรื่องที่สำคัญที่สุด
หลี่รุ่ยอยากจะด่าทอถึงมารดา แม้แต่ที่นี่คือที่ใดเจ้ายังไม่รู้ ยังกล้าสังหารองค์ชายของที่นี่ แต่เขายังเอ่ยตอบอย่างช้าๆ “ที่นี่คือโลกวิญญาณเทียนตี้ ด้านข้างคือเมืองหลวงของอาณาจักรหลงเวย โลกวิญญาณเทียนตี้ทั้งหมดเป็นของอาณาจักรหลงเวย ท่านสังหารองค์ชายสามมีโทษหนัก”
จินเฟยเหยาไม่ได้ฟังเลยว่าเขาพูดเรื่องโทษอะไร ทว่าลูบคางพูดกับตนเอง “มังกรเฒ่าตัวนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะพาข้ามาจากโลกวิญญาณซิงหลัวโยนไว้ที่โลกวิญญาณเทียนตี้ ดูเหมือนระยะทางจะไม่ใช่ใกล้ๆ ประหยัดศิลาวิญญาณมากกว่าโดยสารวงเวทส่งตัว ทั้งยังหนีรอดจากเงื้อมมือของจอมมารหลงได้ ได้เปรียบอย่างมาก”
“ข้าสมควรขอบคุณองค์ชายสาม เป็นคนที่ดีจริงๆ” จินเฟยเหยาหัวเราะฮ่าๆ ผลักหลี่รุ่ยทีหนึ่ง แล้วเอ่ยถามอีก “ที่นี่มีเมืองผู้บำเพ็ญเซียนหรือสำนักบำเพ็ญเซียนหรือไม่”
ทว่าหลี่รุ่ยกลับไม่ตอบ พอจินเฟยเหยามองดูอย่างละเอียด คิดไม่ถึงว่าเขาจะขาดใจตายแล้ว นางตะลึงงัน ลูบศีรษะของตนเองแล้วเอ่ยว่า “ข้ายังถามไม่จบเลย…”
…………………………………..